ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เรื่องท้าทายในชีวิต : กลอนคติชีวิต



เรื่องท้าทายในชีวิต : กลอนคติชีวิต


    สกุณา สิ้นเสียง สำเนียงแจ้ว..................จากรวงรัง หวังแล้ว ซึ่งอาหาร
สองปีกกล้า ท้าผจญ ลมฝนพาน.................แดดร้อนลาญ เรี่ยวแรง แข็งขืนใจ

    เลี้ยงปากท้อง ข้องลด ความอดอยาก......ช่างลำบาก ชักพา ชีวาให้
ข้ามอุปสรรค หลากล้น หนทางภัย...............เรื่องท้าทาย ในวิถี ทุกชีวัน

    สุขภาพ พลานามัย ที่แข็งแกร่ง...............เป็นเส้นแบ่ง มรณา และสุขสันติ์
(ความ)รักสบาย ไม่อยาก เหนื่อยยากกัน.......ขัดขวางจิต คิดขยัน ออกกำลัง

    เรื่องวิชา ความรู้ ต้องสู้ทน......................เล่าเรียนจน บ่นเบื่อ เหลือใจฝัง(เหลือใจ=สุดกำลัง)
ผลสัมฤทธิ์ วิทยา ท้าทายยัง.......................คนเรียนตั้ง แต่อดีต ถึงปัจจุบัน

    ความเจริญ ก้าวหน้า ในอาชีพ..................ต่างเร่งรีบ สำเร็จ เผด็จฝัน
มีทรัพย์สิน เงินทอง ปองอนันต์....................ยศ-ศักดิ์-สรร เสริญล้วน ชวนท้าทาย

    สร้างครอบครัว คู่ครอง ผองเครือญาติ........รัก-สามัคคี ไม่วิวาท ต่างมาดหมาย
แต่แค่คิด คบกัน ยังอันตราย........................ที่ระทม ล้มตาย มากมายมี

    สรรพสิ่ง วิ่งวน เที่ยวค้นหา.......................ด้วยหวังว่า จะบรรลุ ความสุขี
กลับประสบ ทุกข์ตรม ถมฤดี........................ไม่น้อยที่ ยิ่งแส่ แย่กว่าเดิม

    กี่คนเล่า เข้าใจ ในชีวิต?..........................กี่คนคิด พิจารณา จะริเริ่ม?
อยู่จนแก่ จนเฒ่า โง่เขลาเติม.......................ดีแต่เพิ่ม ปัญหา ให้ท้าทายฯ

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ทำไมต้องเบียดเบียนกัน? : กลอนคติเตือนใจ



ทำไมต้องเบียดเบียนกัน? : กลอนคติเตือนใจ


    ความคุ้นเคย วิถีโลกย์ เป็นปกติ................จึงไม่เคย ตำหนิ โลกีย์วิสัย
เฝ้าเบียดเบียน ซึ่งกัน และกันไกร................บ้างมองเห็น เป็นปัจจัย ไฉไลปาน

    ธรรมชาติ สัตว์วิถี มีผู้ล่า..........................และมีเหยื่อ ถูกล่า เป็นอาหาร
การกินพืช กินเนื้อ เรื้อสันดาน......................สืบสังขาร พันธุ์เผ่า เนาต่อไป

    แม้จะต้อง กินเนื้อ เสือ-สิงห์ต่าง................มิเคยกร่าง กินกัน อาหารใคร่
แม้ลางที แก่งแย่ง แข่งขันไกร.....................ถึงฆ่ากัน บรรลัย ให้อาดุร

    คนไม่กิน เนื้อคน (แต่)กระมลกลับ.............คอยสับปลับ ขับไส ใจสถุล
ลวงหลอกล่อ ก่อกรรม ทำทารุณ..................ฆ่า-ทำร้าย วายวุ่น คุ้นข่าวมี

    ทั้งที่ความ จำเป็น ไม่เห็นเหตุ...................ให้ซ่อนเลศ เจตนา หา(เรื่อง)บัดสี
แค่กิจก่อ พอเพียง เลี้ยงชีวี.........................ใย(ต้อง)ราวี บีฑา เข่นฆ่ากัน?

    ผลประโยชน์ ใดๆ ในชีวิต.........................ควรแก่การ ทุจริต ทำผิดผัน?
ความจำเป็น ใดๆ ในชีวัน.............................จึงจำนรรจ์ ผลาญหล้า จนเกิดกลี?

    เพราะคดจิต คิดจำ แต่ทรามศรัทธ์..............ความอยากหลาย ใจประหวัด สัตว์วิถี
สันดานชั่ว ตัวตน ล้นฤดี...............................จึงโปรดปราน การกดขี่ มีแก่กัน

    วัฏจักร แห่งเวร เป็นสิ่งซึ่ง.........................จะตราตรึง คนธรรมดา ตราบอาสัญ
(เพราะต่าง)มีความคิด จิตใจ ไร้ศีลธรรม์..........ตราบชั่วนิจ นิรันดร์ มิผันแปรฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การงานไม่คั่งค้าง : กลอนหก



การงานไม่คั่งค้าง : กลอนหก


    นกอีแพรด ไม่นอนหลับ?..................ตีสามสดับ ยังขับร้อง
เพลงดังใส หลายทำนอง......................กังวานก้อง ท้องพนา

    คนก็ตื่น ขึ้นมาคิด............................ขบชีวิต กิจปัญหา
ทั้งๆที่ มิใช่เวลา..................................เพียงเพราะว่า ยังคาใจ

    เมื่อปัญหา สามารถแก้......................ฤดีแด แลผ่องใส
เมื่อปราศจาก สิ่งกวนใจ........................การหลับใหล ง่ายดายลง

    ความเชี่ยวชาญ ในการกิจ..................ช่วยชีวิต ติดขัดบ่ง
ความทุ่มเท-เที่ยง-ซื่อตรง.....................พาสมประสงค์ อลงกรณ์

    งานเอาจริง ไม่ทิ้งขว้าง......................คือหนทาง สางทุกข์ร้อน
ไม่ประวิง ทอดนิ่งนอน..........................เรื่องซับซ้อน ย่อมคลี่คลาย

    การกิจไกร ไม่คั่งค้าง.........................เมื่อปล่อยวาง ไม่เสียหาย
ดำเนินชีวะ สุขสบาย.............................ไม่วุ่นวาย ไร้ลำเค็ญ

    เมื่อไม่ทุ่ม(เท) จนกลุ้มจิต...................ใช้ชีวิต อิสระเห็น
มีสาระ สติบำเพ็ญ.................................อกุศลเว้น=พฤฒาการ(พฤฒาการ=ความเจริญเติบโต)

    ปราศจากงาน (ให้)บันดาลสฤษฏ์..........เป็นชีวิต (ที่)ชวนสงสาร
ขาดคุณค่า น่ารำคาญ.............................อย่าเกียจคร้าน หมั่นเพียรเทอญฯ

๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความเจริญก้าวหน้าของชีวิต : กลอนคติสอนใจ



ความเจริญก้าวหน้าของชีวิต : กลอนคติสอนใจ


    ราตรี มีดาว สกาวสว่าง......................แตกต่าง กลางวัน (ที่มี)มาลย์บุปผา
เป็นจุด ดึงดูดใจ แลสายตา....................ยิ่งกว่า นานา วัสดุใด

    เหลือหลาก มากคน สนใจแค่..............สินแร่ แก้วมณี งามวิสัย
คร่ำขุด อุตสา หะเจียระไน......................สะสม นิยมใช้ อวดโอ้กัน

    ลาภ-ยศ-สักการฯลฯ ชนสรรเสริญ........คือความเจริญ ก้าวหน้า ชีวามั่น
สังคม ใคร่-อยาก-แย่ง-ผลักดัน................จวบชีวา อาสัญ หรรษามี

    ถือเป็น เป้าหมาย ในชีวิต....................เป็นทิศ ทางเทิด ประเสริฐศรี
ความภาค ภูมิใจ ในฤดี...........................วิธี เปรียบเทียบ เหยียบย่ำคน

    ทุ่มเท พลัง สติปัญญา........................แสวงหา มาให้ ได้ครองผล
สารพัด อาเพศ เทวษดล.........................เพื่อตน ประสิทธิ์ สม พิชยา(พิชย=ชัยชนะ)

    โดยไม่ สนใจ จะใคร่คิด......................ถูก-ผิด-คุณ-โทษ-ประโยชน์หา
ยอมเสียสละ กระทั่ง ร่าง-วิญญาณ์.............เพราะอยาก ได้มา ดั่งนิยม

    ลาภ-ยศ-สักการ-คำสรรเสริญฯลฯ..........เพียงสิ่ง ผิวเผิน อย่าเพลินสม
สุขภาพ กาย-ใจ ให้ชื่นชม........................ปรารถนา ปรารมภ์ (จะ)สุขสมปอง

    ไม่มี โรคา มาเบียนเบียด......................เป็นปรมะ ละเมียด เหนือลาภผอง(ปรม-=อย่างยิ่ง)
ความเจริญ ใดๆ ในโลกย์มอง....................ยังเป็นรอง (ความเจริญของ)ความคิด แลจิตใจ

    ถูก-ผิด คิดเป็น เร้นคำถาม....................คือความ ก้าวหน้า ยากหาไหน
พ้นกิเลส ตัณหา เลิศทัศไนย.....................คือวิสัย มนุษย์ สุดยอดคนฯ

๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ภาพเวลา : กลอนเปล่า


ภาพเวลา : กลอนเปล่า


    หลังจากอาทิตย์เลือนลับตา
เวลาก็ล่วงสู่กาลรัชนี
ดวงประทีปเรืองรองสะท้อนท้องนที
ท่ามกลางความมืดมิด
ทุกสิ่งล้วนแต่น่าอิฏฐารมณ์

    เมฆฝน มวลสูง-ใหญ่ในฤดูหนาว
ค่อยๆถูกกระแสลมนำเข้ามา
อย่างอลังการสรรค์สร้างสม
สายฟ้าแลบ-คะนอง สว่างวาบ
ปรากฏแสงสีม่วงทาทาบเมฆา ล้วนตื่นตาประทับใจ

    คืนพรุ่งนี้ อาจจะไม่มีเมฆฝน
ไม่มีฟ้าแลบ-งามแยบยล ให้คอยค้นหา
วันพรุ่งนี้ อาจไม่มีเวลา
ที่จะมาชื่นชมภิรมย์ฤทัย

    ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ดูภายหลัง
ทุกครั้งที่ระลึกถึงประสบการณ์อันน่าตราตรึงใจนี้
จับภาพชีพจรแห่งห้วงเวลานาที
วิจิตรศิลปกรรมจากธรรมชาติ ณ บัดนี้
ความทรงจำดีๆ อาจเป็นครั้งเดียวที่จะได้เห็น

    ออกไปสัมผัสกับบรรยากาศธรรมชาติแสนงดงาม
เพิ่มกำลังใจใหม่แก่ชีวี
เสมือนเป็นยาอายุวัฒนะอันทรงประสิทธิ์
ชุบดวงจิตที่อ่อนล้า เหี่ยวเฉา
ให้กลับมามีความเริงเร่า และเรี่ยวแรง

    ซึมซับความรู้สึกชวนดื่มด่ำอันแสนล้ำค่า
โดยที่เงินตราก็ไม่อาจจะสรรหามาให้ได้
แต่มีในธรรมชาติอย่างแพร่หลาย
ให้แลมอง ซ่านซึ้ง และตรึงใจ
พ้นความสามารถใดๆ
ที่ใครผู้ใคร่ครอบครอง
จะบังอาจเก็บงำเอาไว้เอง

    อย่ามัวจับเจ่าอยู่แต่ในบ้าน ในเมือง
ออกไปปลดเปลื้องความจำเจ
หันเหออกไปยังภายนอก
โลกธรรมชาติ มีหลายสิ่งหลายเรื่องจะบอกเล่า
อากาศสะอาด รูปลักษณ์แปลกใหม่ ในสถานที่แปลกตา 
แตกต่างจากวิถีชีวิตประจำวัน

    ก็แค่ของที่คนส่วนใหญ่ไม่ใยดี
แต่มีคุณสมบัติที่คนมากมายมองข้าม
ภาพสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ แสนงดงาม
จะช่วยนำทางกระบวนการความคิด
ให้เข้าใจชีวิต จิตใจ
อย่างถ่องแท้ ลึกซึ้ง เข้าถึงได้
โดยไม่ติดขัด คับข้อง หรืออับจนฯ

๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

โสดแล้วไง?สุขกว่าคบคนสัจจะ : กลอนแปด



โสดแล้วไง?สุขกว่าคบคนสัจจะ : กลอนแปด


    ไม่ให้สุ้ม ให้เสียง เที่ยงฝนตก...............วลาหก ปกคลุม กุมเวหา
ฤดูหนาว เข้าปลาย พฤศจิกาฯ...................แต่ทว่า ฟ้าฝน บ่สนใจ

    ลมมรสุม พัดมา มิซาสร่าง....................ความแตกต่าง ของฤดู อยู่ตรงไหน?
เมื่อปลายฝน ต้นหนาว ยืดยาวไป...............ทำอะไร ให้ยาก ฝากฟ้าดิน

    ลม-ฟ้า-ฝน กลไก ทายลำบาก...............ยังไม่ยาก เท่าใจ คนใคร่ฉิน(ฉิน=ติเตียน)
แสนอัตคัด สัจจะ เป็นอาจิณ......................โฉดชั่วช้า ราคิน คงวิญญาณ

    เพราะเห็นแต่ แก่ตน ล้นหัวใจ................จึงเบียดเบียน ใครๆ ได้อาจหาญ
ความเมตตา กรุณา แผ่สาธารณ์..................นับเป็นการ เรียกร้อง ที่ล่องลอย

    เมื่อผู้ใด ไม่มี ศีลสัตย์...........................อย่าประหวัด ทัดทาน ปานฟื้นฝอย
คนนิสัย ไม่เสียสละ อย่ามัวคอย..................ให้ลงมา จากดอย แห่ง(ความ)ใจมาร

    ศึกษาใจ ของคน จนทั่วก่อน...................ดีกว่าตอน คบหา ค่อยมาขาน
อยู่กินแล้ว ค่อยรุด ขุดสันดาน.....................คำประจาน บาดจิต ชวนผิดใจ

    คนไม่มี ศีลธรรม กำกับเจต.....................จงปฏิเสธ คบหา อัชฌาศัย
รัก(คน)พาโล โป้ปด อย่าโทษใคร................ความมักง่าย ใครครอง เศร้าหมองมี

    ผู้กลัวว่า จะไม่ มีใครคบ..........................พบจุดจบ หลากหลาย ในโลกนี้
หากแม้นไม่ พบใคร (ผู้มี)จิตใจดี..................ขอโสดอยู่ สุขี เปรมปรีดาฯ

๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชะตาฟ้าลิขิต? : กาพย์ยานี๑๑



ชะตาฟ้าลิขิต? : กาพย์ยานี๑๑


    ขลิบทอง ขอบท้องฟ้า...................สุริยา สะท้อนศรี
แผลงผลัด รับรัชนี............................ร่ายโสภี รุจิรา

    เมฆริ้ว ทิวสถิต..............................งามวิจิตร วาดปริศนา
ธรรมชาติ พิลาสพา...........................วัน-เวลา ไม่ซ้ำเดิม

    รุ่งเช้า หนาวฤดู.............................ฝนพรั่งพรู ลมซู่เสริม
ชีวี วันนี้เริ่ม......................................ไร้คึกคัก ทุลักทุเล

    เฉกเช่น เป็นธรรมดา.......................ที่ชะตา (อาจ)จะหักเห
เปลี่ยนแปลง ขัดแย้ง;เซ......................ซวนรวนเร พเนจร

    แต่ว่า อย่าวิตก...............................ตื่นตระหนก อกเดือดร้อน
หรือเล่น เช่นละคร..............................สติสะท้อน ความอ่อน-เบา

    เข้มงวด ใจกวดขัน...........................มิฟุ้งซ่าน ปัญญาเขลา
ข้อใหญ่ (คือ)ใจของเรา.......................ไม่หมองเศร้า เร่าร้อนรน

    ยึดธรรม ตามวิถี...............................ประเพณี-ศีล-กุศล
เข้มแข็ง แกร่งกระมล...........................ประจญได้ ทั้งร้าย-ดี

    ชะตา (หา)ใช่ฟ้าลิขิต........................กรรมตามติด ชีวิตชี้
สุข-ทุกข์ ผูกไมตรี................................ถ้อยทีถ้อย อาศัยเทอญฯ

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ชีวีที่มีความหมาย : กาพย์ฉบัง๑๖



ชีวีที่มีความหมาย : กาพย์ฉบัง๑๖


    ตะวันผ่านพ้นสนธยา................หัวไร่ปลายนา
ปรากฏรองอุไรฉายแสง

    เสียงเสนาะของนกเป็ดแดง.................ประสานขันแข่ง
สำแดงเพลาคราพักผ่อน

    รวงข้าวเกี่ยว เหนี่ยวใส่คอน................หาบกลับเรือนนอน
ก่อนจะฟาดเข้าเอาเมล็ด

    ทั้งตัวขบเมื่อยเหนื่อยเหน็ด................น้ำตาแทบเล็ด
กว่างานเสร็จตามปรารถนา

    ข้าวทุกเมล็ดจึงสูงค่า................ลำบากกายา
กว่าจะได้มาให้อิ่มหนำ

    ทุกครั้งทุกคราทุกคำ.................ขอให้จดจำ
ความเย็นยากจากท้องนา

    อดทนประจญชีวา................เร่งรุดอุตส่าห์
อย่าเกียจคร้านการย์ฝึกฝน(การย์=หน้าที่)

    ไม่ให้อับอายผู้คน.................สร้างผลิตผล
เยี่ยงคนมีค่าน่าเลื่อมใส

    เลิกเอาแต่กินแต่ใช้.................พึ่งพาใครๆ
เพื่อให้ชีวาสุขสบาย

    ชีวีจะมีความหมาย................มิใช่ง่ายดาย
ผลงาน(คือ)เครื่องหมายปลายทางฯ

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความปลอดภัยในชีวิต : กลอนคติเตือนใจ



ความปลอดภัยในชีวิต : กลอนคติเตือนใจ


    ไม่รู้ สิสอน ลูกอย่างไร?..................เรื่องความ ปลอดภัย ในชีวิต
สังคม ไทยเรา เข้าขั้นวิกฤติ.................(มาก)คนจิต คิดโฉด โหดเหี้ยมหาญ

    ได้แต่ แค่เตือน ลูกๆว่า....................อย่าออก นอกเคหา ยามวิกาล
ไม่ใช่ เวลา เริงร่า-ศานติ์......................อันธพาล มากหลาย กรายสัญจร

    คนหน้า ตาดี มีใจชั่ว.......................คนร้าย ใกล้ตัว ลานสลอน
สำคัญ (ตน)อย่าทราม เที่ยวสำส่อน.......สร้างความ เดือดร้อน ใส่ตัวเรา

    ทุกๆ อาชีพ ซ่อนคนร้าย...................มักง่าย เชื่อถือ คือความเขลา
ป้องกัน ตัวก่อน ช่วยผ่อนเบา................อย่าเอา แต่หลง คารมคน

    กระบวนการ ไทยๆ ไร้ยุติธรรม............ก่อกรรม ทรามส่อ ความฉ้อฉล
บริการ อย่างเด่น เห็นแก่ตน..................ไม่สน ระเบียบ เหยียบวินัย

    หากเขลา คิดคล้อย พาพลอยชั่ว.........อย่ามัว เมามี เสียนิสัย
เข้าเมือง ตาหลิ่ว หลิ่วตามไป................ไม่ใช่ พฤฒิชาติ ปราชญา(พฤฒิ=ความเจริญ)

    คนมัก เห็นคน ยลเป็นเหยื่อ...............หลอกให้ หลงเชื่อ เอื้อตัณหา
จึงต้อง รอบรู้ ชูวิชชา...........................เท่าทัน มารยา สามานย์ชน

    ตั้งตน บนความ สุจริต.......................ตั้งจิต ปิดกั้น อกุศล
คือทาง สร้างสิริ งามวิมล.......................อยู่บน โลกา แสนน่ากลัวฯ

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

*เตือนภัย! ถนนเชียงราก ข้าง .ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต โจรฉุดขึ้นรถพาไปข่มขืน 

เตือนภัยผู้หญิง! หนุ่มหื่นแอบปีนระเบียงข้ามห้อง หวังข่มขืน (ชมคลิป)

“ยาเสียสาว” ยังระบาดหนัก หยดใส่น้ำก่อนลากไปข่มขืน
จาก <http://www.manager.co.th/Qol/ViewNews.aspx?NewsID=9490000083512
ชายไทยเกือบครึ่ง “ซุกกิ๊ก-คบเผื่อเลือก” เมาแล้วทำร้ายแฟน-ข่มขืน


ตร.ภ.4 ขอนแก่น แถลงข่าวจับพระปลอมโคตรชั่วร่วมเด็กชายวัย 15 ปี ตุ๋ยวิตถารแบบซ้อนกัน 3 คน จนทำให้ ดช.วัย 6 ขวบขาดใจตายที่ใต้ต้นมะขามใกล้วัด

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แค่ไม่โลภมาก : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



แค่ไม่โลภมาก : กาพย์สุรางคนางค์๒๘


    ....................................โลภมาก ทำไม?
ดูเหมือน ใครๆ.....................ต่างไร้ เหตุผล
ตั้งแต่ ชาวบ้าน....................รัฐบาล-สากล
กระเสือก กระสน..................รนหา ร่ำรวย

    .....................................รีบ-เร่ง-เร็ว-ลัด
กรรมา สารพัด.....................หัดพนัน-หุ้น-หวยฯลฯ
อาชีพ สุจริต........................ทุจริต ผิดอวย
หวังว่า พารวย.....................ช่วยรมย์ สมใจ

    .....................................ทั้งที่ ชีวิต
ทบทวน ครวญคิด.................มิบิดเบือน เงื่อนไข
(ก็แค่)เพียงเพื่อ อยู่รอด........ทุกข์ทอด ปลอดภัย
ดารดาษ ปัจจัย.....................หลายเกิน จำเป็น

    ......................................แต่ใจ ของคน
แส่ถวิล ดิ้นรน.......................จนลำบาก ยากเข็ญ
รุกราน ธรรมชาติ...................พินาศ พาธเป็น
ทรมาน พานเห็น...................เพราะโลภ มากมี

    ......................................แค่ไม่ โลภมาก
แค่ลด ความอยาก..................ตรากตรำ วิถี
โลกมิ เสื่อมสูญ.....................สมบูรณ์ ชีวี
พิพาท ปราศมี.......................สวัสดี สิดาล

    ......................................เอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่
ล้างเลือน เชือนแช.................แห่ประหัต ประหาร
คิดเอา แต่ได้........................โลภ-ร้าย-อันธพาล
หยุดเถิด สาธารณ์..................สร้างศาน ติสุขเทอญฯ

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความว่างเปล่าเป็นปัญหา? : กลอนเปล่า



ความว่างเปล่าเป็นปัญหา? : กลอนเปล่า


    คนมากความสามารถ
มีแค่กระดาษกับดินสอ
ก็สร้างสรรค์ผลงานทรงคุณค่าให้ปรากฏ
เป็นศิลปกรรมอันงามงด
หรือแม้กระทั่งบทกวีที่ไพเราะ

    ดีไซน์เสื้อผ้าอาภรณ์
ห้องนอน บ้านเรือน สวนสาธารณะ
บทวิชาการ แผนงานธุระฯลฯ
ความว่างเปล่าเร้าอุระ
ให้จินตนาการทะยานพรั่งพรู

    ความว่างเปล่าไม่เป็นปัญหา
หากแต่เพื่อรองรับปัญญาของผู้รู้
ลึก-กว้าง-ไกล สายตาดู
ย่อมเห็นลู่ทางสุจริต
แห่งความคิดสร้างสรรค์

    คนชั่วจึงทุจริต
แย่งกรรมสิทธิ์ของเขาอย่างเมามัน
คนโง่เขลาจึงเฝ้ารำพัน
ขาดความคิดสร้างสรรค์
ไร้วันประสบสำเร็จมี

    เพราะเอาแต่ทำตัวเป็นผู้บริโภค
รอโลกทั้งโลกเป็นผู้ผลิต
งอมืองอเท้า ว่างเปล่า ไร้ความคิด
ชีวิตจึงไม่ประสบความก้าวหน้า

    รักการเล่นเป็นนิสัย
ศักยภาพใดๆไม่เคยพัฒนา
คอยคิดแส่แต่จะพึ่งพา
การกำเนิดเกิดมา
จึงเป็นภาระของโลกและสังคม

    หัดคิดเป็นผู้ผลิตเสียบ้าง
อย่าเอาแต่สร้างปัญหาให้โลกาขื่นขม
พยายามกำจัดความโง่งม
เลิกเอาแต่แสวงหาความอภิรมย์
สร้างสิ่งโสมมและอาจมเลยฯ

๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พลังใจจากพ่อแม่ : กาพย์ยานี๑๑



พลังใจจากพ่อแม่ : กาพย์ยานี๑๑


    เห็นข่าว เด็กเขลาคิด...............ปลิดชีวิต เพราะผิดหวัง
ไม่ได้ ตามใจดัง..........................หวนความหลัง (คิดถึง)ครั้ง(เรา)เยาว์วัย

    เห็นเด็ก คนอื่นมี(อะไร).............ก็อยากมี อยากจะได้
(แต่)ฐานะ เรายากไร้....................น้อยนักได้ ดังประสงค์

    ยังดี มีพ่อแม่...........................ผู้ดวงแด แผ่(ความ)มั่นคง
ไม่เคย พะวักพะวง.......................โศกเศร้าตรง ความขาดแคลน

    มุ่งมั่น สร้างฐานะ......................เพื่อที่จะ มั่งมีแหน
ทุ่มเท พลังใจ;แทน-.....................ที่จะมา โศกาเบน

    แม่พ่อ อย่าท้อแท้.....................เศร้าดวงแด ให้ลูกเห็น
สิสร้าง นิสัยเป็น...........................คนขื่นเข็ญ ลำเค็ญทรวง

    สอนลูก ให้รู้คิด.........................สู้ชีวิต พิชิตล่วง
สิ่งยาก ลำบากปวง.......................ทะลวงได้ ด้วยใจเรา

    ปลุกใจ ให้เข้มแข็ง.....................ปัญญาแกร่ง ไม่ขลาดเขลา
สุขี มิซึมเซา................................ร่าเริงเร่า เศร้าทำไม?

    สร้างสรรค์ ความหรรษา...............ด้วยบรรดา ของหาได้
ตั้งตา หาต่อไป.............................ย่อมได้สม ภิรมย์ปอง

    พลังใจ จากพ่อแม่......................สำคัญแท้ เหนือสิ่งผอง
ความคิด วิจิตรจอง.........................จึงสำเร็จ สมเจตนาฯ

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

*"สลดนักเรียนสาว ม.5 น้อยใจแม่ไม่มีเงินให้ติวสอบเข้าแพทย์ผูกคอดับ" กลายเป็นพาดหัวข่าวชวนสลดใจไปทั้งประเทศเมื่อเด็กคนหนึ่งตั้งใจแน่วแน่อยากจะเข้าเรียนคณะแพทย์ แต่ด้วยค่าติวที่แพงมหาโหดกว่าครึ่งแสน ลำพังผู้เป็นแม่ที่เป็นแค่พนักงานกินเงินเดินจึงมีไม่เงินให้ลูกสาวไปติวแพทย์ นำไปสู่ข้อความโพสต์เฟซบุ๊กเชิงน้อยใจ "ทำไมแม่ไม่เคยเข้าใจ" ก่อนตัดสินใจคิดสั้นผูกคอตายในเวลาต่อมา...

จาก <http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000115274


“ขณะนี้สังคมไทยเกิดความเข้าใจผิดว่า จะต้องทำให้เด็กอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยทำให้เด็กเก่งและฉลาด จึงไปเน้นให้เด็กวัย 0 - 6 ขวบ ในเรื่องของการอ่านออกเขียนได้ ซึ่งสุดท้ายจะไปกดทับทักษะด้านอื่นๆ ที่จำเป็น ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ วุฒิภาวะทางอารมณ์ และการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ โดยมีการวิจัยทางด้านจิตวิทยาที่ชัดเจนแล้วว่า การพัฒนาทักษะสมองด้าน EF เป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต จะทำให้เด็กเป็นคนเก่ง ฉลาด และดีอีกด้วย ดังนั้น ในช่วง 0 - 6 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงในการสร้างและพัฒนาสมองของเด็กได้ดีที่สุด จึงควรเน้นการดูแลเด็กด้วยการให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ เพื่อให้เด็กมีโอกาสฝึกคิด วางแผน แก้ไขปัญหา สำหรับผู้ปกครอง ครู หรือพี่เลี้ยงเด็กก็ต้องมีการปรับตัวในการดูแลเด็ก ต้องปล่อยให้เด็กได้ออกไปเรียนรู้ตามธรรมชาติของเขา อยากเล่นอะไรอยากทำอะไร แล้วทำหน้าที่คอยดูพัฒนาการของเด็กว่าด้านไหนบกพร่องแล้วคอยช่วยเหลือกระตุ้นพัฒนาการ และต้องสอนให้เด็กรู้จักคิดเป็น รอคอยเป็น แก้ปัญหาเป็น จึงจะช่วยกระตุ้นทักษะสมองด้านดังกล่าวได้”

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คิดถึงบ้าน : กาพย์ยานี๑๑



คิดถึงบ้าน : กาพย์ยานี๑๑


    เติบวัย ใช้ชีวิต.......................สมดั่งจิต อิสระล้น
อัตตา โลกประจญ......................กระเสือกกระสน ยลยากมี

    พึ่งพา ใครได้บ้าง?..................คนรอบข้าง ต่างหลีกลี้
เล่ห์กล ฉลวิธี.............................วจีหลอก กลิ้งกลอกลวง

    อาหาร ร้านตามสั่ง...................รสชาติยัง ต้องทักท้วง
ทำได้ ไม่ถูกทรวง........................ตะขิดตะขวง กลืนเข้าไป

    ขาดรส ของความรัก.................ที่ยากนัก หาจากไหน?
ขาดคน คอยสนใจ........................ในชีวิต ชิดชื่นมาน

    (แต่)ทุกคน ต้องเติบใหญ่...........จึงจำใจ ออกจากบ้าน
เพื่อหา ประสบการณ์.....................มุ่งสืบสาน ชาญชีวิน

    ยืนได้ ด้วยลำแข้ง.....................งานการแกร่ง เก็บทรัพย์สิน
แข็งขัน มั่นคงจินต์.........................เพื่อโผผิน สู้โชคชะตา

    ทำให้ พ่อได้เห็น.......................แม่ได้เย็น ใจหนักหนา
พี่น้อง ต้องปรีดา............................เราพึ่งพา ตนได้เอง

    ทำให้ เขาภูมิใจ.........................ถึงแม้ไม่ ใช่คนเก่ง
แต่เรา ไม่กลัวเกรง..........................(กับการ)เอาตัวรอด ปลอดภัยเอยฯ

๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คนดี-ศีลธรรม-ความจอมปลอม : กลอนแปด



คนดี-ศีลธรรม-ความจอมปลอม : กลอนแปด


    ดูพระจันทร์ วันเพ็ญ เด่นกระจ่าง..............แม้เลือนราง เพราะเมฆ พรางเสกสรร
แต่ก็หา ทำให้ ไร้ผ่องพรรณ........................เพราะพระจันทร์ นั้นงาม ตามติดตน

    ลับสายตา ราตรี สุริเยศ..........................จะปฏิเสธ แสงให้ (นั้น)ไร้เหตุผล
มั่นคงเปล่ง ประภา แผ่สากล........................เพียงเวียนวน หนแห่ง แปลงเปลี่ยนไป

    เปรียบเสมือน คนดี มีศีลสัตย์...................ปฏิพัทธ์ อัชฌา ปรียาศรัย(ปรียา=ที่รัก,ศรัย=อาศัย)
ถึงจะอยู่ ลับตา สาธารณ์ไท.........................ก็จะไม่ ละเมิด ประเสริฐกรรม

    เพราะว่ามี หิริ โอตตัปปะ.........................เป็นอัศจรรย์ พันธะ อุระค้ำ
ต่อให้ใคร ไม่เห็น ไม่เฟ้นทำ........................บาปประดา ระยำ ยอมจำนน

    พาลทำดี เอาหน้า ทีท่าแต่ง.....................ศีลเสแสร้ง รักษา วาจาสน
แต่เมื่อมี โอกาส คลาดตาคน........................จะทุจริต (เพราะ)จิตล้น บาปมลทิน

    วัดความดี ที่ใจ ใช่ฐานะ...........................มีธรรมะ คู่ใจ ใช่ปลายลิ้น
สังคมคน มารยา มืดชาชิน............................จนเหม็นกลิ่น ศีลทราม ความจอมปลอม

    เล่นละคร ตบตา หน้ากากใส่......................พบเห็นได้ ประจำ เลวทรามล้อม
พ่อแม่สอน ลูกหลาน ฝึกมาน มอม..................คือคนเก่ง เพ่งพร้อม เข้าสังคม

    มีโอกาส ทำชั่ว แต่ไม่ทำ...........................(คือ)ผู้สมควร แก่คำ "สาธุ"สม
มโนธรรม สำคัญ สรรค์วิกรม...........................เพื่อบรรลุ อุดม พรหมเทพาฯ(วิกรม=เก่งกล้า)

๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

*ธรรมคุ้มครองโลก 2 (ธรรมที่ช่วยให้โลกมีความเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เดือดร้อนและสับสนวุ่นวาย - virtues that protect the world)
       1. หิริ (ความละอาย, ละอายใจต่อการทำความชั่ว - moral shame; conscience)
       2. โอตตัปปะ (ความกลัวบาป, เกรงกลัวต่อความชั่ว - moral dread)
พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม พิมพ์ครั้งที่ ๑๒ .. ๒๕๔๖

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

เข้าเฝ้าครั้งสุดท้ายถวายสักการะพ่อหลวง : โคลงสี่สุภาพ



เข้าเฝ้าครั้งสุดท้ายถวายสักการะพ่อหลวง : โคลงสี่สุภาพ

๑. คืนค่ำเงียบสงบไร้.........................เสียงเพลง
ดนตรีดังบรรเลง.............................หยุดเรื้อ
ความวิเวกวังเวง.............................แปลกใหม่
ในชุมชนเมืองเฟื้อ...........................ผู้ท่องราตรีฯ

๒. อานิสงส์การไว้-............................ทุกข์ถวาย
พ่อหลวงยังเสียดาย.........................ส่งฟ้า
ความโศกมิสร่างหาย........................จางจาก
พรากนิกรทั่วหน้า.............................อกสะอื้นอาดูรฯ

๓. ความสูญเสียคนผู้...........................เคยรัก
มากกว่าสวามิภักดิ์............................มอบไท้
เป็นความทุกข์ยิ่งนัก..........................หน่วงจิต
เปลี่ยนชีวิตราษฎร์ไร้.........................พ่อให้พึ่งพาฯ

. พระราชาที่หล้า..............................ยอมรับ
กรณียกิจนับ....................................คณาเรื้อง
เพื่อสุขีทวีทรัพย์...............................ประสบ
สยบความเข็ญเปลื้อง.........................แผ้วผองพสกปวงฯ

. ล่วงราตรี(ออก)จากบ้าน....................รอแถว
ตากแดด-ฝนตามแนว.........................ค่อยเยื้อง
ล่วงค่ำยังคงแพรว..............................จิตจ่อ
รอถวายสักการเบื้อง...........................แน่นน้อมบังคมฯ

๖. ปรารมภ์ร่วมเทิดไท้...........................มหาราช
ทำดีเพื่อพ่อมาด................................มุ่งพร้อม
ดูแลกันดั่งญาติ.................................เพื่อนสนิท
มอบมิตรไมตรีน้อม............................บุญสร้างบังคลเสริมฯ(บังคล=มอบให้)

. เพิ่มพลังแผ่นดินแพร้ว......................ภูมิพล
ศูนย์รวมประชาชน.............................ไทยน้าว
ขออำนาจแห่งกุศล............................ประกฤต(ประกฤต=ทำไว้มาก)
ทรงดุสิตสวรรค์ท้าว...........................ทวยข้าฯอธิษฐานฯ

๘ ปัจฉิมวารเพื่อใกล้.............................ในพิภพ
ร่วมแสดงความเคารพ.........................ร่วมเศร้า
ทรงจำมิเลือนลบ...............................บากบั่น
สามัคคีกันเข้าเฝ้า..............................เป็นครั้งสุดท้ายฯ

๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙