ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2561

เลียบเลาะโลกุตตระ : กลอนจรรโลงใจ









เลียบเลาะโลกุตตระ : กลอนจรรโลงใจ

    บรรยากาศ เย็นชื้น คืนฟ้าหม่น........................หลังหลากฝน หล่นริน จนสิ้นสาย
ความวิเวก เสกสรรค์ พรรณราย..........................ณ ภายใต้ ราษตรี ที่เอกา(ราษตรี=ราตรี)

    เมื่อชีวิน ไม่ดิ้นรน จนเกินเหตุ..........................กองกิเลส เบาบาง รางตัณหา
ไม่หลงตัว หลงตน ล้นอัตตา..............................ไม่ถือมั่น บรรดา โลกียธรรม

    ความสงบ สบสันติ์ รางวัลสฤษฏ์.......................ดุจรัถยา อมฤต พิสิฐล้ำ(รัถยา=ทางเดิน,พิสิฐ=วิเศษ)
ขณะซึ่่ง คะนึงไคล ไร้ถ้อยคำ.............................เสียงสัทธรรม กำธร สะท้อนฤดี

    ความเย็นรื่น ชื่นไล้ ใจกายสงบ........................ความคิดขบ พบพาน สราญวิถี
ความครื้นเครง ทั้งหลาย เมื่อไม่มี.......................จิตมั่นคง ทรงศรี วิภัสสรา

    โลกุตตระ จะไสว ในเฉพาะ.............................ผู้ไม่เกาะ กิเลส เฉทตัณหา
ใจซื่อตรง คงสัตย์ สุทัศนา................................ไม่กลิ้งกลอก หลอกกล้า วาทะลวง

    ยัง(อยาก)กินหรู อยู่ดี (มั่ง)มีฐานะ....................ตะกลามตะกละ ทรัพย์ใคร่ ใฝ่แหนหวง
ยังเบียดเบียน ผู้อื่น ระรื่นทรวง...........................ยังห่างห้วง โลกุตตระ พยายาม

    เพียรสวดมนต์ บ่นว่า คาถา มคธ......................แต่หฤทัย ไม่ลด คดคิดข้าม
เอาหลักธรรม คำอ้าง มาสร้างความ....................น่าเลื่อมใส แต่ใจทราม ก็ตามที

    หาเฉียดก้าว เข้าไป ใกล้ภาวะ.........................โลกุตตระ ทัศไนย ไทวิถี
(ยัง)อยู่ท่ามกลาง ระหว่างสัตว์ กาจราคี...............โลกโลกีย์ พิลาป อาบเอื้อนเอยฯ(พิลาป=ร่ำไรรำพัน)

๓๐ เมษายน ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

อาชญาสังคม : กาพย์ฉบัง๑๖





อาชญาสังคม : กาพย์ฉบัง๑๖


    อุตส่าห์ทำมาหากิน...................จนมีทรัพย์สิน
ชีวินเป็นอยู่สุขะสม

    อยากให้ใครทั้งสังคม..................ยินดีนิยม
ชื่นชมยกย่องสรรเสริญ

    เสริมสวยเสริมงามดำเนิน..................เครื่องประดับสรรพเพลิน
ประเมินฐานะมหาเศรษฐี

    เพชรทองพลอยภัณฑ์อัญมณี...................อวดมั่งอวดมี
ฤดีอิ่มเอมเกษมศานติ์

    มนาประมาทคาดการณ์...................คนพาลสันดาน
สามานย์ลานจิตริษยา

    อีกทั้งยังชาติอาชญา..................ลัก(ขโมย)เลี้ยงชีวา
ไม่คิดสัมมาหากิน

    เดนชนท้นทั่วแผ่นดิน..................เพราะศาลตัดสิน
ทั้งสิ้นจำคุกซุกสถาน(ไม่ประหารชีวิต)

    ประเดี๋ยวก็ปล่อยลอยปาน...................อิสระ(ที่จะ)สามานย์
ก่ออาชญาการต่อไป

    ฉก-ชิง-ยิง-ฆ่า สบายใจ...................เกรงกลัว(ผลของความ)ชั่วไม่
มิใส่ใจใครเดือดร้อน

    (สะสม)จนเป็นสังคมอาชญากร....................โจราสถาพร
สะท้อนปัญหาสาหัสเอยฯ

๒๙ เมษายน ๒๕๖๑

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน : กาพย์ยานี๑๑




ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน : กาพย์ยานี๑๑

    ฝนตก ตอนสายๆ............................สาดกระจาย ปลายเมษาฯ
เมฆทึม ทั่วนภา................................สุริยา ไร้ร่องรอย

    เด็กสาว เดินฝ่าฝน..........................เลาะเรือนชน (อด)ทนไม่น้อย
"ช่วยหนู ซื้อขนมหน่อย".....................ขนมกล่องน้อย (ใน)ตะกร้าเก่า

    ผมเปีย ที่เปียกปอน.........................คำอ้อนวอน นุ่มนวลเบา
ตากลม(โต) แฝงตรมเศร้า...................ทำเอา คนคิดสงสาร

    หมวกหา มาให้ใส่(ผูกเชือกให้)..........กันฝนได้ พอประมาณ(เธอใส่เสื้อกันฝน)
เชือกผ้า ตะกร้าสาน...........................สะพาย(ไหล่)ภาร แทนการถือ(ภาร=ของหนัก)

    ขนมเมื่อ (ยัง)เหลืออีกมาก................คง(ต้อง)ลำบาก หาคนซื้อ
ฝนซัด สาดกระพือ.............................ฤาอาจต้าน มานทระนง

    แนะนำ แม่ค้า(น้อย)ให้.....................ทำอะไร อย่าใหลหลง
กิจการ จะมั่นคง................................จงอย่าคิด ประมาทไคล

    ขาย(ราคา)แพง (จะ)พ่ายแข่งขัน........สินค้านั้น ต้องทันสมัย
คุณภาพ ประทับใจ.............................จึงขายง่าย ได้เงินพี

    ครวญจิต คิดสร้างสรรค์.....................สู้ฝ่าฟัน ขมันขมี
ประหยัด มัธยัสถ์ดี..............................รักษ์วิถี ทางศีลธรรม

    คนซื่อ กินไม่หมด............................ส่วนคนคด จะตกต่ำ
ตามหลัก กฎแห่งกรรม........................ค้ำจุนหล้า ชะตาเอยฯ

๒๘ เมษายน ๒๕๖๑

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561

สมบัติและคุณสมบัติ : กลอนคติสอนใจ




สมบัติและคุณสมบัติ : กลอนคติสอนใจ

    เห็นเขา ได้ดี มีเงินมาก...........................ก็อยาก มั่งมี ดีเหมือนเขา
เขาทำ ธุรกิจ พินิจเอา..............................โดดเข้า แข่งขัน ฝันร่ำรวย

    ไม่ดู ความรู้ ความสามารถ........................ความฉลาด ขยัน-ดี เขามีด้วย
กลยุทธ์ ธุรกิจ คิดอำนวย...........................ผู้ช่วย ให้เผด็จ สำเร็จการฯลฯ

    ไม่มอง ตัวเอง มิเก่งกล้า...........................ปัญญา สามารถ ขาดแก่นสาร
ความรู้ ไม่มี ไร้ปฏิภาณ.............................เกียจคร้าน งานกิจ อวิชชาฯลฯ

    พอทำ ไปได้ ไม่(รวย)เหมือนเขา................ก็เอา แต่อ้าง ร้างวาสนา
ทอดทิ้ง ธุรกิจ จิตระอา..............................ไม่ช้า ต้องหยุด สิ้นสุดเยือน

    คุณสมบัติ ของคน เป็นกลหลัก...................รู้จัก รักษา อย่าคลาดเคลื่อน
สิ่งใด ไม่มี มิแชเชือน................................ตักเตือน ตนตรึก ฝึกหัดมี

    จึงจัก รักษา สิ่งทั้งผอง.............................สมปอง เอาไว้ ไม่เสื่อม-หนี
สมบัติใด ใคร่หวัง (แต่)ยังไม่มี.....................เริ่ม(ต้น)ที่ คุณสมบัติ(ส่วนตัว) เร่งพัฒนา

    โดยเฉพาะ ศีลธรรม คุณความดี..................สุทธี คุณสมบัติ ควรปรารถนา
เป็นคุณ ประโยชน์ โปรดชีวา........................จากเด็ก จนชรา จวบอาจิณ

    รู้จัก รักษา คุณสมบัติ................................จะขจัด โทษภัย จนไร้สิ้น
สนุก สุขี ในชีวิน........................................ทำมา หากิน สินทรัพย์พูนฯ

๒๗ เมษายน ๒๕๖๑

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

คนกับผี : กลอนคติความเชื่อ




คนกับผี : กลอนคติความเชื่อ

    โบร่ำ โบราณ วารวน..................................ความเชื่อ ของคน กับผี
สัมพันธ์ กันทั้ง ชีวี......................................ให้มี คุณ-โทษ โจษจัน

    ตั้งแต่ ผีบรร พ(ะ)บุรุษ................................เวียนผุด เวียนว่าย ในฝัน
ทุกๆ รอบปี มีวัน.........................................สาร์ทบุญ สุนทาน ปันไป

    และมี ผีบ้าน ผีเรือน...................................แม้เดือน-ปีผ่าน ทันสมัย
ทุกบ้าน ศาลตั้ง สร้างไว้...............................กราบไหว้ เคารพ บูชา

    อีกผี นางกวัก กุมาร...................................ของคน ทำงาน การค้า
มีไว้ ให้ช่วย ทำมา.......................................หากิน สินคณา ทวี

    ยังมี ผีสาง นางไม้.....................................ทำให้ ตาย-ป่วย-หวยชี้
เจ้าแม่ เจ้าพ่อ รอรี.......................................เป็นผี ที่ไม่ ไปเกิดเป็น

    ความเชื่อ เมื่อคน กับผี...............................ยังมี สัมพันธ์ กันเห็น
คนจึง พึ่งพา(ผี) มิละเว้น...............................หวังเย็น เป็นอยู่ สมอุรา

    เชื่อว่า คนดี ผีคุ้ม......................................เดาสุ่ม ไปตาม ปรารถนา
คนดี ที่ตาย ก่อนเวลา...................................ไม่เห็น โทษว่า ผีทำ

    อิทธิพล ของคน กับผี.................................เยื่อใย ไมตรี ที่น่าขำ
ส่วนหนึ่ง ซึ่งถูก ครอบงำ................................อีกส่วน ล้วนล้ำ งมงายฯ

๒๖ เมษายน ๒๕๖๑

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

ฝากอนาคตไว้กับใคร? : กลอนสะท้อนสังคม






ฝากอนาคตไว้กับใคร? : กลอนสะท้อนสังคม

    คุณยาย วัยชรา มาซื้อของ..........................คุยกัน ครรลอง มองเหตุผล
เมฆี คลุมฟ้า นภดล.....................................สายฝน ชลชุ่ม นุ่มพสุธา

    เริ่มต้น วนวาร ต้องหว่านข้าว.......................แต่ชาว นาไซร้ ไม่เริงร่า
เพราะข้าว ขายได้ ไร้ราคา............................ต้นทุน หนุนค่า น่าเหนื่อยใจ

    (ซักจนรู้สาเหตุ)เลี้ยงควาย ไว้กิน ติณชาติ.....จ้างรถ ไถคราด นวยนาดใคร่
ประเดี๋ยว เกี่ยวข้าว จ้างเขาไว........................เงินใช้ (จ้างเขา)ทำนา พาสิ้นเปลือง

    ลูกหลาน วันนี้ มิประสงค์............................ธำรง วิถี กสิเฟื่อง(กสิ=การทำนา,การเพาะปลูก)
อยากไป อาศัย อยู่ในเมือง............................แต่เรื่อง ความรู้ มิสู้มี

    ขอเงิน พ่อแม่ ไปโรงเรียน..........................กลับเพียร หาผัว มั่วบัดสี
ท้องแล้ว เลิกรา เปลี่ยนสามี..........................มากที่ ติดยา(เสพติด) การพนัน

    แล้วยาย ก็ปลีก(ตัว)ไปซื้อยา......................ฆ่าหญ้า ประสา คนขยัน
เคี้ยวหมาก ปากแดง แฝงชีวัน.......................ธรรมดา สามัญ ฟันฝ่าไป

    อนาคต เมืองไทย ภายภาคหน้า..................พึ่งพา เยาวชน รอดพ้นไหม?
เมื่อคน รักดี มิเท่าไร...................................ส่วนใหญ่ ไม่รัก ภักดิ์ศีลธรรม

    ผู้ใหญ่ วัยนี้ น่าวิตก..................................สกปรก สามานย์ สันดานต่ำ
ทั้งพระ-ราชการฯลฯ พาลระยำ......................เป็นข่าว เช้าค่ำ ซ้ำซากเอยฯ

๒๕ เมษายน ๒๕๖๑

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

ธรรมชาติสัจจา : กลอนเปล่า




ธรรมชาติสัจจา : กลอนเปล่า

    เสียงลูกแมวน้อย
ที่เพิ่งถูกนำมาปล่อย
ลอยอยู่ในความมืดของรัตกาล
พร่ำเพรียกหาแม่
และความรักที่พรากจากกัน
แต่ร้องไปก็เท่านั้น
เพราะไร้เสียงสำคัญตอบสนอง

    แม่แมวตัวอื่นได้ยิน
กรายเข้ามาดมกลิ่น
เมื่อไม่คุ้นชิน
ก็คำรามขู่แมวน้อย
หันหลัง รีบผละหนี
ไม่มีเมตตาอาทร
ปราศจากความทุกข์ร้อน
ต่อลูกกำพร้าชะตากรรม

    อากาศร้อนอบอ้าว
ราวกับเตือนว่า จะมีพายุฤดูร้อน
ลูกแมวไร้ที่ซุกหัวนอน
จะหลบซ่อนฝนได้ ณ หนไหน?
ขนาดลูกแมวที่ีมีแม่
ยังพ่ายแพ้และวางวาย
ตัวแล้วตัวเล่าป่วยไข้ไม่สบาย
วิญญาณละจากกายไปจุติ

    ครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่ความเศร้าคอยเข้ามาประจญ
ช่วยไปก็ไม่พ้น
คนเอาลูกแมวมาทิ้งใหม่
แมวหลายตัวเก่าที่เฝ้าดูแล
ไม่แม้แต่จะเผื่อแผ่ใคร
คนแปลกหน้าหาไว้ใจ
ลูกแมวใหม่ไม่อยู่ทน
ดั้นด้นหาแม่ และจากจร

    ด้วยข้อจำกัดนานา
ประสบการณ์สอนว่า
อย่าทำอะไรเกินตัว
นอกจากจะไม่มีความสุข
ยังมีความทุกข์คุกคามผล
ถึงยึดมั่นศีลธรรมก็ต้องยอมจำนน
ต่อกลไกธรรมชาติสัจจาฯ

๒๔ เมษายน ๒๕๖๑

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

นางฟ้า-นางยักษ์ : กลอนคติสอนใจ




นางฟ้า-นางยักษ์ : กลอนคติสอนใจ

    ความชื่นชม หญิงสาว กล่าวไว้ว่า....................เปรียบเสมือน นางฟ้า เพราะสะสวย
(เกิด)จากราคะ จริต คิดรุ่มรวย..........................มีส่วนช่วย ประดิษฐ์ วิจิตรคำ

    แต่ก็(ได้ยินได้)ฟัง นางฟ้า ทั่วสากล................คือบุคคล พ้นชั่ว หัวใจล้ำ
บริสุทธิ์ สะอาด เก่งกาจทำ..............................สุจริต กิจกรรม คุณความดี

    เปี่ยมเมตตา ปราณี เป็นนิมิต..........................ของนางฟ้า ผู้ประสิทธิ์ อุกฤษฏ์ศรี(อุกฤษฏ์=สูงส่ง)
หลักมโนธรรม สำนึก ตรึกตรองมี......................ไร้ตัณหา ราคี วิภัสสรา

    คอยปกป้อง ผองชน พิมลจิต..........................(ผู้)ไม่ทุจริต วิทวัส ปรารถนา
คอยช่วยเหลือ เกื้อชน พ้นอาชญา.....................ปลอดเภทพาน ปัญหา ทุกขาปวง

    เพราะเหตุฉะนี้ ใครมีความ แค่งามสวย..............หาควรด้วย เทพธิดา สมญาสรวง
คนมารยา วาทะพล่อย คอยหลอกลวง.................หาใช่ทรวง ล่วงพ้น สิ่งมลทิน

    หญิงสกปรก รกเรื้อ ด้วยเชื้้อบาป......................พฤติกรรม ทรามอาบ หยาบถวิล
ต่อให้(รูป)งาม ล้ำเลิศ เชิดชีวิน..........................ก็มิต่าง ดั่งดิน สัตว์วิญญาณ

    แค่คนดี จริยาเด่น เช่นนางฟ้า..........................งามอุรา ประพฤติดี พิษฐาน
ใจ-วาจา-กายกรรม อำไพพาน...........................จึงคู่ควร คำขาน สำคัญครอง

    อย่าเอาอย่าง นางฟ้า ผู้ลามก..........................แสนสกปรก สามานย์ พาลผยอง
หญิงคนใด ใจร้าย (ย่อม)ถูกหมายมอง................เป็นนางยักษ์ จักต้อง คับข้องเอยฯ

๒๓ เมษายน ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2561

ปฏิรูปราชการ4.0 : กาพย์ยานี๑๑(กลอนสะท้อนสังคม)






ปฏิรูปราชการ4.0 : กาพย์ยานี๑๑(กลอนสะท้อนสังคม)

    ประเทศ อันธพาล.......................ข้าราชการ ตัวการใหญ่
ไม่ว่า จะทำอะไร...........................มักย่ามใจ มากมายมี

    อวดดี กูมียศ..............................ไม่สลด เอาหน้าที่
มาอ้าง สร้างอัปรีย์.........................มากดขี่ ขู่ผู้คน

    วางท่า ว่าใหญ่โต........................เรืองเดโช มโนฉล
เมามัว หลงตัวตน..........................สูงส่งพ้น คนธรรมดา

    ปัญญา (มี)มิเท่าไหร่....................แต่ส่วนใหญ่ มีปัญหา
ขาดวินัย ไร้จรรยา.........................เอาอัตตา มาตามใจ

    เล่นพรรค รักเล่นพวก...................หาความสะดวก ช่วยกันให้
พ้นผิด เป็นพิษภัย.........................ตัวอันตราย ต่อสังคม

    โกงกิน แผ่นดินเกิด.....................กฎหมายละเมิด มารยาสม
มโนธรรม มีต่ำตม.........................ทรามโสมม อุดมอุรา

    ปฏิรูป ราชการ(4.0).....................เป็นสัญญาณ ยามหรรษา
ชูผัก ชีโรยหน้า............................(สุดท้าย)สรุปว่า ขึ้นเงินเดือน(จบ)

    ชนใด ไม่รักชาติ.........................ความสามารถ ใช้คลาดเคลื่อน
ทุจริต คอยบิดเบือน......................กลาดเกลื่อนแต่ เห็นแก่ตนฯ

๒๒ เมษายน ๒๕๖๑

วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2561

School Lunch in Japan - It's Not Just About Eating!

ชีวิตคนดี(แทบ)ไม่มีค่า : กลอนสะท้อนสังคม







ชีวิตคนดีที่(แทบ)ไม่มีค่า : กลอนสะท้อนสังคม

    ฆ่าคน บริ สุทธิ์ตาย(อย่างโหดเหี้ยม)............ติดคุก มากมาย? ๒-๘ ปี
ความ อ ยุติธรรม เยี่ยงนี้...............................ทำให้ คนดี มีปัญหา

    โดยเฉพาะ ยังช่วย ลดโทษ.........................(เท่ากับ)สนับสนุน คนโฉด ชั่วช้า
เหมือนมอบ รางวัล ปานว่า............................เคยมี อุปการะ ทดแทน

    กะลาแลนด์ แดนอดสู................................แลดู ประเทศ ทุเรศแสน
เถื่อนถิ่น ถ่อยดินแดน...................................ขาดแคลน ซึ่งความ ปลอดภัย

    ความตาย อยู่ใกล้ แค่เอื้อม.........................ความเสื่อม คืบคลาน ปานน้ำไหล
ความดี-คนมี น้ำใจ.......................................หาได้ ลำบาก ยากเย็น

    ต้นทุน การมี ชีวา......................................ต้องเสีย เงินตรา สูงค่าเห็น
แต่ชีวิต เปราะบาง ดั่งเป็น..............................เส้นใย แมงมุม บางเบา

    นโยบาย ของใคร กันหนอ?..........................ที่ก่อ ปัญหา น่าเศร้า
ออกแบบ สังคม ของเรา................................เยี่ยงคน โง่เขลา เบาปัญญา

    เลี้ยงลูก กว่าจะ เติบใหญ่.............................เพื่อให้ มาถูก ใครฆ่า?
ทุ่มเท ชีวาตม์ พัฒนา....................................แต่ด้อย ราคา กว่าเดนคน?

    คนดี เสียชี วาวาย......................................ศาลยัง เสียดาย คนใจฉล
เลี้ยงดู อยู่ต่อ ความทรชน..............................ไว้ฆ่า อื่นคน ต่อไปฯ

๒๑ เมษายน ๒๕๖๑

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2561

ในกาลข้างหน้า ภิกษุเป็นอันมากจักเป็นคนแบบไหน?



ในกาลข้างหน้า ภิกษุเป็นอันมากจักเป็นคนแบบไหน?


พระปุสสเถระจึงกล่าวตอบด้วยคาถาเหล่านี้ ความว่า
ดูกรปัณฑรสฤาษี ขอเชิญฟังคำของอาตมา จงจำคำของอาตมาให้ดี อาตมาจะบอกซึ่งข้อความที่ท่านถามถึงอนาคต
คือในกาลข้างหน้า ภิกษุเป็นอันมากจักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่คุณท่าน หัวดื้อ
โอ้อวด ริษยา มีวาทะต่างๆ กัน จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยังไม่รู้ทั่วถึง
คิดว่าตื้นในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพกันและกัน

ในกาลข้างหน้า โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญา จักทำธรรมที่พระศาสดาทรงแสดงแล้วนี้ให้เศร้าหมอง ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว โวหารจัด แกล้วกล้า มีกำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน ก็จักมีขึ้นในสังฆมณฑล

ภิกษุทั้งหลายในสังฆมณฑล แม้ที่มีคุณความดี มีโวหารโดยสมควรแก่เนื้อความ มีความละอายบาป ไม่ต้องการอะไรๆ ก็จักมีกำลังน้อย
ภิกษุทั้งหลายในอนาคตที่ทรามปัญญา ก็จะพากันยินดีเงินทอง ไร่นา ที่ดิน แพะ แกะ และคนใช้หญิงชาย จักเป็นคนโง่มุ่งแต่จะยกโทษผู้อื่น ไม่ดำรงมั่นอยู่ในศีล ถือตัว โหดร้าย เที่ยวยินดีแก่การทะเลาะวิวาท จักมีใจฟุ้งซ่าน นุ่งห่มแต่จีวรที่ย้อมสีเขียวแดง เป็นคนลวงโลก กระด้าง เป็นผู้แส่หาแต่ลาภผล เที่ยวชูเขา คือมานะ ทำตนดั่งพระอริยเจ้า ท่องเที่ยวไปอยู่ เป็นผู้แต่งผมด้วยน้ำมัน ทำให้มีเส้นละเอียด เหลาะแหละ ให้ยาหยอดและทาตา มีร่างกายคลุมด้วยจีวรที่ย้อมด้วยสี งา สัญจรไปตามตรอกน้อยใหญ่ จักพากันเกลียดชังผ้าอันย้อมด้วยน้ำฝาดเป็นของไม่น่าเกลียด พระอริยเจ้าทั้งหลายผู้หลุดพ้นแล้วยินดียิ่งนัก เป็นธงชัยของพระอรหันต์
พอใจแต่ในผ้าขาวๆ จักเป็นผู้มุ่งแต่ลาภผล เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม เห็นการอยู่ป่าอันสงัดเป็นความลำบาก จักใคร่อยู่ในเสนาสนะที่ใกล้บ้าน
ภิกษุเหล่าใดยินดีมิจฉาชีพ จักได้ลาภเสมอๆ จักพากันประพฤติตามภิกษุเหล่านั้น (เที่ยวคบหาราชสกุลเป็นต้นเพื่อให้เกิดลาภแก่ตน) ไม่สำรวมอินทรีย์ เที่ยวไป

อนึ่ง ในอนาคตกาล ภิกษุทั้งหลายจะไม่บูชาพวกภิกษุที่มีลาภน้อย จักไม่สมคบภิกษุที่เป็นนักปราชญ์มีศีลเป็นที่รัก จักทรงผ้าสีแดง ที่ชนชาวมิลักขะชอบย้อมใช้ พากันติเตียนผ้าอันเป็นธงชัยของตนเสีย บางพวกก็นุ่งห่มผ้าสีขาวอันเป็นธงของพวกเดียรถีย์
อนึ่ง ในอนาคตกาล ภิกษุเหล่านั้นจักไม่เคารพในผ้ากาสาวะ จักไม่พิจารณาในอุบายอันแยบคาย บริโภคผ้ากาสาวะ เมื่อทุกข์ครอบงำ ถูกลูกศรแทงเข้าแล้ว ก็ไม่พิจารณาโดยแยบคาย แสดงอาการยุ่งยากในใจออกมา มีแต่เสียงโอดครวญอย่างใหญ่หลวง เปรียบเหมือนช้างฉัททันต์ ได้เห็นผ้ากาสาวะอันเป็นธงชัยของพระอรหันต์ ที่นายโสณุตระพราน นุ่งห่มไปในคราวนั้น ก็ไม่กล้าทำร้าย ได้กล่าวคาถาอันประกอบด้วยประโยชน์มากมาย ว่า ผู้ใดยังมีกิเลสดุจน้ำฝาด ปราศจากทมะและสัจจะจักนุ่งผ้ากาสาวะ ผู้นั้นย่อมไม่ควรนุ่งห่มผ้ากาสาวะ
ส่วนผู้ใดคายกิเลสดุจน้ำฝาดออกแล้ว ตั้งมั่นอยู่ในศีลอย่างมั่นคง ประกอบด้วยทมะและสัจจะ ผู้นั้นจึงสมควรจะนุ่งห่มผ้ากาสาวะโดยแท้
ผู้ใดมีศีลวิบัติ มีปัญญาทราม ไม่สำรวมอินทรีย์ กระทำตามความใคร่อย่างเดียว มีจิตฟุ้งซ่าน ไม่ขวนขวายในทางที่ควร ผู้นั้นไม่สมควรจะนุ่งห่มผ้ากาสาวะ
ส่วนผู้ใดสมบูรณ์ด้วยศีล ปราศจากราคะ มีใจตั้งมั่น มีความดำริในใจผ่องใส ผู้นั้นสมควรนุ่งห่มผ้ากาสาวะโดยแท้
ผู้ใดไม่มีศีล ผู้นั้นเป็นคนพาล มีจิตใจฟุ้งซ่าน มีมานะฟูขึ้นเหมือนไม้อ้อ ย่อมสมควรจะนุ่งห่มแต่ผ้าขาวเท่านั้น จักควรนุ่งผ้าห่มผ้ากาสาวะอย่างไร

อนึ่ง ภิกษุและภิกษุณีทั้งหลายในอนาคต จักเป็นผู้มีจิตใจชั่วร้าย ไม่เอื้อเฟื้อ จักข่มขี่ภิกษุทั้งหลายผู้คงที่ มีเมตตาจิต 
แม้ภิกษุทั้งหลายที่เป็นคนโง่เขลา มีปัญญาทราม ไม่สำรวมอินทรีย์ กระทำตามความใคร่ ถึงพระเถระให้ศึกษาการใช้สอยผ้าจีวร ก็จักไม่เชื่อฟัง
พวกภิกษุที่โง่เขลาเหล่านั้น อันพระเถระทั้งหลายให้การศึกษาแล้วเหมือนอย่างนั้น จักไม่เคารพกันและกัน ไม่เอื้อเฟื้อในพระอุปัชฌายาจารย์ จักเป็นเหมือนม้าพิการไม่เอื้อเฟื้อนายสารถี ฉะนั้น
ในกาลภายหลังแต่ตติยสังคายนา ภิกษุและภิกษุณีทั้งหลาย ในอนาคต จักปฏิบัติอย่างนี้.

ครั้นพระปุสสเถระแสดงมหาภัยอันจะบังเกิดขึ้น ในกาลภายหลังอย่างนี้แล้ว เมื่อจะให้โอวาทภิกษุที่ประชุมกัน ณ ที่นั้นอีก จึงได้กล่าวคาถา ๓ คาถา ความว่า
ภัยอย่างใหญ่หลวงที่จะทำอันตรายต่อข้อปฏิบัติ ย่อมมาในอนาคตอย่างนี้ก่อน
ขอท่านทั้งหลาย จงเป็นผู้ว่าง่าย จงพูดแต่ถ้อยคำที่สละสลวย มีความเคารพกันและกัน มีจิตเมตตากรุณาต่อกัน จงสำรวมในศีล ปรารภความเพียร มีใจเด็ดเดี่ยวบากบั่นอย่างมั่นเป็นนิตย์
ขอท่านทั้งหลายจงเห็นความประมาท โดยความเป็นภัย และจงเห็นความไม่ประมาทโดยความเป็นของปลอดภัย แล้วจงอบรมอัฏฐังคิกมรรค
เมื่อทำได้ดังนี้แล้ว ย่อมจะบรรลุนิพพานอันเป็นทางไม่เกิดไม่ตาย.

From <http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=26&A=7980&Z=8048>

ปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนแปลง : โคลงสี่สุภาพ








                                                                   From <https://khabphum.com/article/4994



ปรากฎการณ์ที่เปลี่ยนแปลง : โคลงสี่สุภาพ

๑.กลางเมษาฯเมฆครึ้ม........................คะนองฝน
เดือน ๖ ย่าง นภดล........................รุ่มเร้า
แดดจัด-พายุจล.............................เปลี่ยนผลัด
ธรรมชาติวงจรเคล้า........................เริ่มหน้ามรสุมฯ

๒.ดินชุ่มชาวนาได้..............................หว่านเมล็ด
วิธีการเบ็ดเสร็จ..............................ปลูกข้าว
การดำนาในประเทศ........................แทบหมด คนทำ
เป็นปรากฎการณ์ก้าว.......................สู่ห้วงเร่ง-ลัดสมัยฯ

๓.อาศัยยาฆ่าหญ้า..............................เบาแรง
สารเคมีขจัดแมลง...........................พ่นใช้
เกษตรกรรมที่เปลี่ยนแปลง................ผลส่ง
คงเหลือสารพิษไว้...........................ตกค้างถึงคนกินฯ

๔.เฉกพระสอนศีล(ธรรม)ให้...................หมู่ชน
กลับมีจิตสัปดน...............................ชั่วช้า
การกระทำส่วนตน...........................ทุจริต
ทำผิดกฎหมายกล้า.........................ฉ้อลักมักขโมยฯ

๕.โดยเฉพาะอย่างยิ่ง(เป็นถึง)ผู้..............ปกครอง(คณะสงฆ์)
ทำตัวเป็นโจรปอง............................ชิงปล้น
ขาดศีลธรรม์ครรลอง.........................สุจริต
วิกฤติวงการ(พระ)ข้น........................ก้าวข้ามสมถะวิถีฯ

๖.พระ(เปลี่ยนเป็นผู้)มีกินมีใช้.................อุดม
ทรัพย์สมบัติสะสม............................รวยล้ำ
สิ่งของหรูหรานิยม............................จับจ่าย
บ่อายปากบอกค้ำ-............................จุนเอื้อพุทธศาสนาฯ

๗.คนปรารถนาบุญ(ที่)ไร้.......................ปัญญา
ชอบถวายเงินตรา.............................พระไว้
ธรรมวินัยมิศึกษา..............................สอดส่อง
(ถวาย)สารพัดของเครื่องใช้................สร้างพระเสพย์ติด(ความ)สบายฯ

๘.กลายเป็นพระเปี่ยมล้น.......................กิเลส(แทนที่ชาวบ้าน)
พฤติกรรมน่าสมเพช..........................หยาบช้า
ธรรมวินัยปฏิเสธ...............................ปฏิบัติ(ตาม)
ประหวัดโลกียธรรมกล้า......................ทอดทิ้งมรรคผล(นิพพาน)ฯ

๙.คนทำบุญจะได้................................อะไร?
ทำกับโจรจัญไร................................เหล่านี้
พระเมินธรรมวินัย..............................มิกระดาก
ดั่งกาฝากชาติชี้................................ลวงหล้าหากินฯ

๒๐ เมษายน ๒๕๖๑

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

เลิกเล่นสงกรานต์ไหมลูก? : กลอนสะท้อนสังคม









เลิกเล่นสงกรานต์ไหมลูก? : กลอนสะท้อนสังคม

    เลิกเล่น สงกรานต์ กันไหมลูก?...................จะได้ ไม่ถูก คนทำร้าย
วัฒนธรรม ประเพณี ที่เสื่อมกลาย...................แทบหมด ความหมาย คล้ายเลศกล

    เมื่อไม่ หวังดี มีน้ำจิต................................วิปริต ผิดคลอง(ธรรม) ครรลองฉล
ไม่มี ศีลธรรม กำกับกมล..............................ส่งผล สงกรานต์ ปาน"สงคราม"

    ตั้งแต่ แต่งตัว ยั่วสวาท..............................เหมือนปรารถ (ถะ)นา ถูกด่า-หยาม
หรือรัก อยากโดน คนลวนลาม?.....................บ้ากาม กิเลส เจตจำนง

    น้ำสาด ยัดไส้ สิ่งสกปรก............................ลามก โรคหา ทรามประสงค์
แป้งปัด ผัดหน้า กล้าเจาะจง.........................ลูบคลำ ลามคง ทรวดทรงครัน

    กินเหล้า เมามาย ไม่อายอับ........................เพลงฟัง ไม่ได้ศัพท์ ดังคับขัน
เต้นแร้ง เต้นกา ท้าประชัน............................กวนใจ ไล่ฟัน ฆ่ากันตาย

    ยิ่งนับ ขับรถ ยังซดเหล้า.............................ง่วงเหงา หาวหลับ ฝืนขับ(รถ)หลาย
ประสบ อุบัติเหตุ เทวษวาย...........................ลงท้าย ได้ทำ งานศพพลี

    เกิดแล้ว เกิดเล่า (เรื่อง)ไม่เข้าท่า.................เทศกาล คนบ้า มาปล่อยผี
ทำลาย วัฒนธรรม ประเพณี..........................สารพัด บัดสี ไร้ดีงาม

    สงสาร สงกรานต์ วันเก่าๆ...........................กลายเป็น เรื่องเล่า เคล้าคำถาม
(เมื่อความ)ปลอดภัย ไม่ค่อยมี กาลีลาม..........ถึงยาม เลิกเล่น เห็น(ด้วย)ไหมเอย?

๑๙ เมษายน ๒๕๖๑