ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ความโชคดีของพุทธศาสนิกชน : กาพย์ยานี๑๑




ความโชคดีของพุทธศาสนิกชน : กาพย์ยานี๑๑

    โชคดี ที่มาเกิด..............................พบประเสริฐ พุทธศาสนา

โชคดี มีปัญญา............................เพื่อศึกษา ธรรมวินัย


    โชคดี ที่เห็นว่า(สัมมาทิฐิ)...............กิเลสตัณหา ช่างสาไถย

ครอบงำ ความคิด-ใจ.....................ของใครเข้า (โน้ม)น้าว(ก่อ)บาปกรรม

 

    โชคดี มีโอกาส..............................รู้ธรรมชาติ ชีวาตม์ล้ำ(ลึก)

ด้วยแรง กฎแห่งกรรม....................ชักนำให้ ได้-มี-เป็น(ตามชะตากรรม)


    โชคดี ที่(ละอาย)กลัวบาป...............ช่วยกำราบ บาปกรรมเว้น

(จึง)ไม่ตก ระกำลำเค็ญ..................เช่นชนชั่ว ทั่วไปมี

 

    โชคดี ได้ปฏิบัติ.............................โสมนัส อริยสัจ๔

ดวงจินต์ น้อมยินดี..........................(โดย)ไม่ต้องมี สิ่งล่อใจ(สินจ้าง,รางวัล,ผลประโยชน์)

 

    โชคดี มีความสุข............................(กับการ)เพียรพ้นทุกข์ ทางสุกใส

โดยมิ ต้องมีใคร..............................ผลัก(ดัน)-จูงให้ ฝืนใจทำ


    โชคดี มีเวลา..................................(เพียง)พอพัฒนา ก้าวหน้าล้ำ

(เห็น)พิมล กุศลธรรม.......................ดำเนินได้ ไปด้วยดี


    โชคดี มีบุญเก่า...............................ช่วยให้เข้า ใจวิถี

วัฏฏะ สงสารนี้................................ควรวิริยะ เพียรผละพ้น


    โชคดี มิหลงใหล............................โลกธรรม;ใฝ่ ในมรรคผล

นิพพาน บันดาลกมล.......................สู้อดทน ค้นหาเอยฯ


๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๔

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ฟังเรื่อง ผู้กำกับ โจ้ จากเฮียชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ชีวิตและผลิตผล : กลอนคติเตือนใจ




ชีวิตและผลิตผล : กลอนคติเตือนใจ


    ใบไม้ ร่วงหล่น.............................เกลื่อนกล่น ถนน หนทาง

ทัศนะ แตกต่าง...........................ตามอย่าง ค่านิยม นิสัย

บ้างเห็น เป็นงาม.........................เกิดความ ภิรมย์ รื่นฤทัย

แต่บาง คนไม่..............................คิดใคร่ ให้สกปรก รกตา

 

    พืชพรรณ บรรณพต......................ปรากฏ ทั่วไป ในโลก

ธรณี(แร่ธาตุ) บริโภค....................ชุ่มโชก ชลธาร หรรษา

สังเคราะห์ แสงสุรีย์......................(เปลี่ยน)เป็นสาร อาหารพลี พสุธา

ผลิตผล ล้นหล้า...........................โลกา จึงน่าอยู่ อุดม


    ต่างสัตว์ เดรัจฉาน.........................หารู้ จักการ สรรค์ผลิต

ดำรง ชีวิต....................................แค่คิด กิน-สนุก สุขสม

หวงแหน ชีวา...............................เห็นแก่ อัตตา ปรารมภ์

จับคู่ สู่สม.....................................อภิรมย์ ลูกหลาน พันธุ์ประไพ


    คนมี ปัญญา..................................ถ่ายทอด วิชา ความรู้

ชีวิน กินอยู่...................................เป็นผู้ บริโภค อาศัย

พิจารณ์ การผลิต...........................ก่อวิถี วิกฤติ พิษภัย

ทำลาย ล้างใช้(สิ่งแวดล้อม)...........ทำให้ ธรรมชา่ติ พินาศพัง


    ถามตัว เองว่า.................................ปัญญา มีบ้าง หรือเปล่า?

(หรือเป็น)แค่คน โง่เขลา................เอาแต่ คิดวาด คาดหวัง

(อยาก)อยู่ดี กินดี..........................สนุก สุขี ปรี่ประดัง

ไม่ยอม หยุดยั้ง.............................โลกล้าง พังพินาศ มุ่งมาดเอยฯ


๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๔

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

อยู่ห่างๆวัด(แบบนี้)ไว้ : กาพย์ยานี๑๑





อยู่ห่างๆวัด(แบบนี้)ไว้ : กาพย์ยานี๑๑

    สละทาน นานๆครั้ง(นิดๆหน่อยๆ)............แต่คาดหวัง ประดังผล

ปราศจาก ความยากจน........................ร่ำรวยท้น ทุกชาติไป


    อธิษฐาน กันบ่อยๆ................................ขอถามหน่อย คิดหรือไม่?

เอาเหตุ ผลกลใด?..............................มาดลให้ ได้สมปอง

 

    แล้วที่ กระทำชั่ว...................................บาปพันพัว มัวเมาข้อง

กระทำ ประจำจอง...............................อยู่ก่ายกอง ต้องผลใด?


    คนเรา มักเข้าข้าง.................................ตัวเองอย่าง ร้างโปร่งใส

อยากมี กำรี้กำไร.................................แต่ไม่อยาก จักลงทุน(ลงแรง)

 

    พบเห็น เป็นประจำ................................แก้-ล้างกรรม(เก่า) ทำ(กัน)วายวุ่น

หลงเชื่อ ข่วยเจือจุน.............................ทวีคูณ หนุนบวร

 

    (คือ)ความคิด มิจฉาทิฐิ..........................ขาดวุฒิ ภาวะสะท้อน

ประเพณี มีเก่าก่อน...............................แทรกซ้อนใน หลายสังคม


    โดยเฉพาะ ตามวัดวา.............................ทิฐิมิจฉา หนาแน่นสม

พิธีกรรม ความโง่งม..............................คือค่านิยม อุดมมี(ในพระจำนวนมาก)


    เข้าวัด ไสยศาสตร์ไหว้...........................คงเป็นภัย (มิ)ใช่ประเสริฐศรี

อยู่ห่างๆ (เป็น)ทางที่ดี..........................ยังชีวี มีสุขเอยฯ


๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๔

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เปิดผลวิจัย กินในร้านนั่งห่าง 4 เมตรยังติดเชื้อ | TNN ประเด็นใหญ่ 25-08...

สิริมงคล๓๘(มงคลสูตร๓๘) : กาพย์ยานี๑๑


สิริมงคล๓๘(มงคลสูตร๓๘) : กาพย์ยานี๑๑


    ความมี สิริมงคล.....................................ต่างดั้นด้น เที่ยวค้นหา

อยากได้ (เพื่อ)ให้ชีวา..........................ประสบสุข สิ้นทุกข์ตรม


    มักไป หาในวัด.......................................พระถนัด ไสยศาสตร์สม

วิชา คาถาอาคม(วัตถุมงคล,พิธีกรรม).....ด้วยอุดม ความงมงาย

 

    พึ่งพิง สิ่งศักดิ์สิทธิ์.................................เชื่ออิทธิฤทธิ์ อุกฤษฏ์หลาย

รูปปั้น(ศักดิ์สิทธิ์) อันมากมาย.................ของขลังขาย (ซื้อไว้)ได้ครอบครอง


    เชื่อ(ว่า)มี สิริมงคล.................................ตามที่ตน ค้นหาต้อง?

เภทภัย ในโลกผอง...............................ถูกปกป้อง ตามต้องการ?

 

    (ส่วน)สัมมา พระพุทธเจ้า........................สอนให้เข้า ใจแก่นสาร(ความถูกต้อง-เป็นจริง)

(ใช้)ปัญญา วิจารณญาณ.......................หากต้องการ สิริมงคล

 

    เริ่ม(ต้น)จาก ไม่คบ(คน)พาล...................สมัครสมาน บัณฑิตสน(คบคนดีมีความรู้)

บูชา สาธุชน.........................................สิริมงคล ล้นได้มา


    อยู่(ใน)ที่ ที่ควรอยู่.................................อย่าไปสู่ อุบาทว์สถาน์

เคยสร้าง สมบุญญา...............................คือสัมมา สิริมงคล


    ตั้งตน บน(ความ)ถูกต้อง.........................อย่าเกี่ยวข้อง ครรลองฉล

ใฝ่หา ความรู้ค้น(คว้าให้รอบรู้)................ฝึกฝน ศิลปวิทยา(วิชาชีพ)


    มีระเบียบ และวินัย..................................พูดจาให้ ไม่มุสาฯลฯ(วจีทุจริต๔)

เลี้ยงดู บิดรมารดา.................................บุตร-ภรรยา เพียรอุปถัมภ์


    ไม่คั่ง ค้างงานการ..................................บริจาคทาน หมั่นประจำ

จริยา ศีลธรรม.......................................ถือหลักนำ ชีพดำรง


    สงเคราะห์ เหล่าญาติมิตร........................สุจริต กิจประสงค์

เว้นบาป ชั่วหยาบปลง............................มิหลงเสพ สิ่งมึนเมา

 

    อย่าประมาท ชีวาตม์ใช้...........................มิหลงใหล อัตตาเฝ้า

ถ่อมตน พ้นบรรเทา................................ให้(ความ)เคารพ นบนอบรู้(รู้จักเคารพนบนอบ)


    พอใจ (เท่าที่)หาได้-มี.............................ดวงฤดี (มีความ)กตัญญู

ฟังธรรม หาความรู้..................................(เป็นผู้)สู้อดทน อุตสาหะ

 

    ว่าง่าย สอนไม่ยาก..................................รับทัศนะจาก เหล่าสมณะ*

แลกเปลี่ยน (ความคิดเห็น)เรื่องธรรมะ.......บำเพ็ญตบะ ประพฤติพรหมจรรย์

 

    เห็นแจ้ง อริยสัจ(๔).................................เพียรปฏิบัติ นิพพานสรร

(เรื่อง)โลกา อย่าไหวหวั่น.........................บ่โศกศัลย์ บั่นกิเลส


    ทำใจ ให้เปี่ยมสุข(เบิกบาน)......................อย่าให้ทุกข์ รุกรานเจต

สิริมงคล (หา)ใช่มนต์เวท..........................มีสาเหตุ(จากการกระทำ) และผลเอย


๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔

*สมณะ=ผู้สงบกิเลสแล้ว, ผู้ระงับบาป


**ขอให้พิจารณาดูว่า

ตามที่มีพระ-วัด ชักชวนให้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆนานา เพื่อเสริมสิริมงคลนั้น

ตรงกับของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?

หากไม่ตรงกัน

ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของพระคิดขึ้นมาเอง

แล้วพระเหล่านั้นเป็นใคร? บรรลุธรรมขั้นไหน? มึความรู้ดีกว่าพระพุทธเจ้าหรือ?

ขอให้สังเกตว่า

กิจกรรมที่พระ-วัดชักชวนทำ มักจบลงที่ การทำบุญ(บริจาคเงิน) เพื่อบำรุงพระ-วัด แต่ชอบใช้คำว่า "บำรุงพระพุทธศาสนา"

เป็นวิธีการหาเงิน หรือพุทธพาณิชย์ นั่นเอง.

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ก่อนจะเป็นอรหันต์ : กลอนคติเตือนใจ


ก่อนจะเป็นอรหันต์ : กลอนคติเตือนใจ


    ก่อนพิรุณ โปรยปราย เป็นสายฝน.......................นภดล ท้นเมฆา สาเหตุให้

เกิดปรากฏ หยดน้ำ ฉ่ำชื่นใจ...........................รินหลั่งไล้ โลกา เลิศสุนทรีย์


    ก่อนที่จะ เก่งกล้า ความสามารถ.........................(เด็ก)ต้องมุ่งมาด วัฒนา วิชาศรี

เพียรอดทน ฝนฝึก ตรึกวิธี..............................ไม่ใช่ดู อยู่ดีๆ (ก็)ปรีชาชาญ

 

    พิสดาร อาหารปรุง มุ่งประสงค์...........................จะยังคง อย่ามองข้าม กรรมพื้นฐาน

คือเก็บฟืน ก่อไฟ ให้พร้อมพาน.......................เป็นคำขาน อุปมา อุปไมย


    เปรียบกับ ป ฏิบัติ อริยสัจ๔...............................เริ่มต้นจาก ทำความดี มิสาไถย(ไม่ทำชั่ว)*

ลด-ละ-เลิก มลทิน สิ้นจากใจ..........................สะอาดใส บริสุทธิ์ ชุติมา

 

    ต้องให้ความ สำคัญ สังสารเหตุ.........................คือการมี กิเลส และตัณหา

ความยึดมั่น ถือมั่น นันทนา.............................ในอัตตา โดดเด่น เห็นแก่ตน

 

    จงยึดถือ ความซื่อสัตย์ สุจริต.............................สืบสถิต วิญญู ธรรมกุศล

ก่อนที่จะ เร่งรุด ความหลุดพ้น.........................หยุดวัฏวน เวียนว่าย ตายเกิดเป็น


    ก่อนที่จะ พิชิต อวิชชา......................................(ต้อง)มีสัมมา ความคิด ทิฏฐิเห็น**

หากยังโง่ งมงาย ชั่วร้ายเจน............................ทำเป็นเล่น (ทำตัว)ไร้สาระ อย่าหมายปอง


    ยังหลอกลวง ผู้อื่น บริโภค................................ความพยายาม พ้นโลก ย่อมบกพร่อง

อยากหรรษา สุขี มีเงินทองฯลฯ.......................ย่อมมัวหมอง มืดมน มรรคหนทาง


    ฟังผู้คน เทศนา อริยสัจ(๔)...............................มองให้ชัด (เขา)ปฏิบัติ(ตัว)เป็น เช่นไรบ้าง?

เพราะส่วนใหญ่ พูดอย่าง แต่ทำอย่าง...............ไม่กระจ่าง ความจริง กลิ้งกลอกเอยฯ


๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๔


*

โอวาทปาติโมกข์ 

สัพพะปาปัสสะ อะกะระณัง, การไม่ทำบาปทั้งปวง

กุสะลัสสูปะสัมปะทา, การทำกุศลให้ถึงพร้อม,

สะจิตตะปะริโยทะปะนัง, การชำระจิตของตนให้ขาวรอบ,

เอตัง พุทธานะสาสะนัง, ธรรม ๓ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย,

ขันตี ปะระมัง ตะโป ตีติกขา, ขันติ คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง,

นิพพานัง ปะระมัง วะทันติ พุทธา, ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง,

นะ หิ ปัพพะชิโต ปะรูปะฆาตี, ผู้กำจัดสัตว์อื่นไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย,

สะมะโณ โหติ ปะรัง วิเหฐะยันโต, ผู้ทำลายสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย,

อะนูปะวาโท อะนูปะฆาโต, การไม่พูดร้าย, การไม่ทำร้าย,

ปาติโมกเข จะ สังวะโร, การสำรวมในปาติโมกข์,

มัตตัญญุตา จะ ภัตตัสมิง, ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค,

ปันตัญจะ สะยะนาสะนัง, การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด,

อะธิจิตเต จะ อาโยโค, ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง,

เอตัง พุทธานะสาสะนัง, ธรรม ๖ อย่างนี้ เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย.



**

มรรคมีองค์ 8 หรือ อัฏฐังคิกมรรค (เรียกเต็มว่า อริยอัฏฐังคิกมรรค แปลว่า “ทางมีองค์ 8 ประการ อันประเสริฐ” ; องค์ 8 ของมรรค  มีดังนี้
       1. สัมมาทิฏฐิ คือ ความเห็นชอบ (ได้แก่ ความรู้อริยสัจจ์ 4 หรือ เห็นไตรลักษณ์ หรือ รู้อกุศลและอกุศลมูลกับกุศลและกุศลมูล หรือเห็นปฏิจจสมุปบาท)
       2. สัมมาสังกัปปะ คือ ความดำริชอบ (ได้แก่ เนกขัมมสังกัป อพยาบาทสังกัป อวิหิงสาสังกัป )
       3. สัมมาวาจา คือ การเจรจาชอบ (ได้แก่ วจีสุจริต 4 )
       4. สัมมากัมมันตะ คือ การกระทำชอบ (ได้แก่ กายสุจริต 3)
       5. สัมมาอาชีวะ คือ การเลี้ยงชีพชอบ (ได้แก่ เว้นมิจฉาชีพ ประกอบสัมมาชีพ)
       6. สัมมาวายามะ คือ ความพยายามชอบ (ได้แก่ ปธาน หรือ สัมมัปปธาน 4 )
       7. สัมมาสติ คือ ความระลึกชอบ (ได้แก่ สติปัฏฐาน 4)
       8. สัมมาสมาธิ คือ การตั้งจิตมั่นชอบ (ได้แก่ ฌาน 4)

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ไม่ถือสา : กลอนคติสอนใจ



พยากรณ์อากาศ วันพุธที่ 25 สิงหาคม เวลา 15:00 น.


ไม่ถือสา : กลอนคติสอนใจ


    วันนี้ มีแดด ร้อนแผดเผา................................ตั้งแต่ เช้าตรู่ (ฟ้า)ดูสดใส

บ่มี เมฆฝน ยลฟ้าไกล...............................ตากผ้า ช่างกระไร แห้งไวดี


    หมั่นดู พยา กรณ์อากาศ.................................สามารถ คาดการณ์ วันหน้าชี้

(ช่วย)วางแผน อนาคต หมดจดมี.................วางแผน ชีวี ริใส่ใจ

 

    โควิด วิกฤติใหญ่ ไม่ถือสา..............................วัคซีน ชินชา หา(ฉีด)ไม่ได้

หน้ากาก ไม่อยากใส่ ฝืนใจใส่.....................วิถี ชีวิตใหม่(New Normal) ไม่กังวล(แล้วแต่จะเป็นไป)


    เศรษฐกิจ ติดหล่ม มิ(ร้อง)ห่มไห้......................ประหยัดเจน เป็นนิสัย ไร้ขัดสน

ความร่ำรวย มิใส่ใจไม่ยากจน...................เงินทอง (มิ)ใช่ของตน (ทุก)คนต้องตาย(เอาไปไม่ได้)

 

    การเมือง เขม็งเกลียว มิเกี่ยวข้อง.....................(เป็น)เรื่องของ อธรรม อำนาจกระหาย

(ผล)ประโยชน์ ของชาติ ฉีกขาดง่าย............ใส่ร้าย ป้ายสี(กัน) ทุกวี่วัน(อย่างไม่ละอายใจ)

 

    การเรียน ออนไลน์ ใคร(ประสบความ)สำเร็จ?............เบ็ดเสร็จ (เหมือน)เข้ารกพง คงคับขัน

การศึกษา ของไทย ในปัจจุบัน.....................สร้างสรรค์ ปัญหา(สู่) อนาคต


    เสียงคน บ่นว่า เงินไม่มี....................................ใยหวย ขายดี มี(เท่าไร)ก็หมด?

บ่อนพนัน หรรษา มิละลด.............................ยาเสพย์ติด จิตจรด ไม่ลดราฯลฯ


    (จง)ตั้งอก ตั้งใจ ใฝ่ความดี...............................(ถึงแม้)คนส่วนใหญ่ ไม่(สำคัญความ)ดี มิถือสา

(ความ)ถูกต้อง ส้องวิถี วิริยา.........................มุ่งหน้า หาผล กุศลกรรม์


    เฉกอุทก โลกสรรพ ขับเคลื่อนไป......................ตาม(แรง)คน ส่วนใหญ่ ใฝ่สร้างสรรค์

(เมื่อคน)ส่วนใหญ่ ไม่รัก(ความ)ดี ทุกวี่วัน.......ก็ช่าง หัวมัน ปล่อยมันไป(ตามเวรตามกรรม)ฯ


๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๔