ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

คือธรรมดาของชีวิต : กลอนคติสอนใจ


คือธรรมดาของชีวิต : กลอนคติสอนใจ

 

    แสงสุรีย์ สีแสด มิแผดเผา............................................กลุ่มเมฆี สีเทา ที่เพราไสว

ทั้งยังหนุน เนื่องนับ ขับพิไล..................................ประดับให้ เวหน งามสนธยา

 

    ลมเหนือพัด สะบัดไพร ใบไม้พล่าน................................ส่งสัญญาณ หนาวจะเยือน เตือนก่อนหนา

กลางวันสั้น กลางคืนยาว คราวอำลา........................ฤดูฝน พ้นฟ้า พร้อมอาลัย

 

    แต่ปลายฝน ต้นหนาว คือคราวป่วน.................................ทั้งหนาว-ฝน ปนหวน ปรวนแปรให้

ต้องปรับตน ปรับตัว ปรับหัวใจ.............................ตามเงื่อนไข ธรรมชาติ (ที่)ยากคาดเดา

 

    ก็คือความ ธรรมดา ต้องประสบ.....................................ของชีวี บนพิภพ (จง)เว้นขบเศร้า

ความไม่แน่ ไม่นอน สั่งสอนเรา.............................ว่าอย่าเอา แต่ใจ ไม่ประมาณ

 

    ผู้ยึดมั่น ถือมั่น (ใน)โลก(ที่)ผันแปร.................................ย่อมพ่ายแพ้ แน่นัก ล้นหลักฐาน

(ผู้)มิเตรียมตัว เตรียมใจ ให้พร้อมพาน......................สถานการณ์ เปลี่ยนไป (ย่อม)ทุรายทุรน

 

    (ผู้)สำมะเล เทเมา เนาชีวิต............................................(เมื่อ)เกิดวิกฤติ ย่อมพินาศ เพราะขัดสน

(ผู้)ก่อหนี้ลัน พ้นตัว หัว(คิด)อับจน...........................กลายเป็นคน ตกงาน กาลวิลัย(วิลัย=ความย่อยยับ)

 

    เอาตัวเอง ยังไม่รอด แต่บอดจิต......................................สร้างชีวิต(ลูกหลาน) สร้างครอบครัว มัวหลงใหล

เห็นเขามี(ครอบครัว) ก็อยากมี มิใส่ใจ.......................เอาอะไร เลี้ยงลูก(หลาน)? ทุกข์ประจญ

 

    ความเหลื่อมล้ำ (ทาง)เศรษฐกิจ ทรงพิษร้าย......................แค่สุดสาย ปลายเภท เทวษผล(เทวษ=ความลำบาก)

ความโง่เขลา เบาปัญญา (ของ)ประชาชน..................(ความ)คิดอกุศล คือต้นทาง สร้างโทษเอยฯ(อย่าโทษแต่รัฐบาล)

 

๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ศีลธรรมคือสัจจะ : กลอนจรรโลงใจ

     

ศีลธรรมคือสัจจะ : กลอนจรรโลงใจ


    มิเห็นฟ้า สีฟ้า มาหลายวัน............................................สุริยัน จันทรา ปรากฎหาย

อากาศครึ้ม ซึมเซา เคล้าคลุมกาย..................................ชวนเปล่าเปลี่ยว เดียวดาย ในฤดี

 

    ความอบอุ่น สุนทรีย์ สุริยะสาด.......................................คือธรรมชาติ ปรารถนา (ใน)โลกานี้

แสงสว่าง ห่างหาย หากไม่มี.........................................เหมือนชีวี มิเป็นสุข ทุกข์ระทม

 

    ศีลธรรม ความดี มิแตกต่าง...........................................คือแสงสว่าง ส่องให้ หัวใจสม

การดำเนิน ชีวี งามวิกรม..............................................น่านิยม โสมนัส ทัศไนย

 

    คนไม่มี ศีลธรรม คอยกำกับ..........................................ต่อให้(ได้)รับ การศึกษา ขนาดไหน

ย่อมประพฤติ ยึดตาม อำเภอใจ.....................................ความถูก-ผิด จิตใจ มิใยดี

 

    ศีลธรรม ความดี คติกุศล..............................................เป็นสัจจา สากล บนโลกนี้

เหนือคำสอน ศาสนา ทุกวาที........................................ไม่ต้องมี ศาสดา-สาวกใด

 

    แค่บางคน เข้าใจ ในสัจจะ............................................อาชีวะ ประสบการณ์ อันผ่องใส

มีสติ ปัญญา สุทธาหทัย...............................................จักเข้าถึง ซึ้งใจ ในศีลธรรม

 

    ส่วนคนที่ มีกิเลส และตัณหา.........................................อวิชชา สามานย์ พาลถลำ

เสมือน(ดวง)ตา บอดเบื้อ มิเชื่อ-จำ.................................มีดวงใจ มืดดำ ทราม(สติ)ปัญญา

 

    มิใช่คน ทุกคน จะยลเห็น..............................................ศีลธรรม งามเด่น เฟ้นปรารถนา

สัญชาตญาณ ของสัตว์ ครองอัตตา.................................คืออุปสรรค ชักพา สาไถยเอยฯ


 ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เพื่ออนาคตของใคร? : กลอนการเมือง



เพื่ออนาคตของใคร? : กลอนการเมือง

 

    เด็กน้อยที่น่าสงสาร

เจ้าคงไม่รู้จักสันดานนักการเมือง

จึงยอมทำตามเขาไปราวไม่รู้เรื่อง

ตกเป็นเครื่องมือที่ซื่อสัตย์

 

    นักการเมืองในโลกส่วนใหญ่

มีมารยาสาไถยสารพัด

ไม่เคยยึดถือความซื่อสัตย์

ถนัดคิดคดโป้ปดปอง

 

    ชอบหลอกลวงใคร่ใช้คนอื่น

เพื่อเสริมตนล้นระรื่นชื่นสนอง

มิยึดหลักศีลธรรม์ครรลอง

แค่มองหาผลประโยชน์ลิงโลดใจ

 

    สิ่งที่เธอทำไปในวันนี้

คิดดีๆมีคุณ-โทษไฉน?

อนาคตของเธอจะเป็นเช่นไร?

อนาคตของไทยอาจไม่ใช่ของเธอฯ


 ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2563

พายุฝนล้นฟ้า: กลอนคติเตือนใจ






พายุฝนล้นฟ้า: กลอนคติเตือนใจ

 

    ละอองฝน ล้นฟ้า ระอาเพรื่อ...................................นภาเรื่อ แสงรอง ส่องสลัว

หมองบางเบา ขาวโพลน เคล้าหม่นมัว.....................ปรากฏทั่ว เป็นสยาย สุดสายตา

 

    พายุซ้ำ กระหน่ำซ้อน ชวนอ่อนอก...........................ข่าวอุทก ตระหนกให้ หัวใจผวา

ลูกเก่าเพิ่ง ผ่านไป ลูกใหม่มา.................................ผิดปกติ ธรรมดา ที่(เคย)ผจญ(๔-๕ วัน/พายุ ๑ ลูก)

 

๏    โรคฉกาจ(โควิด19) ระบาดซอก ระลอกสอง..............หลายชาตืต้อง ล็อกดาวน์ (ปวด)ร้าวอีกหน

ประเทศไทย อาจไม่รอด ปอดกังวล.........................หลังสิ้นฝน ล้นหนาว ฤาคราวเยือน?

 

    แต่มิอาจ หยุดยั้ง คนคลั่งอำนาจ...............................อยากครองชาติ วาดหวัง ฝังใจเสมือน

ชื่อ"ประชา ธิปไตย" ใช้บิดเบือน..............................ความจริงจาง ลางเลือน เคลื่อนหลักการ(ประชาธิปไตย)

 

    เมื่อความคิด-จิตใจ ไม่สุจริต.....................................อำมหิต มิจฉา อุราหาญ

ย่อมมิยอม รับว่าตน คือคนพาล...............................ชี้หน้าเขา กล่าวปาน กาลกิณี

 

    ผลประโยชน์ ล่อใจ กระหายหา.................................จึงมืดหน้า ตามั่ว ชั่วบัดสี

สารพัด เล่ห์ฉล กลวิธี.............................................วางแผนนำ ย่ำยี ริปูปาน

 

    เบื่อกิเลส ตัณหา ในมนุษย์........................................มิสิ้นสุด สัญชาติสัตว์ ดิรัจฉาน

กล้าป่าเถื่อน เกลื่อนโฉดร้าย ในสันดาน.....................อยากทะยาน สาไถย ไร้ศีลธรรม

 

    การวิโยค โลกที่ ไม่มี(วัน)สงบ...................................หยุดเกิด-ตาย ไม่รู้จบ=ประสบล้ำ

 (วิโยค=การจากไป,ความร้าง,ความห่างเหิน)

ผู้ต้องการ สันติสุข จงรุกนำ.......................................ละกิเลส ตัณหาทำ(ให้) สำเร็จเทอญฯ

 

๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ปลายฝนต้นหนาว : กาพย์ยานี๑๑-คติสอนใจ

                   

ปลายฝนต้นหนาว : กาพย์ยานี๑๑-คติสอนใจ

 

    แสงไฟ ส่องสายฝน..........................................รินร่วงหล่น ยามสนธยา

จวนใจ ไหวเหว่ว้า...........................................กลางบรรยา กาศชื้น-หนาว

 

    ปลายฝน ต้นหนาวฝาก......................................ความลำบาก หลากเรื่องราว

วิถี ที่ต้องก้าว.................................................ห้าวผจญ พ้นปัญหา(ห้าว=กล้า)

 

    สุขภาพ เพียรขับสู้............................................แข็งแรงคู่ เคียงชีวา

หลักใหญ่ อาศัยหล้า........................................ย้ำอุรา อยู่เสมอ

 

    (หวัง)ชีวิน มีกิน-ใช้..........................................ความยากไร้ ไม่อยากเจอ

(จง)อุตสาห์ อย่าพลั้งเผลอ................................สม่ำเสมอ อาชีวะ

 

    เก็บเล็ก ผสมน้อย............................................มัธยัสถ์คล้อย มิปล่อยปละ

กุศล กลกรรมะ................................................สร้างโภคะ สมประสงค์

 

    ห่างหมาย อบายมุข..........................................สันติสุข สิมั่นคง

เงื่อนไข หลุดใหลหลง......................................วงจรบาป โลกขับขาน

 

    ความเห็น คิดเอนเอียง......................................ถก-ทุ่มเถียง กับคนพาล

ปราศรัย ไร้แก่นสาร..........................................ล้วนแต่ผลาญ ประโยชน์ผล

 

    โลกนี้ มีใครอยาก.............................................ร่วม(ตกระกำ)ลำบาก นอกจากตน

เสพกลอน สอนกระมล......................................รับปลายฝน ต้นหนาวเอยฯ

 

๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๓

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2563

การกราบ : กลอนคติเตือนใจ

         

การกราบ : กลอนคติเตือนใจ

 

    กราบพ่อ กราบแม่ และกราบพระ..........................................แสดงความ คารวะ พิสมัย

คือขนบ ธรรมเนียม ของไทย...........................................เอกลักษณ์ พิทักษ์ไว้ ยาวนาน

 

    บางคน เป็นไทย แต่ใจฝรั่ง.................................................ดัดจริต คิดชัง ตั้งคำค้าน

หาว่า (การกราบ)ต้อยต่ำ กระทำปาน................................เยี่ยงสัตว์ เลื้อยคลาน บรรยาย

 

    ปราดเปลี่ยน แปลงไทย ให้เป็นฝรั่ง......................................อยากสม ใจหวัง ช่างทำง่าย

ก็แค่ ตัวคน ดั้นด้นย้าย...................................................จุดหมาย เมืองฝรั่ง ดั่งใจปอง(อย่าอยู่เมืองไทย)

 

    สารพัด วัฒนธรรม ประเพณี(ไทย)........................................ที่ดี ก็ควร ชวนกันสนอง

สิ่งใด สกปรก บกพร่อง...................................................สมควร ทบทวนต้อง เปลี่ยนแปลง

 

    สำคัญ คือใจ ให้สุจริต........................................................งดงาม ความคิด พิศแสวง

เอกลักษณ์ ของใคร ไม่ขัดแย้ง.........................................คิดแผลง แต่งภาพ เป็นอัปลักษณ์

 

    เผยแพร่ ประเพณี ที่เป็นไทย...............................................ดีงาม ออกไป ให้(โลก)รู้จัก

ชวนเขา เข้ามา ศรัทธาทักษ์............................................ต้อนรับ นักท่องเที่ยว ร่วมเหลียวแล(ทักษ์=ดูแล,เห็น)

 

    รักษา ประเพณี ที่ดีงาม......................................................ด้วยความ ภูมิใจ คือ"ไทยแท้"

อย่าตาม ก้นฝรั่ง ดั่งลูกแหง่.............................................พ่อแม่ ไม่(กราบ)ไหว้ ไม่บูชา

 

    วัฒนธรรม ต่ำช้า ฝรั่ง(ก็)มี..................................................หากเห็น เร้นบัดสี คือ"ขี้ข้า"

เลิกหลง งมงาย ไร้ปัญญา...............................................ถือฝรั่ง มังค่า เทวดาเทียมฯ

 

๔ ตุลาคม ๒๕๖๓