กลอน : ใบไม้ - ชีวิต
ใบไม้แห้ง สีแดง-เหลือง เปลื้องละลิ่ว ลมพัดพลิ้ว ปลิวเคว้งคว้าง ลงกลางหน
แข็ง-แห้ง-เหี่ยว ดูเปลี่ยวเหงา เศร้ากมล ผละกิ่งพ้น ผจญกรรม ตามลำพัง
แข็ง-แห้ง-เหี่ยว ดูเปลี่ยวเหงา เศร้ากมล ผละกิ่งพ้น ผจญกรรม ตามลำพัง
หลุดจากขั้ว ทั่ว..ไม่เห็น เป็นชีวะ แค่สวะ ไร้ค่าคุณ จำรูญหลัง
ยามยังเขียว เกี่ยวเกาะกิ่ง เป็นจริงจัง งามสะพรั่ง อย่างชีวิต พิจารณา
ใบไม้แล่ง ล่วงแห้งหล่น พ้นจากขั้ว เปรียบเหมือนตัว(คน) ไร้หัวใจ ในสังสาร์
เหลือเพียงธาตุ คลาดชีวิน ขาดวิญญาน์ สู่ปฐมา สุธาคติ คลี่ขจาย
แต่กำเนิด เกิดเป็นคน อลหม่าน รูปสังขาร สรรไม่ได้ ดั่งใจหมาย
คิดใช้การ มานต้องยั้ง ระวังกาย มากเกินกลาย จักไข้เหน็บ เจ็บ-พิการ
อันโรคา พยาธิ มิเตือนกล่าว เจ็บป่วยเข้า ร้าวระบบ ซมโศกสาน
ยิ่งเติบใหญ่ ยิ่งแก่กาย ไปตามกาล ดวงชีพ ราน จะบรรลัย ไม่รู้ลาง
ยิ่งเติบใหญ่ ยิ่งแก่กาย ไปตามกาล ดวงชีพ ราน จะบรรลัย ไม่รู้ลาง
ต้องทำมา หาเลี้ยงกาย ใช้เลี้ยงชีพ หัวเดียวลีบ ถีบปากกัด ข้องขัดขวาง
ดูแลรักษ์ พิทักษ์กาย ไม่วายวาง มลทินล้าง สางขัดสี ทุกวี่วาร
ตัวคนเดียว เปลี่ยวกายใจ ไหวว้างจิต หาคู่คิด ชิดคู่เคียง เมียงสมาน
กายก็ทราม กามก็ไส ให้กันดาร ได้แต่งงาน การย์กลับกลบ ตลบตัน
กายก็ทราม กามก็ไส ให้กันดาร ได้แต่งงาน การย์กลับกลบ ตลบตัน
สร้างชีวิต คิดสวรรค์ สรรค์สถล ดิ้นระรน จนหัวคว่ำ คะมำขัน
แต่ชีวิต กลับผิดไพล่ ไกลพัลวัน เกินกงการ ครั่นคร้ามจิต คิดอับจน
อันกายนี้ ตริครวญใคร่ ใช่ของเรา แค่ชั่วคราว เข้าอาศัย ใช้เสือกสน
โลกให้ยืม จนลืม..เห็น เป็นตัวตน ตายก็พ้น วนหาให้ กายใหม่มี
สังสารวัฏฏ์ พัดวิญญาน์ พาละล่อง ทะยานท่อง ครรลองกรรม งาม / บัดสี
วิบากกรรม นำไปส่ง ตรงคตี สวมอินทรีย์ ใช้หนี้กรรม ชำระเวรฯ
๒๔ กันยายน ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น