ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2563

หลักดำเนินชีวิตพิชิตปัญหา : กลอนคติสอนใจ



หลักดำเนินชีวิตพิชิตปัญหา : กลอนคติสอนใจ

    ข้อความ ถึงน้อง "ต้นกล้า"..................................................คือคำ ร่ำลา สุดท้าย
ด้วยรัก จากแม่ ผู้แพ้พ่าย....................................................คล้อยตาม ความตาย คลายปัญหา(ชีวิต)

    (แล้ว)ใครเล่า จะเลี้ยง ดูลูก?...............................................สอนถูก สอนผิด ให้"ต้นกล้า"?
เหลือแค่ คนแก่ ชรา..........................................................ที่ใกล้ มรณา วางวาย

    วิถี ชีวี มีหลัก..................................................................(จง)ศึกษา อย่าสัก แต่มักง่าย(ทำอะไรโง่ๆ)
(ใคร)ทำผิด ชีวิตทุรน ทุราย................................................(ใคร)ทำถูก สุขสบาย ชีวา

    (หลัก)"ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี-ศีลธรรม"....................................(จง)น้อมนำ ดำเนิน เถิดหนา
ปฏิบัติ (ให้)ถูกต้อง คล้องธรรมา...........................................จงอย่า ทำตาม อำเภอใจ

    เลิกหลง ละเมอ เพ้อฝัน.....................................................ก่อกรรม์ บันเทิง เหลวไหล
ธรรมชาติ ปราศเมต ตาใคร..................................................ผู้ไร้ สติ ปัญญา(ต้องทุกข์ทรมาน)

    ชีวี มีเหตุ มีผล.................................................................ทุกคน พบพาน (อุปสรรค)ปัญหา(ไม่ใช่มีแค่เรา)
ต้องการ ความคิด วิทยา.....................................................มิควร พึ่งพา อารมณ์

    โดยเฉพาะ (การ)เป็นพ่อ เป็นแม่..........................................(หากชีวิต)ตัวคนเดียว ยังแย่ ขื่นขม(เอาตัวเองยังไม่รอด)
จงอย่า อยากมี(ลูก) นิยม....................................................สั่งสม สร้างบุตร ผุดชีวา

    (เพราะ)จะเกิด ทุกข์เข็ญ เป็นลูกโซ่(ไปถึงลูกหลาน)................กำเริบ เติบโต ปัญหา
(เมื่อจิตใจ)อ่อนไหว ไร้ที่ พึ่งพา............................................(พาล)โทษด่า รัฐบาล จัญไรฯ(ไม่โทษตัวเอง)

๓๐ เมษายน ๒๕๖๓

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2563

ปั้นน้ำเป็นตัว : กลอนคติเตือนใจ






ปั้นน้ำเป็นตัว : กลอนคติเตือนใจ

    เกิดพายุ ฤดูร้อน.................................................ลมแทรกซ้อน ว่อนสายฝน
ฟ้าคำราม โครมครามจน.......................................บ้านเรือนคน ไหวสั่นคลอน

    คาด(ว่า)ลูกแมว คงตื่นตระหนก..............................(เพราะ)ไม่คุ้นอก (ไม่เคย)พบมาก่อน
(อายุ)แค่ ๒ เดือน คอยกิน-นอน(และเล่น)................(สิ่งคาดไว้)กลับซับซ้อน ย้อนสัจจา

    ลูกแมวสรรพ กลับตื่นเต้น......................................วิ่งไล่เล่น เห็นหรรษา
(เหมือนว่า)พายุเสริม เหิมพลา...............................ไม่เหนื่อยล้า สนุกฤดี

    (เรื่องที่)ยังบ่รู้ อย่าหลงใหล...................................ว่าเข้าใจ ในโลกนี้
ความเป็นไป ในปัฏพี...........................................(ซึ่ง)ซ่อนวิถี เฉพาะตน

    ผู้โง่เขลา เบาปัญญา............................................มากมารยา อกุศล
ไร้สุจริต จิตวิกล.................................................มักเห็นคน เป็นเหยื่อคา(หาเงินจากคนโง่มันง่าย)

    ชวนให้หลง พะวงหวั่น..........................................ยามชีวัน ประสบปัญหา
(อยากรู้)ทางแก้ไข ให้ศรัทธา...............................ทำตามที่ข้า จะแนะนำ

    ลวงคนโง่ เรื่องงมงาย...........................................แสนง่ายดาย ไถลถลำ
(ด้วยสิ่งที่)คิดเอาเอง มิเกรงกรรม..........................จะทำให้ ใครทุกข์ตรม

    ล่อหลอกคน ที่โง่กว่า(ตัวเอง)................................หลงคิดว่า (ตนมี)ปัญญาล้ำ
ความจริงไซร้ ในถ้อยคำ......................................แค่ปั้นน้ำ เป็นตัวเอยฯ

๒๙ เมษายน ๒๕๖๓

รับพัสดุอย่างไรให้ปลอดภัย | HIGHLIGHT อยู่อย่างไรปลอดภัยโควิด-19 EP.3 | ...

วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2563

ทำดีกันเถิด : กลอนจรรโลงใจ



ทำดีกันเถิด : กลอนจรรโลงใจ

    ใบไม้ ร่วงหล่น ลงดิน.............................................ผันผิน อินทรีย์ พลีเป็นปุ๋ย
ปรับปรุง ดินพรวน ร่วนซุย.................................พฤกษา งามฉลุย ประไพ

    ต้นไม้ ก็คล้าย ความดี............................................ต้องมี เวลา เติบใหญ่
จากน้อย ค่อยเป็น ค่อยไป................................(กระทั่งมีจำนวน)มากมาย ได้เห็น เด่นชัด

    เส้นทาง สร้างสม ความดี........................................ต้องมี สัมมา ปฏิบัติ
(จิตใจ)มั่นคง ตรงแน่ว แกล้วพิพัฒน์...................(หาก)ไม่คล่อง ต้องหัด อัชฌา

    ความดี มีศีลธรรม นำทาง(เหตุ)................................(ให้ผล)ประเสริฐ เปิดกว้าง ไร้กังขา
ทำดี ได้ดี (เป็น)กติกา.....................................เด่นชัด สัจจา ประจักษ์ใจ

    แต่อาจ ต้องรอ เวลา..............................................จงอย่า รีบร้อน สังวรไว้
กฎแห่ง เวรกรรม อำไพ....................................(มัก)อาจไม่ ตรงไป ตรงมา(มีความซับซ้อน)

    มิต้อง ลงทุน ลงแรง..............................................ผลดี สิสำแดง ต่อหน้า(เมื่อถึงเวลา)
ต้องกฎ แห่งกรรม ธรรมา..................................(จง)ยืนหยัด ศรัทธา อย่าลดทอน

    (การ)ทำดี มิใช่ ให้ละโมบ......................................อยากได้ ดีโลภ เร่าร้อน
(เพราะ)จะทำ ให้ความ ดีรอน.............................สั่นคลอน ขาดแคลน แร้นลาญ

    ทำดี ที่การ เสียสละ..............................................ต้องอุต สาหะ กล้าหาญ
ผลดี สิดล บันดาล...........................................หฤทัย ไพศาล จรรโลง

    ไม่มี อะไร สูญเปล่า..............................................ความดี สิเผา เศร้าโล่ง
โชติช่วง ดวงตา(เห็นธรรม) สว่างโพลง................ปลอดโปร่ง สงสาร ; ทำ(ดี)กันเทอญฯ

๒๘ เมษายน ๒๕๖๓

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

ครึ่งบกครึ่งน้ำ : กลอนคติเตือนใจ



ครึ่งบกครึ่งน้ำ : กลอนคติเตือนใจ

    ใครเล่าอาจ หยุดเวลา ลดอายุ?.........................................ใครบรรลุ สัจจา ด้วยปราศรัย?
ใครก้าวหน้า ด้วยประจำ ทำตามใจ(ตัวเอง)?......................ดวงฤดี มิแก้ไข ใสเพริศแพรว?

    ฝึกอบรม พรหมวิหาร ด้วยการสวด(มนต์)?...........................ถือศีลทำ ด้วยคำอวด (อ้าง)รับศีลแล้ว?
ปลงอาบัติ ขจัดใจ สาไถยแจว?......................................(ประกาศตน)หมดกิเลส ตัณหาแล้ว (โดย)ย้อมแมวมา?

    มีหรือใคร ไม่ศึกษา พระไตรปิฎก.......................................อาจสาธก หลักธรรม งามสิกขา?
บรรยายอย่าง ถูกต้อง คล้องพุทธา..................................ด้วยอัตตา ค่านิยม สังคมยล?

    (เดินมา)ไกลจนกู่ ไม่กลับ สำหรับพุทธ...............................ถูก(ดัด)แปลง-กลาย ไม่หยุด สุดสับสน
ต่างสำนัก ต่างฝักใฝ่ ตามใจตน......................................ชักชวนชน เลื่อมใส ไหลศรัทธา

    คนมักง่าย ไม่รู้(ธรรมวินัย) ดูผ่านๆ.....................................ถูกจริต สันดาน(ตัวเอง) พลอยหรรษา
หลงประเสริฐ เชิดชู ไหว้บูชา.........................................(มอบตัว)เป็นศิษยา นุศิษย์ ติดอก(ติด)ใจ

    ตามพะเน้า พะนอ เฝ้ารอรับ..............................................ติดกับ(ดัก) ความสับสน ล้นเหลวไหล
เชื่อว่า จะประสบ พบปัจจัย............................................ช่วยให้ ได้สมหวัง ดั่งรอคอย

    (เมื่อ)ผลประโยขน์ ทางโลก ยกเลิศล้ำ...............................มรรคผล พิมลธรรม เห็นต่ำต้อย
สิกขาสังวร อ่อนแอ แลด่างพร้อย....................................(ความเป็น)สมณะ จะเหลือน้อย คล้อยโลกีย์

    อยากถวิล ยินดี บริโภคกาม.............................................รักความ สำราญ รสสันสีฯลฯ
อยากเป็นผู้ อยู่ดี กับกินดี...............................................ชีวี ดำเนิน เพลินโลกธรรม

    ไม่เชิง ใช่สมณะ-ฆราวาส................................................คล้ายธรรมชาติ สัตว์ครึ่ง บกครึ่งน้ำ
วิถี ชีวิต และกิจกรรม.....................................................เช้า-ค่ำ ดำเนิน จำเริญลงฯ

๒๗ เมษายน ๒๕๖๓

*
บุคคลบางคนไม่มีศรัทธาในกุศลธรรม ไม่มีหิริในกุศลธรรม ไม่มีโอตตัปปะในกุศลธรรม ไม่มีวิริยะในกุศลธรรม ไม่มีปัญญาในกุศลธรรม บุคคลนี้เรียกว่า เป็นคนจนเข็ญใจยากไร้ในวินัยของพระอริยเจ้า
จาก <https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=22&A=8303&Z=8388>

เมื่อไหร่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเดิม? : โควิด19


เมื่อไหร่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเดิม?* : โควิด19


        วันที่ 26 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตอบคำถาม.......


        เมื่อถามว่าในเรื่องชีวิตวิถีใหม่ (new nomal) ขณะนี้มีบางฝ่ายเห็นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีก็น่าจะกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเดิม เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบการทำมาหากินยากลำบาก นพ.ทวีศีลป์ กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนอยากกลับไปใช้วิถีปกติ มีการค้าขาย มีการเดินทางอย่างปกติ
        แต่ที่ยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ เพราะต้องเข้าใจ สภาวการณ์การเกิดโรคนี้ซึ่งไวรัสโควิด-19 เพิ่งเกิดมาในช่วง 3-4 เดือน และเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ แพร่กระจายผ่านตัวไวรัสที่ผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ คือคนในช่วงวัยทำงานและไม่มีอาการ เราจึงไม่รู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง และยังเดินอยู่ในสังคมตรงไหน
        ถ้ากลับไปใช้ชีวิตปกติก็จะมีโอกาสติดเชื้อจากคนเหล่านี้ได้มาก เมื่อติดขึ้นมาก็จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีก แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะเจอแค่หลักสิบ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะคุมได้ หรือจะกลายเป็นศูนย์ (0) และถ้าเมื่อเป็น 0 ก็ต้องดูว่าจะนานเท่าไหร่ และไม่ใช่แค่จะเป็นตัวเลขแค่ 0 บ้านเราอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องให้ตัวเลขเป็น 0 ทั้งโลก ถึงจะเกิดความมั่นใจได้
        “ดังนั้น แม้วันนี้บ้านเราจะคุมตัวเลขได้ดี แต่รอบๆ บ้านเราและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตัวเลขยังพุ่งสูงขึ้น แสดงว่าเชื้อในอากาศยังมีอยู่เต็มไปหมด ถ้าเรายังใช้ชีวิตวิถีเดิม เดินทางไปท่องเที่ยว ไปซื้อของเหมือนเดิม ก็มีโอกาสจะกลับมาระบาดได้ใหม่ สิ่งที่เราลงทุนไปเมื่อหลายเดือนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกลายเป็นศูนย์ จึงต้องชี้แจงว่าการจะกลับไปสู่ภาวะปกติต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวพอสมควร
สิ่งที่จะกลับไปปกติได้ คือ
1.จะต้องมียารักษา เมื่อมียารักษาก็จะคุมเชื้อโรคได้ โดยต้องเป็นการรักษาให้หาย ไม่ใช่แค่การระงับยับยั้งไม่ให้โรคเจริญเติบโต หรือต้านไว้เฉยๆ นั้น ไม่พอ ยาต้านไวรัสไม่ใช่การรักษาไวรัส เป็นการไม่ให้โรคกำเริบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการรักษาให้หายทั้งหมด
2.เราจะต้องมีวัคซีน ซึ่งเมื่อไหร่ที่มีวัคซีนก็จะตอบได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคก็จะจบได้ตอนนั้น แต่กว่าจะได้ตรงนี้ ข้อมูลล่าสุดก็คืออาจจะเป็นต้นปีหน้า หมายความว่าเราต้องใช้เวลาระหว่างนี้ไปถึงต้นปีหน้าในการควบคุมโรคโดยการควบคุมตัวเราเองให้ได้ ปรับชุดพฤติกรรมของเราในตอนนี้ให้ได้ เพื่อที่จะไม่เอาเชื้อโรคมาอยู่ที่ตัวเรา หรือเอาเชื้อโรคจากตัวเราไปอยู่ที่คนอื่น จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้
        ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกยังไม่ยินยอมในช่วงตอนแรกที่จะปรับตัวเข้าจะเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นและหลักแสนขึ้นมาทันที แต่ปัจจุบันหลายประเทศจึงต้องปรับตัวมาและออกมาตรการ คล้ายๆ กับสิ่งที่ไทยได้ทำ ซึ่งเป็นการออกมาตรการมาตั้งแต่แรก ทำให้ตัวเลขของเราไม่สูง แต่ถ้าออกช้าก็คงไม่แตกต่างไปจากคนอื่น เช่นเดียวกันถึงแม้เราจะออกมาตรการได้เร็วและยกเลิกเร็ว ก็จะกลับไปเป็นตัวเลขเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เกิดขึ้น คือการ์ดตกเมื่อไหร่ สิ่งที่ลงทุนมาทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์ทันที
จาก <https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_4020711>

*
เป็นคำถามที่ผู้เขียนฝากสื่อไปถามโฆษก ศบค.

วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2563

ขอแค่ไม่มีคนมาข้องเกี่ยว : กลอนอนุรักษ์ธรรมชาติ










ขอแค่ไม่มีคนมาข้องเกี่ยว : กลอนอนุรักษ์ธรรมชาติ

    อาทิตย์ อัศดง หลังวงเมฆ...........................................รจเรข รังสี รวีแสง
วิจิตร ประดิษฐ์วรรณ การเปลี่ยนแปลง.............................สำแดง แต่งเติม เสริมคคนานต์

    พลบค่ำ ดำเนิน เดินเท้าคล้อย......................................แสงเรื่อ เมื่อน้อย(ลง) พลอยโสรจศานติ์(โสรจ อ่าน โสด=อาบ)
บรรยากาศ ประกฤต จิตวิญญาณ....................................ระงับความ พลุ่งพล่าน ได้บันดล(ประกฤต=ทำ)

    เมื่อใด ดวงแด มิแส่อยาก............................................ไม่ยาก จักบรรลุ (ใจ)เป็นกุศล
บ่ยึดมั่น ถือมั่น พลันพิมล..............................................หลุดพ้น โมหะ อวิชา

    เมื่อชน หมู่มาก ร่วม(กัน)ผลักไส...................................โลกย่อม หมุนไป ในปัญหา
เหล่าชน ส่วนน้อย ด้อยพลา..........................................ได้แต่ ภาวนา อย่าพลอยรน(รน=เร่าร้อน)

    อยากมั่ง อยากมี อยากมิหยุด.......................................มนุษย์ ฉุดรั้ง โลกพังหน
เมื่อ(มนุษย์)หยุด เคลื่อนไหว ในบัดดล............................โลกพลัน พิมานยล ท้นทันตา

    ขอแค่(คน) ไม่ต้อง มาข้องเกี่ยว...................................ประเดี๋ยว ธรรมชาติ จักสรรค์หล้า
ให้อุดม สมบูรณ์ สุนทรา...............................................ยิ่งกว่า มีมายา นฤมิต

    พลัง ธรรมชาติ ทัศไนย..............................................หลากล้น กลไก ไวศักดิ์สิทธิ์
เสมือน หนึ่งมี อิทธิฤทธิ์...............................................ลิขิต เงื่อนกล ผลสุดท้าย

    หาก(คน)ไม่ พากเพียร เพื่อเรียนรู้.................................โลกสิ เข้าสู่ ความฉิบหาย
ส่งสู่ ผู้คน ทุรนทุราย...................................................ทรมาน ใจ-กาย จนตายเอยฯ

๒๖ เมษายน ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน : กลอนคติสอนใจ



ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน : กลอนคติสอนใจ

    ตนแล เป็นที่ พึ่งแห่งตน....................................บุคคล ผู้ฝึก ตนดีแล้ว
ย่อมได้ ที่พึ่ง ซึ่งเพริศแพรว................................(ซึ่ง)หา(ที่ไหน)ไม่ ได้แล้ว ในโลกา

    รับรู้ อุษณีย์ แห่งชีวิต...........................................ด้วยการ ขบคิด พิศศึกษา(อุษณีย์=มงกุฎ)
วิเคราะห์ บทเรียน เธียรพัฒนา.............................ได้จาก สัจจา ประสบการณ์

    ชีวี สิอยู่รอด และปลอดภัย....................................จำเริญ ก้าวไกล อย่างไพศาล
(เริ่มจาก)จะต้อง รักดี มิใฝ่พาล............................อาจหาญ มีสติ และปัญญา

    รักษา สุขภาพ ให้แข็งแรง....................................ขันแข็ง แกร่งหมั่น การศึกษา(หาความรู้)
ตั้งแต่ เยาว์วัย ใคร่วัฒนา....................................(ถึงวัยงานทำ)อุตส่าห์ หาทรัพย์ กับเก็บออม

    ประหยัด จัดสรร การใช้จ่าย..................................ขวนขวาย รายรับ กำกับถนอม
(รู้จัก)ลงทุน (ให้เงิน)เพิ่มพี มีความพร้อม...............รับมือ (สถานการณ์)แวดล้อม อนาคต

    อย่ากู้(เงิน) มากิน ชินชาใช้..................................(ฐานะ)ยากไร้ ให้ทน มนทรหด
ผ่อนซื้อ สินค้า(เป็นหนี้**) จงละลด......................เงินสด ซื้อ(ได้ราคา)ถูก สุขอุรา

    เก็บเงิน เกินเผื่อ เมื่อ(เกิด)วิกฤติ...........................ชีวิต อนิจจัง พรั่งปัญหา
ยามที่ แก่เฒ่า เราชรา........................................เจ็บป่วยฯลฯ ขึ้นมา พามั่นใจ

    อย่าเป็น คนเขลา ไม่เอาถ่าน.................................สันดาน(ใด)ไม่ดี รี่แก้ไข
วิกฤติ มาถึง อาจพึ่งใคร?....................................โศกเศร้า เสียใจ ไม่ช่วยเอยฯ

๒๕ เมษายน ๒๕๖๓

*
...ตนแลฝึกได้ยาก
ตนแลเป็นที่พึ่งของตน
บุคคลอื่นใดเล่าพึงเป็นที่พึ่งได้
เพราะว่า บุคคลมีตนอันฝึกฝนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งซึ่งได้โดยยาก
    ความชั่วที่ตนทำไว้เอง
เกิดแต่ตน 
มีตนเป็นแดนเกิด
ย่อมย่ำยีคนมีปัญญาทราม...
จาก <https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=692&Z=720>


**
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย ความยากจนเป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคล ในโลก”
             ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า “อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
             พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ย่อมกู้หนี้ แม้การกู้หนี้ก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก”
             “อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
             “ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นกู้หนี้แล้ว ย่อมใช้ดอกเบี้ย แม้การใช้ดอกเบี้ยก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก”
             “อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
             “ภิกษุทั้งหลาย คนจนเข็ญใจยากไร้ ครั้นใช้ดอกเบี้ยแล้ว ไม่ให้ดอกเบี้ยตามกำหนดเวลา พวกเจ้าหนี้ย่อมตามทวงเขา แม้การตามทวงก็เป็นทุกข์ของกามโภคีบุคคลในโลก”
จาก <https://84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=22&siri=296>

วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2563

แม่น้ำเชี่ยวไหลไม่มีบัว : กลอนคติสอนใจ



แม่น้ำเชี่ยวไหลไม่มีบัว : กลอนคติสอนใจ

    (เห็น)พระ(เณร)เมียง เลี้ยงหมา(วัด) รักษาทรัพย์(กันขโมย).............สำหรับ แมวไซร้ ไม่ถือสา
อาหาร บ่ให้ ไร้เมตตา.............................................................ปล่อยแมว ถูกล่า หมากัดตาย

    ลูกแมว หลากล้น ที่คนปล่อย(วัด)..............................................จึงบางตา เหลือน้อย ทยอยหาย
เรื่องราว ความจริง บ่อิงนิยาย...................................................คนเรา ใจร้าย(คับแคบ) เห็นแก่ตัว

    (คนส่วนใหญ่)ไม่เชื่อ(ว่า) ทำดี ย่อมได้ดี.....................................อัปรีย์ ทำไป จะได้ชั่ว
สันดาน พาลเขลา หลงเมามัว..................................................ฝั่งทั่ว หัวคิด มิดหัวใจ

    บ่มี บัว(ชนิด)ใด ขึ้นในน้ำ.........................................................ที่ลำ ธารเชี่ยว คดเคี้ยวไหล
กระแส(ค่านิยม) โลกา พัดพาใคร.............................................ปรมัตถ์ จิปราศไร้ ไม่งอกงาม

    สงบ วารี มีแสงสว่าง...............................................................บัวชนิด ต่างๆ สะพรั่งหลาม
ชูช่อ รอบาน ตระการตาม........................................................พร้อมความ สมบูรณ์ มิสูญพันธุ์

    ปรมัต ถธรรม อำมฤต..............................................................เฉพาะสุ(จ) จริตใจ พิไลสันติ์
สร่างซา อกุศล มลทินกรรม์.....................................................ฝ่าฟัน กระแส แลโลกีย์

    จึงจะ ประสบ ความสำเร็จ........................................................เผด็จ พิสุทธิ์ พุทธวิถี
อันหา ไม่ได้ ในปัฏพี..............................................................ฤาด้วย วิธี พิสดาร(นอกธรรมวินัย)

    มรรคา อริยะ ทั้ง ๘ ข้อ...........................................................และก็ ธรรมวินัย อันไพศาล
ประดุจ แสงสว่าง อลังการ.......................................................ส่องผล นิพพาน สมาทานเทอญฯ

๒๕ เมษายน ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563

ที่นี่บ่มีวิกฤติ : กาพย์ยานี๑๑


ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ


ที่นี่บ่มีวิกฤติ : กาพย์ยานี๑๑

    ที่นี่ มีท้องนา.......................................สวน-ไร่-ป่า ภูผาเขา
น้ำไหล พอให้เรา................................เพรียกเลาะหา อาหารกิน

    เงินทอง (เป็น)ของหายาก......................แสนลำบาก (สะสม)หลากทรัพย์สิน
วิถี ใช้ชีวิน.........................................ไม่ดิ้นรน บน(ความเรียบง่าย)ธรรมดา

    ทุกอย่าง คล้ายหยุดนิ่ง...........................แลสรรพสิ่ง ไร้ปัญหา
เพียงเรา ไม่เอามา...............................ทำให้อุระ อยากทะยาน

    เมืองใหญ่ ไร้ท้องทุ่งฯลฯ.........................จึงต้องมุ่ง ซื้ออาหาร
เช้า-ค่ำ ยังทำงาน................................อุตส่าห์สาน การหาเงิน

    ศูนย์กลาง ทางเศรษฐกิจ.........................เมืองวิจิตร สมสรรเสริญ
รวมศูนย์ การดำเนิน.............................ศึกษาฐาน งานปกครองฯลฯ

    หลากล้น ผลประโยชน์............................ทั้งดี-โฉด วิโรจน์ถ่อง
(คน)หลั่งไหล ใคร่จับจอง.....................เงินทองหา หนาแน่นพี

    (เมือง)เลอเลิศ (เมื่อ)เกิดวิกฤติ.................แสงชีวิต (มืด)มิดริบหรี่
หนทาง แทบร้างมี...............................(ต้องรอ)รับบริจาค ลำบากใจ

    อาศัย ในบ้านนอก.................................ฟ้าสางออก หากินได้
บ่มี วิกฤติใด.......................................มาทำให้ หนักใจเอยฯ

๒๓ เมษายน ๒๕๖๓

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

การตลาดศาสนา : กลอนสะท้อนวงการศาสนา



การตลาดศาสนา : กลอนสะท้อนวงการศาสนา

    การตลาด ศาสนา.............................................พุทธพา ญิชย์พิษฐาน
มิได้มุ่ง หมายนิพพาน......................................ลาภ-สักการ พล่านเพลินจินต์

    เน้นอุปสงค์ สังคมโลกย์.....................................(ความต้องการของ)ผู้บริโภค ยกถวิล
ให้บริการ(ต่างๆนานา) (เพื่อ)ดาลชีวิน(ตน)...........อยู่ดี-กิน ดีปรีดา

    กิเลสตัณหา มิซาสร่าง.......................................แค่"พุทธ"พราง (ยก)ขึ้นบังหน้า
กิจดำเนิน ด้วยเงินตรา(รายจ่าย).........................(จึงต้องออก)อุบายหา(รายได้) เป็นประจำ

    ทั้งมิใช่ และไสยศาสตร์.....................................(ใช้วิถีทาง)การตลาด ประกาศล้ำ
หากเปรียบเทียบ พฤติกรรม...............................ล้วนก้าวข้าม ธรรมวินัย(ที่ไม่รับ-ใช้เงินฯลฯ)

    เพียงเปลือกนอก บอกเป็น"พุทธ"........................ความพิสุทธิ์ หามีไม่
กิจวัตรแล แปรเปลี่ยนไป...................................เพื่อรับใช้(สังคม)* ไร้เกี่ยงงอน(ทำกิจกรรมในแบบที่สังคมชอบ เช่น ร้องเพลง บรรเลงดนตรีฯลฯ ซึ่งผิดศีลของพระเณร)

    แม้ศึกษา พระไตรปิฎก......................................ก็เพื่อยก มาสั่งสอน(คนอื่น)
แต่ตัวข้า มิอาทร.............................................ขาดสังวร ทั้งกาย-ใจ

    อริยสัจ ฮึดฮัดท่อง...........................................สิสอดส่อง ประพฤติ(ตาม)ไม่
สิ่งใดที่(ทำแล้ว) มี(คน)เลื่อมใส.........................มุ่งทำไป ไม่ครณา(แม้ว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์)

    เน้นปริมาณ** และการตลาด..............................(เป็น)วิปลาส พุทธศาสนา
หวัง(สังคม)เจือจุน หนุนเงินตรา..........................สมตัณหา โลภะเอยฯ

๒๒ เมษายน ๒๕๖๓

*
ต้องเข้าใจก่อนว่า
พระพุทธเจ้าประกาศศาสนาพุทธ ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อมารับใช้สังคม เพื่อให้บริการสังคม หรือสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ-การเมือง
เป้าหมายของศาสนาพุทธ คือ เพื่อพาคน บรรลุนิพพาน ความพ้นทุกข์ ความหลุดพ้นวัฏสงสาร ฯลฯ
ไม่มีเป้าหมายทางโลก
หลักธรรมวินัย ล้วนสนับสนุนให้มุ่งไปสู่เป้าหมายทางธรรม ไม่ใช่ทางโลก
ดังนั้น การที่มีใครบางคน ชอบเรียกร้องให้ศาสนาพุทธต้องให้บริการสังคม-แก้ปัญหาสังคม-สังคมสงเคราะห์ สร้างสรรค์กิจกรรมที่สังคมต้องการ เช่น ด้านการศึกษา-สังคม-เศรษฐกิจ-การเมือง จึงเป็นความคิดของคนที่ไม่รู้จัก ไม่เข้าใจ ในธุระ-หน้าที่ของศาสนาพุทธ-กิจของสงฆ์

พิสูจน์ให้เห็นได้จากคำสอนของพระพุทธเจ้า
ที่ห้ามพระสงฆ์พูดคุยเรื่องอื่นๆนอกจากธรรมวินัย ทรงเรียกเรื่องอื่นๆเหล่านั้นว่าเป็น "ดิรัจฉานกถา"
".....ดูกรภิกษุทั้งหลาย การที่เธอทั้งหลายสนทนาดิรัจฉานกถาเป็นอันมาก คือ สนทนาเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องความเจริญและความเสื่อมนี้ ฯลฯ ไม่สมควรแก่เธอทั้งหลายผู้เป็นกุลบุตรออกบวชเป็นบรรพชิตด้วยศรัทธาเลย..."
From <https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=24&A=3064&Z=3116>

**
เน้นปริมาณ ได้แก่ การให้ความสำคัญกับจำนวน เช่น จำนวนพระเณร จำนวนสาขาของวัด จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม ยอดเงินบริจาค ฯลฯ
โดยไม่ใส่ใจเรื่องประสิทธิภาพ-ประสิทธผลของกิจกรรม เพราะตัวผู้ดำเนินการเองก็ไม่มีคุณภาพ ทำอะไรก็ไร้ประสิทธิผล สักแต่ว่าได้ประกาศว่า ได้ประกอบกิจกรรม ทำไปพอเป็นพิธี พอให้พูดได้ว่ามีผลงาน ซึ่งมักเป็นผลงานทางโลก-ทางสังคม
เนื่องจากปกติก็ไม่ได้สนใจจะปฏิบัติตามธรรมวินัยอยู่แล้ว
มีไม่น้อยที่ประพฤตินอกรีต ทำกิจกรรมที่ไม่สมควรแก่ความเป็นพระ หรือแม้แต่สถานะพุทธศาสนิกชน

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

ความหิวคือโรคอย่างยิ่ง : กลอนโควิด19















ความหิวคือโรคอย่างยิ่ง : กลอนโควิด19

       ไม่มี(อาหาร)กิน จะอดตาย....................................มีอันตราย กว่า(โรค)โควิด(19)
อย่าโทษใคร ไม่ยั้งคิด.........................................เกิดติดเชื้อ เกื้ออาสัญ
แต่เมื่อ อา หารไม่มี.............................................ชีวีทนไป ได้กี่วัน?
คงต้องตาย ไม่ต่างกัน..........................................เจ็บป่วยนั้น อาจรอดตาย(ถ้ามีภูมิต้านทาน-รักษาหาย)

      ปัจจุบัน มีปัญหา..................................................ที่ดูท่า จะแก้ยาก
คนตกงาน เป็นอันมาก..........................................ย่อมลำบาก (เพราะ)ต้องใช้จ่าย(แต่ไม่มีเงิน)
"ความหิว คือ โรคอย่างยิ่ง"*..............................เป็นสัจจริง อย่านิ่งดูดาย
(เมื่อคน)หมดสิ้นหวัง ทางสุดท้าย...........................ไม่อยากอดตาย ต้องลักขโมย

      เจ้าของ(ขัด)ขวาง มิยั้ง(ถูก)ฆ่า................................อาชญากรรม เกิดหลามหลาก
คนตกงาน เป็นอันมาก..........................................(ย่อมเกิด)เหตุซ้ำซาก จากหิวโหย
(หาก)ตำรวจวิกฤติ ดันติดเชื้อ.................................แทบไม่เหลือ ให้จับขโมย(โดนกักบริเวณทั้งโรงพัก)
มิคสัญญี เพิ่มขึ้นโดย............................................ผู้บริหารโบ๊ย(โทษ) กันไปมา

      (รัฐบาล)ต้องช่วยให้ (ประชาชน)ได้อยู่กิน..................หากถวิล สังคมสงบ**
เงินคงคลัง ตั้งติดลบ***........................................งบประมาณ เพิ่มพานหา(งบฯขาดดุล-กู้เงิน)
เศรษฐกิจ ติดขัดยังไง...........................................ปล่อยเอาไว้(ก่อน) ไม่ใช่เวลา
คนจะ(อด)ตาย สำคัญกว่า......................................ขืน(มัว)ชักช้า ปัญหาลุกลามฯ

๒๑ เมษายน ๒๕๖๓

*
ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
บัณฑิตทราบเนื้อความนี้ตามความเป็นจริงแล้ว
ย่อมทำให้แจ้งซึ่งนิพพาน เพราะนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
จาก <https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=799&Z=829


**
รัฐบาลแก้ปัญหาโดย กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท
มาช่วยภาคธุรกิจ+แจกเงินในโครงการ "เราไม่ทิ้งกัน" ให้ผู้ได้รับผลกระทบ
แต่เท่าที่เห็นข่าว+เห็นกับตา คือ
คนจำนวนมากที่ได้รับเงิน ไม่ใช่คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง
แต่คนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบโดยตรง กลับไม่ได้เงิน โดยเฉพาะ เด็ก-นักเรียน-นักศึกษา

***
เงินคงคลังของชาติ จะมีสภาพติดลบไม่ได้ เศรษฐกิจพังแน่ๆ
ผู่้เขียนหมายถึง เอาเงินคงคลังออกมาใช้-ให้ลดจำนวนเก็บน้อยลง
แต่บทกลอนมีพื้นที่น้อย จึงใช้คำว่า "ตั้งติดลบ"