ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2565

บุคคลผู้มืดมาสว่างไป : กลอนคติธรรม



บุคคลผู้มืดมาสว่างไป : กลอนคติธรรม

    โลกเรานี้ มี(ความ)มืด-(ความ)สว่าง..........................อยู่ระหว่าง กลางเวหน

พึ่งพาแรง แสงสุริยน.............................................ส่องพิมล ขับ(ไล่)อนธการ


    โลกใบนี้ มี(ความ)ดี-(ความ)ชั่ว................................ปรากฏทั่ว ทุกสถาน

มีปราชญ์ชน-คนสามานย์.......................................เคล้าคละกาล คานเวลา


    ไม่มีใคร ไม่เคย(ทำ)ผิด(พลาด)...............................(แรก)เริ่มชีวิต ล้วนมิจฉา(ใครเกิดมาก็รู้ผิดชอบชั่วดี?)

เด็ก(ทุกคน)ต่างมี อวิชา........................................บิดรมารดา พาเรียนรู้

 

    หาก(เด็ก)ได้พ่อ แม่โง่เขลา.....................................(เด็กย่อม)ปัญญาเบา โง่เขลาคู่

(ใคร)ได้พ่อแม่ (เป็นคน)เก่งแลดู(ดูแล)...................ย่อมเป้นผู้ รู้วิชา(มีสติปัญญา)


    (ที่)สำคัญใคร เข้าใจจิต?.........................................ล่วงรู้ผิด พลาดมิจฉา

อันรึงรัด ล้อมอัตตา..............................................ทำ(ให้เป็นคน)ชั่วช้า โฉดสามานย์

 

    เห็นมลทิน (ใน)จินดาถ้วน........................................มิเรรวน ปรวนแปรหาญ

(มุ่ง)ขจัดอาสวะ ปฏิญาณ(ตน)...............................กระทำการ อย่างชาญชัย

 

    พัฒนาตน พ้นทางผิด..............................................จนสัมฤทธิ์ พิสมัย

บ่ยืนย่ำ อยู่(ระดับเดิม)ร่ำไป...................................ผลบั้นปลาย ย่อมได้ดี


    เป็นปราชญา ผู้หายาก.............................................มีน้อยมาก ในโลกนี้

เพราะส่วนใหญ่ ไผอัปรีย์.......................................มักกาลี ชั่วชีวิน(ไผ=ใคร)


    (เรียกว่า)ผู้มืดมา สว่างไป........................................ควรหรือใคร ใคร่ติฉิน(ว่าเคยโง่ เคยทำผิดพลาดฯลฯ)

ผู้พาตน พ้นราคิน.................................................คือโศภิน วิญญูเอยฯ


๓๐ เมษายน ๒๕๖๕

วันพฤหัสบดีที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2565

วิถีทำลายล้าง=วิถีโลก : กลอนคติเตือนใจ







วิถีทำลายล้าง=วิถีโลก : กลอนคติเตือนใจ

    วิถี ทำลายล้าง=วิถีโลก........................................ชีวี ต้องบริโภค (สาเหตุ)สร้างโศกศัลย์

ความหิว (เป็น)ความทรมาน ปานโทษทัณฑ์...........(บังคับให้)ต้องไล่ล่า ฆ่าฟัน บั่นทำลาย


    ปลูกพืช ต้องปะทะ โรค-แมลง...............................(ที่)ขันแข็ง โหยหา หิวกระหาย

(วิธี)แก้ปัญหา คือฆ่ามัน ผลาญให้ตาย...................เพื่อ(ความ)อยู่รอด มิวอดวาย (ของ)พืชไม้พันธุ์


    แมวหมาฯลฯ ทั้งหลาย ไม่กินข้าว..........................มังสา ค่ำเช้า คาวเลือดสรร

เพื่อต่อ ชีวา(ตน) (ต้อง)บีฑากัน............................ทุกวี่ ทุกวัน เป็นครรลอง

 

    คนล้วน ขวนขวาย ปัจจัย๔....................................ชีวี(ตน) อยู่รอด (สุด)ยอดสนอง

การให้ ได้มา(ปัจจัย๔) นั้นจะต้อง.........................เกี่ยวข้อง กับการ ผลาญผจญ


    อาหาร การกิน ทั้งสิ้นต่าง.....................................ทำลายล้าง จึงได้ ปัจจัยผล

ที่อยู่ อาศัย ทั้งหลาย ; คน...................................ต้องโค่น ต้นไม้ ทำลายดินฯลฯ(เป็นวัสดุก่อสร้าง)

 

    เสื้อผ้า อาภรณ์ ก่อนตกแต่ง(ตัว)............................หลากแหล่ง แห่งหน ด้นถวิล

เภสัช ปัจจัย (กว่า)จะได้กิน..................................ต้องภินท์ พินาศ(ทรัพยากรธรรมชาติ) เป็นดาษดา

 

    ยืดยาว กล่าวใย (ถึง)หัวใจคน................................ผู้เห็น แก่ตน ฉลฉ้อกล้า

เบียดเบียน เพียรพร่ำ ช่ำชีวา...............................ล้นกิเลส ไร้เมตตา สาแก่ใจ(ทำเพื่อความสะใจ)


    อุระ กระหาย (การ)ทำลายล้าง...............................(จิ)ละอาย ใจบ้าง ก็หาไม่

ทำลาย โลกกว้าง สิ้นทั้งใบ.................................เพียงให้ ได้เห็น ตน(โดด)เด่น(ได้)ดี


    โลกใน วันหน้า จะปรากฏ(ผล)...............................ตามบท บาท(ของ)คน ต้น(เหตุ)วันนี้

หากการ ทำลายล้าง ยังทวี(ขึ้นเรื่อยๆ)..................(แม้แต่คน)ผู้ที่ ทำลาย (ก็)สลายพันธุ์ฯ


๒๘ เมษายน ๒๕๖๕

วันศุกร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2565

โลกนี้อยู่ยาก : กาพย์ยานี๑๑





ก๊าซเรือนกระจกที่ห่มคลุมโลกจะกักเก็บความร้อนจากดวงอาทิตย์ไว้ ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันอุณหภูมิโลกกำลังเพิ่มขึ้นในอัตราที่เร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน





โลกนี้อยู่ยาก : กาพย์ยานี๑๑

    โลกนี้ อยู่ลำบาก........................................หลายเรื่องหลาก ยากตัดสิน

(การ)ดำรง คงชีวิน.....................................ทั้งสิ้นต้อง (เผชิญ)อุปสรรคเต็ม(ไปหมด)


    อย่างเช่น ไป(โรงพยาบาล)หาหมอ..............(ฉีดวัคซีนโควิด) ๒ ไม่พอ ต้อง ๓ เข็ม(นโยบายเดือนเมษายน)

(จึง)เข้าได้ ใจอิ่มเอม..................................ไม่งั้นต้อง ตรวจน้ำลาย(ATK)*


    รักษา บาดแผลสด.....................................หมอ(บางคน)ให้งด (การใส่)ยาทั้งหลาย**

(หมอ)บางคน บอกง่ายดาย.........................."โพวิดีน(Povidine)"ใส่ ไร้โรคา

 

    ผักสด และผลไม้........................................(สารเคมี)ยาฆ่าแมลงใช้ อันตราย(กับคนกิน)หนา

สอนไว้ ในทุกตำรา......................................ส่วนแม่ค้า ขายทั่วไทย(ผักปลอดสารพิษหาซื้อไม่ได้)


    ปัญหา ภาวะโลกร้อน...................................เสียงเตือนสะท้อน มิขาดไร้

กี่คน ที่สนใจ?.............................................ลดการใช้ ไร้น้ำมัน?(พลังงานฟอสซิล เช่น ถ่านหิน)

 

    ประชากร คนล้นโลก....................................(แต่)ลัทธิบริโภค อกไหวหวั่น

อัตรา (การ)เกิดลดพลัน................................ผลักดัน "สัง คมสูงวัย"

 

    แรงงาน คนหนุ่มสาว(ที่ลดจำนวนลง).............จะปวดร้าว กับภาระใหญ่

(ต้อง)ทำงาน แบ่งปันให้...............................ไปเลี้ยงดู ผู้ชรา(ที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น)


    ต้องเพิ่ม อัตรา(การ)เกิด...............................ทางประเสริฐ แก้ปัญหา

ไม่สน (คน)ล้นโลกา.....................................คิดประสา นักเศรษฐศาสตร์


    พุทธกล่าว การเกิดไซร้................................(เป็น)ทุกข์ร่ำไป ในทุกชาติฯลฯ

คิดมาก จักเป็นประสาท................................ไม่ใช่(เป็น)ปราชญ์ ขยาดเทอญฯ***


๒๒ เมษายน ๒๕๖๕


*ตกลง ขั้นต่ำ-ครบโดส ต้องฉีดวัคซีนโควิด19 กี่เข็ม?

หมอดังๆหลายคนยังบอกว่า จะฉีดกี่เข็มก็ติดเชื้อ-แพร่เชื้อได้เหมือนเดิม


** หมอบางคนบอกว่า แผลสดใช้เพียงน้ำเกลือล้างก็พอ ใส่โพวิดีน(Povidine)จะทำลายเนื้อเยื่อ

แต่หมอบางคนบอกว่า โพวิดีน(Povidine)ทำลายเนื้อเยื่อน้อยมาก ใส่แผลสดได้

เรื่องแค่นี้ โรงเรียนแพทย์ยังสอนไม่ตรงกัน


***โลกนี้อยู่ยาก ปัญหาที่ถกเถียงกันไปจนโลกแตก-ปัญหาที่ไม่มีทางแก้ มีมากมาย

คิดน้อยๆ-อย่าเอามาคิดมากเลย จะเป็นทุกข์เปล่าๆ

วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2565

ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร? : กลอนคติธรรม



ปฏิบัติธรรมเพื่ออะไร? : กลอนคติธรรม

    ฤดูร้อน ย้อนมา อากาศเย็น*............................ช่างเป็น นิมิตร น่าพิศวง

บางคน ชอบใจ ไม่งวยงง..............................บ้างพะวง สงสัย ในโลกา


    ภาวะ โลกร้อน แทรกซ้อนสรรพ.......................ผลลัพธ์ ฉับพลัน พบปัญหา

ผู้ไม่ ใ่สใจ (ย่อม)ไม่ครณา.............................แสวงหา ความสุข ทุกวันไป(ตามใจชอบ)


    ก็เหมือน การที่ มีศีลสัตย์................................จะประหวัด ใจชน ทุกคนไม่

เพียงผู้ พื้นฐานดี จึงมีใจ................................น้อม(ใจ)ไป ปฏิบัติ ตามสัทธรรม

 

    (แต่ยัง)ต้องใช้ เวลา อุตส่าห์หัด.......................ยืนหยัด มั่นคง จำนงค์ค้ำ

แม้ยาก ยอมพากเพียร เรียน(รู้)จดจำ...............การ ป ฏิบัติธรรม จึงดำเนิน(สืบเนื่องไปได้)


    ใช้เวลา ขับเคลื่อน หลายเดือนปี......................ต่อเนื่องมี ฤดีใส่ (ใส่ใจ) ไม่ขาดเขิน

คล้ายก้าว ขึ้นบันได ค่อยใคร่เดิน(ไม่หยุด).......จึงเผชิญ ผลสำเร็จ สมเจตนา

 

    เดินตาม วิถี อริยมรรค.....................................เริ่มจาก หลักเบื้องต้น ด้นศึกษา

คือมี ทิฏฐิ ที่สัมมา(สัมมาทิฏฐิ).......................เข้าใจว่า อะไร ถูก-ผิด (รู้เรื่อง)ดี

 

    รู้ทิศ รู้ทาง ก่อนย่างก้าว..................................(สัมมา)ถูกต้อง ส่องสกาว พราวสุกศรี

เกิดความ เบื่อหน่าย ในโลกีย์..........................คลายกำหนัด ยินดี มิผูกพัน-


    ต่ออัตตา ตัวตน ของตนสรรพ...........................(ความ)ยึดมั่น ถือมั่นดับ กับเบญจขันธ์(ขันธ์๕)

ไม่ใช่ ใฝ่หา แต่โลกธรรม์................................ลาภ-ยศ-เสริญสรร--สุข พล่านเอยฯ**


๒๑ เมษายน ๒๕๖๕


*เดือนเมษายนกลางคืนต้องนอนห่มผ้าห่ม แทนที่จะต้องเปิดแอร์ อากาศต้องผิดปกติอย่างแน่นอน

**ใครที่ตั้งใจมาปฏิบัติธรรม เพื่อสะเดาะห์เคราะห์,ล้างกรรม,แก้กรรม,เสริมดวง,เพื่อให้มีโชคลาภฯลฯ ขอให้รู้ว่าคุณมาผิดทางแล้ว ศาสนาพุทธทำอะไรแบบนั้นให้ไม่ได้หรอก


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค

๔. ธัมมกถิกสูตรที่ ๒

ว่าด้วยเหตุที่เรียกว่าพระธรรมกถึก

             [๓๐๓] พระนครสาวัตถี. ภิกษุนั้นนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มี
พระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า พระธรรมกถึก พระธรรมกถึก ดังนี้ ภิกษุชื่อว่า
เป็นธรรมกถึกด้วยเหตุเพียงเท่าไร ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม สมควรแก่ธรรมด้วยเหตุเพียงเท่าไร?
พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรภิกษุ หากว่า ภิกษุแสดงธรรมเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความ
คลายกำหนัด เพื่อความดับรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไซร้ ควรจะเรียกว่า ภิกษุผู้
ธรรมกถึก. หากว่า ภิกษุเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อความคลายกำหนัด เพื่อความ
ดับรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไซร้ ควรจะเรียกว่า ภิกษุผู้ปฏิบัติธรรมสมควร
แก่ธรรม. หากว่า ภิกษุเป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะเบื่อหน่าย เพราะคลายกำหนัด เพราะดับ เพราะ
ไม่ถือมั่นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณไซร้ ควรจะเรียกว่า ภิกษุผู้ได้บรรลุนิพพานใน
ปัจจุบัน.

วันพุธที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2565

ความปั่นป่วน ของเศรษฐกิจปี 2022 | ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล

ต้องแล้วแต่วาสนา : กาพย์ยานี๑๑


ต้องแล้วแต่วาสนา : กาพย์ยานี๑๑

    เพาะเมล็ด องุ่นอร่อย(ครั้งแรก)..............อย่างน้อยๆ คอยแรมเดือน

ใบเลี้ยง จึงค่อยเคลื่อน.........................โผล่มาเยือน สุริยา


    เติบโต วันละ(๑)นิ้ว..............................(ยอด)ทะยานลิ่ว (ขึ้น)สู่เวหา

หนวด(องุ่น)เอี้ยว เกี่ยวไปมา.................อย่างช้าๆ แต่มั่นคง


    ถ้า(เพราะ)อยาก ทานองุ่น.....................ใยต้องลุ้น(รอดตาย-ออกผล) ปลูกประสงค์?

ซื้อ(เขา)ง่าย ไม่ต้องพะวง.....................ลงทุน(ลง)แรง แข่งโรคา(แมลง)ฯลฯ

 

    (แต่เพราะ)ปลูกไป ได้ความรู้.................ทดลองดู สู้ปัญหา(เล็กๆน้อยๆ)

(ความ)สามารถ ได้พัฒนา.....................ใช้ชีวา อย่างท้าทาย(ช่วยเติมพลังชีวิต)


    ธรรมะ ไม่ได้บอก.................................เรื่องนี้หรอก นอกจุดหมาย

ศีลธรรม บ่กล้ำกราย.............................(บางเรื่อง)ต้องขวนขวาย ใคร่ครวญเอา(เอง)

 

    ดำเนิน เผชิญชีพมี...............................บางพื้นที่ ที่ว่างเปล่า

(ปราศจากหลัก)ผิด-ถูก ปลูกฝังเรา.........(อาศัยความ)ฉลาด-เขลา พาก้าวไป

 

    (บ่อยครั้งที่)ล้มเหลว หรือสำเร็จ............เพราะ(ทำ)ถูก-เท็จ ก็หาไม่(เพาะองุ่นอีกครั้งยังไม่งอกเลย)

ขึ้น(อยู่)กับ วาสนาใคร...........................สร้างบุญ(บาป)ไว้ ในก่อนกาล


    (เหมือนความ)จน-รวย ช่วยไม่ได้...........อยู่ที่ใคร ใจกล้าหาญ

(เคย)ทำบุญ เพียรสุนทาน......................ไม่เกียจคร้าน (หรือ)ตระหนี่เอยฯ


๒๐ เมษายน ๒๕๖๕

วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2565

Highlight จับตาเศรษฐกิจไทย/ธนาคารขึ้นดอกเบี้ย

ชั่ว-ดี มิใส่ใจ : กลอนสะท้อนสังคม




ชั่ว-ดี มิใส่ใจ : กลอนสะท้อนสังคม

    ใน(อดีต)ยาม ยังวัยเยาว์...........................ผู้แก่เฒ่า เฝ้าสั่งสอน

พึงหยุด อย่าพูดย้อน(โต้แย้งผู้ใหญ่).........ให้ว่านอน สอนง่ายดี


    ผิดหลัก ประชาธิปไตย.............................ตามเข้าใจ สมัยนี้

(เด็ก)ต้องกล้า กล่าววาที.........................(จึง)ชื่อว่ามี สติปัญญา


    (ในอดีต)ดื่มสุรา เที่ยวบาร์ผับ....................ต้องสดับ โดนตราหน้า

คือคน ฉลชั่วช้า......................................โดยเฉพาะถ้า เป็นผู้หญิง

 

    แต่ยุค สมัยนี้...........................................มวลสตรี มิประวิง

อ้างสิทธิ์ เสรียิ่ง.......................................ทำหลากสิ่ง เสมอชาย


    อยู่กิน โดยไม่แต่ง(งาน)...........................อยาก(ให้การ)ทำแท้ง ไม่ผิดกฎหมาย*

สำส่อน กันง่ายดาย..................................เสพสบาย ในกามารมณ์

 

    (ขนาด)ครองคู่ อยู่ก่อนแต่ง......................ยังขัดแย้ง มิสุขสม

หย่าร้าง สะพรั่งพรม.................................(เปลี่ยนคู่บ่อยๆ)ค่านิยม สังคมไทย

 

    (คน)คบกัน ทุกวันนี้.................................ไม่ดูที่ (เป็น)คนดีไหม?

เหตุเพราะ คนส่วนใหญ่............................บ่ใส่ใจ ใน(หลัก)ศีลธรรม(ตัวเองชั่ว จะเลือกคบคนดี?)


    ฐานะ(ดี) สิ่งประสงค์.................................เลือกเจาะจง ที่รวยร่ำ(เหยียดหยามความยากจน)

ชอบใจ ในหลักกรรม................................การทำตาม อำเภอใจ


    ผู้คน ทุกวันนี้...........................................เลือกวิถี คล้อยยุคสมัย

ดี-ชั่ว ช่างประไร.......................................สนใจแต่ เห็นแก่ตัวฯ


๑๙ เมษายน ๒๕๖๕


*กฎหมายใหม่ เปิดทางให้บุคคลทำแท้งได้ภายใน 12 สัปดาห์

  
โดยประมวลกฎหมายอาญาฉบับที่แก้ไขใหม่ แตกต่างไปสองมาตรา คือ มาตรา 301 และมาตรา 305 ส่วนมาตราอื่นๆ ที่ไม่ได้แก้ไข จึงมีสาระสำคัญและบทลงโทษเท่าเดิม โดยสองมาตราที่แก้ไขแล้ว มีเนื้อหา ดังนี้
 
มาตรา 301 กำหนดให้หญิงทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกขณะมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ โดยที่ไม่เข้าเงื่อนไขอื่นๆ ตามมาตรา 305 มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จะเห็นได้ว่าอัตราโทษลดลงจากประมวลกฎหมายอาญาเดิม
 
มาตรา 305 เพิ่มเหตุยกเว้นความผิดแก่หญิงที่ทำให้ตนเองแท้ง หรือผู้ที่ทำให้หญิงแท้งโดยหญิงยินยอมไว้กว้างขึ้น หากเป็นการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภาในกรณีดังต่อไปนี้ ผู้กระทำไม่มีความผิด
 
(1) จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากหากหญิงตั้งครรภ์ต่อไปจะเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อสุขภาพทางกายหรือจิตใจของหญิงนั้น
 
(2) จำเป็นต้องกระทำเนื่องจากมีความเสี่ยงอย่างมากหรือมีเหตุผลทางการแพทย์อันควรเชื่อได้ว่าหากทารกคลอดออกมาจะมีความผิดปกติถึงขนาดทุพพลภาพอย่างร้ายแรง
 
(3) หญิงยืนยันต่อผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมว่าตนมีครรภ์เนื่องจากมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศ ประมวลกฎหมายอาญาเดิมก็กำหนดเหตุยกเว้นความผิดที่คล้ายกันไว้ แต่มีประเด็นปัญหาว่า คดีความผิดเกี่ยวกับเพศนั้นต้องมีการดำเนินคดีในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบเป็นภาระของหญิงที่จะทำแท้งว่า ต้องพิสูจน์ถึงการกระทำผิดดังกล่าวอันอาจส่งผลต่อจิตใจ ในมาตรา 305 (3) ใหม่จึงกำหนดเพียงให้หญิง “ยืนยัน” ด้วยตนเอง ก็จะไม่เป็นภาระต่อหญิงที่ต้องพิสูจน์ถึงการถูกกระทำทางเพศ
 
(4) หญิงซึ่งมีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ โดยการนับระยะเวลานั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์รณกรณ์ บุญมี อาจารย์ประจำศูนย์กฎหมายอาญา คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้อธิบายไว้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่านับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งล่าสุด
 
(5) หญิงซึ่งมีอายุครรภ์เกินสิบสองสัปดาห์ แต่ไม่เกินยี่สิบสัปดาห์ ยืนยันที่จะยุติการตั้งครรภ์ภายหลังการตรวจและรับคำปรึกษาทางเลือกจากผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมและผู้ประกอบวิชาชีพอื่นตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนดโดยคำแนะนำของแพทยสภาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น
 
ทั้งนี้ กรณีตามมาตรา 305 (1) – (3) หญิงสามารถทำแท้งได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุครรภ์ 
(https://ilaw.or.th/node/5816)