ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนเปล่า : วัยไร้เดียงสา บูชารัก




วัยไร้เดียงสา บูชารัก

เด็กสาวจำนวนมาก

เกินกว่าจะนับไหว...
ตั้งแต่อดีต...
จนถึงอนาคตอันยาวไกล...
มีอยู่ทั่วไปในโลกนี้....

มีอยู่...ทำอยู่...
ซึ่ง พีธีกรรม
อันศรัทธา....
ต่อสิ่งที่ตนเองเรียกว่า " ความรัก "....

ด้วยการบูชา....
พลีกายา พลีใจ....
ด้วยความเทิดทูนหลงไหล...
ความรัก...
ที่ตัวเองคิดขึ้นมาเอง....
ว่าเป็นจริง มีจริง...

ทั้งๆที่ คิดเองฝ่ายเดียว....
อีกฝ่ายคือชายผู้หมายเพียง...
เยี่ยงนักล่า....
ที่คิดแค่ว่า....
อยาก....เอารัดเอาเปรียบ....
จากเรือนร่างที่งดงามดั่งดอกไม้แรกแย้ม.......
ของเด็กสาว...
เท่านั้น...

แล้ว เด็กสาวเหล่านั้น...ก็ต้องเสียกาย..เสียใจ...
ให้กับความคิดฝันลมๆ แล้งๆ...
ที่สุดท้ายก็เป็นเพียงเรื่องปรุงแต่ง....หลอกลวง...
จากผู้ชาย...
ที่ไม่ใยดีต่อ ความรัก...
ที่เด็กสาวคิดขึ้นมา.....
และ...บูชา...เทิดทูน....


ชายโฉดชั่วช้าสามาญย์ จำนวนมาก...
ฉวยโอกาส....
เอาขณะที่เด็กสาวประสบกับปัญหาชีวิต....
ที่เกินความสามารถที่เด็กจะคิดคลี่คลายให้ลุล่วงไปได้...

เสนอตัวเข้ามาให้ความช่วยเหลือ...
แสดงความห่วงใย...
มอบน้ำใจ...( ที่ไม่มีอยู่จริง )
ให้กำลังใจ...
เป็นที่พึ่งพิงในยามลำบาก บอบช้ำ..

แต่ภายในหน้ากาก นักบุญ...
ผู้อารี....
ในใจนั้น แอบซ่อน ปีศาจ....
ที่ขาดมนุษยธรรม...
วางแผนทรามต่ำ หวังทำลายพรหมจรรย์ ...
และกระสันเสพ ความบริสุทธิ์ดุจน้ำใสจากวัยสาว....
โดยสร้างเรื่องราว
มารยาเก่าๆ ว่าการมีเพศสัมพันธ์...
คือ....รักแท้....

เมื่อเด็กสาว ที่ตนเล่นละครในบทผู้ดูแลหลงเชื่อ....
ก็กลับกลายเป็นเหยื่อกามา....
บูชาความไร้เดียงสา.....
และอ่อนต่อโลก.....

ประกอบกับ รสกามนั้นมีอาถรรพ์ ปานสิ่งเสพติด...
ที่พิชิตใจใครต่อใครให้ต้องยอมจำนน...
จนตกเป็นทาส

แม้แต่ผู้ใหญ่...
ก็ยากที่จะสามารถข่มใจ...
ให้ต้านทานอำนาจแห่งรสกามได้....

แล้วเด็กสาว ของเราหรือจะทนไหว...
กลายเป็นผู้หลงไหลในรสกาม...
เพลี่ยงพล้ำถลำลึก....
จนมิดหัว....

เอาตัวจมปลัก อยู่กับรสกาม...
จนจิตใจตกต่ำ....
ไร้ศีลธรรม...
คุณธรรม

สิ่งใดเล่า...
ที่จะปัดเป่า ความโง่เขลา เศร้าโศก...
รกเรื้อ เครือคลุม ที่อยู่ คู่ ประกอบ...
กับนิยายแห่งความรัก....โรแมนติก....

ที่เป็นเพียงจินตนาการ....
อันสวยหรู....
ดูงดงาม....

แต่ผลในบั้นปลาย...
คือความชอกช้ำระกำกรม....
ของผู้มีจิตใจอันแสนบริสุทธิ์....

เด็กสาว...

ผู้ไร้เดียงสา....
ผู้น่าสงสาร.....ฯ

๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓

กลอนแปด : คำอวยพร ปีใหม่

                                            


กลอนแปด : อวยพร ปีใหม่

      ในวาระ ดิถี ขึ้นปีใหม่                   ขอคุณพระ รัตนตรัย อวยชัยพร
จงประสิทธิ์ ฤทธิไท เกริกไกรสร           สถาพร ขจรชื่อ ยศลือชา

      ทั้งครอบครัว ทั่วตน กมลสุข          นิราศทุกข์ โรคภัย กายแกร่งกล้า
งานจำเริญ เสริญสรร จราญลา             วัฒนา ก้าวหน้าไกล ในกิจกัลป์

      หวังรักใคร ได้สม ภิรมย์ภักดิ์          สำราญศักดิ์ อัครา อัชฌาสันติ์
สัมพันธ์ยั่ง ยืนยง คงนิรันดร์                 มีลูกฉันท์ อภิชาต บุตรอาจ อง

      จะเดินทาง ย่างไกล วิไลเลศ         อุบัติเหตุ เภทไป่ ใจประสงค์
ทรัพย์สมบัติ พัสถาน เพิ่มมั่นคง           ถ้วนจำนง แท้จริง ทุกสิ่งเทอญ ฯ

๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันพุธที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ : ภู หมอก




อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ : ภูหมอก


      รัตกาล สิผ่านใกล้                สุระไพล่ พิไลสี
พราวพร่าง สว่างพี                     รวิภาส ระบาดพา

      บรรพต ขยดยอด                 ศิระรอด ระดาตา(ขยด=เลื่อนจากที่เดิม)
พ้นหมอก ทะเลหนา                   พละพลุ่ง พยุงพราย

      แสงทอง ไสวออก                ปะทะหมอก ระลอกสาย
นวลนุ่ม ชะชุ่มชาย                      ปริ ประกาย ประปรายปรน

      เหมันต์ สวรรค์โลก                รวิโยคย์ สุวรรณยล(โยคยะ=เหมาะ)
ยอดภู ฤดูดล                             สริร์หนาว กระเส่ากาย

      หมอกไหล ชม้ายเชิด             สิตะเลิศ ประเสริฐสาย(สิตะ=ขาว)
สุรีย์ ทวีราย                              ระบายสี รตีวาร

      โลกา สว่างกล้ำ                   ชนะค่ำ ชอ่ำขาน
บรรจง ประเจิดจ้าน                      สุภโชติ ขจรพรรณ

      ไพรพง ผจงแจ้ง                   ขจิต์แจง แสดงสรรค์
สรรพา ประโยชน์พันธ์                   พลิโลก วิโมกขา

      เมธี มิประมาท                      สละอาตม์ อุปาทาน์
เผื่อแผ่ และเมตตา                       ชนะมี ตระหนี่เอยฯ

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ 

กลอน : รส...กาม




กลอนแปด : รสกาม

      ตาสบตา ผสาน สัมพันธ์เพศ             ปฐมเหตุ เวทนา ตัณหาหลืบ
ปลงปล่อยใจ กายพลี ทีละคืบ                  ราคะสืบ สติดับ กามกลับดัง

      เมื่อรสรัก ลักรส ไปหมดโลก              รสกามโชก โยกจิต ติดใฝ่ฝัง
กามรสหวาน จ้านจุน หนุนใจจัง                ทำทุกอย่าง หวังซด ลิ้มรสกาม

      ลืมจรรยา ลาฤกษ์ เพิกทุกสิ่ง              ใจดำดิ่ง ทิ้งกาย ว่ายแหวกผลาม
กาเมกิจ ติดใจ ไต่ตระกลาม                     ถลึงทราม ส่ำซด รสราคี

      สติขาด สาดสิ้น วิ่นสัญญา                กามฤทธิ์กล้า ตระการ สนานสี
ร้อนรนเร่า เผาแรง แผลงฤดี                   ปานอัคคี กรุ่นกล่อม ล้อมกาย-ใจ

      ความสุภาพ สาบสูญ สถุลสัตว์           ปฏิบัติ ถนัดถนี่ วิถีไถย
ธรรมชาติ สัตว์โลก โศลก ไกร                ทั้งหญิงชาย ไล่แหลก แหวกอารมณ์

      กายกระเส่า เร่าดล ดิ้นรนร่าน            แสนซาบซ่าน เสือกสน กระสันสม
อะดีนารีน ไหลหลั่ง รั้งอารมณ์                 เสพนิยม ชมชอบ นอบน้อมนำ

      ประหนึ่งว่า ขึ้นสวรรค์ ชั้นดุสิต           กามเสพย์ติด ปิดกั้น ปัญญาต่ำ
ราคะรส ปลดปลิ้น ศีลธรรม                     กระสันทราม ฉ่ำโชติ ลิงโลดเอย ฯ

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันอังคารที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอน รัก : อยากให้รู้ อยากให้เห็น


       


กลอน รัก : อยากให้รู้ อยากให้เห็น

      สายตา เธอบอกว่า            ใบหน้าฉัน มันกวนใจ
ไม่เข้าใจ หรือไร ?                   ฉันทำไป ทำไมกัน ?

      นี่คือ " ความจริงใจ "          จากใคร ที่ไม่สำคัญ
หากแม้น ไม่รักกัน                    จะขยัน ทุ่มเท ทำไม ?

      เพราะว่า อยากจะเจอ           เห็นเธอ ทุกเวลาไป
ดื่นคน ไม่สนใจ                        เพราะ " รักเธอ " ไง.....ที่รัก

      อยากให้ เธอได้รู้                โปรดได้ดู ได้ตระหนัก
อยากให้ฟ้า มาฟัก                     " รักฉัน " ไว้ในใจเธอ

      อยู่ใกล้ ใจเพียงนี้                ยื่นไมตรี มีเสมอ
ใยไม่เห็น ไม่เจอ                       ไม่รักเธอ ทำ...ทำไม ?

      คอยทุ่มเท ทุกสิ่ง                 คอยสุงสิง อย่างจริงใจ
คอย " รัก " หากเธอให้                คอยได้ แม้ไม่มีทาง

      เพียงให้ เธอได้รู้                   ฉันจึงอยู่ เกะกะขวาง
ขอเพียง มองฉันบ้าง                    ด้วยใจ  " กระด้าง " ก็ช่างเธอ ฯ

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอน แปด : รักในวัยรุ่น


                               
กลอน แปด : รักในวัยรุ่น

      ดรุณี เยาว์วัย ไร้เดียงสา                หลงบูชา ความรัก ดุจศักดิ์สิทธิ์
ยอมพลีกาย พลีใจ ไม่ยั้งคิด                 พลีชีวิต บูชารัก ทักษิณา

      หลงมองโลก สกปรก รกพยาธิ        ว่าสะอาด ขาดสติ มิประสา
พลีนิยม พรหมจรรย์ กรานบูชา               มัวเมาบ้า ว่ารัก ดั่งหลักธรรม

      ไม่รู้จัก รักคน (โดย)ยลดวงจิต         ไม่รู้พิศ นิสสัย ใจงามขำ
ไม่รู้เท่า ทันคน กมลครำ                       ไม่รู้จำ ความจริง สิ่งแต่งปรุง

      เลือกรักคน (ยึด)รูปดี มีเสน่ห์            ถ้อยคำเท่ห์ เสสรรค์ ชั้นเชิงสุง(สูง)
หวานเสนาะ เพราะพราย ใจจรุง               ปล่อยจิตฟุ้ง รุงรัก สลักใจ

      ชายได้เชย เลยรส หมดเสน่ห์            เริ่มเสเพล เหหัน มานไถล
เบื่อของเก่า เหลาแก่ แลทำไม..?             ร้องห่มไห้ ไม่สน กมลดำ

      รักรสหวาน พลันขม ตรมตรอมจิต       มีชีวิต ชิดนรก หัวอกช้ำ
ตัวคนเดียว เปลี่ยวเปล่า ร้าวระกำ              เห็นตนทราม ต่ำค่า อนาถใจ

      จงรักนวล สงวนกาย เถิดวัยสาว          อย่ามัวฉาว เขลารัก จักอ่อนไหว
รักการเรียน เพียรรู้ เป็นผู้ใหญ่                  จนเข้าใจ ค่อยใฝ่รัก ฝักสุขเทอญ ฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓

กลอน หก : ชายทะเล





กลอนหก : ชายทะเล

      คลื่นซัด หาดซด รสคลื่น             คลื่นชื่น รื่นซัด หาดขาม
คลื่นซน หาดเซ ทะเลงาม                 คลื่นตาม ซบหาด สาดซม

      ฟ้างาม ตามมา ทะเล                 ฟ้าเห่ ทะเลกล่อม น้อมสม
ฟ้าจูบ ลูบไล้ ชายชม                       ฟ้ารมย์ ทะเลเร้า เสาวภา

      น้ำสาด หาดนอง ฟองคลื่น          น้ำชื่น หาดชม รมยา(รมย์)
น้ำสี ฟ้าใส ไหลซ่า                         น้ำพา อารมณ์ สมถวิล

      หาดเรียบ เหยียบร้อย รอยเท้า     หาดขาว เพราแหล่ง แต่งศิลป์
หาดเกลือก เปลือกหอย คอยจินต์       หาดริน กินคลื่น รื่นรมย์

      สายลม ซมซัด พัดคลื่น              สายน้ำ ตามตื่น ตื้นถม
สายตา สุขี นิยม                             สายสม แดดสาด อัชฌา ฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันอาทิตย์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนแปด : ง้อ งอน

               


กลอนแปด : ง้อ งอน

      ชลนัยน์ ไหลหลั่ง สั่งสะอื้น          โอ้...ขวัญยืน ขื่นขม อารมณ์ขาน
เพียงถ้อยคำ พร่ำพรั่ง พี่พลั้งพาล        ทรมาน ดวงจิต บิดดวงใจ

      ยินเสียงเศร้า ร้าวใจ ไห้รันทด       พี่สลด หมดสิ้น อินทรีย์สัยน์
จำงอนง้อ ขอโทษ โปรดอภัย             พี่ช่างไร้ ปัญญา ต่อหน้านาง

      ความรู้สึก กัญญา ละเอียดอ่อน     แสนซับซ้อน กว่าฟ้า เพลาสาง
ละอองมวล เมฆา ว่าบอบบาง             ยังไม่คว้าง ดั่งหทัย ใจนารี

      จำนนต่อ น้ำตา ละอ่อนจิต           จำนนผิด คิดพลาด น่าบัดสี
จำนนให้ นัยนา อาญาที                    จำนนพี่ แค่สุด หยุดน้ำตา

      ใจบุรุษ ผุดผาด องค์อาจหาญ       ฉกาจการ ฟันยิง วิหิงสา
ไม่กริ่งเกรง ไพรี พุ่งบีฑา                   แต่ต้องมา ปราชัย ให้นารี

      นงพะงา หากอภัย ให้พี่แล้ว          โอ้..น้องแก้ว โปรดรัก เป็นสักขี
ค่อยๆรัก น้อยๆ ถ้อยพาที                   แค่รักพี่ นานๆ นิรันดร ฯ

๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓

กลอนแปด : ละเมิดศีล = สร้างเวร





กลอนแปด : ละเมิดศีล = สร้างเวร

      อย่าดีใจ ว่าได้ กล้ำกรายศีล          พรากชีวีน ส่ำสัตว์ เดรัจฉาน
ฆ่า-ทารุณ ข่มเหง กล้าเก่งพาล            ทรมาน กลั่นแกล้ง แล้งน้ำใจ

      อย่ายินดี ได้ลัก ยักยอกทรัพย์       ขโมยรับ ของโจร ฉ้อฉลไถย
โกงโฉเก เจ้าเล่ห์ โฉดเฉไช                เบียดบังใช้ ของหลวง ปวงสาธารณ์

      อย่าดีใจ ได้ล่วง ประเวณี             ผิดวิถี ศีลธรรม งามสถาน
ถึงทั้งสอง พ้องพรรค สมัครมาน          ต่างร่วมสรรค์ การเวร ก่อเป็นกรรม

      อย่าพอใจ ได้พร่ำ คำโป้ปด          ล้างประโยชน์ คดสร้าง หวังยีย่ำ
การนินทา ด่าทอ ส่อจิตดำ                 ส่อเสียดคำ ต่ำช้า แสนสามานย์

      อย่ายินดี สุรา ยาเสพติด              ปัญญามิด มืดดล กมลหาญ
หลงสติ มิกลัว ชั่ว-บาป-พาล               สิ้นพิจารณ์ สัญญา อันตรธาน

      การกระทำ ทุกอย่าง สร้างเวรก่อ    ส่งผลส่อ คืนศักดิ์ วิบากสาน
ชั่วได้ชั่ว ดีได้ดี มีผลพาน                   เตือนตนต้าน เกรงกลัว ชั่ว-บาป เอย ฯ

๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันเสาร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนเปล่า : พลาดได้ แต่ ไม่ยอมแพ้

                        


กลอนเปล่า : พลาดได้ แต่ ไม่ยอมแพ้

ไม่ว่าวันเวลา จะช้าหรือเร็ว..
วันพรุ่งนี้....ก็ต้องมาถึง....

ถึงแม้ว่าวันนี้.... จะไม่ใช่วันพรุ่งนี้
แต่ก็มีบางสิ่งบางอย่าง...
และอีกหลายสิ่งหลายอย่าง....
ที่สายเกินไป...ที่จะเอื้อมมือไปแก้ไข.....

แต่ยังมีความผิดพลาดมากมายหลายสิ่ง....
มีความเป็นจริงอีกมากมายหลายอย่าง....
ที่ยังมีเวลาเพียงพอ...
ต่อการตั้งใจ...ใส่ใจ....ที่จะแก้ไข...
และ หรือ ทำให้ดีขึ้น

แม้ว่าการแก้ไขนั้นไซร้...
จะไม่อาจเรียกทุกสิ่งทุกอย่างที่สูญเสียไป...
ให้กลับมาเป็นเช่นดังเดิม...

แต่ก็ยังดีกว่า....
ปล่อยเวลาให้ผ่านไป...
โดยเอาแต่โศกเศร้าเสียใจ...
เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ....
เอาแต่ทำร้าย..และซ้ำเติมตัวเอง....

หรือรอคอย...
ให้ปาฏิหาริย์ลอยมา...
จากฟากฟ้า....
รอคอยความเมตตาสงสาร...
จากคนพาล สารเลว เลวทราม ต่ำสถุน...
ฯลฯ

มันไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย...
นอกจาก....
การที่เราจะตระหนักในศักยภาพของความเป็นมนุษย์....
คุณค่าของความเป็นคน...

สติปัญญาที่แม้ว่าไม่เหลือล้น....
แต่ก็ไม่ไร้สิ้นความคิดจน ปัญญาอ่อน...
ที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวตนของเรา....
แต่ถูกเก็บไว้อย่างอับเฉา....
เพราะไม่การที่เราไม่เอาใจใส่....

จงมองหาสิ่งดีๆที่มีในตน...
มองเห็นสิ่งที่เป็นขุมกำลังที่สั่งสมมาจากการเรียนรู้....
แล้วรวบรวมเป็นพลังเพื่อยืนหยัด....ต่อสู้....
อย่างผู้ไม่มีวันยอมแพ้...

ผู้ไม่มีวันยอมศิโรราบ...
แม้ต่อความหยาบทรามใดๆ...
ที่ไม่ควรเอามาใส่ใจ..
และไม่ยี่หระ....

จงทำทุกอย่างให้ดีที่สุด.....
ตราบเท่าที่ยังเป็นมนุษย์...
และยังคงสูดลมหายใจเข้า - ออก....ฯ

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓

กลอนรัก : จุมพิต ฝากฝัน

              
                                 

กลอนรัก : จุมพิต ฝากฝัน


      ราตรี นี้หนาวเย็น                ยามเดือนเพ็ญ เด่นจรัล
สองเรา เฝ้าชมจันทร์                สร้างตำนาน นิรันดร...

      ราตรี นี้รวยรัก                   เราสมัคร สโมสร
ประหนึ่ง ซึ่งอมร                      อัปสร ร่อนสวรรค์

      ดารา ระยิบยับ                  ประดับรัก ประจักษ์ยัน
เราสอง ตระกองกัน                 ต่างสัญญา ว่า..รักเดียว

      โลกลาน คนล้านแสน        ไม่เหมือนแม้น...แทน...แลเหลียว
เราสอง จะคล้องเกี่ยว              ใจแน่นเหนียว ดวงเดียวนาน

      นภา เพดานดุจ                 พงไพรผุด ผนังบ้าน
ดินเย็น เป็นเรือนชาน               ดารา-จันทร์ ดั่งบัญชร

      น้องแอบ พี่แนบกอด         โอบเอวคอด ยอดสมร
แก้มแนบ แก้มอาทร                กลิ่นบังอร ขจรขจาย

      หัวใจ อายเอิบอิ่ม             หลับตาพริ้ม ลิ้มรักพราย
รักแพร่ แลกระจาย                 สู่หัวใจ สายใยโยง

      อยากอยู่ คู่ขวัญชื่น          ลืมวันคืน ระรื่นหลง
เฝ้ากอด ตลอดคง                  ไม่คลายลง ปลงมือไป

      น้ำค้าง พร่างพรมแล้ว        โอ้..น้องแก้ว กาลแคล้วไข
เวลา มาเตือนใจ                    ยามคล้อยไคล ให้พรากกัน

      อำลา ดาวเดือนดิน           ยุพาพิน ปิ่นสุวรรณ
เข้านอน นะน้องขวัญ               ขอส่งกัล ยาณี

      จุมพิต ที่หน้าผาก             ประทับรัก จากใจพี่
จอมขวัญ จงฝันดี                   ฝันถึงพี่ ราตรีนาน...ฯ

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ : ศีลธรรม นำชีวีมีสุข



อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ : ศีลธรรม นำชีวีมีสุข
(ละเลยฉันทลักษณ์บางตำแหน่ง เพื่อรักษาเนื้อหา-สัมผัส)

    บุปผา ขจรจล......................สุวคนธ์ ขยลฟุ้ง(ขยล=ลม)
โสภา คณาปรุง....................จุนะลัพธ์ ประดับไพร(จุนะ=จุน)

    โกมุท สุคนธา.....................บุษบา ปราชัย(โกมุท=บัวแดง)
(ให้แก่)ศีลธรรม ชำระใจ.........ชิตแท้ กระแสลม

    ฝึกฝน กมลศรี......................สติมี ทวีคม
กำราบ ละบาปปม..................ปรมัติ ประหวัดหมาย

    สุทธี ลุศีลธรรม.....................ทมกรรม วจี-กาย(ทม อ่าน ทะมะ=การข่มใจ,การฝึกตน)
รักษา เสมอดาย....................ปฏิบัติ(ให้) ประสาธน์สิทธิ์(ประสาธน์=ทำให้สำเร็จ)

    รักษา สะมรรยาท...................มลปราศ ขจัดผิด(สะ=สวย)
สำรวม สมาจิต......................มิละเมิด ประเสริฐสำ(สำ=ไม่เป็นระเบียบ)

    ศีลธรรม นำสุขี......................ยศมี วิถีล้ำ
เทิดทูน สุธีธรรม....................สุคติ นิรามัย

    ความดี และศีลธรรม...............มนนำ ประจำใจ
สูงส่ง ดรงค์ชัย......................วรโพธ วิโรจน์สุนทร์(โพธ=ความรู้)

    จารีต ประเพณี.......................ศิริศรี ทวีบุญ
ครรลอง สนองคุณ..................ชิตเภท สิเฉทภัย(เฉท=ตัด)

    ธรรมา สุภาษิต.......................อธิศิษฏ์ วิจิตรใจ(ศิษฏ์=อบรมแล้ว)
ทิศทาง กระจ่างใส..................พรผล วิมลพันธ์

    ศีลตั้ง สนองมุ่ง.......................มนรุ่ง ผดุงสันติ์
ปัญญา ประภาพลัน.................อสุยั่ง สังขารยืน (อสุ=ชีวิต)ฯ

๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันอังคารที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนเปล่า : ที่รัก...จะใส่ใจไปใย...?


กลอนเปล่า : ที่รัก...จะใส่ใจไปใย...?

ที่รักจ้ะ....
จะใส่ใจไปใย...
ว่าวันนี้ ท้องฟ้ามีเมฆหนามาบดบัง....
จะยังเห็นดวงตะวันหรือไม่..?
ในเมื่อสิ่งที่สำคัญกว่านั้นไซร้...
คือ ยังคงมีกลางวัน และกลางคืน...ยั่งยืนอยู่ตลอดไป...

ที่รักจ้ะ...
จะสำคัญอะไร...
ว่า ณ คืนเดือนแรมคืนนี้...
จะมิได้เห็นเดือนแจ่มแฉล้มแช่มช้อย....
ในเมื่อสิ่งที่เราสามารถเฝ้ารอคอย...
คือในราตรีนี้ ยังมีดาราดวงน้อยนับร้อยพัน...
ต่างขันแข่งกันสาดแสงระยิบระยับ...วับวาว...พราวไสว

ที่รักจ้ะ...
จะขัดข้องใจไปใย...
ว่าทำไม ไม่มีสายลม...พัดโถมชโลมกาย...
ในเมื่อสองเรา...
เฝ้ามองท้องฟ้าใต้ชายคาแห่งพฤกษาใหญ่...
อันแสนจะร่มรื่น ชื่นอุรา...

ที่รักจ้ะ....
จะสนใจไปทำไม....
ว่าคืนค่ำ ยามน้ำค้างพรม...
เราไม่ได้เตรียมผ้าหนาๆมาห่มกาย...
ในเมื่อฉันอยู่เคียงใกล้...
พร้อมที่จะโอบกอดเธอไว้...ให้คลายหนาว...
ร่างของฉันจะบรรเทา...ราวเกราะกำบัง...
มิให้น้ำค้างที่หลั่งไหล...มากล้ำกรายเธอ...

ที่รักจ้ะ...
จะใส่ใจไปใย...
ว่าดวงตาของฉันกลมโตแค่ไหน...?
ในเมื่อดวงตาคู่นี้ มีที่หมาย...
คอยแต่จะจับจ้องมองเธออย่างใส่ใจ....อยู่ทุกเวลา....

ที่รักจ้ะ...
จะสำคัญอะไร...ว่าหัวใจของฉันมันเต้นแรงแค่ไหน...?
เพราะทุกครั้งที่หัวใจของฉันมันเต้นไหว...
มันบอกออกไป ว่า...รัก...รัก...รัก..เธอ....
คนเดียวในดวงใจ...

ที่รักจ้ะ...
จะมีความหมายอะไร...
ว่าอายุของเรา จะยาวเท่ากันหรือไม่...?
ในเมื่อตลอดอายุที่ผ่านมาของฉันไม่เคยมีใคร...
และตลอดชั่วอายุขัย...
ก็จะไม่มีใครต่อไป...นอกจากเธอ....

ที่รักจ้ะ...
อย่าวิตกไปมากมาย...
ว่าเราจะมีอายุยืนยาวเพียงไร...?
หากแม้นว่าเราต่างมั่นใจ...ว่าไม่ว่าจะอีกนานเท่าไร...
เราจะมีแต่กันและกัน...ตลอดไป....

ที่รักจ้ะ...
จะสนใจไปทำไม...?
ว่าฉันและเธอ...
เคยทำผิด คิดพลาด มามากขนาดไหน...?
เพราะสิ่งที่สำคัญกว่านั้นไซร้...
คือนับต่อแต่นี้ไป...
เราจะทำแต่สิ่งที่ดีงาม...ให้ดีที่สุด....เท่าที่จะทำได้....
เพื่อเป็นคนดี...ของกันและกัน....ตลอดไป....

ที่รักจ้ะ...
จะกังวลไปใย..
ว่าฉันจะมีน้ำใจมอบให้ใครต่อใครมากมาย...
เพราะถึงอย่างไร...เธอคือคนสำคัญที่สุดคนเดียว...
ที่ฉันจะไม่ละเลยในการเอาใจใส่...ห่วงใย...
และจะดูแลเธอ..อย่างไม่ให้ขาดตกบกพร่อง...หมองหม่นใจ...

ที่รักจ้ะ...
อย่าวิตกให้มากไป....
ว่า ความซื่อสัตย์สุจริต...จะสามารถนำพาชีวิตในอยู่รอดปลอดภัย...
ท่ามกลางสังคมที่โสมมนี้ได้หรือไม่...?
ในเมื่อสิ่งที่ประเสริฐและยิ่งใหญ่...
คือ เราจะไม่เอารัดเอาเปรียบผู้หนึ่งผู้ใด....แม้แต่คนเดียว
เพียงเพื่อความอยู่รอดของเรา....
เราตั้งใจ...และต้องทำได้....

ที่รัก....

๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนเปล่า : ต้นรักในกระถางใบน้อย



กลอนเปล่า : ต้นรักในกระถางใบน้อย
(กลอนเรื่องนี้ แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่ความจริง
ไม่อาจใช้อ้างอิง / เทียบเคียงกับความรักของใครได้)

ที่รักจ้ะ...

ความรัก..ที่เราทั้งสอง...
ต่างปลูกไว้ ในหัวใจของกันและกัน...
เธอดูแล ต้นรักของเธอ...
ฉันดูแล ต้นรักของฉัน....

เธอ ปลูกต้นรักนั้นไว้ ในชีวิต...
ทุ่มเทให้ ทั้งจิตใจ...เร่งคืนเร่งวัน...
จนมันเติบใหญ่ อย่างรวดเร็ว...

ส่วนฉัน ปลูกต้นรักไว้ ในกระถางใบน้อยๆ น่ารัก ในหัวใจของฉัน...
และฉันก็หมั่นดูแล เอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอ...
ด้วยหัวใจของฉัน...
เป็นต้นรัก ต้นน้อยๆ...ที่น่ารัก...

เมื่อเธอมองดู ต้นรักของเธอ...
เปรียบเทียบกับ ต้นรักของฉัน...
ที่อยู่เคียงข้างกันอย่างแตกต่าง...
เธอคงไม่พอใจ และคิดว่าฉันรักเธอ น้อยเกินไป....
บางครั้ง เธอยังคลางแคลงใจด้วยซ้ำไป..
ว่าจริงๆแล้ว ฉันรักเธอหรือไม่...?

เธอต้องการให้ต้นรักทั้งสอง สูงใหญ่เท่าเทียมกัน...
สวยงามเท่าๆกัน...

ที่รักจ้ะ...
ฉันก็อยากให้มันเป็นเช่นนั้น....
แต่ฉันยังไม่พร้อม...
และที่จริง...
เธอก็ยังไม่พร้อมเช่นเดียวกัน...

ฉันดูแลต้นของฉันอย่างเหมาะสม...
สมกับสถานภาพที่ฉันกำลังเป็นอยู่...
ได้ดุลภาพกับข้อจำกัดที่ฉันกำลังเป็น...
พอเหมาะพอควรกับภาระที่ฉันกำลังต้องรับผิดชอบ...

ต้นรัก ต้นน้อยๆของฉัน...
มันมีขนาดพอดี...
ที่ฉันจะดูแลได้อย่างเต็มที่...

ฉันไม่สามารถดูแล...
ต้นรักที่ใหญ่โตกว่านี้ได้...
ฉันยังไม่ต้องการ ที่จะมีต้นรักที่ใหญ่โตกว่านี้...
ในขณะนี้...

ที่รักจ้ะ...
อย่าเพิ่งเร่งรัดฉันได้ไหมจ้ะ..
มันยังไม่ถึงเวลา...
ที่เราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน....
เพราะชีวิตของฉันยังไม่พร้อม...
และเธอก็เช่นเดียวกัน...

ยังมีเวลาอีกมาก...
ยังเป็นเวลาอีกนาน...

แต่เธอเร่งความเจริญเติบโต
ของต้นรักของเธอ...
และมีความสุข กับการได้ดูมันเติบโตอยู่อย่างนั้น...

ฉันเองก็มีความสุข ที่ได้เห็นต้นรักของเธอ...
และพอใจ กับต้นรัก ในกระถางน้อยๆของฉัน..
เช่นเดียวกัน...

แม้มันจะแตกต่างกันมาก...
แต่มันก็เป็นต้นรัก...
ที่ผูกพันเราสองคน...เข้าใว้ด้วยกัน...

ที่รักจ้ะ...
รอก่อนเถอะนะจ้ะ....
รออีกหน่อย...
รอให้ฉันค่อยๆจัดการกับภาระหน้าที่ให้เรียบร้อย...
รอให้ฉันสร้างฐานะให้มั่นคง...
รอให้ฉันตระเตรียมชีวิตให้ลงตัวเสียก่อน...

แล้วฉันจะย้ายต้นรักของฉัน...
ออกจากกระถางใบน้อย...
ไปปลูกในชีวิตของฉัน...
ทั้งชีวิต...
ดูแลมันด้วยหัวใจ...
ทั้งหัวใจ...

ขอให้คำมั่นสัญญาว่า...
ต้นรักของฉันจะสูงใหญ่...
เติบโตเท่าๆกับต้นรักของเธอ...
แล้วจะอยู่เคียงคู่กัน....
อย่างสง่างาม...ฯ

๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนรัก : จดหมายเปิดผนึก..จาก..ความรัก



กลอนรัก : จดหมายเปิดผนึก..จาก..ความรัก

      " รัก " คือความ รู้สึก แสนลึกลับ           อย่าสลับ กับอารมณ์ โฉมคลึงไข
ไม่ใช่สิ่ง เสแสร้ง เติมแต่งได้                     ไม่มีใคร สามารถ บงการ " รัก "

      " รัก " เป็น อิสระ อย่าคาดหวัง             หากใคร่ยัง คาดเดา ต้องเขลาขลัก
ไม่สามารถ ตัดสิน จินต์ทายทัก                   ไม่ใช่อยาก " รัก / ไม่ " ดั่งใจปอง

      " รัก " ไม่ใช่ ความคิด จิตตั้งใจ             " รัก " เป็นไท ธรรมชาติ ปราศเจ้าของ
ใครมั่นหมาย ใน " รัก " เศร้าจักครอง            ไม่อาจป้อง ปก " รัก " ยากดั่งใจ

      " รัก " ไม่ต้อง รอใคร ให้มาปลูก           " รัก" จะสุก ถูกสร้าง อย่างยิ่งใหญ่
" รัก " จะไม่ ดูแล แม้จิตใจ                        " รัก " โตได้ ตายได้ ใน" รัก" เอง

      " รัก " ไม่ขอ รอใคร ให้วางแผน           " รัก " โลดแล่น ทะยาน บานเบิกเบ่ง
ไม่บริหาร จัดการ " รัก " บรรเลง                 เพราะ " รัก " เก่ง กาจกล้า อย่าลองดี

      " รัก " จะเป็น ทุกสิ่ง จริงทุกอย่าง         " รัก " จะวาง ทางรัก เป็นสักขี
ความสัมพันธ์ สานใย ในฤดี                       ทุกสิ่งมี รับใช้ ภายใต้ " รัก "

      " รัก " มุ่งตรง ส่งไป คล้ายลอยล่อง       " รัก " ไม่ต้อง ลองดู ยุให้หนัก
" รัก " เติบโต เร็ว / ช้า หรือชะงัก               ไม่ต้องผลัก ลากดัน กีดกันไป

      ใครอาจมา บังคับ กับความรัก              ใครอาจผลัก ค้ำจุน หนุนเติบใหญ่
" รัก " เติบโต โก้หรู อยู่ในใจ                     ไม่อาศัย ใครเฝ้า แม้เจ้าตัว

      " รัก " เลือกทิศ คิดทาง อย่างเสรี         " รัก " ไม่มี เป้าหมาย ให้ปวดหัว
" รัก " เป็นต้น-ผล-ดอก ออกถ้วนทั่ว           แม้ไร้ตัว ไร้ตน คน(ยัง)ใคร่ " รัก "

      " รัก " เป็นบท ทดสอบ ใจ " ชอบ / ผิด "  " รัก " แผลงฤทธิ์ จิตไส หลายสิ่งผลัก
ชั่ว-เลว-ทราม-งาม-ดี -ศีลธรรม ฯลฯ ภักดิ์      ใจแน่นหนัก เพียงไร ได้รู้กัน ?

๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๓

วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553

กลอนรักจากพระไตรปิฎก : สักกปัญหสูตร



กลอนรักจากพระไตรปิฎก : สักกปัญหสูตร

      ใครเล่า เคยเข้าใจ         ในพระไตรฯ มิไร้รัก
กลอนหวาน สำราญวรรค        มีประจักษ์ จักแจ้งไข

      สักกะ ปัญหสูตร             เทพทูต หวังพุทธไท้
อนุญาต เข้าเฝ้าได้                บรรเลงพิณ ระบิลรัก

      " สุริยะ วัจฉสา               เทพกัลยา เสาวพักตร์
นารี พี่หลงรัก                       บุตรติมพรุ ผู้เป็นใหญ่

      ดุจลม รมย์ผู้ล้า               น้ำโอชา ผู้โหยไห้
ธรรมะ อรหันต์ไฝ่                   ผู้ป่วยไข้ หมายโอสถ

      คนหิว อยากอาหาร          ไฟต้องการ น้ำรานรด
เยาวมาลย์ ปานมธุรส              โปรดสนอง รักของพี่

      ดุจช้าง แดดแผดอ้าว         สระบัวขาว โบกขรณี
แช่เย็น เร้นร้อนมี                    น้องของพี่ นี้ขางาม

      พี่รัก และหลงใหล             ดุจช้างไม่ เข้าใจความ
ถูกหอก-ขอ ตอกตาม                มิรู้กรำ ชำนะกรม

      ใจพี่ ปฏิพัทธ์                   ไม่ขัดคืน ฝืนระดม
ดุจปลา กลืนเบ็ดจม                 ไม่อาจถ่ม อมไม่คาย

      เชิญน้อง กัลยณี                ผู้มีขา งามกว่าหลาย
นัยน์ตา ชม้อยชม้าย                 สวมกอดกาย ให้พี่ยา

      รักพี่ มิได้น้อย                   ดุจพี่คอย ทักษิณา
ถวาย และบูชา                        อรหันต์ ท่านทั้งหลาย

      บุญมี ที่พี่ทำ                     ขอคนงาม ล้ำเรือนกาย
อำนวย ช่วยรักพราย                  สำเร็จหมาย ได้สมรัก

      สุริยะ วัจฉสา                     พี่มุ่งมา สวามิภักดิ์
ดุจพุทธะ บุตรสักย์                    แสวงหลัก อมตะการ

      พุทธะ พระมุนี                    ทรงยินดี สัมโพธิญาณ
ดั่งพี่ ยินดีการ                          คลอเคลียนันท์ ถวัลย์น้อง

      หากท้าว สักกะไท้              อวยพรให้ ได้สมปอง
ขอพี่ สมมีน้อง                         สนองรัก นิรันดร์เอย " ฯ

๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๓

เรียงร้อยจาก:
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค สักกปัญหสูตร