ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

กวาด-ล้าง อลัชชี : กลอนคติเตือนใจ


https://www.dailynews.co.th/education/838316

กวาด-ล้าง อลัชชี : กลอนคติเตือนใจ

    ถ้าบ้านช่อง ห้องเรือน เปื้อนสกปรก...................ขยะรก รุงรัง สร้างปัญหา
ล้วนแหล่งเพาะ โรคภัย ไม่โสภา.........................ก่อทุกข์เข็ญ เป็นที่น่า นินทาไกล

    ก็ถึงกาล อันสมควร ชักชวนญาติ......................ร่วมเก็บกวาด ปัดถู ดูสวยใหม่
ยิ่งหากสิ่ง สกปรก หมกเหม็นไซร้........................ลงแรงล้าง จะค้างไว้ ทำไมมี?

    เมื่อองคา พยพ พบคนถ่อย.............................แอบซ่อนคอย กระทำ ทรามบัดสี
ขัดขวางความ จำเริญ เพลินอัปรีย์.......................สมควรที่ สิกำจัด ตัดออกไป

    คณะสงฆ์ คงความ บริสุทธิ์..............................เป็นประดุจ นาบุญ สุนทรได้
ผู้มอบการ อุปถัมภ์ สำราญหทัย..........................มิตะขิด ตะขวงใจ เสียดายทาน

    แต่ถ้าใน คณะสงฆ์ คงรักษา............................อลัชชี ผีห่า ราคีหาญ
ย่อมกระทบ ศรัทธาไท ให้อันตรธาน....................สะเทือนสะท้าน บั่นทอน คลอนธรรมวินัย

    จึงเป็นสิ่ง สมควร ชวนสนับสนุน.......................การกวาด-ล้าง สางสถุล จับ-ขับไส
เหล่าริ้น-เหลือบ ศาสนา อย่าเหลือไว้..................เป็นเสนียด จัญไร ภัยเภทมี

    ที่สำคัญ นั้นอย่า ล่วงละเมิด............................ธรรมวินัย ประเสริฐ เพริศผ่องศรี
สมณศักดิ์ ผลักไส อย่าให้มี...............................ล่อพระสงฆ์ หลงโลกีย์ ริระยำ

    อย่าเอาเงิน มาถวาย ให้วัด-พระ.......................(เพราะ)ผิดพุทธะ วินัย ไคลล่วงล้ำ
อย่าเอาวัด ศาสนา มากระทำ.............................พุทธพาณิชย์ คิดคร่ำ ต่ำช้าเลยฯ(คร่ำ=น้ำสกปรก) 

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑

*ทองคำ1ตัน รถหรู เงินอื้อซ่า
เปิดเรตสินบนสมณศักดิ์ มลทินวงการผ้าเหลือง
From <https://www.thairath.co.th/content/1296234>

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อายุขัยของความรัก : กลอนเปล่า





อายุขัยของความรัก : กลอนเปล่า

    รักเอย....
ช่างบังเกิดง่าย
เพียงสายตาประสบ
พบคนที่โดนจิต

    แต่ทันใดก็วายวาง
เมื่อต่างคนต่างแยกไปใช้ชีวิต
ตามเส้นทางแห่งกิจส่วนตน

    ถึงจะได้ร่วมชีวิตคู่
หากความรักก็ดู
ไม่เลิศหรูเหมือนตอนเริ่มต้น
ความคุ้นชิน
กัดกินวิญญาณคน
จึงเบื่อหน่าย
สนใจสิ่งใหม่ๆ
ที่เพิ่งจะกรายเข้ามา

    รักหรือก็คืออารมณ์
คือความรู้สึก
กลไกส่วนลึกต้องมีปัจจัยปรุงแต่ง
แต่ปัจจัยเดียวกัน
อาจมิก่อเกิดอารมณ์-ความรู้สึกเดิม...เสมอไป
ความรักจึงเป็นอะไร
ที่ไร้ความแน่นอน

    รักสถิตในจิตใจ
ความรักส่วนใหญ่
มักตายก่อนจะสุขสโมสร

    มีเพียงมโนธรรม
ที่งอกงามในคนไม่กี่คน
สามารถบันดาลดล
ให้ความรัก
มีอายุขัยยืนยาว

    แต่มโนธรรม
ต้องมีกำลังเหนือความรัก
จึงจักปกปักรักษารักไว้ได้

    รักที่ไร้มโนธรรมกำกับ
จะเกิด-ดับอย่างฉับไว
สำนึก ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี
ไม่มีในผู้ใด
ถึงมีความรักได้
ก็ไม่จีรังยั่งยืนฯ

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

การทำความดีที่บริสุทธิ์ : กลอนคติสอนใจ




การทำความดีที่บริสุทธิ์ : กลอนคติสอนใจ

    ดั่งดอกบัว สีขาว ยามเช้าตรู่......................เชิดช่อชู สู่ตะวัน แสงสรรหา
หยดน้ำค้าง ยังใส ไล้ปทุมมา.......................ยิ่งสดศรี มีค่า น่าดูชม

    เงาสะท้อน ซ่อนเร้น เห็นอีกดอก................เบ่งบานออก หยอกเย้า เพราเพริศสม
ดอกบัวบาน ผ่านพ้น ไคลโคลนตม................บริสุทธิ์ ดุจพรหม (มะ)โลกพิมล

    การกระทำ ความดี (ที่)มีผลมาก.................เริ่มต้นจาก จิตใส ไร้อกุศล
โลภ-ร้าย-หลง ปลงละ ผละตัวตน..................ขจัดจน มลทิน พ้นจินดา

    สุจริต กิจกรรม รำลึกใคร่...........................เกิดจากใจ ไร้ทิฏฐิ ที่มิจฉา
พยาบาทเว้น เร้นคิด อภิชฌา........................เป็นมนา สุจริต อิฏฐารมณ์(อภิชฌา=ความโลภ)

    เฝ้าระวัง กาย-วจี ทุจริต............................(ฆ่าสัตว์)ตัดชีวิต ลักทรัพย์ บาปสะสม
ประพฤติผิด ในกาม ความโสมม....................อย่านิยม ชมชอบ ลอบกระทำ

    ไม่พูดปด มดเท็จ เจตนา...........................ไม่ทอด่า ว่าร้าย หมายเหยียบย่ำ
ไม่ยุแหย่ ให้ทะเลาะ เพาะหยาบคำ................ไม่พูดพร่ำ เหลวไหล ไพร่พาที

    (รวม)เป็นปฐม ปมสร้าง ทางวิสุทธิ์...............ทำความดี ที่สุด ชุติหา(ชุติ=ความรุ่งเรือง)
มิก่อเวร เป็นกรรม นำชีวา.............................ตกระส่ำ ต่ำช้า ประเชิญภัย

    เป็นวิถี ชีวี ที่ดีงาม....................................เปี่ยมล้นความ สวัสดิ นิรัติศัย(นิรัติศัย=ประเสริฐ)
มีความสุข สงบ บรรจบใจ.............................บนเสรี นิรามัย ไร้ทุกข์เอยฯ(นิรามัย=สบาย)

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑

*กุศลมูล 3 (รากเหง้าของกุศล, ต้นตอของความดี)
       1. อโลภะ (ความไม่โลภ, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับโลภะ=ความคิดเผื่อแผ่, จาคะ)
       2. อโทสะ (ความไม่คิดประทุษร้าย, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับโทสะ=เมตตา)
       3. อโมหะ (ความไม่หลง, ธรรมที่เป็นปฏิปักษ์กับความหลง=ปัญญา)
From <http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=%A1%D8%C8%C5%C1%D9%C5_3>

*สุจริต 3 (ความประพฤติดี, ประพฤติชอบ)
       1. กายสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยกาย)
มี 3 คือ งดเว้นและประพฤติตรงข้ามกับ ปาณาติบาต อทินนาทาน และกาเมสุมิจฉาจาร
       2. วจีสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยวาจา)
มี 4 คือ งดเว้นและประพฤติตรงข้ามกับ มุสาวาท ปิสุณวาจา ผรุสวาจา และ สัมผัปปลาปะ
       3. มโนสุจริต (ความประพฤติชอบด้วยใจ)
มี 3 คือ อนภิชฌา อพยาบาท และ สัมมาทิฏฐิ.
From <http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=81>

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

สิ่งที่ฆ่าพระ : กาพย์ยานี๑๑



สิ่งที่ฆ่าพระ : กาพย์ยานี๑๑

    ธรรมชาติ กระแสชล...........................ไหลจากบน ยอดสิงขร
ลงสมุทร สุดสาคร................................หาเคย(ไหล)ย้อน กลับคืนไป

    ธรรมชาติ ของฤดี...............................มักไหลรี่ ลงต่ำใต้
ภาวะสัตว์ เป็นปัจจัย.............................ตามกลไก สัญชาตญาณ

    จึงอย่า ไว้ใจคน.................................ดวงกระมล ล้นเหี้ยมหาญ
(ต่อให้)บวชพระ มายาวนาน...................มิอาจต้าน สันดานดล

    (คน)ยังมี กองกิเลส............................ยังมีเหตุ โลภ-ร้าย-หลง
ราคะ พะวักพะวง..................................จิตจำนง ตรงโลกีย์

    เสาะหา ผลประโยชน์..........................ปองปราโมทย์ เป็นสุขี
อยากได้ อยากเป็น-มี............................ในสิ่งที่ มิสมควร

    จึงอย่า เอา(สิ่ง)ราคะ..........................ถวายพระ ตัณหาผวน
เงินตรา มายั่วยวน................................กิเลสป่วน กวนหทัย

    กิน-อยู่ อย่างหรูหรา...........................พระพาลพา เสียนิสัย
ลาภ-ยศ-สักการให้...............................พระเหลวไหล ใฝ่สัปดน

    จะได้ บุญใดหรือ?..............................(จาก)ผู้ไม่ถือ ทางมรรคผล
คอยเฝ้า เอาเปรียบคน-.........................อื่นเขาจน เป็นสันดานฯ

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๑

*ผลกล้วยย่อมฆ่าต้นกล้วย
ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่
ดอกอ้อย่อมฆ่าต้นอ้อ
ลูกม้าอัสดรย่อมฆ่าแม่ม้าอัสดร ฉันใด
สักการะย่อมฆ่าบุรุษชั่ว ฉันนั้น ฯ
From <http://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=21&item=62&items=21>

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อลัชชีปกครองพระเป็นหายนะแห่งพุทธศาสนา : กลอนคติเตือนใจ



อลัชชีปกครองพระเป็นหายนะแห่งพุทธศาสนา : กลอนคติเตือนใจ

    เมื่อไหร่ จะจำ..........................ปฏิบัติตาม พระธรรม คำสอน?
ศาสนา อาทร.............................เกิดก่อ บวร พรชัย

    พระ(และวัด)ห้าม รับเงิน............อย่าเพลิน เงินหา มาให้
ผิดธรรม วินัย.............................ทำให้ ไคลธรรม์ ครรลอง

    เงินทอง ของแสลง...................เป็นแหล่ง ล่อโจร พลผอง
มาบวช อวดคะนอง.....................ลำพอง ลาภ-ยศ-สักการ

    ยศถา บรรดาศักดิ์.....................เหมือนปัก มีด-กรีด ประหาร
ทำลาย หลักการ........................พุทธต้าน ยอยก โลกธรรม

    ตำแหน่ง ยิ่งสูง........................ยิ่งจูง พระให้ ใฝ่ต่ำ
ยื้อแย่ง แข่งทำ.........................ระยำ ตำบอน รอนฤดี

    เงิน-ยศ-ตำแหน่ง.....................เปลี่ยนแปลง พระไป กลายผี
สัญชาติ อลัชชี..........................อัปรีย์ สามานย์ จัญไร

    ปลายทาง เป็นพระ...................ต้นทาง พันธะ คือผู้ให้
ตัดต้น ทางไป...........................ปลายทาง ร้างไร้ ไป่มี

    ใครให้ เงินพระ(และวัด)............(ให้)ถือว่า ประพฤติ บัดสี
ให้ยศ ตำแหน่งชี้้.......................เจตนา ขยี้ ธรรมวินัยฯ

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๑


*
อดีตพระพรหมดิลก แห่งวัดสามพระยาฯ ที่เคยมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นเจ้าคณะ กทม. และกรรมการ มส.
มีความเกี่ยวพันกับการ “วิ่งเต้นขอเลื่อนสมณศักดิ์” ในแต่ละปี
จากหลักฐานที่ถูกพบในกุฏิ ก่อนเชื่อมโยงว่า หากพระวัดไหน ต้องการเลื่อนสมณศักดิ์ ต้อง “จ่ายค่าตั๋ว”
ผ่านการสั่งซื้อสินต้าจากร้านสังฆภัณฑ์แห่งหนึ่งตามจำนวนที่ตกลงกัน หรือ “ฟอกเงิน”กันเสร็จสรรพ
โดย “สีการายหนึ่ง” เจ้าของร้านสังฆภัณฑ์ มีความสนิทสนมกับ “ทิดเจ้าคุณเอื้อน” เป็นพิเศษ เข้านอกออกในกุฏิได้ตลอด
จากการเช็กเส้นทางการเงิน ของ “สีกา” ที่มีการยักย้ายถ่ายเงินกับวัดสามพระยา และวัดภายใต้การปกครองของ “อดีตเจ้าคณะ กทม.” มานานนับ 10 ปี
นอกจากตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่ง ไม่ต่างจากทางโลกแล้ว
ก็ยังมีบางรายตั้งตัวเป็น “เจ้าพ่อเงินกู้” อีกต่างหาก
จากการตรวจพบโฉนดที่ดินของฆราวาสจำนวนมาก ในกุฏิของ อดีตพระอรรถกิจโสภณ อดีตเลขานุการเจ้าคณะ กทม. ที่ถูกจับพร้อมลูกพี่
ที่เชื่อได้ว่าเป็นการรับจำนองโฉนดที่ดินหรือออกเงินกู้อีกด้วย .

From <https://mgronline.com/politics/detail/9610000053313>

วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ทิศทางสังคม : กลอนหก




ทิศทางสังคม : กลอนหก

    ครอบครัวหนึ่ง เลี้ยงลูกให้.....................เติบโตไป เป็นมิจฉา(ชีพ)
เด็กคิดอ่าน ข่มขืน-ฆ่า.............................ก่ออาชญา(กรรม) แต่เยาว์วัย

    ส่วน(เด็ก)อีกคน สู้ทนยาก.....................ยอมลำบาก หาเงินให้
เลี้ยงครอบครัว อิ่มทั่วไป..........................เติบโตไป ต้องได้ดี

    สอนสิ่งใด ให้เด็กหรือ?.........................สิ่งนั้นคือ ทางวิถี
ซึมซับไว้ ในชีวี......................................อย่างไม่มี วันเสื่อมคลาย

    หากผู้ใหญ่ ไม่ซื่อสัตย์..........................เด็กย่อมหัด สัตย์ซื่อหาย
กล้าทุจริต ปิดละอาย..............................ละเมิดกฎหมาย ทั้งหลายมี

    ส่วนผู้ใหญ่ ใคร่สุจริต............................สอนถูก-ผิด พิสิฐศรี(พิสิญ=ประเสริฐ)
ปลูกคุณธรรม ฝังความดี..........................ให้เด็กมี ตราบนิตยา

    ลูกหลานย่อม พร้อมพิมล......................โตเป็นคน ล้นคุณค่า
เปี่ยมสติ ทวีปัญญา................................เป็นวัฒนา บุคลากร

    เห็นเด็กร้าย ให้คิดถึง............................ผู้ใหญ่ซึ่่ง เลี้ยง-สั่งสอน
เห็นเด็กดี (จงรู้ว่า)มีอากร.........................ผู้ใหญ่สะท้อน ย่ำย้อนรอย(อากร=บ่อเกิด)

    คนชั่วที่ มีลูกมาก.................................คนดีอยาก มีลูกน้อย
สังคมถึง ซึ่ง(กาล)เสื่่อมถอย.....................พร้อยบัดสี ทิศาเอยฯ

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อย่าโกงบ้านเกิดเมืองนอน : กลอนคติเตือนใจ




อย่าโกงบ้านเกิดเมืองนอน : กลอนคติเตือนใจ

    พระไตรปิฎก ยกตัวอย่าง..........................คนเคยสร้าง บาปทั้งหลาย
ถึงทำบุญ หนุนมากมาย..............................มิอาจกลาย หายบาปกรรม

    เช่นบรรดา พระอรหันต์.............................บุญสร้างสรรค์ (จึง)บรรลุล้ำ
(แต่)เวรกรรมเก่า เมื่อเข้าทำ........................ก็ตกระกำ ต้องจำนน

    แม้กระทั่ง พระพุทธองค์............................ยัง(เคย)ถูกกง กรรมนำผล
ขาดธัญญา อาหารจน.................................ต้องทุกข์ทน ยากกายี

    คนคดโกง แผ่นดินเกิด..............................เท่าละเมิด (คนทั้ง)ประเทศนี้
บาปใหญ่หลวง ผลพวงมี.............................บ่อาจหนี ต้องตามทัน

    (ต่อให้)เที่ยวทำบุญ ทอดกฐิน....................ทั้งชีวิน ถือศีลหัน
บวชเป็นพระ รักษ์พรหมจรรย์........................บาปกรรมนั้น หาผันแปร

    ใครทำดี ย่อมดีได้....................................ทำชั่วไว้ ไร้ข้อแม้
(จง)จดจำไว้ ในดวงแด................................ไร้ทางแก้ อย่างแน่นอน

    ต่อให้มี พระขี้ปด......................................ทำพิธีรด น้ำมนตร์หลอน
ล้างกรรมให้ ตามไหว้วอน.............................มิอาจถอน เวรเก่าทำ

    รู้อย่างนี้ จงวิริยะ.......................................อาชีวะ อุตส่าห์พร่ำ
ไม่ทุจริต ทุกกิจกรรม....................................เพียรอุปถัมภ์ บ้านเมืองเทอญฯ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๑

*ในอดีตชาติ พระโมคคลัลานะมีพ่อแม่ตาบอด เขาเชื่อคำยุแหย่ของภรรยา ถึงกับทุบตีพ่อแม่จนตาย
เมื่อตายแล้วต้องชดใช้กรรมในนรกเป็นเวลานาน เมื่อพ้นจากนรกแล้วมาเกิดใหม่ ต้องถูกทุบตีจนแหลกละเอียดอีกหลายร้อยชาติ
ในชาติสุดท้ายนี้แม้จะได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ มีฤทธิ์ สามารถจะดำดินล่องหนหายตัวได้ เหาะเหินเดินอากาศได้
แต่ก็ไม่สามารถจะหนีผลกรรมได้ ท่านจึงยอมให้พวกโจรจับทุบจนร่างแหลกเหลว
From <https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B0>

*พระพุทธเจ้าได้เคยทำกรรมชั่วอะไรไว้บ้างในอดีต จึงต้องรับผลกรรมในชาติสุดท้าย
พุทธาปทานชื่อปุพพกรรมปิโลติที่ ๑๐ (๓๙๐)
ว่าด้วยบุพจริยาของพระองค์เอง
From <http://www.84000.org/tipitaka/book/v.php?B=32&A=7849&Z=7924>

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ก็แค่สงสัย : กลอนหก





ก็แค่สงสัย : กลอนหก

    บ้านเมืองนี้ มันอยูยาก........................อุตส่าห์บาก หน้ามาขอ
ลักลอบเข้า(เมือง) ยังไม่พอ...................ต้องแอบรอ (ซ่อน)ตามป่าดง

    ได้ยินว่า (คนที่นี่)บ้าทำบุญ..................เจือจุนพระ เจียรประสงค์(เจียร=ยืนนาน)
ธรรมวินัย ไป่พะวง................................ลุ่มหลงทำ ตามใจตน

    ที่ศรัทธา คือไสยศาสตร์......................แทรกในชาติ วัดหลามล้น
เป็นพุทธศา สนิกชน.............................ประกาศตน ทุกหนไป

    (พระ)หาโลกธรรม หน้าที่หลัก..............นิพพานฝัก ประจักษ์ไร้
แสดงตน (ให้)คนเลื่อมใส......................เงินจะไหล มาเทมา

    เราเขมร เห็นโอกาส............................โกนผม-บาตร-ผ้าเหลืองหา
สวมรอยพระ (คิดว่า)ใครจะมา.................จับได้ว่า (พระ)จริงหรือปลอม?

    เที่ยวขอเงิน เพลิดเพลินจิต...................หาว่าผิด กฎหมายพร้อม
ทีพระไทย ใยยินยอม?..........................ได้เงินออม นับล้านมี

    ผิดเพราะว่า เป็นพระเขมร?...................หลบซ่อนเร้น เฟ้นวิถี?
ขอเงินตรา ถ้าไม่ดี................................ต้องราคี พระทุกคน

    ก็ยังคง ความสงสัย.............................ธรรมวินัย มิใฝ่สน
ทำอะไร ตามใจตน...............................คือมรรคผล ของใครเอย?

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑

*นิสสัย 4 แปลว่า เครื่องอาศัยของบรรพชิต
       1. ปิณฑิยาโลปโภชนะ (โภชนะคือคำข้าวที่ได้มาด้วยกำลังปลีแข้ง)
       2. บังสุกุลจีวร (ผ้าที่เขาทิ้งตามกองขยะหรือตามป่าช้า)
       3. รุกขมูลเสนาสนะ (อยู่อาศัยโคนไม้ )
       4. ปูติมุตตเภสัช (ยาน้ำมูตรเน่า) 
From <http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=%BA%D1%A7%CA%D8%A1%D8%C5&detail=on>

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ค่านิยมรักงาน : กลอนคติสอนใจ




ค่านิยมรักงาน : กลอนคติสอนใจ

    เวลา ประดุจ............................น้ำสาย ไหลรุด มิหยุดนิ่ง
ผ่านไว ไร้ประวิง.........................ทอดทิ้ง ทุกอย่าง ข้างหลัง
ใครชอบ ชักช้า...........................สิเสีย เวลา ; ระวัง
ประโยชน์ ลดยัง.........................พลาดพลั้ง ไม่พัฒ (ฒะ)นาพาน

    มุ่งมั่น งานทำ..........................กิจกรรม ของความ เป็นมนุษย์
ก้าว(หน้า)ไป ไม่หยุด..................เพียรสุด อุตส่าห์ พิษฐาน
คอยคิด สร้างสรรค์......................ถวัลย์ จินต นาการ(ถวัลย์=เจริญ)
มิเครียด เกียจคร้าน.....................สำราญ งานทำ นำไท

    คือค่า นิยม..............................(ควร)ปลูกฝัง สร้างสม แก่เด็ก
คุณธรรม์ สรรค์เสก......................รจเรข จนสู่ ผู้ใหญ่(รจเรข=งาม,แต่ง)
มองงาน เป็น(ความ)งาม..............คือความ จำเริญ เผชิญชัย
อย่าคิด แค่ใคร่...........................เบื่อหน่าย ไม่อยาก ตรากตรำ

    มัวเร้า เมาเล่น..........................จิเป็น ได้แค่ คนเสื่อม
หยาบช้า ระอาเอือม.....................เชื่อมต่อ ฉ้อฉล มลถลำ
คนรัก อยากสนุก.........................มักตก ทุกข์ยาก วิบากกรรม
งานพลี ดีทำ..............................น้อมนำ ล้ำเลิศ ประเสริญเอยฯ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ทิศทางหลังเลือกตั้ง : กลอนการเมือง



ทิศทางหลังเลือกตั้ง : กลอนการเมือง

    ชนชั่ว ได้ดี มีอำนาจ............................บริหาร ผลาญชาติ จนฉิบหาย
เล่นพรรค เล่นพวก สะดวกสบาย...............ทำลาย ครรลอง คลองความดี

    ผลัดกัน บัญชา หาประโยชน์..................ฉลโฉด โปรดปราน พาลวิถี
กระบวนการ ยุติธรรม ทำหน้าที่.................ด้วยใจ ไม่มี ยุติธรรม

    ทุจริต ทิศทาง สร้างสมเพช....................ทั้งประเทศ โกงกิน จนสิ้นส่ำ
ซื่อสัตย์ สุจริต กิจกรรม............................เพียรทำ ด้วยคำพูด ดุจละคร

    ปัญหา อะไร แก้ได้บ้าง?........................ยังสร้าง (ปัญหา)ขึ้นใหม่ ให้เดือดร้อน
ผลดี ต่อชาติ ปราศอาทร.........................อาวรณ์ เอาแต่ เห็นแก่ตัว(และพวกพ้อง)

    เก่าไป ใหม่เข้ามา บริหาร.......................ก็พาน แต่คน กระมลชั่ว
ทุกหน่วย ทุกระดับ ขยับมัว.......................ใช้เส้น สายทั่ว ทางเติบโต

    ความรู้ ใช่ว่า จะมากมี............................ความดี มีแค่ คำอวดโอ้
เก่ง(แต่)กรรม ทำเขื่อง เรืองเดโช..............ยโส โอหัง ทุกครั้งไป

    เลือกตั้ง เมื่อไร ไม่แตกต่าง....................ทิศทาง ของชาติ ขาด(ความ)สดใส
คะแนนเสียง เพียงว่า เอามาใช้..................ผล(ประโยชน์)ได้ เฉพาะหน้า ค่านิยม

    ความรัก แต่ตน ทำคนขาด......................แคลนความ รักชาติ อุบาทว์สม
สะท้อน ทั่วไป ในสังคม...........................โสมม โทรมเสื่อม เอือมระอาฯ

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

อย่าถือสาคน : กาพย์สุรางคนางค์๒๘




อย่าถือสาคน : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ............................................อย่าถือ สาคน
มากมี กระมล.............................ฉ้อฉล โง่เขลา
ชอบถือ ทิฐิ...............................สติ ปัญญาเบา
ทุจริต คิดเฝ้า.............................เอาแต่ ใจตัว

    ............................................คนครวญ ส่วนใหญ่
ซื่อสัตย์ ขาดไร้..........................ไม่เชื่อ ดี-ชั่ว
คุณธรรม ต่ำช้า..........................อุรา เมามัว
มักเห็น แก่ตัว............................สุดขั้ว หัวใจ

    ............................................(ชอบ)ยกตน ข่มเขา
แบ่งเขา แบ่งเรา.........................เอาตน เป็นใหญ่
ความคิด แคบคับ........................สับปลับ ฉับไว
เล่ห์ฉล กลใช้.............................หลายมารยา ราคีฯลฯ

    ............................................ถือสา ทำไม?
ประโยชน์ อะไร?.........................ไร้สง่า ราศี
เสียสุข (ขะ)ภาวะ........................เกะกะ ฤดี
(แค่)จำไว้ ใครดี-(ชั่ว)..................มี-เป็น เช่นใด?

    ............................................ยกระดับ ตัวตน
พัฒนา กระมล............................หลุดพ้น สาไถย
จงอย่า พยาบาท.........................ปราศขุ่น เคืองใจ
(อย่า)ทะเลาะ ต่อใคร...................ผู้ไร้ ศีลธรรม(เสียเวลาเปล่าๆ)

    .............................................หาประโยชน์ ให้ตัว
รู้ดี รู้ชั่ว......................................กลัวการ ตกต่ำ
ใคร(ทำ)ดี ใครได้.........................ใครร้าย (จะ)ระยำ
คือกฎ แห่งกรรม..........................ครอบงำ ชีวีฯ

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ต้นตอของความโง่งมงาย : กลอนสี่






ต้นตอของความโง่งมงาย : กลอนสี่

    สังคม งมงาย..........................ต้นสาย ปลายเหตุ
ยากจะ ปฏิเสธ...........................เจตนา(ของ) พระลวง

    หลอกชาว บ้าน(นับ)ถือ.............พระคือ ผู้ล่วง
ปุถุชน ผลพวง...........................ผ่านห้วง บรรพชา

    แต่ทั้ง ทั้งที่............................ไม่มี ใน(พุทธ)ศาสนา
ไสยศาสตร์ ศรัทธา.....................หาลาภ-สักการ

    อ้าง วิ ชา"ขอม"......................น้อมมี ปาฏิหาริย์
โบร่ำ โบราณ............................กราบกราน มานมล

    (ถามว่า)วิชา(ขอม) ถ้าดี..........."ขอม"ที่ วิเศษท้น
ทำไม จึงผจญ...........................ผลเสื่อม สูญพันธุ์?

    ก็แค่ อวิชา.............................มารยา กระสัน
คนโง่ เท่านั้น.............................สำคัญ มั่นมี

    พระไม่ ซื่อสัตย์.......................กำหนัด บัดสี
เป็นพระ ไม่ดี.............................อัปรีย์ จัญไร

    อย่ามัว พะวง..........................ลุ่มหลง กราบไหว้
อยู่เป็น เช่นภัย...........................ไปทุก สังคม

    ทำลาย (พุทธ)ศาสนา..............ชั่วช้า สะสม
สร้างค่า นิยม.............................โสมม งมงายฯ

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑