ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ค่อยเป็นค่อยไปไม่ประมาท : กลอนหก



ค่อยเป็นค่อยไปไม่ประมาท : กลอนหก

    ทากน้อย ค่อยคืบ ค่อยคลาน..............ค่อยหา อาหาร ขันเห็น
ค่อยตรำ ค่อยไต่ ใจเย็น............................ค่อยเป็น ค่อยไป ใช้ชีวา

    ไม่ว่าง ไม่เว้น อุปสรรค.........................ยังจัก บากบั่น ฟันฝ่า
ไม่ท้อ ไม่แท้ แก่ชะตา..............................ค้นหา เป้าหมาย ปลายทาง

    ชีวิต พิศวง (ต่าง)หลงรัก.......................ประจักษ์ ศักดา กว้างขวาง
ความอยาก อยู่รอด ทอดวาง......................สรรสร้าง สุขี ชีวัน

    (ทว่า)เส้นทาง สู่ความ สำเร็จ.................หาได้ ง่ายเผด็จ เสร็จดั้น
อุปสรรค หนักหนา สากรรจ์........................ให้ฟัน ให้ฝ่า ปะ/ปราชัย

    ด่วนได้ ใจเร็ว (จะ)เหลวแหลก...............ต้องแบก ต้องรับ ขับไส
ทยอย ค่อยเป็น ค่อยไป............................ค่อยไร้ ลำบาก ตรากตรำ

    อดทน อุตส่าห์ อย่าท้อ.........................อย่ารอ วาสนา ฟ้าร่ำ
มีสติ ปัญญา ประจำ..................................อย่าทำ นอกลู่ นอกทาง

    (ทำ)เกินตัว กลัวไว้ ดีกว่า......................บิ่นบ้า กล้าเสี่ยง เพลี่ยงสร้าง
ปัญหา สาหัส อัษฎางค์.............................ขัดขวาง ทางรอด ปลอดภัย(อัษฎางค์=องค์แปด)

    ค่อยเป็น ค่อยไป ไม่ประมาท.................ชีวาตม์ อัชฌา อดิศัย
อย่าหยุด สุจริต จิตใจ...............................จะไม่ ไร้สุข ทุกคืนวัน ฯ

๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชีวีสีสัน : กาพย์ฉบัง๑๖



ชีวีสีสัน : กาพย์ฉบัง๑๖

    สีฟ้าระบายสีน้ำ*................สวยสดงดงาม*
ณ ยามสายัณห์อันสงบ

    ท่วงทำนองของพื้นพิภพ.................นภวรรณบรรจบ
ประสบสุทธาทิพาสรรค์

    ปัจฉิมปริ่มสีสุริยัน..................เงาไหวไพรวัน
เสมอสวรรค์วิมานแมน

    แต่ชีวีสีสันนั้นแสน...............ประหลาดมาดแม้น
แบบแผนตะวันสรรค์หลากสี

    ลางครั้งดั่งอรุณรุจี................รุ่งสางสว่างดี
มีความหวังตั้งขวนขวาย

    ชีวะพัฒนาสบาย...............เสมือนสูรย์ยามสาย
กระจ่างพร่างพรายไร้ทุกข์เข็ญ

    ยิ่งใกล้เที่ยงยิ่งเบี่ยงเบน................แดดร้อนทอนเย็น
เป็นอยู่ลำบากยากขัดสน

    บ่ายคล้อยร้อยรัดบัดดล................เหลือที่จะทน
เร่ารนระอาไร้ราศี

    เย็นยามทรามลดกำสลดกรี-.................ฑาถอยทยอยปรีดิ์
สู่ปกติสภาวะวิสัย

    อารมณ์ชมชิดจิตใจ..................เปลี่ยนแปลงเรื่อยไป
หาได้มั่นคงยงยืนเอย ฯ

๒๙ มิถุนายน ๒๕๕๘

*ตามหลักตำราแล้ว "น้ำ"สัมผัสกับ"งาม" ไม่ได้ เพราะต่างรูปสระ
แต่ในที่นี้ ผู้เขียนถือตามความจริงของการออกเสียงว่า "น้ำ" ออกเสียงเป็น "น้าม" เหมือนๆกับที่ "เช้า"ออกเสียงเป็น"ช้าว"
ร้อยกรอง เป็นงานศิลปะที่แต่งไว้ให้"อ่านเพื่อฟังเสียง" ไม่ใช่เอาไว้"ดูด้วยตา" เหมือนดูภาพวาด

วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คน คือตัวอันตราย : กลอนเปล่า



คน คือตัวอันตราย : กลอนเปล่า

    โลกนี้มีอันตราย
อย่าประมาทไป
เพียงเผอเรอเมื่อใด
อาจไม่มีชีวิตรอด

    ต่อให้มีคนรายรอบเป็นพัน
บ้านช่องไม่อาจป้องกันได้ตลอด
ความเสียหาย-ความตายย่อมถ่ายทอด
อย่างสอดรับกับการกระทำของคน

    คนอุตส่าห์ปลีกตัวออกจากสัตว์ป่า
สิ่งปลูกสร้างนานาล้ำหน้าทันสมัย
แต่ทว่าศัตรูตามธรรมชาติ ไม่สามารถขจัดออกไป
ยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ
คนคือตัวอันตรายของคนนั่นเอง

    ไม่นับความตายตามอายุขัย
คนนำความเดือดร้อนมาให้ มากกว่าโรคภัยเสียอีก
ยิ่งกว่าอุบัติภัยตามธรรมชาติ
คนสร้างความพินาศแสนสาหัสให้แก่คน
ขัดสนเพราะการปล้น-ชิง-หลอกลวง-ฉ้อฉล-คดโกง-ทุจริตฯลฯ
จนเกิดวิกฤติอยู่เนืองนิตยา

    กลางคืนในป่าอันมืดมัว
ยังไม่น่ากลัว เทียบเท่าความชั่วในหัวใจคน
ความชั่วทำให้จิตใจมืดมน
ไม่อาจยลเห็นความถูกต้อง-ความเป็นธรรม

    คอยหาช่องทางทำร้าย เบียดเบียนกันและกัน
กฎหมายก็ไม่อาจคุ้มกันพาลผจญ
โดยเฉพาะเมื่อกฎหมายถูกใช้โดยคนโฉดฉล
ยกดุลยพินิจของตนเป็นกฎหมาย

    ถึงวิทยาการจะก้าวไกล
เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆให้ต้องทึ่ง
แต่คนชั่วก็ทำตัวให้ต้องอึ้ง
ทราบซึ้งถึงสัจแห่งวัฏสงสาร

    โลกนี้มิใช่สวรรค์
ชีวิตจริงไม่เหมือนจินตนาการ
สุข-ทุกข์คลุกเคล้าให้เราพบพาน
ตราบกาลนาน...
ตราบกัลป์บรรลัย... ฯ

๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2558

รางวัลชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๓๒



รางวัลชีวิต : กาพย์สุรางคนางค์๓๒


    รางวัล ชีวิต.......................คนคิด แค่หา
สุขสันติ์ นันทา..........................บรรดา กามคุณ
เห็นภาพ สวยงาม......................ลิ้ม(รส)ความ ละมุน
ดมกลิ่น หอมกรุ่น.......................เสียงสุนทร์ สัมผัสกาย

    (เป็นสิ่ง)ธรรมดา สามัญ...........ชีวัน สัญญี
ยกย่อง โลกีย์............................ปรีดา ระหาย
กิเลส ตัณหา..............................อาสวะ กระจาย
ดวงจิต ติดหมาย.........................ประเสริฐ เลิศคุณ

    จึงสา มารถใช้........................ซื้อใจ ของคน
ทุกยุค ทุกหน.............................ยอมตน เป็นสมุน
เงินตรา ตำแหน่ง.........................แก่งแย่ง ชุลมุน
เพราะเห็น เป็นดุล........................แลกเปลี่ยน กามา

    หากรู้ จักคิด...........................ชีวิต วินิจฉัย
ล่วงเขลา เข้าใจ...........................ในสัจ อรรถา
(มี)ปัญญา (ความ)สามารถ.............เก่งกาจ วิริยา
ภาคภูมิ(ใจ) อัตตา........................(เท่ากับ)สูงค่า รางวัล

    ครรลอง คลองธรรม..................ดำเนิน ชีวิต
(ความ)ถูกต้อง ถ่องจิต...................อุกฤษฏ์ คิดสรรค์
สัมมา ปฏิบัติ................................มนัส พัฒน์นันท์
อิ่มใจ ในจรรย์..............................(คือ)รางวัล วิไล

    ทาน-ศีล-ภาวนา........................ปุญญา สะสม
สุคติ วิกรม....................................ภิรมย์ สุกใส
สันติ ปรีดา....................................ชีวา สงบใจ
ยอดราง วัลใหญ่.............................มอบให้ คนดี ฯ

๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

คุณค่าของชีวิต : กาพย์ยานี๑๑



คุณค่าของชีวิต : กาพย์ยานี๑๑


    คุณค่า ของชีวิต.....................หลายคนคิด แค่พิสมัย
ทรัพย์-ยศ-สรรเสริญ-ใจ...............สุขสบาย กายรื่นรมย์

    ส่วนมาก มักปรารถนา..............เมื่อเกิดมา มุ่งสะสม
(ตาม)โลกา ค่านิยม.....................ก่อนล้มตาย กลายสาบสูญ

    (เพราะ)ไม่รู้ ความเป็นจริง.........ชีวิตอิง สิ่งเกื้อกูล
เวรกรรม คือธรรมนูญ....................สร้างดุลยภาพ สรรพชีวี

    เวียนว่าย ตายไปเกิด................บุญเก่าเชิด ประเสริฐศรี
บาปกรรม ตามราวี........................ไม่มีสุข ทุกข์ลำเค็ญ

    ชีวิต วิจิตรค่า..........................เมื่อพัฒนา ปัญญาเห็น
สัทธรรม เพียรบำเพ็ญ...................กุศลเฟ้น เว้นบาปกรรม

    เข้าใจ อนิจจา..........................อนัตตา วัฏฏะถัมภ์(ถัมภ์=หลัก)
เข้าใจ ในสัจธรรม.........................สุจริตช่ำ นำชีวิน

    ลดละ อกุศล............................ความโฉดฉล ให้พ้นสิ้น
ผลงาน ปันปัถพิน..........................จินต์สร้างสรรค์ วันทยา(วันทย-=ควรนอบนบ)

    จึงเกิด เลอเลิศคุณ....................ชีวิตหนุน พิบุลค่า
อุบัติ อาภัสรา................................สัตบุรุษ พิสุทธ์เอย ฯ

๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วิถีสันติสุข : โคลงสี่สุภาพ



วิถีสันติสุข : โคลงสี่สุภาพ

. นกอีแพรดเพลงร้อง......................นวลไพร
ท่ามกลางรัตติกาลไกร......................ป่าก้อง
ความมืดเคียงเรียงใส........................พิสุทธ์
ดุษณีวิเศษส้อง...............................แด่ผู้ยังสติ ฯ

. ความวิเวกเสกให้..........................สบหรรษ์
สมาธิพิสัยพลัน................................มั่นแม้น
สำนึกในปัจจุบัน...............................ชัดแจ่ม
แช่มชื่นรมย์รื่น ; แร้น........................หมองเศร้าเมาสลาย ฯ

. หัวใจกระหายห้วง..........................สันติสุข
พลานุภาพปลาบปลุก........................จิตป้อง
หากเผชิญแต่ความทุกข์....................เทวษ
เจตย่อมเคืองขัดข้อง........................เหือดสิ้นกำลัง ฯ

. สังเคราะห์สรรพสิ่งก้อง..................โลกา
ต่างชนต่างบูชา...............................ชื่นใช้
เป็นเครื่องยังอุรา..............................ประสบสุข
สนุกกับการได้.................................ขับข้องชีวี ฯ

. มิจำเป็นจักต้อง.............................ตามเขา
ค่านิยมหม่นมอมเมา..........................มากแท้
กิเลสหนาปัญญาเบา.........................ยกใหญ่
ใครต่อใครพ่ายแพ้............................แก่ห้วงโลกีย์ ฯ

. ยินดีแลแซ่ซ้อง.............................กุศล
ศีลธรรมสำราญมน............................เลิศล้ำ
สำรวมจิตใจตน................................มีสติ
ดำริดำรงค้ำ.....................................ก่อเกื้อปัญญา ฯ

. สัมมาทิฐิให้..................................เห็นจริง
ธรรมรักษ์ที่พักพิง..............................รื่นเรื้อ
วิถีอริยะอิง.......................................แอบหลัก
มิพักมิพรากเคื้อ................................มหัตครื้นสุขสันติ์ ฯ(มหัต=มาก)

๒๕ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อุปสรรคของการพัฒนา : กลอนคติเตือนใจ



อุปสรรคของการพัฒนา : กลอนคติเตือนใจ

    ความคิด ดักดาน....................ขัดขวาง พัฒนาการ ของคน
คับแคบ กมล................................นิเสธ เหตุผล เหลวไหล
อุระ ทุจริต....................................เห็นผิด เป็นชอบ ครอบใจ
กิเลส เจตไพร่...............................พาให้ ไม่รัก มักดี(ไพร่=คนชั่ว)

    มองดู ผู้คน...............................ทั้งรวย และจน ล้นหล้า
(ทั้ง)ไร้การ ศึกษา..........................หรือมี ปริญญา สง่าศรี
(แต่)ความคิด โง่เขลา.....................มัวเมา อวิชชา ราคี
ทำตัว ชั่วปรีดิ์................................ไม่มี สำนึก มโนธรรม

    ทุกเพศ ทุกวัย........................(ต่าง)เอาใจ ตนเป็น ที่ตั้ง
ความคด บดบัง..............................ความดัน ทุรัง สร้างสำ(สำ=ไม่เป็นระเบียบ)
ความเห็น แก่ตัว.............................ปลุกเร้า เมามัว หัวคะมำ
กมล มืดดำ....................................ก่อกรรม ทำเข็ญ เป็นประมาณ

    (เมื่อ)คนไม่ พัฒนา.....................อย่าหวัง ว่าชาติ อาจเจริญ
ใช่เรื่อง ผิวเผิน...............................เมินเมียง เพียงพร่อง มองผ่าน
ประชาชน ส่วนใหญ่.........................หากมี นิสัย อันธพาล
ชั่วช้า สามานย์...............................ชาติใด ไม่นาน บรรลัย

    ทุ่มเท เงินทอง...........................หมายปอง ประชา (มีความ)สามารถ
(แต่)ทุจริต ติดชาติ..........................อุบาทว์ วัฒนธรรม นำไส
สูญเสีย เวลา..................................ทรัพย์สิน เงินตรา ละลายไป
ประโยชน์ ที่ได้................................ต่างใย ไร้พัฒ (ฒะ)นาการ ฯ

๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ป่าบุกรุกถูกทำลาย : กลอนหก

เขื่อนแควน้อยน้ำแห้งขอด 
                                                   วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2558
                                      http://www.dailynews.co.th/article/328957
ป่าบุกรุกถูกทำลาย : กลอนหก

    กลิ่นละออง ของน้ำฝน...................ขจรคนธ์ ท้นคูหา
ลมเย็นชื้น ครื้นอุรา.............................รอบสัปดาห์ เพิ่งมาเยือน

    ตกไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง.........................ก็ลาโรง บรรจงเคลื่อน
ความแห้งแล้ง แต่งคำเตือน...................โลกใกล้เหมือน กับโลกันตร์

    ความเห็นแต่ แก่อัตตา......................เหตุปัญหา ผล มหันต์
มิใส่ใจ ในศีลธรรม์................................น่าพรึงพรั่น ภยันตราย

    เมื่อฝนฟ้า ไม่มาตก..........................พืชพรรณผก ผวนเสียหาย
เมื่ออาหาร ครันแคลนกลาย....................คนมากมาย ย่อมแย่งชิง

    คนไม่มี หลักศีลธรรม........................พร้อมก่อกรรม ได้ทุกสิ่ง
ก่ออาชญา ปล้น-ฆ่า-ชิง.........................จะเป็นสิ่ง เกิดจริงจัง

    คนมั่งมี (จะ)มิปลอดภัย......................คนยากไร้ ไม่มีหวัง
ทุกข์ระทม โหมประดัง............................ประดาพรั่ง สร้างสมไป

    (ถึง)มีที่ดิน (แต่จะ)สิ้นที่อยู่.................หลากศัตรู ทุราศัย(ทุร+อาศัย)
บทสรุป ทุพภิกขภัย...............................มองเห็นใน อีกไม่นาน

    ป่าบุกรุก ถูกทำลาย............................ส่งเภทร้าย มหาศาล
กลียุคทั่ว ทั้งสาธารณ์.............................ต้องพบพาน เป็นแน่เอย ฯ

๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๘

เขื่อนเจ้าพระยาชัยนาท ออกหนังสือแจ้งเตือนประชาชน 3 จังหวัดเหนือเขื่อนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาให้ระวังการเคลื่อนตัวพังทลายของลาดตลิ่งริมแม่น้ำ เนื่องจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สนามหญ้าหน้าบ้าน : กลอนแปด



สนามหญ้าหน้าบ้าน : กลอนแปด

    สนามหญ้า หน้าบ้าน ของฉันนี้................แม้พื้นที่ มีน้อย ด้อยสีสัน
สิ่งประดับ สรรพผอง บกพร่องพรรณ...............แสนธรรมดา สามัญ กว่าบ้านใคร(พรรณ=ชนิด)

    แต่ดูดี ปรีดา ที่สะอาด.............................คอยเก็บกวาด วัชพืช ยึดอาศัย
หมั่นรดน้ำ บำรุง ปรุงแต่งใบ..........................จึงไฉไล ทุกครั้ง ที่นั่งมอง

    อุปไมย อุปมา ชีวาฉัน.............................แม้สามัญ (แต่)วันคืน รื่นสนอง
ด้วยสุจริต กิจกรรม์ ธรรมครรลอง...................คอยสอดส่อง ศึกษา สัจจาจิณ(สัจ+อาจิณ)

    กุศลสรร จรรยา ปฏิบัติ............................อาจารวัตร รัถยา รักถวิล(รัถยา=ทางเดิน)
อุตสาหะ ทำมา เพียรหากิน..........................ถึงทรัพย์สิน มีด้อย มิน้อยใจ

    สมาทาน สันโดษ บทบัญญัติ....................มัธยัสถ์ สัตย์ซื่อ ถือนิสสัย(สันโดษ=พอใจเท่าที่มี-หาได้)
รู้จักเก็บ จักออม พร้อมรับภัย.........................สุดวิสัย ภายหน้า ถ้าผจญ

    ไม่อวดมั่ง อวดมี สติแตก..........................รู้แยะแยก ประโยชน์-โทษ-เหตุ-ผล
ยกย่องที่ ความคิด-จิตใจคน..........................ไม่ใช่ทรัพย์-ยศยล ฉลจินดา

    มีน้ำใจ ให้ปัน ทานเสียสละ.......................รู้ภาระ หน้าที่ ไม่มิจฉา
ไม่เห็นแต่ แก่ตน ล้นอัตตา............................รู้คุณค่า ชีวิต และพิษภัย

    เท่าทันโลกย์ มายา-ค่านิยม.......................สลัดความ โง่งม อารมณ์ไหว
มิหลงตัว หลงตน กมลไกร............................มิเสียใจ ยามจาก พรากชีพเอยฯ

๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ใฝ่ฝัน-เพ้อฝัน : กลอนเจ็ด



ใฝ่ฝัน-เพ้อฝัน : กลอนเจ็ด

    เวลา ยะเยื้อง ไปเบื้องหน้า....................ชีวา หาได้ กรายย้อนหลัง
ผ่านแล้ว ผ่านเลย เผยอนิจจัง.......................ทุกอย่าง ทั้งนั้น จรัลจร

    ใคร่ครวญ ทวนทบ ขบอดีต......................ประณีต วิทยา อุทาหรณ์
อยู่กับ ปัจจุบัน เปิดบัญชร............................คิดก่อน อนาคต ปรากฏการณ์

    เกิดมา จะมี ชีวาลัย.................................อยู่-เป็น เช่นไหน ใคร่ครวญขาน
ส่วนมาก บรรพกรรม นำบันดาล......................พื้นฐาน สุข-โศก โชคชะตา

    พิเคราะห์ เสาะร่าง เพื่อสร้างสรรค์..............ใฝ่ฝัน มั่นมาด มุ่งปรารถนา
ขืนมัว (แต่)เพ้อฝัน หมั่นจินตนา.....................เกียจคร้าน กรรมา ย่อมปราชัย

    ความคิด ความใคร่ ให้จำกัด......................อ้างอิง สิ่งสัจ อัชฌาสัย
อย่าคิด พลุ่งพล่าม ตามแต่ใจ........................จะไม่ มีวัน บันดาลเป็น

    คนรัก มักง่าย จักได้ยาก...........................คนอยาก สบาย จักได้เข็ญ
คนหมด อดทน จักจนเจน..............................คนแส่ แต่เล่น (จัก)ลำเค็ญทรวง

    มัธยัสถ์ ศรัทธา สมาทาน...........................ต่าง(จาก)การ ตระหนี่ ถี่แหนหวง
รู้(จัก)ออม-ยอมจ่าย-ให้ทานปวง.....................ลุล่วง ท่วงทาง สร้างบารมี

    พัฒนา ความรู้ ความสามารถ......................ทันสมัย ไม่ขาด ชีวาตม์ศรี
หมกมุ่น รุ่นใหม่ ของใช้มี................................ฤดี (จัก)เสื่อมถอย ด้อยพัฒนา ฯ

๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

บุญของคนตาย : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



บุญของคนตาย : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ....................................งานศพ คนตาย
ลูกหลาน ขวนขวาย..................ให้การ เกื้อหนุน
สวดพระ อภิธรรม.....................ชักนำ บังสุกุล
เพื่อให้ ได้บุญ.........................เจือจุน วิญญาณ

    ........................................รถรา กระดาษ
ของใช้ ไม่ขาด.........................มาดว่า มหาศาล
ล้วนแล้ว แต่ปลอม....................เผาพร้อม น้อมกราน
ให้(คนตาย)มั่ง มีบ้าน................ศฤงคาร พรรณนา

    ........................................คนตาย ได้รับ ?
บุญทาน บาลทรัพย์...................สัพพี สิเน่หา ?
ของใช้ กระดาษ........................ประหลาด ปรัชญา
เงินกง เต๊กตรา..........................ซื้อหา อะไร ?

    .........................................ยามชี วียัง
แส่ดัน ทุรัง...............................สร้างบาป สาปไส
โลภหา ลามก............................สกปรก จิตใจ
สามานย์ จัญไร..........................ไม่เชื่อ บาปบุญ

    ..........................................ทุจริต จิตฉล
เวรกรรม ตามดล.........................(กำเนิด)ยากจน สถุล
อัปลักษณ์ พักตรา.......................ต่ำช้า ชาติสกุล
ทุกข์ภัย ร้ายหนุน........................วุ่นวาย กรายเวียน

    ...........................................ยามชี วียัง
ซึ้งจิต อนิจจัง.............................สังขาร สานเศียร
ก่อกรรม ทำดี.............................วีระภักดิ์ ฝักเพียร
ตายไป ไม่เปลี่ยน........................บุญเจียร จิรา ฯ

๒๐ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

สังคมผู้สูงอายุ : กาพย์ฉบัง๑๖



สังคมผู้สูงอายุ : กาพย์ฉบัง๑๖

    สังคมผู้สูงอายุ...................ใกล้กาลบรรลุ
จะอยู่อย่างไรให้ถวิล ?

    เมื่อคนส่วนใหญ่ใคร่ชิน.................เสาะสร้างหนี้สิน
ชีวินหันบันเทิงหา

    มิใยดีศีลธรรม์จรรยา..................ควบคุมกรรมา
น้อมนำสัมมาอดิศัย

    ยามเรียนมิเพียรพากใจ................โตเป็นผู้ใหญ่
จึงไร้คุณภาพลับเหตุผล

    คอยสร้างปัญหาสาละวน..................สังคมประจญ
เพราะคนพาโลโง่เขลา

    อบายมุขขลุกกลั้วมัวเมา..................สติปัญญาเบา
ถือเอาตัวรอดเป็นยอดดี

    มโนธรรมสำนึกน้อยมี..................มโนทัศน์บัดสี
สับปลับอัปรีย์มีมากเห็น

    ทุจริตคิดตระบัดจัดเจน.................สมสั่งดั่งเป็น
กฎเกณฑ์วัฒนธรรมต่ำช้า

    นับวันปรากฏสลดตา.................สารพันปัญหา
เพิ่มพูนพลาน่าหวั่นไหว

    สังคมแห่งผู้สูงวัย.................คงหลากยากไร้
เข้าใกล้กลียุคทุกข์ระทม ฯ

๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๘

ในปี 2568 ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว มีผู้สูงอายุ 14 ล้านกว่าคน
ผลสำรวจล่าสุด มีผู้สูงอายุกว่า 1 ล้านคนที่สุขภาพไม่ดี นอนติดเตียง ต้องพึ่งคนอื่นดูแล 
ชี้แนวโน้มมีผู้สูงอายุอยู่ลำพัง ไร้ลูกหลานดูแล มีเพิ่มขึ้น

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชนชั้น(ไฮโซ-โลโซ) : กลอนเปล่า



ชนชั้น(ไฮโซ-โลโซ) : กลอนเปล่า

    อาจจะเป็นค่านิยมที่สังคมสั่งสมกันนานมา
ผนวกกับวิถีชีวา
บนโลกาที่คละเคล้าด้วยความเศร้า ความทุกข์ ความลำบากยากเข็ญ
จึงทำให้มองเห็น
ความมั่งมีทรัพย์สิน เกียรติยศ ชื่อเสียง
เสมือนหนึ่งเยี่ยงสิ่งเลิศเลอ
จนเผลอนำไปใช้แบ่งแยก...สร้างความแตกต่างระหว่างบุคคล

    ความต้องการเป็นจุดศูนย์กลาง เป็นจุดสนใจ
อยากได้รับการให้ความสำคัญ
อยากมีความสุข ความสบาย ตามที่หัวใจใฝ่ฝัน
เป็นเหตุให้มุ่งมั่น บั่นบาก ด้วยความอยากเป็นอยากมี...อย่างที่มิเคยพอ

    จนมองข้ามคุณประโยชน์และความจำเป็น
กลายไปพยายามสร้างความโดดเด่น ความแตกต่าง และห่างเหิน
เปรียบเทียบตนว่าเหนือกว่า สูงกว่า วิเศษกว่าคนอื่น
โดยใช้อวิชชามาประเมิน
อ้างอิงสิ่งของส่วนเกิน เพลิดเพลินไปกับภาพมายา

    ทั้งๆที่ทุกชีวิตต่างตกอยู่ภายใต้ภาวะอนิจจา
เกิดมาก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรค
พยายามอย่างหนักเพื่อให้มีชีวิตรอด
โรค ภัย อันตรายมากมาย กรีดกรายรายรอบตัว
ไม่ว่าวิถีชีวิตจะเป็นเยี่ยงไร สุดท้ายต้องตายกันทั่ว
หากไม่โง่เขลาหรือเมามัว...น่าจะรู้ตัวและเข้าใจ

    การคิดเอา...ว่าเราเหนือกว่า(เขา)
ด้วยเงินตรา ฐานะ เกียรติยศ ชื่อเสียง
ปฏิบัติต่อคนอื่นเยี่ยง เพียงสิ่งต่ำต้อยด้อยค่าไร้
การดูถูกเหยียดหยามคนอื่น
อาจเป็นวิธีสร้างความชื่นฤทัยอย่างได้ผล
สร้างคุณค่าให้กับอัตตาตัวตน
โดยเดินหลงอยู่ในวังวนแห่งมายาการ

    อันที่จริง...การดูถูกเหยียดหยามเขา
นอกจากจะไม่ทำให้ตัวเราสูงขึ้น
มิหนำซ้ำยังตอกย้ำความต่ำตื้น 
ของสติปัญญา-วิจารณญาณ...ว่าพาลฉล
เป็นสิ่งที่คิดเอาเอง ยึดถือเอง เพ่งเองตามใจตน
แต่กลับไม่มีผลต่อคนอื่น...ผู้ไม่ยอมทนฝืนใจ

    หากไม่มีใครยอมรับกับค่านิยม
การแบ่งชนชั้น(ไฮโซ-โลโซ)ก็พลันบรรลัย
บุคคลนั้นไซร้ คงเป็นได้ไม่ต่างจากตัวตลก
ถือค่านิยมงมงาย
แหวกว่ายไปในอวิชชาลามก
มีความคิดที่สกปรก เศษสวะรกเรื้อเฝือจิตใจ ฯ

๑๘ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ศีลธรรม : กลอนหก



ศีลธรรม : กลอนหก

    มีป่าไม้ ให้ความชื้น...................เป็นฐานพื้น ปันน้ำฝน
ความอุดม สมบูรณ์ดล.......................ทั่วทุกหน บนพสุธา

    พึ่งป่าไม้ ใช้ชีวิต..........................เพื่อสัมฤทธิ์ สิทธิ์ปรารถนา
สุขศานติ นิตยา................................ใต้แผ่นฟ้า ตลอดไป

    มีศีลธรรม กำกับจิต.......................(จะ)มีชีวิต พิสิฐใส
สติปัญญา จะก้าวไกล........................เจริญวัย เจริญวัน

    หลักศีลธรรม เลือกคำนึง................อุระตรึง มิพรึงพรั่น
ก่อวิจิตร วาดกิจกรรม์.........................เพริศรังสรรค์ พฤทธ์จรรยา(พฤทธ์=ผู้ใหญ่)

    รักษ์ศีลธรรม และค้ำจุน..................จิตพิบุล สุนทรกล้า
ชาญฉลาด เชาว์พัฒนา......................สู้ปัญหา ภยันตราย

    สิ่งใดผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี......................รู้ท่วงที รี่ขวนขวาย
สิ่งใดทราม อย่ากล้ำกราย...................จงผึ่งผาย ในกรรมดี

    ผลตอบแทน แม้นมิมาด.................มิแคล้วคลาด ระบัดศรี(มาด=คาดไว้)
หลักสัจธรรม ล้ำโลกีย์........................เมื่อทำดี (ย่อม)ได้ดีดล

    มีศีลธรรม ประจำใจ.......................วันคืนวัย ไม่สับสน
เป็นลักษณะ เฉพาะตน.......................เฉพาะคน พิมลเอย ฯ

๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๘

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หมดอนาคต : กาพย์ยานี๑๑(กลอนรักษ์โลก)



หมดอนาคต : กาพย์ยานี๑๑(กลอนรักษ์โลก)

    น้อยสุด นับแต่สร้าง................เขื่อนใหญ่กว้าง ภูมิพล
พิรุณ พิรุธดล...............................ให้น้ำฝน ลดปริมาณ

    สะท้อน โลกร้อนฤทธิ์................สร้างวิกฤติ มหาศาล
เกิดแล้ง แห้งกันดาร......................แผ่เภทพาน ทุพภิกขภัย

    หาได้ ให้เหตุผล......................กับกมล คนส่วนใหญ่
(เพราะ)ป่ารุก ถูกตัดไป..................ทรัพยากรใช้ ไร้ระวัง

    โลภมาก อยากไปหมด...............คดหัวคิด ทุจริตฝัง
ค่านิยม สังคมยัง...........................คงล้าหลัง หลงมั่งมี

    คิดแต่ เห็นแก่ตน.......................สาละวน หน(ทาง)สุขศรี
อยากอยู่ ดีกินดี.............................อย่างไม่มี ที่ประมาณ

    แก่งแย่ง แข่งอำนาจ...................เข่นฆ่าฆาต โหดเหี้ยมหาญ
อาวุธ ยุทโธประการ........................ทุ่มห้ำหั่น ให้บรรลัย

    ยิ่งเพิ่ม ความอดอยาก.................เพิ่มเศษซาก ที่อาศัย
ยิ่งเพิ่ม ผู้ลี้ภัย................................ในสงคราม ลามโลกา

    สงสาร รุ่นหลานเหลน..................คงลำเค็ญ เห็นภายหน้า
วิถี แห่งชีวา...................................อนาคต หมดสิ้นเอย ฯ

๑๖ มิถุนายน ๒๕๕๘

น้ำในเขื่อนแล้งขั้นวิกฤติ! กฟผ.ขอให้ชะลอทำ'นาปี' | เดลินิวส์
„ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-11 มิ.ย. 58 มีปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนภูมิพลเพียง 4 ล้านลูกบาศ์กเมตร ถือเป็นปริมาณต่ำสุดในรอบ 51 ปี หรือตั้งแต่มีการเก็บกักน้ำมา“
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/economic/327869


.เกษตรฯ คาด “นาปี” เสียหาย 6 หมื่นล้าน หากภัยแล้งยาวนาน และไม่สามารถทำนาปีได้ วอน คสช.ส่งทหาร สกัดชาวบ้านแย้งน้ำ เผย “กรมชลฯ” หมดหนทาง ต้องพึ่งไสยศาสตร์อีกรอบ เชิญโหรขอฝน หน้าเขื่อนใหญ่ทั่วประเทศ “ปิติพงศ์”ย้ำจำเป็น ต้องชะลอปลูกข้าวนาปี 4 ล้านไร่จนถึงปลาย เดือน ..นี้ หลังรับรายงานปริมาณน้ำในลุ่มเจ้าพระยา เข้าข่ายวิกฤต
 จาก <http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000067721


ปีหน้าจะรุนแรงกว่านี้ เพราะน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศไม่มีน้ำสำรองแล้ว ทำให้ปี 60 สถานการณ์ขาดน้ำรุนแรงขึ้น จะกระทบกระเทือนไปทั้งประเทศ
จาก <http://www.naewna.com/politic/164028


'พฤษภาระอุ'ร้อนสุดในรอบศตวรรษ | เดลินิวส์
นักวิทยาศาสตร์สหรัฐเผยข้อมูลอุณหภูมิของเดือน .. ที่ผ่านมา เป็นเดือน .. ที่ร้อนที่สุดนับแต่มีการจดบันทึกเมื่อปี 2423“

นาซาเตือนวิกฤตแหล่งน้ำใต้ดินทั่วโลก | เดลินิวส์
นาซาเตือนวิกฤตแหล่งน้ำใต้ดินทั่วโลก“

โลกกำลังเข้าสู่ภาวะการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ | เดลินิวส์
„ปัจจัยที่ส่งผลต่อการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกมีมากมายหลายประการ ที่รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศบนโลก มลภาวะ และการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งล้วนเป็นผลจากการกระทำของมนุษย์ ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สร้างความสมดุลให้แก่สิ่งแวดล้อม หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป ระบบนิเวศจะถูกทำลายภายใน 3 ชั่วอายุคนนับจากนี้ และโลกอาจต้องใช้เวลาปรับสมดุลด้วยตัวเองอีกหลายล้านปี กว่าสถานการณ์จะกลับคืนเป็นปกติ“