ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2565

เมืองไทยไม่มีวันเหมือนเดิม : กลอนคติสอนใจ









เมืองไทยไม่มีวันที่เหมือนเดิม : กลอนคติสอนใจ

    ฝนโปรยปราย พรายพร่าง กลางดื่นดึก...................ไม่(ต้อง)ลุก(ขึ้นมา)ดู ก็รู้สึก (ถึงความ)คึกคักเห็น

หยาดพิรุณ ละมุนละไม พิไลเป็น............................พฤกษชาติ เคยขาด(ฝน)เร้น เย็นอยู่จริง


    ต้นคุณนาย ตื่นสาย สยายยอด...............................ผลิตใบ ใหม่สอด ทอดก้านกิ่ง

ฤดูกาล ผันเปลี่ยน เวียนหมุนยิ่ง.............................(ส่ง)สัญญาณบอก มิกลอกกลิ้ง นิ่งนอนนาน


    ฤดูหนาว เข้าใกล้ วันไคลพ้น.................................ความร้อนแพลง สำแดงพล อลหม่าน

ประเดี๋ยวร้อน ประเดี๋ยวหนาว เคล้าคลอพาน............เสื้อกันหนาว เบางาน เตรียมการ(เก็บ)กอง

 

    (หน้า)หนาวปีนี้ มิหนาว เท่าปีก่อน............................ปีนี้(หน้า)ร้อน อาจแล้ง มิเป็นสอง

ธรรมชาติ ขาดสมดุล คุ้นครรลอง............................เพราะคนผอง ต้องการแต่ เห็นแก่ตน(ทำลายธรรมชาติ)


    โลกใบนี้ ไม่มีวัน เหมือนกาลเก่า..............................แม้คนเรา จะรู้ แต่(กู)ไม่สน

ต่างคนต่าง หวังสุขี ชีวีดล......................................ต่างเอาแต่ แส่ให้ตน ล้นได้ดี(ใครได้ชั่วช่างหัวมัน)

 

    รายได้ต่ำ แต่ความอยาก จับจ่ายสูง..........................จึงชักจูง คนให้ ใคร่สร้างหนี้

อยากยกฐา นะหวัง มั่งคั่งมี.....................................แต่นิสัย ไม่ดี ขี้เกียจ(ทำ)งาน

 

    ไม่แพ้ใคร คนไทยเฟื่อง เรื่องบ้าหวย.........................หวังร่ำรวย ทางลัด มนัสหาญ

เรื่องศีลธรรม ต่ำช้า แสนสามานย์............................เรือนจำล้น ผลประจาน สันดาน(คน)ไทย(ปัจจุบัน)


    ทุกวันนี้ มิพาน "บ้านเมืองสงบ".................................แม้(แต่ใน)วัดวา ยังประสบ พบสาไถย

มิรู้ว่า อนาคตเห็น (จะ)เป็นเช่นไร?...........................แต่มั่นใจ เมืองไทย ไม่(มีวัน)เหมือนเดิมฯ


๓๑ มกราคม ๒๕๖๕

เตือนผู้บริโภครับมือราคาอาหารพุ่ง

วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2565

ต้องฝึกตนเพื่ออยู่บนโลกอย่างสงบสุข : กลอนคติเตือนใจ










ต้องฝึกตนเพื่ออยู่บนโลกอย่างสงบสุข : กลอนคติเตือนใจ

    โลกนี้ มีมากคน คิดฉลชั่ว.................................เห็นแก่ตัว อันตราย ไร้ศีลศรี

(ผู้)อยากมี สุขพิมล บนโลกนี้............................อย่าบกพร่อง ต้องมี สติปัญญา


    (สิ่งที่)อยากมี-เป็น-ได้ ใฝ่สมัคร........................น้อยนัก จักสมหวัง ดังปรารถนา

(ผู้)ไม่อยาก โศกเศร้า เคล้าน้ำตา......................ต้องฝึก อุรา อย่า(อยาก)ยึดมั่น


    (การ)พลัดพราก จากของรัก ของชอบใจ............บ่มีใคร ที่ไหนรอด ปลอดสัจขันธ์

การบรรเทา เบา(ความ)รัก พัก(ความ)ผูกพัน.......คือวิถี ชีวัน สันติดล

 

    ทุกชี วีผอง (ล้วน)ต้องลำบาก...........................เหนื่อยยาก บากบั่น พาน(ความ)ขัดสน(ของโลก)

ปัญหา อุปสรรค จักต้องผจญ............................จึงต้อง ฝึกตน อดทนมี(มากๆ)

 

    ลดละ (ใช้)อารมณ์ ความรู้สึก............................ตรองตรึก ฝึกฝน กุศลศรี

คุณธรรม นำหน้า (นำ)พาฤดี..............................ประสบสุข สวัสดี เปรมปรีดา

 

    เพียรทำ กรรมดี มิทำชั่ว...................................มิเกลือกกลั้ว มัวเมา เบามิจฉา

ห่างเหิน ชนพาล เชี่ยวมารยา............................เป็นมรรคา ประเสริฐ เพริศพลิกแพลง


    ผู้รู้ ทั้งผอง (ล้วน)ต้องฝึกตน.............................ให้มี กระมล ล้นเข้มแข็ง

เพื่อเผชิญ สถานการณ์ พลันเปลี่ยนแปลง...........อุบัติ(การณ์) ความขัดแย้ง ทุกแห่ง-ยาม


    เผชิญ ชะตา(ชีวิต) อย่างสงบ(ใจ)......................อย่ามัวขบ คิดประดัง ตั้งคำถาม

(กู)เราทำ กรรม(เก่า)อะไร ให้ต้องตาม................ชดใช้ ช่างไร้ความ ยุติธรรมฯ


๒๗ มกราคม ๒๕๖๕


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗ ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต

คาถาธรรมบท ปัณฑิตวรรคที่ ๖
[๑๖] บุคคลพึงเห็นบุคคลใดผู้มักชี้โทษ เหมือนบุคคลผู้บอก ขุมทรัพย์ มักกล่าวข่มขี่ มีปัญญา พึงคบบุคคลผู้เป็นบัณฑิต เช่นนั้น เพราะว่าเมื่อคบบัณฑิตเช่นนั้น มีแต่คุณที่ประเสริฐ โทษที่ลามกย่อมไม่มี บุคคลพึงกล่าวสอน พึงพร่ำสอน และพึงห้ามจากธรรมของอสัตบุรุษ ก็บุคคลนั้น ย่อมเป็น ที่รักของสัตบุรุษทั้งหลาย แต่ไม่เป็นที่รักของพวกอสัตบุรุษ บุคคลไม่ควรคบมิตรเลวทราม ไม่ควรคบบุรุษอาธรรม์ ควร คบมิตรดี ควรคบบุรุษสูงสุด บุคคลผู้อิ่มเอิบในธรรม มีใจผ่องใสแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข บัณฑิตย่อมยินดีในธรรม ที่พระอริยเจ้าประกาศแล้วทุกเมื่อ ก็พวกคนไขน้ำย่อมไขน้ำ ไป พวกช่างศรย่อมดัดลูกศร พวกช่างถากย่อมถากไม้ บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกฝนตน ภูเขาหินล้วน เป็นแท่งทึบ ย่อมไม่หวั่นไหวเพราะลมฉันใด บัณฑิตทั้งหลายย่อมไม่หวั่น ไหวเพราะนินทาและสรรเสริญ ฉันนั้น ห้วงน้ำลึก ใสไม่ขุ่นมัว แม้ฉันใด บัณฑิตทั้งหลายฟังธรรมแล้ว ย่อมผ่องใส ฉันนั้น สัตบุรุษทั้งหลายย่อมเว้นในธรรม ทั้งปวงโดยแท้ สัตบุรุษทั้งหลายหาใคร่กามบ่นไม่ บัณฑิต ทั้งหลายผู้อันสุขหรือทุกข์ถูกต้องแล้ว ย่อมไม่แสดงอาการ สูงๆ ต่ำๆ บัณฑิตย่อมไม่ทำบาปเพราะเหตุแห่งตน ไม่ทำ บาปเพราะเหตุแห่งผู้อื่น ไม่พึงปรารถนาบุตร ไม่พึงปรารถนา ทรัพย์ ไม่พึงปรารถนาแว่นแคว้น ไม่พึงปรารถนาความ สำเร็จแก่ตนโดยไม่ชอบธรรม บัณฑิตนั้นพึงเป็นผู้มีศีล มีปัญญา ประกอบด้วยธรรม ในหมู่มนุษย์ ชนผู้ที่ถึงฝั่งมี น้อย ส่วนหมู่สัตว์นอกนี้ย่อมเลาะไปตามฝั่งทั้งนั้น ก็ชน เหล่าใดแล ประพฤติตามธรรมในธรรมอันพระสุคตเจ้าตรัส แล้วโดยชอบ ชนเหล่านั้นข้ามบ่วงมารที่ข้ามได้โดยยาก แล้ว จักถึงฝั่ง บัณฑิตออกจากอาลัยแล้ว อาศัยความไม่มีอาลัย ละธรรมดำแล้วพึงเจริญธรรมขาว บัณฑิตพึงปรารถนาความ ยินดียิ่งในวิเวกที่ยินดีได้โดยยาก ละกามทั้งหลายแล้ว ไม่มีกิเลสเครื่องกังวล พึงชำระตนให้ผ่องแผ้ว จากเครื่อง เศร้าหมองจิต ชนเหล่าใดอบรมจิตด้วยดีโดยชอบ ในองค์แห่ง ธรรมสามัคคีเป็นเครื่องตรัสรู้ ชนเหล่าใดไม่ถือมั่น ยินดี แล้วในการสละคืนความถือมั่น ชนเหล่านั้นมีอาสวะสิ้นแล้ว มีความรุ่งเรืองปรินิพพานแล้วในโลก ฯ

ทำดีขออธิษฐาน : กาพย์ยานี๑๑


                     

เห็นหน้าตาแก่เกินวัย คงเกิดจากความอิดโรยจากการอดกินอดนอน


ทำดีขออธิษฐาน : กาพย์ยานี๑๑

    ชีวาตม์ ประหลาดหลาย...............................แมวรัก(เพิ่ง)หาย กลับได้หมา(อายุประมาณ ๓ เดือน)

(ที่)หลงไว้ ในวัดวา..................................ปรารถนา คนเลี้ยงดู


    อุ้มไป ถวายพระ(ตามกุฏิ).............................(ต่าง)เกรงภาระ จะมาสู่

ปัดไป ให้พ้น(ตัว)กู...................................จนไม่รู้ จะฝากใคร(เลี้ยง)


    จำเรา เอากลับบ้าน.....................................มอบอาหาร ทาน(ที่)อาศัย

(พาไป)ฉีดยา(วัคซีน) ถ่ายพยาธิให้.............หวังหมาได้ อนามัยดีฯลฯ

 

    ๓ วัน(๓ คืน) เพิ่งผ่านพ้น.............................เจ้าของ(หมา)วน(หา) จนเจอที่นี่

สังเกต (ความ)สัมพันธ์มี.............................หมาสุขี แสนดีใจ(ที่เจอเจ้าของ เจ้าของก็ดีใจที่เจอหมา)


    (แม้เจ้าของ)เป็นคน ที่จนยาก......................หมาก็อยาก อยู่เคียงใกล้*

เราจึง ซาบซึ้งใจ........................................คืนเขาไป ไม่ลังเล(ไม่ต้องถามหาหลักฐาน)

 

    (รู้สึก)โล่งอก ยกภาระ.................................พ้นชีวะ พาสนเท่ห์

(ชะตาชีวิต)ยากจะ คาดคะเน.......................(เหมือน)ลมเพพัด เข้าหาดทราย

 

    ความดี(ครั้งนี้) แม้มิมาก..............................แต่ก็อยาก (อธิษฐาน)ให้ของหาย

กลับคืน มาเคียงกาย...................................(ใน)ภายภาคหน้า ถ้ามีบุญ


    อุตส่าห์ สร้างกุศล......................................หวังดาลดล ผลเสกสุนทร์

ช่วยเหลือ แลเจือจุน...................................เกื้อการุญ คุณทวี


    ให้พ้น วนเวียนว่าย.....................................แก่-เจ็บ-ตาย ไกลวิถี

พ้นวัฏ สงสารที..........................................(มอบทุกอย่าง)ทั้งชีวี พร้อมพลีเอยฯ


๒๗ มกราคม ๒๕๖๕


*คิดถึงคน

ถ้าได้ผู้อุปการะที่มีฐานะ ได้อยู่ดีกินดี มีชีวิตสะดวกสบายแล้ว จะอยากละทิ้งอนาคตที่สดใส เพื่อกลับไปอยู่กับความลำบากยากจนเหมือนเดิมหรือเปล่า?

แต่หมาไม่ลังเลที่จะตัดสินใจเลย หมาอยากจะกลับไปอยู่กับเจ้าของเดิมแม้มีฐานะยากจน หมาจะยอมละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับคนที่หมารัก ความซื่อสัตย์-จงรักภักดีของหมาจึงเป็นที่ประจักษ์ และกล่าวขานคู่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ. นี่ขนาดอายุแค่ ๓ เดือน ยังซื่อสัตย์-จงรักภักดีต่อเจ้าของถึงเพียงนี้ ขอให้คนเลี้ยงหมา เลี้ยงด้วยความรักเถิด.

วันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2565

เป็นอยู่กับปัจจุบัน : กาพย์ยานี๑๑



เป็นอยู่กับปัจจุบัน : กาพย์ยานี๑๑

    ความจริง ที่ยิ่งใหญ่...............................นี่ไม่ใช่ โลกในฝัน(ของใคร)

สุขี (อาจจะ)มีทุกวัน............................(อาจจะ)เศร้าโศกศัลย์ กันทุกคืน(เป็นธรรมดา)


    เส้นทาง สว่างไสว.................................(คือ)สงบใจ อย่าไปฝืน(ึความเป็นจริงของโลก)

(โลกนี้)บ่มีทาง เป็นอย่างอื่น................จงตื่นตัว เลิกมัวเมา(ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้)


    เป็นอยู่ กับปัจจุบัน.................................อย่ายึดมั่น วันก่อนเก่า(ที่ล่วงเลยแล้ว)

(จง)ทอดทิ้ง สิ่งที่เรา...........................สิโศกเศร้า (ถ้า)เฝ้าจดจำ

 

    ยอมรับ กับ(สิ่ง)ที่มี(ในปัจจุบัน)...............แม้ไม่ดี มิเลิศล้ำ(ดั่งใจ)

สิ่งที่ (อยากมีแต่)ไม่มี(จะ)ทำ-..............ให้กำสรด หากจรดจอง(กำสรด=สลด, เศร้าโศก, ร้องไห้, เศร้าหมอง.)


    ยินดี(กับ) สิ่งที่ได้(เท่าที่ได้)...................หนทางให้ ไร้เศร้าหมอง

สิ่งใด มิได้(ครอบ)ครอง.........................อย่ามุ่งมอง (ให้)คับข้องจินต์

 

    อยู่กับ สิ่งที่เป็น(แม้ไม่อยากเป็น).............อย่างเยือกเย็น (จะทำให้)ทุกข์เข็ญสิ้น

(ความอยาก)"สมใจ" ใครชาชิน..............(ขืน)ดิ้นรนไป ไม่เป็นการ

 

    สุขใด ในโลกเล่า...................................ทัดเทียมเท่า (ความ)สงบศานติ์?

(อยู่อย่าง)ไม่เดือด ร้อนรำคาญ..............สุขกว่าการ (สุขแบบ)ฟุ้งซ่านใจ


    ทำวัน นี้ให้ดี..........................................เยี่ยงหน้าที่ เป็นนิสัย

(เพราะคือ)พื้นฐาน(ของ) วันต่อไป.........(และ)เป็นเงื่อนไข อนาคต


    สิ่งที่ มี-เป็น(ของ)เรา..............................อย่า(มัว)โง่เขลา เศร้าสลด(หากไม่สมใจ)

ความอุตสาห์ (ที่)มิละลด.......................จะกำหนด (อนาคต)สดใสเอยฯ


๒๐ มกราคม ๒๕๖๕

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565

การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นทุกข์ : กาพย์ยานี๑๑





การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเป็นทุกข์ : กาพย์ยานี๑๑

    แมวซน โดนขโมย............................................โดยคนชั่ว หัวใจฉล

ตามประสา ปุถุชน............................................(มีปกติ)ล้นตัณหา แลสามานย์


    จำไว้ จิตใจมนุษย์.............................................(มีธรรมชาติ)เปรียบประดุจ เดรัจฉาน

(หาก)ศีลธรรมไร้ ไม่อภิบาล..............................(ย่อม)เสมอสัตว์ปาน แสนอันตราย


    (การ)พลัดพราก จากสิ่ง(อันเป็นที่)รัก..................(แล)สังขารจัก เสื่อมสลาย

(การ)เกิด-แก่ แลเจ็บ-ตาย.................................อย่ามั่นหมาย คิด(หาทาง)ไคลคลา

 

    เพียรสร้าง บุญกุศล...........................................ขจัดพ้น วิหิงสา(วิหิงสา=การเบียดเบียน)

ก่อกรรม กิจสัมมา.............................................ปฏิบัติ ด้วยสัตย์-ตรง


    อบรม พรหมวิหาร.............................................เลิกทะยาน โลภ-ร้าย-หลง

ความอยาก(ตัณหา) คือจักรกง(กงจักร)................ของ(วัฏ)สงสาร พันธนา

 

    (เมื่อ)เข้าใจ ในสัจสิ่ง.........................................ควรทอดทิ้ง ความปรารถนา

(ความอยาก)มี-เป็น เซ่นอัตตา(ตามใจชอบ)..........(ต้น)เหตุปัญหา โศกาลัย

 

    สะอาด ปัดกวาดฤดี...........................................หมั่นทำ(ความ)ดี มิสาไถย

ทำดี (เท่า)ที่ทำได้.............................................ทำไม่ได้ ไร้ลำเค็ญ


    สิ่งที่ (อาจ)มี-เป็นได้..........................................ตระเตรียมใจ ให้พร้อมเห็น(ประสบพบเจอ)

(ถึง)วันที่ เกิด-มี-เป็น..........................................จะว่างเว้น ทุกข์เข็ญทรวง


    ความจริง=สิ่งต้องเป็น........................................บ่อาจเฟ้น หลีกเร้นห้วง(ห้วง=ช่วง,ระยะ,ตอน.)

(รักษาใจให้)คงมั่น มิพรั่นปวง(ความจริงทั้งหลาย)..(จะช่วย)คลายหนักหน่วง ลุล่วงเอยฯ


๑๙ มกราคม ๒๕๖๕