ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ไม่มีโอกาสโศกศัลย์ : กาพย์ฉบัง๑๖




ไม่มีโอกาสโศกศัลย์ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ฝนพรำนำพาอโณทัย.......................แห่งเช้าวันใหม่
ไปสู่มัวหม่นล้นฟ้า

    เมื่อไร้รังสีสุริยา......................บรรยากาศหล้า
แลคล้ายสนธยาคืนหวน

    ลมอ่อนผ่อนพัดพนัสชวน......................หันเหเสสรวล
เริงเร่าเย้ายวนรัญจวนศรี

    (พฤกษา)ไม่มัวโศกเศร้าโศกี.....................ไร้รังค์สุรีย์
ไม่มีที่สังเคราะห์แสง

    แต่ยินดีที่ความแล้ง.....................เกิดการเปลี่ยนแปลง
มิแห้งเหือดน้ำดำเนิน

    ชีวีพิจารณาประเชิญ....................มีความขัดเขิน
และเพลินภิรมย์ผสมผสาน

    หากไม่เกินกล้าทะเยอทะยาน.....................หรือกระเดียดเกียจคร้าน
ย่อมอยู่สำราญได้เสมอ

    แม้สังคมคนล้นเอ่อ.....................อาชญากรรมทรามเท้อ
หากมิเผอเรอเหลวไหล

    รักษาศีลธรรมประจำใจ.....................ชั่วทางห่างไว้
มิให้อบายมุขผูกพัน

    คบแค่คนดีมีศีลธรรม์......................วิถีชีวัน
โอกาสโศกศัลย์นั้น(แทบ)ไม่มีฯ

๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันอังคารที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ความดีคือที่พึ่ง : กลอนคติสอนใจ



ความดีคือที่พึ่ง : กลอนคติสอนใจ

    การทำดี คือที่พึ่ง....................................ของคนซึ่ง ศรัทธากุศล
ความเข้าใจ เงื่อนไขจล.............................เหตุและผล กลวัฏฏา

    แม้ยามที่ มีความทุกข์..............................เวรกรรมรุก รานชุกหา
ไม่ต้องทำ ตามคนบ้า................................ไร้ปัญญา (เช่น)รดน้ำมนต์

    บวชชีพราหมณ์ ความโง่เขลา....................ของคนเมา(มัว) ขาดเหตุผล
สะเดาะเคราะห์ ต่อวัยตน............................สิ่งศักดิ์สิทธิ์บน บานพ้นภัยฯลฯ

    ไสยศาสตร์ปวง ล้วนลวงหลอก...................ไม่มีดอก ผล(ขอ)บอกให้
พิธีกรรม ทำกันไป....................................นอกจากสบายใจ ไม่มี(อะไร)ดี

    จริยธรรม นำประสบ..................................วิถีสงบ พานพบศรี
ไม่ก่อกรรม ทรามราคี................................รอดพ้นมี หนี้เวรกรรม(ไม่ต้องชดใช้กรรม)

    มิทำชั่ว กลัวเกรงบาป................................(เป็น)การกำราบ ซึ่งบาปส่ำ
ดวงฤดี มีมโนธรรม....................................(ย่อม)มิล่วงล้ำ ทรามชั่วใด

     เปิดปัญญา หาความรู้................................(เพื่อ)มิเป็นผู้ พาลสาไถย
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มีอะไร................................ทำความเข้าใจ กระจ่างตา

    (แล้ว)จะเข้าถึง (ความมี)ที่พึ่งแท้.................มิพ่ายแพ้ ปวง(อุปสรรค)ปัญหา
สำเร็จ(เป็น)ผู้ บรรลุวิชา..............................แห่งสัจจา สิกขาเอยฯ

๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พุทธแท้จึงแพ้พ่าย : กลอนคติเตือนใจ


พุทธแท้จึงแพ้พ่าย : กลอนคติเตือนใจ

    ก็เหมือน หมอผี............................ทำหน้าที่ รักษา อาการ
เจ็บป่วย ทรมาน.........................ในโรง พยาบาล ของรัฐ
(ตั้งแต่)ป่วยไข้ ธรรมดา...............จนใกล้ มรณา สาหัส
คาถากล่าว เป่าปัด......................พิธีกรรม บำบัด จัดไป

    ก็คือ วัดวา...................................พุทธ(ะ) ศาสนา ประกาศ
หากพระ ถนัดศาสตร์...................เปรื่องปราด สถุล คุณไสย
คาถา อาคม..............................เป็นที่ นิยม สมใจ
อาจหาญ ชาญชัย.......................ชาวบ้าน เลื่อมใส ศรัทธา

    ลาภยศ สักการะ.............................เป็นอา ชีวะ เป้าหมาย
นิพพาน บั้นปลาย........................บรรยาย ให้คล่อง พ้องศาสนา(ก็พอ)
แต่วิถี ปฏิบัติ...............................ตาลปัตร วิปริต อวิชชา
กิเลส ตัณหา...............................แก่กล้า สถิต จิตใจ

    วัฒนธรรม ประเพณี.........................พรั่งพี สะสม นมนาน
ทรงพละ มหาศาล........................จึงยาก แก่การ แก้ไข
ความโง่ ของคน...........................ปนความ อสัตย์ คือปัจจัย
พุทธศา(ส) สนาไทย.....................แพ้พ่าย ไสยศาสตร์ ทัศนา

     ก็เหมือน บงกช..............................ทั้งหมด ที่อยู่ ใต้น้ำ(บงกช=ดอกบัว)
มิแจ้ง แสงธรรม............................สว่างนำ สากล บนฟ้า
เห็นแค่ โคลนดิน..........................ได้ยิน แต่เสียง เต่าปลา
ถึงจะ ได้ชื่อว่า.............................พุทธ(ะ) ศาสนิก (กะ)ชน(ก็ตามที)ฯ

๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

เหตุผลที่ทนฝึกกรรมฐาน : กลอนคติเตือนใจ


เหตุผลที่ทนฝึกกรรมฐาน : กลอนคติเตือนใจ

    เสมือนคน อ่าน(หนังสือ)ไม่ออก.....................คำพูดบอก เขียน(ตาม)ไม่ได้
มิรู้จัก อักษรไทย.......................................ศัพท์แสงไซร้ ไร้จดจำ

    แต่มาเรียน เขียนกลอนกาพย์ฯลฯ...................คงเห็นภาพ น่าขบขำ
เปรียบเสมือน การสอนธรรม.........................หลักกรรมฐาน (ที่)ชาวบ้านเพียร

    ทั้งๆที่ แค่จริยธรรม(ระดับชาวบ้าน).................ประพฤติกรรม ยังผิดเพี้ยน
ชั่ว-โฉด-ฉล ชอบวนเวียน............................มิแปลงเปลี่ยน ไปจากจินต์

    หลักศีลธรรม ขั้นพื้นฐาน...............................ยังดักดาน มานมืดสิ้น
คิดแค่ทำ มาหากิน.....................................กามถวิล แน่นวิญญาณ

    (การ)สอนให้คน ล้นตัณหา............................เหหันมา ฝึกกรรมฐาน
พระครูบา ผู้(เป็น)อาจารย์............................(ยัง)ล้มลุกคลุกคลาน ตัณหาครอง

    ใคร่ลาภ-ยศ-ศักดิ์-สรรเสริญ............................กามเพลิดเพลิน ดำเนินสนอง
ธรรมวินัย มิไตร่ตรอง...................................แต่ป่ายปอง ธรรม(ของ)ปุถุชน(คือโลกียธรรม)

     จึงพบแค่ พิธีกรรม........................................กรรมฐานทำ กันท่วมท้น(ทั่วไป)
นั่งสมาธิ (แต่)มิดัดกระมล.............................เห็นแก่ตน ล้นมารยา

    วิปัสสนา เป็นว่าเล่น......................................(แต่สิ่ง)ที่โดดเด่น(เห็นชัด) คือตัณหา
อยากนู่นนี่ มินำพา.......................................เข้าวัดวา หาประโยชน์วน

    ส่วนใหญ่ทำ(กรรมฐาน) เพราะคำพระ................บอกว่าจะ ได้บุญล้น
หวังถูกหวย รวย-เลิกจน................................คือเหตุผล ทนฝึก(กรรมฐาน)เอยฯ

๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒

*กรรมฐาน 2  
กรรมฐาน หมายถึง อารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งการเจริญภาวนา, ที่ตั้งแห่งการทำความเพียรฝึกอบรมจิต หรือวิธีฝึกอบรมจิต ประกอบด้วย 
1. สมถภาวนา หมายถึง การฝึกอบรมจิตให้เกิดความสงบ หรือการฝึกสมาธิ 
2. วิปัสสนาภาวนา หมายถึง การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความรู้แจ้งตามเป็นจริง หรือการเจริญปัญญา 

*แค่หลักจริยธรรมพื้นฐานในชีวิตประจำวันแบบชาวบ้าน
เช่น การให้ทาน การรักษาศีล(๕) มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความซื่อสัตย์ทุจริต ไม่เห็นแก่ตัว-เสียสละประโยชน์ส่วนตัว ฯลฯ ซึ่งเป็นวิธีสร้างบุญแบบโลกียธรรม 
ยังไม่ทำ-ทำไม่ได้
แต่กลับจะมาฝึกกรรมฐาน ซึ่งเป็นโลกุตตรธรรม(ธรรมพ้นโลก-ไม่เกี่ยวข้องกับโลก) 
จะเป็นไปได้อย่างไร?
คนไม่รู้จริง ก็เที่ยวสั่งสอนคนอื่นให้ฝึกกรรมฐาน เพราะคนสอนหวังลาภ-สักการะ ที่จะได้รับ
คนโง่เขลา ก็หลงเชื่อ หลับหูหลับตาทนฝึกกรรมฐานตามเขาไป คิดว่าจะได้บุญมากมายมหาศาล
แต่สิ่งที่ได้ คือความไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ เสียเวลา-เสียทรัพยากรไปเปล่าๆ .

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ดิ้นรนโดยไม่จำเป็น : กาพย์สุรางคนางค์๒๘


ดิ้นรนโดยไม่จำเป็น : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...............................................ลมพัด แผ่วเบา
พิรุณ รินเคล้า.........................ค่ำจน เช้า-สาย
อากาศ ชื้นเย็น........................เป็นผล บั้นปลาย
สุรีย์-มาส ปราศหาย.................ค่อยคล้าย เข้าพรรษา(มาส=พระจันทร์)

    ...............................................ไม่รู้ ไม่ชี้
(เมื่อ)กินดี อยู่ดี.......................ชีวี เริงร่า
แมวสาว นอนสงบ....................ประหนึ่งพบ สัจจา
การมี ชีวา...............................อย่าถวิล ดิ้นรน(โดยไม่จำเป็น)

    ................................................โลภมาก ทำไม?
ความอยาก พรากให้..................ไร้(ความ)ฉลาด พลาดผล
ธรรมชาติ ชีวี............................หากไม่มี วิกล
ปัจจัย ๔ ยล.............................เบื้องต้น สุขสบาย

    .................................................นอกเหนือ กว่านี้
ไม่จำเป็น ต้องมี........................ความอยาก ระหาย
(สิ่ง)ที่คน รนหา........................เสียเวลา+แทบตาย
โดยมาก หลากหลาย.................ล้วนไม่ จำเป็น

    .................................................ชีวิต เศร้าโศก
ผลาญทำ ลายโลก....................วิโยค โชกเข็ญ
ครรลอง ผองคน.......................ยล สา ระเร้น
เขลา-โฉด โดดเด่น...................มิเว้น วันคืนฯ

๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

"สมคิด" ร่ายยาว แก้เศรษฐกิจ ต้องรื้อทั้งโครงสร้าง ความเหลื่อมล้ำ คือเรื...

ผลประโยชน์-ผลงาน : กลอนคติสอนใจ


ผลประโยชน์-ผลงาน : กลอนคติสอนใจ

    ไม่ใช่ แค่วัยรุ่น ชอบครุ่นคิด....................................อยากมี ชีวิต เช่นพิสมัย
งอมือ งอเท้า เอาแต่ใจ........................................ทำอะไร ไม่ต้อง ข้องจรรยา

    คนแก่ คนเฒ่า รุ่นเก่าก่อน......................................ลานสลอน ย้อนยล ฉลโฉดกล้า
เพราะสันดาน มนุษย์ สุดมารยา..............................เห็นแก่ตัว ชั่วช้า มิละอาย

    ผลประโยชน์ โปรดปราน แรกอันดับ........................ทว่ากลับ เกียจคร้าน การงานหมาย
อยากอยู่ดี กินดี ชีวะสบาย.....................................โดยที่กาย ไม่ต้อง สนองแรง

    เช้าชาม เย็นชาม ความถนัด....................................ปรีดี ปฏิบัติ อย่างชัดแจ้ง
ผักชี โรยหน้า ตลบตะแลง.....................................(คน)โฉเก เสแสร้ง ทุกแห่งมี

    แค่คน ส่วนน้อย คอยหมั่นคิด...................................ปรารถนา สัมฤทธิ์ ในหน้าที่
ทุ่มเท พลัง(สร้าง)สรรค์ ผลงานที่ดี.........................หวังให้มี ประโยชน์ รุ่งโรจน์ไป

    มิกลัว ความยาก ลำบากเยาะ...................................แกร่งไกร ใจเพราะ ตน(มีความสามารถ)ทำได้
มิต้อง พึ่งพา อาศัยใคร..........................................ภูมิใจ ในอัตตา คุณค่าพี

     อนาคต อยู่ใน กำมือเรา..........................................บ่ให้ ใครเขา เฝ้าสั่ง-ชี้
หวังความ ก้าวหน้า ของชีวี.....................................โดยมี สติปัญญา สามารถทำ

    ผลประโยชน์-ผลงาน ควรพันผูก.............................จึงถูก ต้องวิสัย ใจเลิศล้ำ
พัฒนา บุคลากร บวรกรรม.......................................ให้สมคำ "ทรัพยากร(มนุษย์)" สังวรเทอญฯ

๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พุทธแถ ไม่ใช่พุทธแท้ : กาพย์ฉบัง๑๖



พุทธแถ ไม่ใช่พุทธแท้ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ฤดูฝนหากไร้สายฝน.......................ห้วยระหานธารชล
แห้งจนเห็นแลแต่ดิน

    ถึงถูกเรียกว่ากระแสสินธุ์....................เมื่อมัจฉาสิ้น
เหมือนวิญญาณขาดประหลาดหลาย

    เปรียบปานวัดหลากมากมาย....................สร้างแส่แผ่สยาย(สาขา)
แพร่หลายไปทั่วสังคม

    แต่ไร้ธรรมวินัยนิยม.....................โลกียสะสม
หมักหมมโลกธรรมต่ำช้า

    อวดสิ่งปลูกสร้าง-เงินตรา.....................ตำแหน่งแกร่งกล้า
ยศถาบรรดาศักดิ์ประสงค์

    ดีแต่สอนธรรม(ให้คนอื่น)จำนง....................ส่วนตนฉลตรง
ธำรงไว้ซึ่งกิเลสตัณหา

    ภาคภูมิใจในปริญญา.....................(แต่)เลวทรามต่ำช้า
ต่อสิกขาแห่งพุทธพจน์

    โฉเกเสแสร้งโป้ปด.....................อย่างมิละลด
มิสลดคดคิดจิตสาไถย

    หลอกผู้คนมาสนใจ.....................ทักษิณากราบไหว้
ให้ความเคารพนับถือ

    ยกตนล้นธรรมร่ำลือ......................หน้าตายใสซื่อ
ว่าคือพุทธแท้แน่ใจเทอญฯ

๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

พรบ.คณะสงฆ์ คือปัญหา : กาพย์ยานี๑๑




พรบ.คณะสงฆ์ คือปัญหา : กาพย์ยานี๑๑

    พรบ. คณะสงฆ์....................................คือความหลง ทางศาสนา
เอาโลกีย์ กติกา.................................พาลกำหนด พุทธกฎเกณฑ์

    ละเมิด ธรรมวินัย...................................อย่างมากมาย มีให้เห็น
แก่นพุทธะ ถูกละเว้น...........................ดั่งเฉกเช่น ทึ้งทำลาย(ธรรมวินัยบัญญัติโดยพระพุทธเจ้า ผู้เป็นพระอรหันต์)

    เช่นบาง ตัวอย่างยก...............................โครงสร้างโลกย์ ปกครองหมาย
ตำแหน่ง แต่งมากมาย.........................ยศศักดิ์คล้าย (ระบบ)ศักดินา

    พระสงฆ์ สิ้นอิสระ..................................สังกัดจะ ต้องแสวงหา(เหมือนระบบมูลนายไพร่)
ทั้งที่ พระศาสดา.................................มิให้ปรารถนา การปกครอง(สงฆ์)

    (ให้)เงินตรา ประจำตำแหน่ง.....................ซึ่งขัดแย้ง วินัยผอง
สมณศักดิ์ ประจักษ์จ้อง..........................เหนือครรลอง พรรษามี(ตามวินัย พระเคารพกันตามพรรษา ไม่ใช่สมณศักดิ์)

    มีกระทั่ง เงินรางวัล.................................เปรียญธรรม์ สอบผ่านศรี
ทำลาย ประเพณี...................................ที่ห้ามพระ รับ-เก็บเงินฯลฯ

     อ้างมุ่ง บำรุงศาสนา................................ใช้อัตตา พาขัดเขิน(ทำตามใจปุถุชนที่มีกิเลสตัณหา)
ชักนำ พระดำเนิน..................................เพลินโลกีย์ วิสัยปอง(หาลาภยศสักการะ)

    จึงไม่ แปลกใจที่.....................................ข่าวคาวพี มิเคยพร่อง
(วงการ)ผ้าเหลือง ล้นเนืองนอง................ผองพาลผู้ สิงสู่เอยฯ

๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๒

*ก่อนเสด็จนิพพานเล็กน้อย  คือภายหลังทรงโปรดสุภัททะปริพาชกแล้ว  พระพุทธเจ้าประทาน
โอวาทพระสงฆ์  โอวาทนั้นเป็นพระพุทธดำรัสสั่งเป็นครั้งสุดท้าย  มีหลายเรื่องด้วยกัน  เช่น  เรื่องหนึ่งเกี่ยว
กับพระสงฆ์ยังใช้ถ้อยคำเรียกขานกันลักลั่นอยู่  คือ  คำว่า  'อาวุโส'  และ  'ภันเต'   อาวุโสตรงกับภาษาไทยว่า 
'คุณ'  และภัตเตว่า  'ท่าน'
พระพุทธเจ้าตรัสสั่งว่า  พระที่มีอายุพรรษามากให้เรียกพระบวชภายหลังตน  หรือที่อ่อนอายุ
พรรษากว่าว่า  'อาวุโส'  หรือ  'คุณ'  ส่วนพระภิกษุที่อ่อนอายุพรรษา  พึงเรียกพระที่แก่อายุพรรษากว่าตนว่า 
'ภันเต'  หรือ  'ท่าน'
ครั้นแล้วทรงเปิดโอกาสให้พระสงฆ์ทั้งปวงทูลถาม  ว่าท่านผู้ใดสงสัยอะไรในเรื่องที่พระองค์
ทรงสั่งสอนไว้แล้วก็ให้ถามเสียจะได้ไม่เสียใจเมื่อภายหลังว่าไม่มีโอกาสถาม
ปรากฏตามท้องเรื่องใน มหาปรินิพพานสูตร ว่า  ไม่มีพระสงฆ์องค์ใดทูลถามพระพุทธเจ้าใน
ข้อสงสัยที่ตนมีอยู่เลย
เมื่อก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จนิพพานนั้น พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงตั้งสาวกองค์ใดให้รับตำแหน่ง
เป็นพระศาสดาปกครองพระสงฆ์สืบต่อจากพระองค์เหมือนพระศาสดาในศาสนาอื่น  เรื่องนี้ก็ไม่มีพระสงฆ์
องค์ใดทูลถามพระพุทธเจ้า   แต่พระพุทธเจ้าก็ตรัสสั่งพระสงฆ์ไว้ฃัดเจนก่อนจะนิพพาน
โดยตรัสบอกพระอานนท์ว่า  "ดูก่อนอานนท์  ธรรมก็ดี  วินัยก็ดี  ที่เราได้แสดงไว้   และ
บัญญัติไว้ด้วยดี  นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่านสืบแทนเราตถาคต  เมื่อเราล่วงไป
แล้ว"
ครั้นแล้ว  พระพุทธเจ้าตรัสเป็นปัจฉิมโอวาทครั้งสุดท้ายว่า  "ภิกษุทั้งหลาย!  บัดนี้เราขอเตือน
พวกท่านให้รู้ว่า  สิ่งทั้งหลายที่เกิดมาในโลกมีความเสื่อมสลายเป็นธรรมดา  ท่านทั้งหลายจงทำหน้าที่อันเป็น
ประโยชน์แก่ตนและคนอื่นให้สำเร็จบริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด"
หลังจากนั้นไม่ได้ตรัสอะไรอีกเลย     จนกระทั่งนิพพานในเวลาสุดท้ายของคืนวันขึ้น  ๑๕  ค่ำ 
เดือน    หรือวันเพ็ญวิสาขะ    ภายใต้ต้นสาละทั้งคู่ที่ออกดอกบานสะพรั่งเป็นพุทธบูชานั่นเอง

จาก <http://www.84000.org/tipitaka/picture/f76.html>

วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ด่วน! ป.ป.ช.เชือด "สุเทพ" เซ่นโกงโรงพักฉาว | เจาะลึกทั่วไทย | 23 ก.ค. 62

จะมากจะน้อย ความสุขก็คือความสุข : กลอนคติสอนใจ



จะมากจะน้อย ความสุขก็คือความสุข : กลอนคติสอนใจ

    ฝนกระหน่ำ ค่ำคืน ชวนชื่นชุ่ม...........................(หลังจาก)ลุ่มๆดอนๆ ค่อนเดือน เลือนลางหาย
แผ่นดินแล้ง ร้อนรน กระวนกระวาย.....................คอย(ฝน)เช้า-สาย-บ่าย-เย็น มิเห็นมา

    บ่ายนี้มี เมฆค่อยๆ ทยอยผ่าน...........................พอเก็บเป็น สัญญาณ วาดฝันหา
(แม้ฝน)ตกไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง คงร่ำลา..................ยังดีกว่า จะไร้ฝน จนสิ้นเดือน

    (ความ)สุขเล็กๆ น้อยๆ หากค่อยคิด....................ก็สวยงาม สัมฤทธิ์ วิจิตรเสมือน
สุขใหญ่ๆ ทั้งหลายแล อย่าแชเชือน....................สามารถขยับ ขับเคลื่อน กำลังใจ

    อย่าตั้งแง่ แต่ว่า จะต้องสุข(มากมาย).................ปราศจากทุกข์ ประเชิญ เกินวิสัย(มนุษย์)
เพราะตั้งแต่ มีโลกา หามีใคร..............................มีแต่สุข ร่ำไป ไร้ตรอมตรม

    จงหวังเรื่อง ประเทืองเด่น เป็นจริงได้..................ควรมุ่งมั่น ฝันใฝ่ ให้เหมาะสม(อย่าเอาแต่ฝัน)
(การ)ตัดสินใจ อย่าให้ลาม ตามอารมณ์.................ผู้นิยม (คล้อยตาม)สังคมกระแส สิแพ้ภัย

    ความพากเพียร เปลี่ยนโลก คือปกติ(ของคน).......แทนที่สิ ปรับตน หาหนไม่
สันดานคน มักโง่เขลา เอาแต่ใจ.............................จึงทำให้ ไร้ความสุข ทุกข์ทวี

     ความเหมาะสม กลมกลืน คือพื้นฐาน...................(สร้างความ)สุขเกษม สำราญ ในโลกนี้
(รู้จัก)สงบระงับ ยับยั้ง ผิดหวังมี...........................เป็นวิถี ปฏิบัติ ปราชญาชน

    ความหุนหัน สิบั่นทอน สันติสุข...........................ความมักงาย ทำให้ทุกข์ ลุลามท้น
ผู้คิดสั้น สิผิดหวัง หลังวายชนม์............................เพราะสงสาร วัฏวน หนีบ่พ้นเอยฯ
                                                               (ต้องกำจัดกิเลสตัณหาอุปาทานให้หมด จึงไม่มีการเกิดอีก)

๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ปลงให้เป็น : กลอนคติชีวิต




ปลงให้เป็น : กลอนคติชีวิต

    ฝนไม่ ตกมา หลายอาทิตย์...........................นที วิกฤติ แห้งเหือดหาย
ต้นข้าว ของชาวนา พากันตาย........................ซ้ำร้าย หลายเมือง น้ำ(ประปา)เปลื้องมี

    ปานว่า ป่าไม้ ไร้ปัญหา................................ต้นหญ้า ยังเขียว จนเดี๋ยวนี้
อดทน ฝนขาด คลุมปัถพี...............................มองเสมือน ไม่มี ทุกข์บีฑา

    ความสุข มากมาย ในชีวิต.............................หากไม่ ยั้งคิด ผิดพลาดคร่า
กลับกลาย ทุกข์ล้น ท้นอุรา............................ประสบเศร้า โศกา ทรมาน

    บางที ดีกว่า ถ้าจะไม่...................................ใส่ใจ ใน(ความ)สุข ผูกมัดขาน
ดำเนิน ชีวา คล้อยสถานการณ์.........................มิตั้ง ความต้องการ มั่นหทัย

    ธรรมชาติ ชีวิต อนิจจัง.................................ควรฟัง สุภาษิต ลิขิตไว้
อย่ามัว โง่เขลา เอาแต่ใจ...............................ทำอะไร ไม่คิด พิจารณา

    ความสุข ที่ได้ ในวันนี้..................................อาจมี ผลร้าย ในวันหน้า
เช่นชน (ตัดเผา)โค่นไม้ ทำลายป่า....................ส่งผล ฝนฟ้า มลายลาญ

     แต่คน ส่วนใหญ่ (ยัง)ไม่ยั้งคิด.......................ชีวิต พินิจใช้ ไร้แก่นสาร
ทำลาย โลกา อย่างมิสะท้าน............................เพื่อความ สนุกสนาน บันเทิงฤทัย

    ป่วยการ กล่าวไป ขัดใจคน............................ที่ล้น กิเลส เจตสาไถย
(ผู้)เล็งเห็น อนาคต ลดเขลาไคล......................ย่อมไม่ ใหลหลง ปลง(ให้)เป็นเทอญฯ

๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ชาวเน็ตเทียบพฤติกรรม "ธนาธร" กับ "ขุนนางใหญ่" ช่วงก่อนเสียกรุงฯครั้งที่ ...

ฝากไว้ให้เยาวชน : กลอนคติชีวิต





ฝากไว้ให้เยาวชน : กลอนคติชีวิต

    เพื่อนที่ เคยเรียน ร่วมห้อง..............................แต่ต้อง แยกย้าย ไปศึกษา(ต่อ)
ลางคน ล้นมี สติปัญญา...............................(ทำให้ต่อมา)การงาน ก้าวหน้า สถาพร

    หากแต่ ทว่า บางคน......................................อับจน ปัญญา ผลสะท้อน
ต้องตก ระกำ ทำรอน...................................ชีวิต ยอกย้อน เข็ญใจ

    บางคน พ่อแม่ มีฐานะ....................................พอจะ ลงทุน ธุรกิจให้
ถ่ายทอด ประสบการณ์ ชาญชัย......................เงินทอง หลั่งไหล เทมา

    บางคน เข้าใจ ในฐานะ(ยากจน)........................อุตสาหะ เล่าเรียน เพียรศึกษา
พอให้ ได้รับ ปริญญา....................................(หรือ)ดีกว่า ถ้าสอบ ได้ทุน(การศึกษา)

    ผู้ที่ มีสติ ปัญญา............................................นานา รัฐบาล สนับสนุน
เมืองนอก เมืองนา การุญ................................มอบทุน เรียนไกล ไปต่างแดน

    จบมา มีงาน รองรับ........................................(ฐานะ)ค่อยๆ ขยับ ใหญโตแสน
ลาภ-ยศ-อำนาจ มิคลาดแคลน.........................โลดแล่น สังคม ชนชั้นนำ

     แต่ถ้า ผู้ที่ ดีไม่รัก(ไม่รักดี)...............................สมัคร ใช้ชีวี ที่ทรามต่ำ
อบายมุข ขลุกเร่า เมาระยำ...............................โฉดชั่ว ชอบทำ ดำเนิน

    มิใช่ แค่จะไร้ ความก้าวหน้า..............................ชะตา ชีวิต ผิดพลาดเหิน
จะต้อง ตกระกำ ทุกข์กล้ำเกิน............................เผชิญ ปัญหา ตลอดไป

    ยิ่งแย่ ถ้าแก้(ปัญหา)ด้วย ความโง่เขลา................ทุจริต คิดเอา ง่ายเข้าไว้
สันดาน อัปรีย์ ล้นปรี่ใจ.....................................อายุขัย สิสั้น รู้ทันเทอญฯ

๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ตอบแทนโลกและสังคม : กลอนคติเตือนใจ




ตอบแทนโลกและสังคม : กลอนคติเตือนใจ

    สังคมลอง ตรองการณ์ วันข้างหน้า..............................สิ่งแวดล้อม ห้อมกายา โลกอาศัย
ความลำบาก ยากเข็ญ คงเป็นไป...............................ตามชีวิต ส่วนใหญ่ ผลักไสยล

    อนาคต สดใส คล้ายลำแสง.......................................สุริยน ส่องแยง ฟ้าหน้าฝน
คือจะต้อง พ้องพาน วารมืดมน..................................ผสมผเส เปปน พิมลภา

    แต่ท้องฟ้า หน้าฝน มักท้นเมฆ...................................มีอเนก อนันต์ บันดาลหล้า
โดนบดบัง สว่างแสง แห่งสุริยา.................................โดยมากกว่า จะกระจ่าง พร่างโศภิน

    มิหนำซ้ำ น้ำฝน ชลกระแส.........................................ยังเอาแต่ แพร่กระจาย อยู่ไม่สิ้น
หมอกฝนฝอย คอยเคล้า เหล่าเมฆิน...........................ปิดโอกาส ปัถพิน ทินนารา(ทิน=วัน,นารา=รัศมี)

    แต่จะดี จะร้าย จะไม่ท้อ............................................จะไม่ขอ รอคอย โชควาสนา
โดยที่จะ เป็นผู้ สู้อุตส่าห์..........................................น้อมเคารพ กติกา ชะตากรรม

    หนึ่งสมอง สิตรองไตร่ ในเหตุผล.................................หนึ่งจิตใจ จะใฝ่ล้น กุศลล้ำ
ทั้งสองมือ ทำอะไร ได้จะทำ.....................................ทั้งสองเท้า สิก้าวนำ เสริมความดี

     ลดความเห็น แก่ตัว ไม่มัวคิด......................................เพลินชีวิต พิสมัย ใคร่สุขี
บ่บันเทิง เริงฤทัย ในวิธี............................................ผลาญทำลาย โลกพลี (เช่น)ชนนิยม

    จะรักษ์โลก แม้ว่าใคร ไม่ร่วมรักษ์.................................เพียรพิทักษ์ ผลักดัน จรรยาสม
ควบคุมใจ ไม่กระทำ กรรมโง่งม..................................อภิรมย์ อุดมการณ์ ลานจำรูญ

    เพื่อประโยชน์ ผองชน คนรุ่นหลัง..................................ถึงชีวัน ฉันยัง ใกล้สาบสูญ
ขอตอบแทน โลก-สังคม ให้สมบูรณ์.............................ที่อุปการ เกื้อกูล ฉันก่อนมาฯ

๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันศุกร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

คมชัดลึก | "เผือกร้อน" ค่าแรง 400 บาท หวั่นเจ๊งทั้งประเทศ! | 18 ก.ค. 62 ...

อยุติธรรม : กลอนปัญหากระบวนการยุติธรรม






อยุติธรรม : กลอนปัญหากระบวนการยุติธรรม

    ธรรมชาติ ของชีวี มีความยาก..............................ความลำบาก อยู่แล้ว ไม่แคล้วผล
อยากมีอยู่ มีกิน ต้องดิ้นรน...............................บ่อยๆจน ท้นทุก (ขะ)ทรมาน

    อีกโรคภัย ไข้ป่วย ด้วยอำนาจ..............................โลกธาตุ แสนขัดสน พิมลศานติ์
ศัตรูตาม ธรรมชาติ ดารดาษดาล.........................ฤดูกาล ผันแปร ไร้แน่นอนฯลฯ

    ภพที่ชื่อ ว่าโลก โศกเศร้าล้ำ.................................มีธรรมดา ระส่ำ หลามเดือดร้อน
ต้องอดทน ไม่ถือสา อย่าอาทร..........................จึงแคล้วคลาด แรงกัดกร่อน กำลังใจ

    แต่ความ อ ยุติธรรม ที่ต่ำช้า..................................ถูกสร้างมา เสริมความ ระยำให้
ชีวิตอยู่ ยากเย็น เพิ่มเข็ญใย..............................เป็นเภทภัย ร้ายแรง ทิ่มแทงคน

    แทบไม่มี ยุติธรรม ในสำนึก...................................เอาแต่ตรึก อัตตา ประโยชน์ผล
อ้างหลักการ นานา ยกว่าตน..............................ทรงเกียรติเคื้อ เหนือคน บนระบิล

     (แต่)ผลของกระ บวนการ อันสิ้นไร้..........................(ความ)ยุติธรรม มินำไป ใคร่ครวญถวิล
เร่งทบทวน ส่วนพิจารณ์ ที่พาลภินท์....................แก้ให้หมด มลทิน จินต์ขจร

    บอกให้คน เคารพ กลับพบว่า..................................อยุติธรรม ต่ำช้า ลานสลอน
หลากโฉดฉล ล้นไหล ในสันดอน........................ที่สืบสาน อนุสรณ์ บั่นทอนไท

    คดีแล้ว คดีเล่า ถูกกล่าวขาน...................................น่าสงสาร คนบริสุทธิ์ ดุจโดนไส
ตกระกำ ลำบาก หนักหัวใจ.................................ตามลำพัง อย่างไร้ ความยุติธรรมฯ

๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ด่วน! 18 เขื่อนวิกฤต | เจาะลึกทั่วไทย | 18 ก.ค. 62

กุศลต้นไม้ : กาพย์สุรางคนางค์๒๘


กุศลต้นไม้ : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...............................................กุศล ต้นไม้
ปลูก ณ กลางหทัย.................ตั้งใจ รดน้ำ
ใส่ปุ๋ย อินทรีย์........................แสงสุรีย์ ส่องงำ(งำ=รักษา)
กุศล ผลกรรม........................(จึง)งอกงาม อำไพ

    ...............................................มโนธรรม=น้ำรด
สุทธิ ไม่มีหมด........................สดชื่น แจ่มใส
สมาทาน จรรยา......................(เป็น)ประภา ผ่องพิไล
จึ่งดล กุศลได้.........................ยิ่งใหญ่ ไม่เลือนลาง

    ................................................(ปุ๋ย)อินทรีย์=(ความ)ปรีดา
ปฏิบัติ ศรัทธา.........................กุศลา สล้าง
รักทำ ความดี..........................ทุกนาที (ทุก)วิถีทาง
ส่งเสริม เพิ่มสะอาง..................พราวพร่าง รังรอง(รังรอง=สุกใส,งดงาม)

    .................................................สัจธรรม ความจริง
คือแสง สว่างยิ่ง.......................เหนือสิ่ง ทั้งผอง
พิเคราะห์ เสาะใคร่....................คลี่ขยาย ไตร่ตรอง
จนเห็น เจนมอง.......................ถ่องแท้ แน่หทัย

    .................................................มีดอก ออกผล
สุขสันติ์ บันดล.........................ด้วยกุศล ต้นไม้
สุธีร์ ชีวิต................................ชวลิต จิตใจ
สุขกาย สบายไป......................เกรียงไกร ตลอดกาลฯ

๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๒

วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

คนคือผู้ทำลายโลก : กลอนสิ่งแวดล้อม








คนคือผู้ทำลายโลก : กลอนสิ่งแวดล้อม

    รถป้ายแดง แรงหลาย (ยอด)ขายปีนี้.......................เครื่องบ่งชี้ คนมีเงิน เพลินใช้จ่าย
แม้ปัญหา จราจร มิผ่อนคลาย...............................ยิ่งส่งเสริม ความวุ่นวาย ให้สังคม

    คือรถยนต์ พ่นควัน พันธ์มลพิษ..............................เพิ่มปัญหา คุณภาพชีวิต วิกฤติสม
ตามเป้าหมาย เศรษฐกิจ ทุนนิยม...........................ที่โสมม บ่มเพาะ เสาะมั่งมี

    ความอยู่ดี กินดี ที่ใฝ่หา.......................................ชนเชิดชู บูชา ประเสริฐศรี
ความโลภมาก อยากรวย ด้วยดุษฎี.........................คือวิถี ที่คนคิด พิชิตกัน

    ต่างรำพัน สรรเสริญ (ความ)เจริญรุดหน้า.................ถึงแม้ว่า อายุขัย ใกล้อาสัญ
ทรัพย์สินที่ มีไซร้ ไม่ติดพัน..................................ตามคนตาย ไปสวรรค์-โลกันตร์เนา

    ความมั่งคั่ง ทั้งหลาย ในหมู่มนุษย์............................ล้วนยื้อยุด ฉุดคร่า โลกาเข้า
คนไม่ใช่ ผู้สร้าง ; ยังมัวเมา..................................ผลาญทำลาย เพื่อหมายเอา เป็นของตน

     แค่ครอบครอง ชั่วคราว หลงเข้าจิต...........................ว่าสัมฤทธิ์ ชีวิตเลิศ ประเสริฐล้น
ได้มั่งมี ดั่งที่ ไม่กี่คน...........................................สามารถทำ นำพาตน ผลเพริศพี

    โดยไม่ยอม รับรู้ การสู่สร้าง.....................................ความฉิบหาย ทำลายล้าง ทั้งโลกนี้
เมินมองหัน ไม่เห็น สิ่งเป็น-มี.................................ผลลัพธ์ที่ ถูกคน ฉลฉ้อทำ

    เชิญบ้าคลั่ง ความมั่งมี ที่ฉาบฉวย.............................อันแลกด้วย โลกฉิบหาย ทลายล้ำ
ความสุขสันติ์ ในวันนี้ สิน้อมนำ...............................อนาคต ทั้งหมดคล้ำ ดำมืดเอยฯ

๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๒