ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2565

ธรรมะที่สนองกองกิเลส : กลอนคติสอนใจ




ธรรมะที่สนองกองกิเลส : กลอนคติสอนใจ

    (อ่าน)ฟังธรรมะ มากมาย ทำไมกัน?.....................เมื่อมิ มุ่งมั่น มานศึกษา

(ให้)เกิดความ เข้าใจ ได้ปัญญา...........................นำมา ปฏิบัติ ด้วยสัจจริง


    เสมือนดั่ง ฟังเพลง บรรเลงแผ้ว...........................ฟังแล้ว สบายใน ฤทัยยิ่ง

มองเมียง เพียงพอ บ่อ้างอิง................................(เสร็จแล้ว)ละทิ้ง เลิกรา มิอาลัย


    โดยเฉพาะ ฟังธรรม ถ้อยคำตลก..........................เทศนา ลามก สกปรกใคร่

(พระ)เพื่อกอบ โกยเงิน จำเริญใจ.........................(คนฟัง)หวังได้ หัวเราะ ก็พอเพียง

 

    เป็นธรรมะ ที่สนอง กองกิเลส...............................ไร้เจต (ตะ)นา ตัณหาเลี่ยง

จมโลกีย์ วิสัย ใจเอนเอียง...................................แค่สำรอก ออกเสียง สำเนียงธรรม


    เมื่อไร้ ใครที่ ถือปฏิบัติ........................................แค่จัด (เทศน์-ฟังธรรมพอ)เป็นพิธี มิเลิศล้ำ

(โดยเฉพาะ)เทศนา ลามก ตลกนำ........................สร้างความ ตกต่ำ ให้ธรรมา

 

    คือพุทธ (ธะ)พาณิชย์ รีตสาไถย...........................มิใช่ (การ)เผยแผ่ พุทธศาสนา

มีวัตถุ ประสงค์ ตรงเงินตรา...................................สร้างฐา นะทำ ให้(พระ)ร่ำรวย

 

    กิจกรรม เช่นนี้ ไม่มีประโยชน์...............................ทั้งยัง สร้างโทษ ฉลโฉดด้วย

(คนชั่วจะมา)บวชพระ เพื่อหาลาภ ทำฉาบฉวย........คนฟัง ธรรมทวย อวยอวิชา


    ก็เหมือน บรรดา ประเพณี(หลายอย่าง)..................โลกีย์ วิสัย ใคร่ตัณหา

ยก(พุทธ)ศาส (สะ)นาพราง เพื่อบังหน้า..................สร้างค่า นิยม งมงายเอยฯ


๒ มกราคม ๒๕๖๕


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
โรณสูตร
[๕๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การขับร้อง คือ การร้องไห้ในวินัยของพระอริยเจ้า
การฟ้อนรำ คือ ความเป็นบ้าในวินัยของพระอริยเจ้า 
การหัวเราะจนเห็นฟันพร่ำเพรื่อ คือ ความเป็นเด็กในวินัยของพระอริยเจ้า 
เพราะเหตุนั้นแหละ  จงละเสียโดยเด็ดขาดในการขับร้องฟ้อนรำ 
เมื่อท่านทั้งหลายเบิกบานในธรรม ก็ควรแต่ยิ้มแย้ม ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น