ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

“ปูติน”ไม่ถอยหลังชนฝาแล้ว เตือนพันธมิตรร่วมปะทะบานปลายแน่! | TNN ข่าวค่ำ...

ความรู้รักจักพานบันดาลผล : กลอนวันวาเลนไทน์


ชำกิ่งกุหลาบระบบปิด หลายคนเรียกว่า แบบควบแน่น(ใช้กิ่งจากร้านรับจัดดอกไม้ สุดท้ายตายหมด)


ความรู้รักจักพานบันดาลผล : กลอนวันวาเลนไทน์

    ๑๔ กุมภาฯ วันอาราย?............................โควิด(19) ติดหลาย วุ่นวายเว้น

โรงเรียน ปิดกัน บันดาลเป็น....................แทบเร้น ไร้ผู้ ซื้อ(ดอก)กุหลาบ


    ๑๔ กุมภาฯ ทำอาราย?............................เพาะขยาย ไม้ดอก(ชำกิ่งกุหลาบ) บอกด้วยภาพ

ปรับกรรม (มะ)วิธี วิริยะตราบ...................สำเร็จ(หรือ) เข็ดหลาบ ซาบทรวงใน


    ระเรื่อ เมื่อใจ ใฝ่จะรัก...............................ความรู้ สู่ฝัก ประจักษ์ใส

ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ล้มเหลวไป...................หาวิ ธีใหม่ ให้สมปอง

 

    (ความ)รักมี มากมาย ในโลกหล้า...............ใช่ว่า (รัก)แค่คน หรือข้าวของ

(รัก)เกียรติยศ ชื่อเสียง ทรัพย์เงินทอง......ยื้อแย่ง จับจอง เป็นของตน


    วิชา ความรู้ หากมุรัก.................................แน่นัก จักพาน บันดาลผล

เจริญ ก้าวหน้า เหนือกว่าคน....................หลายคน ที่ไม่ ใฝ่วิทยา

 

    ความรู้ คู่ใคร ไม่อาจลัก(ขโมย)..................ให้ไป ไม่ยัก ลดน้อยหนา

กลับเพิ่ม พอกพูน หนุนชีวา.....................เสริมสติ ปัญญา สถาพร

 

    เอื้อเฟื้อ เพื่อให้ ใช้ชีวิต.............................ประสิทธิ์ สุโข สโมสร

ทุกวัน โศกศัลย์สิ้น ยามกินนอน...............มิประสบ เดือดร้อน ย้อนเสื่อมทราม


    จักเจริญ ก้าวหน้า ถ้ารู้คิด...........................ถูก-ผิด พินิจช่าง ตั้งคำถาม

มิใช่ (เรื่องไร้สาระ)บ้าบอ ก็ทำตาม...........ด้วยความ งมงาย ไร้(สติ)ปัญญา


    วันวา เลนไทน์ เหมือนไวรัส........................แพร่ระบาด พัดให้ ใจโหยหา

ราคะ รักใคร่ ไม่(ปกติ)ธรรมดา.................ดิ้นรน ราวคนบ้า ประสาทเอยฯ


๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕



วันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ความสัมพันธ์อันสกปรก : กลอนคติเตือนใจ



ความสัมพันธ์อันสกปรก : กลอนคติเตือนใจ

    แต่ละวัน การติดต่อ ก่อสัมพันธ์................................ภายในสัง คมนั้น ลานหลากหลาย

โลกแห่งความ เป็นจริง เหมือนอิงนิยาย*.................ยังขวนขวาย โลกเสมือน เลอะเลือนลาง


    ผลประโยชน์ ตอบแทนทาง ธุรกิจ............................เป็นแรงผลัก หลักคิด นิรมิตสร้าง

โลกสมมุติ จุดหมาย ปลายหนทาง.........................เป็นแสงสว่าง หรือมืดมิด พิศต่อไป


    คนโลภแล (ความ)โลภเห็น เป็น(เรื่อง)ปกติ...............ความเผื่อแผ่ แค่คิด (ยัง)ผิดวิสัย

การเป็นคน เห็นแก่ตัว มัวเมาใจ.............................คือกระมล คนส่วนใหญ่ ในโลกา

 

    เอารัดเอา เปรียบชน คนอื่นเขา................................มีรากเหง้า เผ่าพันธุ์ เพราะ(กิเลส)ตัณหา

คนคดจิต คิดสาไถย ใคร่มารยา.............................มักสร้างเลศ เจตนา เสาะหาทรัพย์ฯลฯ(จากคนอื่น)


    เมื่อเนื้อใน ใจมนุษย์ ไม่สุจริต..................................ย่อมประสิทธิ์ สันดาน พาลสับปลับ

คอยใคร่ครวญ รัญจวนใฝ่ ในผลลัพธ์......................ประโยชน์ดื่น คืนกลับ จับจิตใจ

 

    (เป็น)ที่มาผอง ของ(ความ)สัมพันธ์ อันสกปรก...........แม้(ใน)ครอบครัว ยังมัวหมก มุ่นยกใหญ่

(ความจริง)สายสัมพันธ์ อันรกร้าง และห่างไกล........(ถึงตัวจะไป)มาหาสู่ อยู่ใกล้ (แต่)ไม่หวังดี

 

    ความคะนึง อยากพึ่งพา(ผู้อื่น) เพื่อหาผล..................คือสัจจา สากล บนโลกนี้

(อยาก)ผูกสัมพันธ์ สานเยื่อใย มอบไมตรี................(ก็)ต่อเมื่อมี ผลประโยชน์(ตอบแทน) ปราโมทย์มา


    ศัตรูของ ความสัมพันธ์ อันใกล้ชิด............................จึงเป็นจิต ทุจริตล้น ท้น(กิเลส)ตัณหา(ไม่ใช่มือที่สาม)

ศีลธรรมเร้น เห็นแก่ตัว ชั่วมารยา............................(อัน)ชนชินชา ประพฤติ ยึดครรลอง(ในสังคม)


    เมื่อต่างคน ต่างสาไถย (แต่)ไม่ถือโทษ....................ต่างยอมรับ กับ(ความ)ทรามโฉด โหดร้ายผอง(ในกันและกัน)

กระทำก่อ ต่อกัน วันคืนกอง(สะสม)........................เผยภาพผอง ความสัมพันธ์ อันสกปรกเอยฯ


๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕


*โลกแห่งความเป็นจริงเหมือนอิงนิยาย เห็นได้จากการที่คนชอบสร้างภาพให้ตัวเองดูดี(ทั้งๆที่ตัวตนจริงเลว)

ต่างใส่หน้ากาก(เสแสร้ง-หลอกลวง)เข้าหากัน.

วันเสาร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ประสบการณ์ปานเปรียบครู : กลอนคติสอนใจ


ชำกุหลาบ(กึ่งระบบปิด)ด้วยกิ่งจากร้านรับจัดดอกไม้ ผ่านไป ๙ วัน(ลองทำครั้งแรก)

ประสบการณ์ปานเปรียบครู : กลอนคติสอนใจ

    เพาะต้นไม้* ตายจนหมด...................................จึงจำจด บทเรียนรู้

ประสบการณ์ ปานเปรียบครู.............................สำหรับผู้ รักรู้(ความ)จริง


    ความล้มเหลว มิ(ใช่ความ)เหลวไหล...................เคียงคู่ไป ในสรรพสิ่ง

(พึง)ทุ่มเททำ พยายามยิ่ง..............................มิทอดทิ้ง การ(เอา)จริง(เอา)จัง


    แม้เป้าหมาย ไป่สำเร็จ......................................ปกป้องเจต เฉท(ความรู้สึก)ผิดหวัง

มุ่งฤดี มีพลัง.................................................เพื่อสรรค์สร้าง ตั้ง(ใจ)ต่อไป

 

    ความสัมฤทธิ์ แม้นิดน้อย...................................ช่างเพริศพร้อย ร้อยเท่าให้

เรียนรู้(วิธี)ทำ กรรมอย่างไร?..........................(จึง)สำเร็จได้ ไม่ต่างครู(สอน)


    ใช้เป็นหลัก ภายภาคหน้า..................................เพียรศึกษา วิชาสู้

ผลิตกรรม ลองทำดู.......................................อย่าเป็นผู้ พึ่ง(พาคนอื่น)อย่างเดียว

 

    (การ)สร้างสรรค์สู้ คู่(ความ)สูญเสีย.....................ไม่ละเหี่ย คิดแลเหลียว

คนฉลาด ย่อมปราดเปรียว..............................คอยเก็บเกี่ยว วิทยา

 

    คำเยาะเย้ย และถากถาง....................................พึงปล่อยวาง มิถือสา

พวกปากพล่อย ร้อยมารยา.............................เคียงสัจจา ของโลกธรรม


    บัณฑิตมัก รักความรู้.........................................จึงเป็นผู้ ปัญญาล้ำ

เอาบทเรียน เจียรจดจำ..................................ผิดอย่าทำ ซ้ำซากเอยฯ


๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ประโยชน์ของการเคลื่อนไหวร่างกาย : บทความ

                     


ประโยชน์ของการเคลื่อนไหวร่างกาย

|



ที่มา : มูลนิธิหมอชาวบ้าน

การเคลื่อนไหวร่างกาย การออกแรงและการออกกำลังกาย จะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพเฉพาะคนที่เคลื่อนไหวเท่านั้น หากไม่เคลื่อนไหว ขยับร่างกาย จะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี ถ้าอยากมีสุขภาพดีต้องออกกำลังกาย ทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและร่างกายที่แข็งแรง

ประโยชน์ของการเคลื่อนไหวร่างกาย

๑. ช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

๒. ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพร่างกาย

๓. ทำให้บุคลิกภาพ ท่าทางและการทรงตัวดีขึ้น

๔. เพิ่มความภูมิใจในตนเอง

๕. ช่วยควบคุมน้ำหนัก

๖. ทำให้กล้ามเนื้อและกระดูกแข็งแรง

๗. ทำให้รู้สึกมีพลัง

๘. ทำให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด และลดความ ซึมเศร้า

๙. ทำให้จิตใจสบาย อารมณ์แจ่มใส

๑๐. ทำให้ผู้สูงอายุเคลื่อนไหวได้ดีโดยไม่พลัดตกหกล้มง่าย

๑๑. ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคเบาหวาน ความดันเลือดสูง และมะเร็งลำไส้ใหญ่

๑๒. ช่วยลดความดันเลือดในผู้ป่วยโรคความดันเลือดสูง

๑๓. ลดความเสี่ยงจากการตายด้วยโรคหัวใจ

๑๔. ลดความเสี่ยงจากการตายก่อนวันอันควร (ไม่ตายก่อนอายุ ๖๕ ปี)

หลักการที่สำคัญของการเคลื่อนไหวออกแรงออกกำลัง คือ การเริ่มต้น ต้องทำอย่างเบาๆ ช้าๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ จนสามารถทำได้ ๓๐ นาที จากนั้นจึงเพิ่มความหนักหรือความเร็วของการทำกิจกรรม

ทำน้อยดีกว่าไม่ทำ ทำมากได้ประโยชน์มาก พึงระลึกว่าไม่จำเป็นต้องทำอย่างรุนแรง ทำระดับ ปานกลางก็พอเพียงต่อสุขภาพและมีความปลอดภัยสูง การเคลื่อนไหวร่างกาย แค่ขยับ เท่ากับ สุขภาพ ผลที่ได้เป็นของคนที่ขยับตัว ถ้าขยับเร็วก็ได้สุขภาพ ดีเร็ว ขยับช้าก็ได้สุขภาพช้า แต่ดีกว่าไม่ขยับอะไรเลย.