ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รักษาหัวใจ : กลอนเจ็ด



รักษาหัวใจ กลอนเจ็ด

๏    รักษา หัวใจ ให้สะอาด..................ในโลก ดารดาษ อาชญาเห็น
กระทบ กระทั่ง ครั้งคราวเป็น...................เรื่องยาก ลำเค็ญ เร้นขุ่นมัว

    ปลุกเจต เมตตา ป้องอาฆาต...............กรุณา สามารถ ปัดเป่าชั่ว
อุเบกขา อาศัย มิไกลตัว.........................สัมมา อย่ากลั้ว เกลือกมลทิน

    โทสะ ระงับ ประทับจิต.......................พิชิต ศึกใหญ่ เกรียงไกรผิน
แต่คน เลวหลาย ดายแผ่นดิน..................ชีวิน ชินชา อนาทร

    ของหลาก มากมาย ให้ใคร่อยาก..........บั่นบาก ฝักใจ อย่าไปหย่อน
อยากมี อยากได้ พาใจจร........................เร่ารุก ทุกข์ร้อน ผลย้อนยล

    (คน)ยุคใหม่ ใจมัว ยั่วราคะ..................มิจฉา สติ ดำริฉล
ขืนต้อย คล้อยตาม ทรามติดตน................มืดมน อลหม่าน อาจบรรลัย

    คนดี มีน้อย คอยขบคิด.......................อมิตร นิตยา พบปราศรัย
ทำดี มิได้ ดีอะไร...................................อย่าไป โทษสบถ กฎแห่งกรรม

    ศีลวัตร ศรัทธา รังสฤษฏ์.....................วิจิตร กิจจา จงอุปถัมภ์
เชื่อบาป ถือบุญ ทรงคุณธรรม..................ชี้นำ ชีวิต ชวลิตชนม์(ชวลิต=สว่าง,รุ่งเรือง)

    หัวใจ ได้ผ่าน การปกปัก.....................อภิลักษณ์ สักขี ศรีกุศล
อาศัย ในโลก ที่วกวน.............................สุขี ปรีดิ์ผล พิมลเอย ฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ขอให้คนชั่วไม่ได้ดี : กาพย์ยานี๑๑



ขอให้คนชั่วไม่ได้ดี : กาพย์ยานี๑๑

๏   เมฆี มีสีขาว.......................ลอยลิ่วราว รีบไปไหน
เมฆฝน อยู่หนใด ?.....................มองไม่เห็น เป็นกังวล

    ข้าวปลา จะขาดแคลน.............หากว่าแม้น แร้นไร้ฝน
ชีวา ทั่วสากล............................จิประจญ ทุพภิกขภัย

    ถ้าหาก (ฟ้า)อยากลงโทษ........ขอได้โปรด เลือกได้ไหม ?
คนดี มีน้ำใจ..............................อย่าให้ต้อง ข้องตรมตรำ

    ส่วนคน โฉดฉลจิต..................ทุจริต คิดฉ้อส่ำ
ฟ้าจง ลงโทษจำ........................ให้กำสรด อดอยากซาน

    อย่าให้ ชนร้ายมี.....................ยศศักดิ์ศรี โภคีศานติ์
อำนาจ อาจบันดาล.....................เพื่อโกงการ ผลาญแผ่นดิน

    ชนใด ใช้หน้าที่......................สร้างกาลี บีฑาฉินท์(ฉินท์=ทำลาย)
อย่าให้ ได้มีกิน..........................มีตำแหน่ง แต่งใหญ่โต

    บรรดา อันธพาล.....................ชั่วสามานย์ ฉานอวดโอ้
ฝนฟ้า อย่าเลโล.........................เดโชช่ำ ทำโทษที

    โลกา จะอยู่เย็น.....................สงบเห็น เป็นสุขี
เพราะคน ดีได้ดี.........................คนอัปรีย์ วิการเอย ฯ

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

คงหมดวิธีแก้วิกฤติ : กลอนสิ่งแวดล้อม



คงหมดวิธีแก้วิกฤติ : กลอนสิ่งแวดล้อม

๏   ร้อนจน คนตาย.....................ข่าวร้ายใน ฤดูฝน
ที่ต้อง อดทน...............................ที่คน บ่นลำ เค็ญใคร่
ร้อน ขนาดนี้................................ไม่มี มาแต่ ครั้งใด
ฝนหนอ ก็ไร้................................ไม่ตก ต้องตาม ฤดู

    แทนที่ สิคิด.............................วิกฤติ การณ์หา สาเหตุ
แก้ภัย ร้ายเภท.............................ร่วมเจตนา อุตส่าห์สู้
กลับมุ่ง เริงรมย์............................นิยม สำราญ พันตู
อย่างไม่ รับรู้................................โลกสู่ วิกฤติ ผิดการณ์

    กระตุ้น (จิต)สำนึก.....................รู้สึกว่า จะไร้ผล
ค่านิยม ของคน.............................สนใจ ใคร่สุข สนุกสนาน
กิน-ใช้-ทำลายล้าง.........................อย่างโง่เขลา เมาสันดาน
โลกจึง แหลกลาญ.........................เพียงผ่าน ไม่กี่ พันปี(ของอารยธรรมมนุษย์)

    แล(ภาย)ใน พันปี......................โลกนี้ (คน)จิอยู่ ไม่ได้
นักวิทยา ศาสตร์ใหญ่.....................ทำนาย ให้คำ นำชี้
เมื่อคน ส่วนใหญ่...........................ไม่ใส่ใจ มิใยดี
คงหมด วิธี...................................หลีกลี้ วิกฤติ พิษกรม

    (บาง)ศาสนา งมงาย...................ความเชื่อ ฉิบหาย ไสยศาสตร์
อุระ ประมาท.................................ความขาด สัตธรรม ส่ำสม
จิตใจ เลโล...................................จึงเติบโต แต่โง่งม
ฝันสู่ (ความ)อุดม...........................แต่กลับ ทับถม ทำลาย ฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘

'สตีเฟน ฮอว์คิง'ย้ำมนุษย์ต้องย้ายไปอยู่บนอวกาศภายใน1,000ปีนี้.... อ่านต่อได้ที่ : http://goo.gl/rkHxIV

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ขอถามความจริง : กลอนเจ็ด(กลอนคติชีวิต)



ขอถามความจริง : กลอนเจ็ด(กลอนคติชีวิต)

๏   บ่อยครั้ง ยังคง งงชีวิต......................วิกฤติ วิกล วนปัญหา
สารพัด ขัดสน จนปัญญา..........................เข้ามา ถาโถม โหมหทัย

    โดยเฉพาะ เคราะห์กล้า (ระดับ)มหภาค.....เกิดจาก หลากชน คนส่วนใหญ่
กระทบ กลบท้น ทุกคนไป.........................ทั้งคน ใดๆ ไม่ได้ทำ(กรรมเวร)

    (เช่น)ไม่เคย ตัดไม้ ทำลายป่า................(ยัง)รณรงค์ รักษา ชวนอุปถัมภ์
มลพิษ ผลิตน้อย คอยชี้นำ.........................(กลับ)ระกำ โลกร้อน ย้อนผลมี

    ไม่เคย โกงกิน แผ่นดินด้าว.....................โฉดฉาว ชั่วช้า สละหนี
แทบไม่ ได้รับ กับผลดี...............................ที่รัฐ (ฐะ)บาล ผลาญงบดุล

    (กลับต้อง)ร่วมรับ ภาระ หนี้ภาครัฐ............สารพัด เงินกู้ สู่เวียนหมุน
ถูกรีด รายได้ ไถพิบุล.................................(เพื่อ)อุดหนุน ทุจริต ราช(การ)กิจกรรม

    อบายมุข ทุกอย่าง มิย่างกราย..................พฤติกาม ทรามร้าย มิกรายกล้ำ
(กลับต้อง)ร่วมรับ สรรพสม สังคมระยำ...........เหล้า-ยาฯลฯ อธรรม ระกำทาง

    อุตส่าห์ ประหยัด มัธยัสถ์จ่าย...................เก็บออม รอมหลาย ไม่เหินห่าง
แต่คน ส่วนใหญ่ ใคร่สำอาง..........................แส่ต่าง สร้างหนี้ มีล้นตัว

    เกิดสรรค์ ปัญหา เศรษฐกิจ......................(ต้อง)พลอยติด ร่างแห แลปวดหัว
ข้าวยาก หมากแพง แข่งพันพัว.....................รายได้ หายทั่ว ทั้งธานี

    ไม่เบียด เบียนใคร ให้ลำบาก....................บั่นบาก รักษา ธรรมาศีล์
แต่ชน โฉดช้า ประดามี................................ชีวี พีภัย รายรอบตน

    ขอถาม ความจริง สิ่งศักดิ์สิทธิ์...................วิกฤติ ติดพัน อันเหลือล้น
อัปรีย์ ที่ข้า ต้องประจญ...............................เป็นผล กรรมา ปางคราใด ?

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผู้ชมจากประเทศจีนที่หายไป


ผู้ชมจากประเทศจีนที่หายไป


        นานพอสมควร ที่รัฐบาลจีน บล็อค-ปิดกั้นการเข้าถึง ทุกๆผลิตภัณฑ์ของ Google
        ทำให้ผู้ชมจากประเทศจีน ไม่สามารถเข้าชม blogger.com ได้
        ยอดผู้ชม avijjapikkhu.blogspot.com นี้ จึงหายไป หลายหมื่น/ปี
        โลกนี้ยังมีอะไรๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้-การพัฒนา-ความสำเร็จอยู่อีกมาก

         ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘

ขอ...อย่ากลับมาเกิด : กาพย์ฉบัง๑๖



ขอ...อย่ากลับมาเกิด : กาพย์ฉบัง๑๖

๏   ไม่เคยคิดว่าฟ้าฝน..................จะวิกฤติจน
อลหม่านปานปีนี้เลย

    (วัน)พืชมงคลพ้นผ่านนานเฉย..................ธาราระเหย
เผยให้เห็นท้องนที

    ตะกอนแตกระแหงแห้งเหือดมี................ซากไร้ชีวี
อุจาดบัดสีมิน่าชม

    ไอผ่าวเร่าร้อนระบม..................อุษณะสะสม(อุษณ-=ความร้อน)
ไร้ความรื่นรมย์นิยมยวน

     เปรียบปริชีวีชี้ชวน..................กว้าง-ไกลใคร่ครวญ
ไม่อยากหวนมาประสบเห็น

    ภพแห่งกองกรรมทำเวร..................ทุกข์กระสานซ่านเซ็น
สุขเย็นเป็นอยู่ยากหนักหนา

    ดิ้นรนทนมีชีวา.................เหงื่อตรำน้ำตา
นานาปัญหาสารพัด

    ระทมขมขื่นยืนหยัด................รู้สึกอึดอัด
ความเป็นสัตว์ร้ายในคน

    สันดานชาญชัฏฉ้อฉล..................หน้าเนื้อเสือมน
เสียจนยากเหลือเชื่อใจ

    ตั้งจิตพิษฐานการใด................ปุญญาข้าไซร้
ได้ทำสำเร็จเสร็จสม

    หากแม้นมากพอขอพนม.................สิ้นลาญปราณลม
อย่ากรมมาเกิดอีกเลย ฯ

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน : กลอนเจ็ด



ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน : กลอนเจ็ด

๏    ซื่อสัตย์ สุจริต ชีวิตง่าย........................สบาย สบาย ในสุขศานติ์
ไม่หลอก ลวงใคร ให้สามานย์......................สำราญ รมย์รื่น ชื่นฤดี

    ความคิด จิตใจ ใสบริสุทธิ์.......................เพราะหยุด โฉดฉล พ้นบัดสี
ยึดถือ ซื่อสัตย์ ปฏิบัติปรีดิ์...........................ชีวี สะอาด โชติชัดเจน

    ประกอบ สัมมา อาชีวะ...........................วิริยะ กล้าแกร่ง แข็งขันเข็น
ไม่คด ข้องโกง ตรงกฎเกณฑ์......................ไม่ก่อ บาปเวร เป็นหนี้กรรม

    คบใคร ไม่คิด จิตไม่ซื่อ..........................บันลือ ซื่อตรง ส่งเสริมล้ำ
ไม่หัก หลังใคร จิตใจดำ.............................ไม่ทำ ทรยศ โป้ปดปอง

    ไม่ก่อ กรรมชั่ว (ย่อม)ไม่มัวหม่น...............กุศล ผลดื่น คืนสนอง
มีกิน มีใช้ ได้เงินทอง.................................ทำมา ค้าคล่อง ตามต้องการ

    ซื่อกิน ไม่หมด คดแคลนขาด...................ธรรมชาติ สัจจา ปาฏิหาริย์
ทรัพย์สิน ที่โกง คงไม่นาน...........................บาปกรรม จำราญ ตามบัญชา(จำราญ=ทำลาย)

    โกงคน คนเดียว กรรมเกรี้ยวกราด..............โกงชาติ บ้านเมือง เรื่องหนักหนา
เท่ากับ โกงชน ท้นพารา..............................บาปเกิน พรรณนา ว่าเพียงไร

    มีใคร ยากจน (เพราะ)เป็นคนซื่อ ?.............ยึดถือ ธรรมา หายากไร้
โฉดฉล ค้นคิด คือพิษภัย.............................อย่าหมาย ได้ดี นิรันดร ฯ   
   
๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความหวังความสุข : กลอนหก



ความหวังความสุข : กลอนหก

๏    เมฆน้อย ลอยลิ่ว ปลิวลม.....................มิสม เหมือนฟ้า หน้าฝน
แดดร้อน อ่อนล้า ระรน.................................มิบ่น ทนพอ ทรมาน

    หญ้าไร้ ใบเรียว เขียวสด..........................แห้งหด หมดงาม ยามผ่าน
ตระหนก ตกวาร กันดาร ?.............................ข้าวปลา อาหาร บรรลัย ?

    ท้องนา หาน้ำ ลำบาก..............................ถ้าหาก (ฝน)ยากมา ทำไฉน ?
ฝนที่ ทิ้งช่วง ล่วงไป....................................ทำให้ หมดหวัง หมางมน

    (หาก)ความสุข ผูกกับ ความหวัง................คงหวัง สุขยาก มากหน
หวังใด ในชี วีชน.........................................สมดัง กมล ถกลมี(ถกล=ตั้งขึ้น)

    ผิดหวัง สร้างทุกข์ ซุกเข็ญ........................เพราะเป็น โลกีย์ วิถี
(ส่วน)โลกุต ตรธรรม กรรมธีร์.........................ไม่มี ความหวัง บังควร

    แม้แต่ ความสุข ผูกพัน.............................ยังหัน ตัณหา มนาหวน
ไม่ผูก สุขพัน กรรม์กระบวน............................ถี่ถ้วน ธรรมา อรชุน(อรชุน=ขาว,ใส)

    วิถี ที่ไม่ คาดหวัง.....................................กลับบัง เกิดจิต อุกฤษฏ์สุนทร์
กุศล กลกรรม ทำบุญ....................................เพิ่มคุณ พูนพัฒน์ สัตพาน

    วิถี ที่ไม่ คาดสุข.......................................กลับปลุก วิเวก เสกศานติ์
เปิดโล กทัศน์ สัจการ....................................อนิจจัง สังขาร บัญชร ฯ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ทวนกระแส : กลอนคติชีวิต



ทวนกระแส : กลอนคติชีวิต

๏    สระโบก ขรณี...................ไม่เพียง แค่มี บัวบาน(โบกขรณี=สระบัว)
ภุมริน บินผ่าน...........................ปักษา แมลงลาน หลากหลาย
ในน้ำ มีปลา..............................บรรดา สัตว์น้ำ มากมาย
โคลนขุ่น วุ่นวาย........................ซากพืช-สัตว์ตาย สลายตม

    ปลาต่าง บางตัว.....................เกิดหัว คิดกล้า พิษฐาน
หมายปอง ต้องการ.....................ลำธาร ศานติ์ใส พิไลสม
จึง(ว่าย)ทวน กระแส...................ไม่แล เหลียวเปลี่ยว ระทม
ทวนน้ำ ท่ามระบม.......................สู่อุดม บรมคีรี

    ไพรสณฑ์ ต้นน้ำ.....................ดื่มด่ำ ความใส บริสุทธิ์
ตาน้ำ ดำผุด...............................ประดุจ สวรรค์ พิมานศรี
ปราศจาก ซากสัตว์......................ซากพืช อึดอัด อุจาดมี
ดำรง ชีวี....................................สุขี พิพัฒน์ อัชฌา

    สังคม สมสั่ง...........................ทุกอย่าง ทั้งหลาย ให้หลง
ดี-ทราม ดำรง.............................ยืนยง คงอยู่ คู่ปัญหา
โลกีย์ วิสัย.................................ทำให้-ทำลาย ทัศนา
วิถี ชีวา......................................โฉดช้า จลาจล วนวาย

    บรรดา บัณฑิต.........................แจ้งจิต พิชยา ปรารภ
ทวนกระ แสสบ.............................อบรม ข่มคิด ขวนขวาย
ศีลธรรม์ จรรยา.............................นำพา ชีวิต กรีดกราย
สะอาด สบาย...............................คลี่คลาย ปัญหา อภิรมย์

    วางบาป วาบวาว.......................ชีวิต พิศพราว บริสุทธิ์
วิถี วิมุติ.......................................ผ่องผุด ชุติมา อาศรม
ปกเกล้า เบาใจ.............................โศกไร้ ไสทุกข์ ระทม
อบอุ่น อารมณ์..............................อุดม อุกฤษฏ์ อิสรา ฯ

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มุมมองของความจริง : กาพย์ยานี๑๑



มุมมองของความจริง : กาพย์ยานี๑๑

๏    มุมมอง ของความคิด......................ไม่ยึดติด กับค่านิยม
ประเพณี ที่สังคม.................................รักษ์สั่งสม มานมนาน

    มองหา สัจจาสิ่ง..............................ความเป็นจริง อิงแก่นสาร
ปราศโทษ และโปรดปราน.....................การประโยชน์ ประโมทย์มี

    มุมมอง ของกุศล.............................สละพ้น มลวิถี
ส่องผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี..............................ที่พิสุทธิ์ ดุจพิรุณ

    อคติ มิประสงค์................................ถูกต้อง-ตรง ส่งเสริมหนุน
สุจริต วิจิตรคุณ....................................จรูญก่อ ประเสริฐกรรม

    สุขุม ลุ่มรำลึก..................................เว้นผนึก (ความ)รู้สึกสำ(ปะปนกัน)
อารมณ์=อาจม จำ................................ปรำใคร่ครวญ แปรปรวนไป

    มุมมอง ของชีวิต..............................อย่าพลาดผิด พินิจฉัย
ผิดทิศ->ผิดทางไกล............................ไม่อาจกลับ มาปรับปรุง

    เท่าทัน ภยันตราย............................ความฉิบหาย เว้นหมายมุ่ง
ตั้งใจ ใฝ่จรุง.......................................อย่าฟุ้งซ่าน รำคาญจินต์

    เข้าใจ ใช้ชีวิต.................................เข้าใจคิด เป็นนิจสิน
ฝึกฝน จนเคยชิน.................................เป็นปิ่นปัก ศุภลักษณ์เอย ฯ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การอพยพย้ายถิ่น : กลอนแปด



การอพยพย้ายถิ่น : กลอนแปด

๏    โรฮิงญา ปรากฏ สลดการณ์.....................โลกสถาน ลานท้น ล้นทุกข์เข็ญ
ภูมิภาค อื่นๆ ดาษดื่นเป็น................................มีให้เห็น เจนตา การอพยพ

    สุดอัดอั้น ปัญญา หาทางออก.......................ไม่อยากบอก เวรกรรม ตามประสบ
หลากเหตุผล กลไก ต่างไปพบ.........................หลากจุดจบ ขบคิด วิกฤติคลาย

    ในอดีต นิจพาน การอพยพ...........................โลกพิภพ จึงแพร่ พันธุ์แลหลาย
ทั้งพืช-สัตว์ พลัดสถาน พรากบ้านกราย...............กระจัดกระจาย ย้ายถิ่น ชีวินทน

    จุดมุ่งหมาย ให้มี ชีวิตรอด............................เหตุทิ้งทอด บ้านเกิด เตลิดหน
การแบ่งแยก (ความ)แตกต่าง สร้างเงื่อนดล.........ปัจจุบันปน ปัญหา นานามี

    ความขาดแคลน อาหาร การผลิต...................เป็นวิกฤติ ปัจจัย ต่อไปนี้
สภาวะ โลกร้อน ย้อนผลพี................................ทำให้มี ปรากฏ อดอยากการณ์

    จะได้ยล คนไทย ย้ายทิ้งถิ่น..........................ทิ้งแผ่นดิน สินด้าว โศกเผาผลาญ
แผ่นดินไหว-น้ำท่วม-น่วมกันดารฯลฯ...................ทรมาน ทานทน ทุกข์จนใจ

    คลื่นกระแส โลกีย์ โหมบริโภค.......................ทำลายโลก ปกเข็ญ เป็นเงื่อนไข
คนส่วนน้อย คอยเตือน ก็เตือนไป.......................คนส่วนใหญ่ ไม่สน หมดหนทาง

    กลียุค ทุกข์เข็ญ เป็นเพราะคน.......................ทำตามใจ ให้ผล ร้อนรนพร่าง
ความคิดมี (แต่)มิใช้ ให้ถูกทาง...........................กลับแส่สร้าง ปัญหา สาสมเอง ฯ

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ครรลองของความเป็นคน : กลอนเจ็ด



ครรลองของความเป็นคน : กลอนเจ็ด

๏    อาทิตย์ อุทัย ประไพภา......................ชมไม้ ชายป่า หลังฟ้าฝน
กลับมา เขียวขจี นิรมล.............................ไม่หม่น หมองเศร้า เหมือนคราวแคลน

    หยดน้ำ ยามคา บนหญ้ายอด.................ถ่ายทอด ประกาย ไสวแสน
ต้นไม้ ได้น้ำ งามฟื้นแทน..........................ทุรกาล สารแก่น แหนโลกา

    ต้นหญ้า ป่าไม้ ให้ประโยชน์...................มิเห็น เป็นโทษ โฉดชั่วช้า
แต่คน สนเท่ห์ ต่อเจตนา...........................เกิดมา กล้าแกร่ง แข่งทำลาย

    คุณค่า โดดเด่น (ของ)ความเป็นคน..........คือผล ผลิต พิสิฐหลาย(พิสิฐ=วิเศษ)
อุตสา หะกาจ พัฒน์ใจ-กาย........................อติชาติ มาดหมาย ไม่จำนน

    ทำตัว มัวแต่ แส่ราคะ............................โทสะ ทวี พี อกุศล
โง่เขลา เมามาย มิใช่คน............................ดิรัจฉาน ดาลดล สืบชนม์มา

    ความรู้ คู่(ความ)คิด จิตพิสัย....................ความไร้ กิเลส เจตน์ตัณหา
เพียงคน เท่านั้น จำนรรจา..........................ปรีชา ปราโมทย์ ประโยชน์มอง

    สำรวม กาย-ใจ ไม่ก่อบาป......................กำราบ อกุศล มลทินผอง
ความดี ธีรฐาน ถือครรลอง.........................มานปก ยกย่อง ป้องคุณธรรม

    พัฒนา ค่าของ ครรลองคน.....................อย่าให้ อกุศล ฉลฉ้อสำ(สำ=ปะปนกัน)
ระงับ บาปเวร เป็นกิจกรรม.........................เลิศล้ำ จำเริญ มิเกินเลย ฯ

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วิถีชีวีที่ไร้กังวล : กาพย์ฉบัง๑๖



วิถีชีวีที่ไร้กังวล : กาพย์ฉบัง๑๖

๏    เสียงฝนรินโรยโปรยปราย.....................ดังมิขาดสาย
ยังให้จิตใจสบายหนอ

    ดินดอนร้อนเร่าเฝ้ารอ....................พงพนาหญ้ากอ
ต่างก็สดชื่นรื่นรมย์

    กบ กร่างร้องก้องข้องขรม..................นิศาระงม
เฉกชมมโหรีพิไล

    เสียงสรรพดังสดับจับใจ..................ธรรมชาติสดใส
ไร้มลทรามงามผ่องศรี

    เสมือนการพัฒนาชีวี..................(ด้วย)คุณธรรมความดี
คือวิถีที่อดิศัย

    หากกิเลสตัณหาพาไป................ทำตามอำเภอใจ
หยาบช้าสาไถยไป่อาทร

    จะประสบกับความเดือดร้อน..................ทุกข์ยากสากซอน
กัดกร่อนชีวาอราดี(อราดี=ไม่ยินดี)

    สุจริตกิจกรรมธรรมมี.................บุญผลดลพี
บารมีงอกงามจำเริญ

    นักปราชญ์อัศจรรย์สรรเสริญ..................เลอเลิศเพลิดเพลิน
ดำเนินชีวานราชัย

    ละก่อบาปเวรเร้นภัย.................มิกังวลใจ
ทั้งในชาตินี้-ชาติหน้าเอย ฯ

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วังวนวัตถุ : กลอนเปล่า



วังวนวัตถุ : กลอนเปล่า

๏    ค่าโทรศัพท์มือถือ ๑ เครื่อง
ซื้อรถจักยานยนต์ได้ ๑ คัน
รถยนต์ ๑ คัน
ราคาเท่ากับบ้านโอฬาร ๑ หลัง
ชีวิตของคน...ดิ้นรนจนพัลวัน
ไปกับค่านิยมยึดมั่น
อยากฝันอยากมี ในสิ่งที่ฟุ่มเฟือย

    ดูประหนึ่งคือสิ่งจำเป็น
เจนตาเจนใจ ทำตามกันไปเรื่อยๆ
ความคิดที่มี เหมือนไม่มีความคิด
เปลี่ยนชีวิตเป็นกิจกรรมที่ทำอย่างเรื่อยเปื่อย
คิดแบบ แคบ-ใกล้
ฝากความหวังไว้กับของใช้ฟุ่มเฟือย
ถ้าไม่มี ฤดีก็รู้สึกเนือยๆ
อยู่ไปเรื่อยๆ
ตามประสาคนไร้จุดหมายปลายทาง

    นิยมวัตถุ ไม่ใช่ วัตถุนิยม
ปรัชญาปรารมภ์ สั่งสมแต่กิเลสตัณหา
บูชากามคุณ หมกมุ่นความคิดอวิชชา
นับถือเงินตรา ยศถาบรรดาศักดิ์ภักดี

    ถึงทำความดี
ก็ทำแบบที่งมงาย
ลุ่มหลงปลงจิตประดิษฐ์ขวนขวาย
สุดท้ายก็จนตรอกชอกช้ำ
แหวกว่ายอยู่ในวังวน
มืดมนชีวาชะตากรรม
อกุศลกลดำ
เพาะความนิยมวัตถุเอย ฯ

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ใจคน : กาพย์ยานี๑๑



ใจคน : กาพย์ยานี๑๑

๏    ฝนใย ไม่ยอมตก.......................วลาหก ไร้ปรกฟ้า(วลาหก=เมฆ)
(วัน)พืชมงคล เพิ่งพ้นมา...................ทำนายว่า ข้าวปลาอุดม

    (ชาวนา)ซื้อหา ยาฆ่าหญ้า.............เตรียมหว่านนา(ทำนาหว่าน) ค่านิยม
หวังว่า มรสุมลม..............................จะระดม ตามฤดู

    ความคิด และทิฏฐิ.......................ธรรมดำริ กิเลสอยู่-
ในใจ ทำให้ผู้..................................เป็นเจ้าของ ปองกระทำ

    จิตแผก แตกต่างใจ......................คือเงื่อนไข กลไกค้ำ
ชีวิต วาดกิจกรรม.............................ตามลักษณะ เฉพาะตน

    จะทำ ความเข้าใจ........................กรรมของใคร ให้คิดค้น
นิสัย จิตใจจล..................................คือต้นเหตุ ของเจตนา

    รู้จัก คนที่ใจ................................วิธีให้ ไร้ปัญหา
ดีกว่า รู้หน้าตา.................................และอายุ ที่สู่กัน

    รูปกาย ที่ไกลต่าง.........................ยังไม่ห่าง เท่าใจหัน
กติกา คบหากัน................................ที่สำคัญ คือหัวใจ

    สายเลือด อาจเหือดแห้ง................ที่ไม่แล้ง คือนิสัย
เหมือนกัน คบกันไกร........................ถูกใจคอ บวรเอย ฯ

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เพื่อนร่วมสงสารวัฏฏ์ : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



เพื่อนร่วมสงสารวัฏฏ์ : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

๏    .........................................เพื่อนร่วม เกิด-แก่
เจ็บ-ตาย (ทั้ง)หลายแหล่.................(ตั้งแต่)พ่อ-แม่-พี่-น้อง
ญาติ-มิตร-สหาย............................ศัตรูร้าย ก่ายกอง ฯลฯ
ล้วนแต่ เกี่ยวข้อง...........................(เพื่อน)ร่วมท่อง วัฏฏา

    ..............................................ก็แค่ มาพบ
ก็แค่ มาคบ...................................(ร่วม)ประสบการณ์ สรรหา
ก็แค่ มาได้...................................ร่วมใช้ ชีวา
ต่างคน ต่างมา..............................ต่างมรณา-จากไป

    .............................................สัมพันธ์ บรรดา
เพียงภาพ มายา............................ชั่วขณะ สมัย
แหวกว่าย เวียนวน.........................กรรมผล กลไก
ตามเหตุ ปัจจัย..............................ใช้-รับ บาปบุญ

    ..............................................ภักดี ชีวิต
สร้างการ ยึดติด..............................ความคิด หมกมุ่น
เป็นพ่อ-แม่-ลูก ฯลฯ........................ผูกชะตา อาดุลย์
เป็น-ตาย วายวุ่น.............................ครุ่นคิด นิตยา

    ...............................................ชีวิต อนิจจัง
ชั่วครู่ อยู่ยัง...................................คล้อยพลัง สังสาร์
รัก-ชอบ-รังเกียจ.............................เดียดฉันท์-มารยา
มิควร ถือสา...................................โมหะ อุปาทาน

    ...............................................เว้นชั่ว หยาบช้า
ความดี วิริยา..................................จิตตะ ปทัฏฐาน
ขจัด ตัณหา...................................ปรารถนา นิพพาน
พ้นวัฏ สงสาร.................................สงบศาน ติเทอญ ฯ


๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

แค่คนพิเศษ : กลอนคติสอนใจ



แค่คนพิเศษ : กลอนคติสอนใจ

๏    ความเชื่อ เช่นไร ?...............ทำให้ เธอกล้า เสียสละ
เพื่อสา ธารณะ..........................หาใช่ ผลประโยชน์ โชติสรร
ยอมเสีย ทรัพยา.......................กำลัง วังชา อนันต์
แม้แต่ ชีวัน..............................เพื่อสิ่ง เพ้อฝัน จำนรรจา ?

     เชื่อใน ความดี.....................ช่างมี จรุง สูงส่ง
งดงาม ดำรง.............................ยืนยง ชั่วกาล ปาวสาน์
เชื่อใน ศักดิ์ศรี..........................ความมี มนุษย ธรรมา
เชิดชู ชีวา................................เพิ่มคุณ หนุนค่า ชาตรี

    ศรัทธา พลัง.........................ความหวัง สร้างสรรค์ จรรโลง
จิตใส ใจโปร่ง...........................ยึดโยง สัจจา สง่าศรี
ผดุง คุณธรรม...........................พยุง ยุติธรรม ความดี
อยู่คู่ โลกีย์...............................สันติ จิรัฐิ ติกาล(จิรัฐิติกาล=เวลายั่งยืน)

     เชื่อใน มรรคา.......................ปัญญา พลา นุภาพ
ความรู้ สู่ทราบ...........................อาบทรวง ดวงจิต พิษฐาน
ทางแท้ แก้ไข...........................ปัจจัย ปัญหา สารบาญ
รอดพ้น ดลดาล.........................วัฒนา สาธารณ์ สืบไท

    การเสีย สละ.........................คือ ส ภาวะ วิเศษ
ชีวะ ประเวศ..............................ปรเมศวร์ เจตนา อดิศัย(ปรเมศวร์=ผู้เป็นใหญ่ยิ่ง)
แค่คน พิเศษ.............................เมตตา ปราณี ปรีชาชัย
จึง ป ฏิบัติได้.............................หาใช่ วิสัย สามัญ ฯ

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

หยุดก่อกรรมทำเข็ญ : โคลงสี่สุภาพ



หยุดก่อกรรมทำเข็ญ : โคลงสี่สุภาพ

. ชายป่าริมหนองน้ำ.....................ยามเย็น
ฝนเพิ่งผ่านดลเป็น........................ชุ่มชื้น
ติณชาติใบคาดเข็ญ.......................เกรียมขอบ
รอบหนองหมองหมดริ้น..................แหล่งน้ำกันดาร ฯ

. ปักษีมีบนฟ้า.............................โผผิน
แลสุมทุมสุมดิน.............................ซ่อนไซร้
มิอาจเห็นกายิน.............................เพียงแต่
แค่เสียงฟังดั่งไร้............................ทุกข์ร้อนลำบน ฯ

. เป็นคนกลับยากแค้น...................แสนเข็ญ
สัตว์ประเสริฐเกิดเป็น......................แน่แท้ ?
ปัญหาสารพัดเห็น..........................ปรากฏ
มิลดทอนรอนแม้............................เก่าแก้ใหม่มี ฯ

. ที่ตนเองก่อไว้............................บุพกรรม
ที่คนอื่นกระทำ...............................มากท้น
รัฐบาลบริหารนำ.............................วิกฤติ
ผลติดชีวิตล้น................................ร่วมต้องรองตรม ฯ

. อย่ามัวอมทุกข์ท้อ.......................ทรมาน
ทางออกยากพบพาน.......................ทั่วพ้อง
กุศลจิตสฤษฏ์การ...........................เกิดแกร่ง
แปลงหลักธรรมส่ำซ้อง....................ปกป้องดวงใจ ฯ

. หากไม่อยากทุกข์ร้อน...................ลำเค็ญ
(จง)หยุดก่อกรรมทำเวร....................โฉดช้า
ศีลธรรมเพียรบำเพ็ญ........................สุจริต
ปิดหนทางห่างท้า............................ทุกข์ให้ห่างเหิน ฯ

. ดำเนินชีวิตเชื้อ.............................ชาญฉลาด
อย่างวิถีเหล่าปราชญ์.........................ประกาศแล้ว
กรรมที่ทำ(แล้ว)ไม่อาจ......................แปลงเปลี่ยน
เพียรบุญสนทาน,แคล้ว......................ทุกข์ไข้สลายเข็ญ ฯ

๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

วิกฤติสร้างวิชชา : กาพย์ฉบัง๑๖



วิกฤติสร้างวิชชา : กาพย์ฉบัง๑๖

   เมฆาสายัณห์สีสันคราม..................ดาษดาอร่าม
เพิ่มความพิจิตรท้นทิศา

    ปัจฉิมปริ่มแสงสุริยา...................ขลิบขอบเมฆา
ประภัสสราสีชมพู

    อัศดงคงคราญสรรค์สู่..................เสกร้อนฤดู
สวยหรูจำรัสทัศนีย์

    โอภาสอัศจรรย์สันสี..................ร่อยหรอจรลี
เมื่อกาลรัชนีกรีธานำ

    (ความ)มืดดลจนฟ้าสีดำ.................ดาริกา ระบำ
โปรยปรายความงามล้ำเลอหาว

    เปรียบกับชีวีที่ถึงคราว..................เคราะห์หามยามร้าว
ปัญหาหนักน้าวเศร้าหมอง

    เกิดความรู้ใหม่ให้นอง.................สำนึกตรึกตรอง
ขจัดขัดข้องบกพร่องมี

    (ยาม)ประสบภัยจะรู้(ใครมี)ไมตรี..................ผู้ใด(เป็น)ไพรี
โอบอ้อมอารีฤดีดล

    ตกระกำลำบากยากจน...................จะเห็นใจคน
มิตรแท้แล ฉล มน สหาย

    ชีวิตวิกฤติการณ์บรรยาย...................ชี้ชวนขวนขวาย
มากมายความรู้สู่หาเทอญ ฯ

๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๘