ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ฤดูหนาวคือเพื่อนเก่า : กลอนต้อนรับฤดูหนาว



ฤดูหนาวคือเพื่อนเก่า : กลอนต้อนรับฤดูหนาว

    ในความ มืดมน อนธการ...........................ม่านแห่ง ราตรี ศานติสม
ยินเสียง กระซิบแผ่ว แว่วสายลม..................ระบม โหมพัด หาปัถพี

    เรามา จากซีก โลกเหนือ..........................เมื่อโลก เริ่มเรียง เลี่ยงลี้
หันซีก โลกใต้ ให้สุรีย์...............................เข้าสู่ วิถี แห่งเหมันต์

    ลมหนาว หอบเอา ความแห้ง.....................มาเปลี่ยน มาแปลง แพลงเสกสรรค์
แต่งสี ใบไม้ ไพรวัน..................................เป็นส้ม,เหลือง,ชาดอัน อัศจรรย์ใจ

    เมฆา ลาลับ กับคคนานต์..........................บันดาล ทัศนีย์ ที่สดใส
อวิรุทธ์ ผุดผ่อง อำไพ................................อย่างไร้ ขอบเขต เจตนา(อวิรุทธ์=มีอิสระ)

    สัมผัส ความเย็น เป็นยะเยือก.....................ที่เกลือก ผิวกาย ให้เสน่หา
ความหนาว เคล้าคลอ ก่อมนตรา..................ละเมียดละไม ในมนา อารมณ์

    กลิ่นไอ ในความ หนาวเย็น........................รู้สึกเช่น รสชาติ สะอาดห่ม
หฤทัย ให้มา ระดม....................................ทำหน้าที่ ปฏิคม ชมเชย(ปฏิคม=ผู้ต้อนรับ)

    ต้อนรับ ขับสู้ ฤดูสันติ์................................หฤหรรษ์ อุรา อย่าอยู่เฉย
ธรรมชาติ นาฏยา ประสาเปรย......................มาเลย มาร่วม สำราญ

    กล่อมใจ ใกล้ชิด มิตรสหาย.........................ที่กราย เยี่ยมเยือน เพื่อนสมาน
ลมเย้า หนาวเย็น เป็นสัญญาณ.....................เริ่มการ ต้อนรับ กลับบ้านเอยฯ

๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สัจจะของสังขาร : กาพย์ยานี๑๑



สัจจะของสังขาร : กาพย์ยานี๑๑

    (มี)ใครได้ ดังปรารถนา.......................ในกายา ร่างสังขาร?
พุทธองค์ ทรงประทาน..........................หลักการคิด พินิจปลง

    เลือกเกิด กำเนิดได้............................มีคนใด สมประสงค์?
เลือดเนื้อ เชื้อเผ่าพงศ์...........................คงเป็นไป ไร้แน่นอน

    หน้าตา ปัญญาสรรพ...........................ถูกกำกับ อย่างซับซ้อน
บิดา แลมารดร.....................................สะท้อนได้ ไม่สมดุล

    ฤดี อุปนิสัย.......................................ศิวิไลส์ ฤาใคร่สถุล
ซาบซึ้ง บึ้งบาป-บุญ..............................เกื้อกูลกิจ พิจารณา

    เจ็บป่วย ด้วยเงื่อนไข...........................(เพราะมี)สังขารไซร์ สร้างปัญหา
บ่อเกิด ของโรคา..................................พยาธิ ปริเวียนวน

    ปราศจากกาย ปราศจากโรค..................ปราศจากโศก อกุศล
สารพัด ภพสัตว์-คน...............................เกิดจากผล กลไก(เวร)กรรม

    สงบระงับ สรรพสังขาร..........................จึงสุขศานติ์ บันเทิงขำ
ที่สุด โลกุตรธรรม..................................พ้นเงื่อนงำ (เกิด-)แก่-เจ็บ-ตาย

    สิ้นวัฏ ฏะสงสาร...................................คือหลักการ พึงขวนขวาย
อริยมรรค แปดบั้นปลาย..........................ให้สิ้นสุด(เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย) อุตส่าห์เทอญฯ

๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

มนุษย์กับธรรมชาติ : กลอนหก



มนุษย์กับธรรมชาติ : กลอนหก

    อากาศ เย็นชื่น รื่นชม....................................ภิรมย์ ปลายฝน ต้นหนาว
น้ำค้าง พร่างพรู-หมู่ดาว.................................คละเคล้า ราวพง ดงไพร

    ธรรมชาติ ดาษดา เสน่ห์................................ชวนชน สนเท่ห์ เร่ไศล(ไศล=เขาหิน)
นอน-กิน ดินกลาง วางใจ................................สุขสะกิด ชิดใกล้ บ่ายบงสุ์(บงสุ์=ฝุ่น)

    อากาศ สะอาดมี เสน่ห์..................................กลิ่นสัณฑ์ หันเห เตร่หลง
พฤกษา มาลี โสภีพงศ์...................................ชวนจิต พิศวง งงงวย

    ส่วนผสม (ระหว่าง)ดิน-ฟ้า-ป่า-น้ำฯลฯ..............เลิศล้ำ งามงด สดสวย
ไม่มี คนทำ อำนวย........................................เกิดด้วย ธรรมชาติ อัจฉรา

    โลกา ทัศนีย์ พิสุทธิ์......................................เมื่อมนุษย์ หยุดสร้าง ปัญหา
ไม่ล่วง ล้ำความ ธรรมดา.................................มุ่งมาด ปรารถนา เปลี่ยนแปลง

    อย่าคิด ว่าคน ล้น(ความ)ประเสริฐ....................มักละเมิด กฎธรรม(ชาติ) กำแหง
ผลงาน(ของคน) นานา ส่อแสดง.......................(ว่า)คนทราม จำแลง เห็นแก่ตน

    (ความคิดที่)เอาคน เป็นศูนย์(กลาง) วุ่นวาย..........ทำร้าย โลกา โกลาหล
(แนวคิด)มนุษ (ษะ)ยธรรม คำรน.......................มืดมน ฉลเฉ เพทุบาย

    สิ่งที่ คนสร้าง บังเกิด.....................................(การ)ละเมิด ธรรมชาติ มาดหมาย
ผลร้อน ย้อนรน คนมลาย.................................ฉิบหาย ได้รับ สดับเทอญฯ

๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ทำให้ดีที่สุด : กลอนคติสอนใจ



ทำให้ดีที่สุด : กลอนคติสอนใจ

๏    เมื่อเกิดมา หน้าตา นี้อัปลักษณ์.......................ต้องรู้จัก จัดแจง แต่งให้สวย
เครื่องสำอาง เสื้อผ้า หา(มา)อำนวย...................เสริมส่งช่วย อวยชัย ใสโสภี

    คงไม่ปล่อย ตามบุญ จุนตามกรรม....................สกปรกเสริม เพิ่มซ้ำ ย้ำบัดสี
ยิ่งเกลือกกลั้ว ชั่วช้า ทรามราคี..........................ยิ่งทวี ความเสื่อม เอือมระอา

    เรียนหนังสือ ไม่เก่ง อย่าเคร่งเครียด..................ไม่รังเกียจ หนังสือ หรือ(การ)ศึกษา
อย่าทอดทิ้ง การเรียน เพียรวิทยา......................(ไป)หลงเริงร่า นอกลู่ สู่นอกทาง

๏    ใครเรียนเก่ง อย่าเคือง เรื่องของเขา..................ตัวของเรา ต้องเอาดี อย่าลี้ร้าง
เป็นมนุษย์ พึงอุตส่าห์ หาหนทาง.......................เพื่อมุ่งสร้าง อนาคต หมดจดมี

๏    (เมื่อ)รายได้ต่ำ ทำงาน อย่าคร้านเกียจ..............จงกระเบียด กระเสียร เพียรวิถี
(มี)รายได้น้อย ใช้น้อย คล้อยชีวี........................อย่าสร้างหนี้ ริหัด ระมัดระวัง

๏    ยิ่งยากจน ยิ่งต้อง(อด)ทน กว่าคนอื่น................ใจแข็งขืน สู้ไป อย่าไร้(ความ)หวัง
งานสุจริต มีหลาย ให้ยืนยั่ง...............................ทุจริตดั่ง เปลวไฟ ไหม้อัตตา

๏    ทำความดี (ยัง)ไม่ได้ดี อย่าริชั่ว........................ไม่ทำตัว ต่ำทราม ตาม(คน)มิจฉา
บาป-บุญไซร้ ให้ผล ดลชีวา...............................ตามลำดับ เวลา วัฏฏะกรรม

๏    ตราบชีวี เวียนว่าย ตายและเกิด.........................จะประเสริฐ-จนยาก-วิบาก(กรรม)ค้ำ
โชคชะตา คอยสนอง ครรลองธรรม......................อยู่ประจำ ธำรง สงสาร(วัฏ)เอยฯ

๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คนดี-ความดี ไม่มีวันตาย : กลอนจรรโลงใจ



คนดี-ความดี ไม่มีวันตาย : กลอนจรรโลงใจ

    คนดี จากไป................................เพียงแค่ ร่างกาย ใช่หรือเปล่า?
(เมื่อ)ไม่ลืม เรื่องราว........................ยืดยาว คราวที่ ชีวาสถิต
คุณงาม ความดี..............................ภิญโญ โสภี นิรมิต
สุทธิ พิจิตร....................................ประสิทธิ์ กฤติยา อากร(กฤติยา=เกียรติ,เสน่ห์)

    ถ้วนทั่ว หัวใจ...............................คนดี มิไคล ไกลห่าง
เสมือนแสง สว่าง............................กระจ่าง เพริศพริ้ง มิ่งสมร
ความดี พิทักษ์...............................สิสลัก ถักทอ บวร(บวร=ประเสริฐ)
ตราบนิจ นิรันดร..............................สูงยิ่ง สิงขร ภรพิไล(ภร=ค้ำจุน)

    (แม้)ดิน-ฟ้า สั่นสะเทือน.................มิเลือน ร้างรา สุคติ
กุศล ดลสิริ....................................เพี้ยงอภิ นิหาร บันดาลให้
ความดี ที่ทำ..................................เลิศล้ำ นำมี นิรามัย(นิรามัย=สบาย,เป็นสุข)
(เมื่อ)เกิดก่อ ต่อไป.........................ประสบ ภพใหม่ ในพิมาน

    คนดี-ความดี..................................ไม่มี วันตาย กลายจาก
มรณะ จะพราก................................ได้เพียง เศษซาก สังขาร
คนดี ที่(อยู่ใน)ใจ.............................เกรียงไกร ไปตราบ กัปกาล
ความดี สิดาล..................................สิ้นทุกข์ สุขศานติ์ นิรันดรฯ

๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2560

พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.๙ รำลึก : โคลงสี่สุภาพ



พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.๙ รำลึก : โคลงสี่สุภาพ

๑.เมรุมาศ คติแม้น................................(เขาพระ)สุเมรุสถาน
ศูนย์กลางของจักรวาล......................แกนหล้า
สัตบริภัณฑ์ลาน..............................รายรอบ(สัตบริภัณฑ์=เขาทั้ง ๗ รอบเขาพระสุเมรุ)
ประกอบซึ่งสวรรค์ฟ้า........................หลากชั้นลำดับฯ

๒.รับกษัตริย์สถิตเบื้อง...........................ดาวดึงส์
ดั่งพระโพธิสัตว์พึง...........................รอเฝ้า
บรรลุอุตตมะถึง...............................สำเร็จ(อุตตมะ=สูงสุด)
เผด็จเป็นพระพุทธเจ้า.......................เลิศล้ำธรรมทัศน์ฯ

๓.เมรุมาศ กอปรด้วย.............................บุษบก(กอปร=ประกอบ)
กูฏาคาร ยอดยก..............................๙ ชั้น(กูฏาคาร=ปราสาทยอด)
เมรุประจำมุขทก..............................๔ ทาง(ทก=ทุก)
เมรุประจำทิศนั้น..............................แทนทั้ง ๘ บรรพตฯ

๔.สระอโนดาตล้อม...............................เมรุมาศ
สัตว์หิมพานต์ดารดาษ.......................แหนห้อม
ประติมากรรมพิลาส...........................ประดับ
สรรพศิลป์วิจิตรพร้อม........................เพริศพร้อยพรรณรายฯ(พรรณราย=งามผุดผ่อง)

๕.ทำถวายเพื่อนอบน้อม.........................ภักดี
แด่ภูวนาถจักรี..................................ที่เก้า
ทรงพระยิ่งยศมี................................ยิ่งกว่า
กษัตริย์ในพิภพเจ้า............................ทั่วหล้าสารธรรมฯ

๖.สีดำของเสื้อผ้า..................................อาภรณ์
บ่งบอกความอาวรณ์..........................โศกเศร้า
ประชามีต่อบิดร................................แห่งชาติ
ไม่คลาดสมัครใจเคล้า........................ร่วมไว้ทุกข์ถวายฯ

๗.ทั่วแผ่นดินไทยพร้อม..........................ดำเนินพิธี
บรมราชเพลิงพลี...............................แด่ไท้
ทำบุญทานความดี.............................อุกฤษฏ์
อุทิศเพื่อพระองค์ไซร้.........................ให้เกิดมหากุศลฯ

๘.ขอผลบุญ(ที่)ร่วมสร้าง.........................บันดาล
หลังจากจิตกาธาน..............................ลุกไหม้
บรมราชสรีรางคาร..............................ที่สุด
ส่งจุติสวรรค์ได้..................................ภพแพร้วพิมานฯ

๙.ตราบนิจนิรันดรด้วย.............................ศรัทธา
จนกว่ากาลเวลา.................................จบสิ้น
จะจดจำพระเมตตา.............................กรณียกิจ
จวบชีวิตด่าวดิ้น.................................มอดม้วยมรณสมัยฯ

๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560

แสงสว่างแห่งความดี : กาพย์ยานี๑๑



แสงสว่างแห่งความดี : กาพย์ยานี๑๑

    เพ็ญจันทร์ พรรณกระจ่าง.....................สุทธาพร่าง กลางเวหน
โสภี นิรมล..........................................เพริศล้นหล้า และราตรี

    แสงพราว สกาวผ่อง............................ทั่วทิศส่อง เรืองรองศรี
สะอาด สุทัศนีย์....................................รุจิรา ภาพิไล

    แม้ฟ้า จะมืดมน...................................เพ็ญพรรณพ้น หมองหม่นไม่
แม้โลก สกปรกไป.................................เพ็ญสว่างใส ไร้มลทิน

    คนดี ที่สุจริต.......................................ใจวิจิตร เป็นนิจสิน
สัมมา กรรมอาจิณ..................................มีศีลสัจ มาดอัชฌา(มาด=มุ่ง)

    ความดี คือที่ตั้ง....................................ยงยืนยั่ง มิกังขา
ผลกรรม กฎธรรมา.................................คือคติ มิแคลนคลอน

    แม้คน ล้นรอบข้าง................................สามานย์สร้าง อย่างสลอน
สังคม สมละคร......................................หาร้อนจิต คิดระคาย

    กุศล แลผลบุญ....................................เกื้อการุณย์ มิสูญหาย
รักษา ใจสบาย......................................มลายทุกข์ สุขสัญญี

    ความดี รุจิรา.......................................ภัทระพา มนาศรี
เลิศค้า ล้ำราคี.......................................โลกียผล อกุศลเอยฯ

๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การปฏิบัติธรรม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



การปฏิบัติธรรม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...........................................การป ฏิบัติธรรม
พบเห็น เป็นประจำ.....................ตามคำ พูดคน(ว่าได้ทำ)
(โดย)ห่มขาว เข้าวัด..................(นั่ง)ขัดสมาธิ-สวดมนต์(ขัดสมาธิ อ่าน ขัดสะหมาด)
กระทั่ง ถึงจน............................นอนวัด-กวาด-ถูฯลฯ

    ............................................บ้างบวช เป็นพระ
ทำ(ท่าทาง)เป็น สมถะ................วัดป่า ไปอยู่
แต่ยัง เมามัว.............................ตัวกู ของกู
กิเลส เกศชู...............................ตัณหา อุปาทานฯลฯ

    .............................................(สรุปว่าทำ)เพียงแค่ พิธีกรรม
หวังบุญ หนุนนำ.........................สมตาม พิษฐาน
ยศศักดิ์-สุขี...............................มีทรัพย์ ศฤงคาร
ล้างบาป สาบผลาญ....................สมาน(แผล) จิตใจฯลฯ

    ..............................................ความคิด อวิชชา
สะพัด ศรัทธา.............................อคติ คุณไสย
ภูตผี ปีศาจ................................ระบาด ฤทัย
รกร้าง ห่างไกล..........................(พุทธ)ธรรมวินัย บัญญัติ

    ..............................................ศีล-สมาธิ-ปัญญา
กาย-ใจ-วาจา.............................ศึกษา ปฏิบัติ
กิเลส ตัณหา..............................พยายาม กำจัด
สุจริต กิจวัตร..............................(จึง)เป็นพุทธสัตย์ แก่นสาร(จริง,แท้)

    ...............................................ปกติ วิสัย
กระทำ กรรมไกร..........................ในทุก สถาน
บ่ต้อง ห่มขาว..............................ป่าวมนต์ อนธการ(อนธการ=ความมืดมน)
(ก็)บรรลุ หลักการ........................ปฏิบัติ ธรรมเอยฯ

๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ต้นทุนชีวิต : กลอนเจ็ด



ต้นทุนชีวิต : กลอนเจ็ด

    ต้นทุน ชีวี ที่แตกต่าง.........................ทำให้ คนห่าง กันอย่างเห็น-
ได้ชัด สัจจา ปรากฏเจน........................โดดเด่น เป็นภาพ คับอัตลักษณ์

    บางคน เกิดมา ก็น่าชัง........................เหมือนดัง พ่อแม่ แลประจักษ์
บางคน เกิดมา ช่างน่ารัก.......................(แต่มี)น้อยนัก ในหมู่ ชนทั่วไป

    บางคน เกิดมา ก็โง่เง่า........................โฉดเขลา เล่าเรียน เขียนไม่ได้
น้อยคน เกิดมา ฉลาดไกร......................หัวใส ไวปราชญ์ หัดวิชา

    บางคน เกิดมา ก็เจ็บป่วย......................พร้อมด้วย โรคภัย หลายปัญหา
บางคน แข็งแกร่ง แรงกายา....................ปราศจาก พยาธิ์ สุขารมณ์

    บางคน เกิดมา ก็ว่ายาก........................ลำบาก สั่งสอน อ่อนทรวงสม
บางคน ว่าง่าย ไม่ตรอมตรม....................ชื่นชม ทำตาม คำตักเตือน

    บางคน เกิดมา ก็ประสบ........................พานพบ (ว่าเป็น)หยาบช้า ชอบป่าเถื่อน
บางคน ใจดี มิรางเลือน..........................(ไม่)คลาดเคลื่อน จริยวัตร อัจฉรา(อัจฉรา=ชั่วประเดี๋ยว)

    เกิดจาก เวรกรรม ทำมาก่อน..................อดีตชาติ หยัดย้อน สะท้อนว่า
สั่งสม นิสัย-สิ่งใดมา...............................ก่อกรรม ทำสา ระอะไร?

    บาป-บุญ-คุณ-โทษ มิหมดสิ้น.................เพียงชั่ว ชีวิน เฉกสินไซร้
ตามติด วิญญาณ กันต่อไป.......................(เป็น)ต้นทุน ภพใหม่ ภายหน้าเอยฯ

๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560

คำอธิษฐาน : กาพย์ฉบัง๑๖



คำอธิษฐาน : กาพย์ฉบัง๑๖

    เกิดมาแม้ว่ายากจน...................(แต่)จะไม่เป็นคน
ชั่วฉลมารยาสาไถย

    แม้ปราศชื่อเสียงเกรียงไกร..................ขาดคนกราบไหว้
จะไม่ทุจริตมิจฉา

    ถึง(มี)คนสมเพชเวทนา..................ในโชคชะตา
และไร้ยศถาบรรดาศักดิ์

    แต่จะไม่ยอมลอมรับ..................ผิดศีลธรรมฝัก
เพราะตระหนักหลักธรรมนำศรี

    ภูมิใจที่ได้ทำดี..................พูดดี-คิดดี
โดยไม่มีใครบังคับ

    ราคีกิเลสตัณหาสรรพ....................เพียรสงบระงับ
จึงไม่อับจนข้นแค้น

    กุศลธรรมบำเพ็ญเป็นแกน...................ละลวง-หวงแหน
เมตตาทั่วแคว้นแดนถวิล

    แผ่ไปในหล้าฟ้าดิน..................ให้ทุกชีวิน
อยู่-กิน-เป็นสุขทุกสถาน

    ข้าขอแค่เพียงนิพพาน..................หยุดเวียนว่ายวาร
ในสังสาระอธิษฐานเทอญฯ

๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ความปรารถนาดี : กลอนคติเตือนใจ



ความปรารถนาดี : กลอนคติเตือนใจ

๏    ข่าวคราว ของข้า ราชการ...........................เกียจคร้าน งานทำ ลามขยาย
(เช่น)ตำรวจ ไม่ยอม จับผู้ร้าย.......................ครูหน่าย ถ่ายทอด คอดวิทยา

    กระทั่ง คนไข้ ไปหาหมอ............................ต้องรอ จนตาย แสนขายหน้าฯลฯ
บัดสี ชีวิต พิจารณา.....................................ประเทศ ชื่อว่า "ศูนย์กลางพุทธ"

    คนเรา เร่ารุก ทุกวันนี้.................................จน(ทำให้)ยาก จักมี ใจพิสุทธิ์
เห็นแต่ แก่ตน กระมลคุด..............................เยี่ยงทรุด สมัย ไร้ศีลธรรม

๏    ความปรารถ (ถะ)นาดี มีแก่กัน.....................หายาก ยิ่ง(กว่า)ฝัน ชวนขันขำ
ทั่วท้น คนโกง จงใจดำ................................กระทำ กรรมอัน พาลพาลี

๏    (เมื่อ)กระมล คนเรา เอาแต่ได้.....................จิตใจ (ย่อม)คล้ายสัตว์ ทรามบัดสี
แคลนขาด ความปรารถ (ถะ)นาดี...................(ทำให้)โลกนี้ น่าอยู่ หรืออย่างไร?

๏    อันความ เมตตา ปรารถนาดี........................จะมี ต้นทุน ก็หาไม่
เกิดจาก ความคิด และจิตใจ..........................แกร่งไกร พิเศษ ตั้งเจตนา

๏    เอื้อเฟื้อ เพื่อผู้ อื่นเป็นสุข...........................ช่วยเหลือ เพื่อชน พ้นทุกขา
มิทำ ลำบาก ยากกายา................................ดีกว่า จะคิด จิตกันดาร

๏    แค่มี มโนธรรม นำสำนึก.............................ตรองตรึก ลึกล้ำ งามพิษฐาน
น้ำใจ ไหลตวง เต็มดวงมาน..........................(เป็น)พื้นฐาน ของความ ปรารถนาดีฯ

๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ธรรมชาติพินาศเพราะคน : กลอนสิ่งแวดล้อม

                                  สุดสะพรึง ไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่ในโปรตุเกส ราวกับวันสิ้นโลก
                                    จาก <https://www.thairath.co.th/content/1102269
                                                                         


ธรรมชาติพินาศเพราะคน : กลอนสิ่งแวดล้อม

    อากาศเย็น เยี่ยมยอ รอสุริเยศ.................ที่ยังคง ปฏิเสธ ทิพาสรรค์(สุริเยศ=พระอาทิตย์)
เห็นเพียงแสง เรืองเรื่อ เหนือไพรวัน...........หมอกขาวควัน อ้อยอิ่ง นิ่งนที

    ดาริกา ปราชัย ในที่สุด..........................สุริยน พ้นผุด สุทธาสี
โลกกลับคืน ความงาม ความยินดี...............ปวงปักษี ปรีดา ร้องร่าเริง

    ต้นฤดู เหมันต์ ต่างกันกับ........................วัสสะสี สันสรรพ ; นับว้างเวิ้ง
แต่เย้ายวน จิตให้ หมายบันเทิง..................ดึกตื่นแต่ แลเบิ่ง เริงรื่นใจ

    ประเทศที่ ประชาชน ล้นความคิด..............(ย่อม)รู้ว่าทุก ชีวิต ล้วนอาศัย
สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ เอกปัจจัย.................บำรุงให้ โลกนี้ มีสมดุล

    ถ้าธรรมชาติ เสื่อมทราม ถูกทำลาย............ผลเสียหาย ร้ายรับ กลับเวียนหมุน
คืนทำให้ ชีวิต ชิดทารุณ............................ทุกข์ทรมาน พานพูน สิ้นสุนทรีย์

    ประเทศที่ ประชาชน ฉลโฉดจิต.................เอาแต่คิด เห็นแก่ได้ ใคร่บัดสี
สิ่งแวดล้อม ธรรมชาติ ปราดย่ำยี..................อย่างไม่มี สำนึก ตรึกสัมมา

    ถูกสั่งสอน-วอน-เตือน ก็(ทำ)เหมือนเก่า.......คนคิดเอา แต่ได้ ไม่ถือสา
ภัยพิบัติ ธรรมชาติ เห็นชัดตา.......................มินำพา ประพฤติ หลักยึดแปลง

    ยังอยากมั่ง อยากมี อยากมิลด....................ยิ่งปรากฏ กิจกรรม อวดกำแหง
รุกรานทำ ลายธรรมชาติ มาดรุนแรง...............จนเจียนหมด จรดแหล่ง เหมือนแข่งกัน

    ต่อจากนี้ คงจะมี แต่วิโยค..........................อยู่บนโลก อย่างไร ให้สุขสันติ์?
(ข่าว)ภัยพิบัติ กราดกรู สู่ทุกวัน.....................แลนับวัน เพิ่มพิบุล ทารุณเอยฯ

๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2560

การแก้ปัญหาชีวิต : กาพย์ฉบัง๑๖



การแก้ปัญหาชีวิต : กาพย์ฉบัง๑๖

    อย่าแก้ปัญหาชีวิต...................ด้วยการทำผิด
พิสิฐศีลธรรม ; ต่ำช้า

    ผลกรรมจะลามตามมา................เมื่อถึงเวลา
ประสบทุกข์ตรมซมสนอง

    อยากรวยทรัพย์สินเงินทอง..................มิจำเป็นต้อง
เกี่ยวข้องสิ่งผิดกฎหมาย

    โลกนี้มีทางมากมาย..................ถ้าไม่ดูดาย
ขวนขวายให้สุดอุตสาห์

    ย่อมพบทางสร้างเงินตรา..................ดำรงชีวา
สะดวกสบายไร้กังวล

    อยากบรรลุเป้าหมายปลายผล..................สิริวิมล
อย่าโฉดฉลรนเบียดเบียน

    ใช้วิธีทุจริตผิดเพี้ยน...............กงกรรมกงเกวียน
วนเวียนเบียนห้ำตามสนอง

    (จง)เกื้อหนุนคุณธรรมช่ำชอง..................ศีลธรรม์ครรลอง
ปฏิบัติแคล่วคล่องว่องไว

    ชำนาญกรรม์ดีพิไล................ผลดีสิได้
สุขกายใจไร้กังวล

    เชื่อมั่นสัทธรรมกรรมกุศล..................ส่งเสริมเพิ่มพล
เป็นคนดีมิทุกข์ใจฯ

๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560

โลภมาก อยากมี อยากได้ : กลอนเจ็ด



โลภมาก อยากมี อยากได้ : กลอนเจ็ด

๏    สินค้า เครื่องใช้ สมัยนี้......................กระตุ้น คนมี ความโลภหลาย
อยากมี มากๆ อยากสบาย....................รู้สึก อับอาย หากไม่มี

๏    คือค่า นิยม สังคมโลกย์.....................หลอกล่อ บริโภค สร้างโศกศรี
ให้คน หิวเงิน เพลินวิธี........................เป็นหนี้ เป็นสิน ดิ้นลนลาน

๏    ความโลภ ทำให้ ใคร่ทุจริต.................ความคิด บิดเบี้ยว เลี้ยวลดหาญ
กิเลส ตัณหา อุปาทาน........................สัญชาต (ตะ)ญาณ เห็นแก่ตัว

๏    จึงโกง จึงกิน แผ่นดินด้าว...................เหิมห้าว บาปกรรม กระทำชั่ว
ฉ้อโกง เขาได้ ไม่เกรงกลัว...................เวรกรรม์ พันพัว มัวมืดมน

๏    อยากรีบ อยากรวย ด้วยทางเถื่อน.........กลาดเกลื่อน อาชีพ อกุศล
(การ)ละเมิด กฎหมาย ถูกใจคน.............(ที่)ไม่สน ผลลัพธ์ อับจนจินต์

๏    มากพ่อ มากแม่ แลติดคุก...................ทิ้งลูก ซุกตรม ซมถวิล
เคืองขัด กัดก้อน เก็บเกลือกิน................สิ้นไร้ ไม้ตอก ยอกทรวงใน

๏    การรู้ เท่าทัน (และ)การรู้คิด.................(การ)ควบคุม ความคิด จิตพิสัย
สิ่งของ (ที่)ต้องการ นั้นเพื่ออะไร?..........จำเป็น จึงใคร่ ได้ครอบครอง

๏    ประกอบ สัมมา อาชีวะ........................วิริยะ สะสม(ทรัพย์) อุดมสนอง
ไม่มี หนี้สิน โศภินปอง..........................ครรลอง ผ่องผุด อุตส่าห์เทอญฯ

๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ประเทศ(หรือคน?)เฮงซวย : กลอนสะท้อนสังคม



ประเทศ(หรือคน?)เฮงซวย : กลอนสะท้อนสังคม

    โลกใบนี้ พิมล จนกระทั่ง............................คนคลาคลั่ง หลั่งไหล ทำลายหลง
ความละโมบ โลภมาก อยากธำรง..................คู่เผ่าพงศ์ กระสัน เหนือปัญญา

    สิ่งแวดล้อม พร้อมผลาญ สำราญพิศ.............ไม่ยั้งคิด เภทภัย บรรลัยหา
(เห็น)ความพินาศ ปัจจุบัน เป็นสัญญาณ์..........มินำพา ตะบี้ตะบัน กันต่อไป

    ข้าวในนา ปลาในน้ำ คำกล่าวขาน.................ครั้งโบราณ บ้านเรา เพราไสว
แสนอุดม สมบูรณ์ สุนทรไท..........................มีกิน-ใช้ ไม่หมด สดชื่นครอง

    หลักศีลธรรม คำนึง ตราตรึงจิต....................บ่ทุจริต คิดใคร่ ให้มัวหมอง
คนกลัวบาป หยาบช้า มิคะนอง......................บุญปวงปอง ปฏิบัติ หวังชัชวาล

    แต่เดี๋ยวนี้ วินัย ไร้เลือนหด..........................คนต่างคด ปดโป้ ลวงโวหาร
เกิดวัฒนธรรม ต่ำช้า แสนสามานย์..................ทุจริต พิษฐาน แพร่ด้านชา

    ข่าวประจาน บ้านเมือง ใช่เรื่องหลอก.............พวกขี้ครอก ยอกหยัด ซุกศาสนา
ทำ(ตัว)เยี่ยงลิง กลิ้งกลอก หลอกประชา..........พุทธพา ณิชย์เถื่อน เหมือนซ่องโจร

    ข้าราชการ จัญไร ใจคดคิด..........................ช่วยทุจริต ผิดกฎหมาย ใช้หัวโขน
เป็นเครื่องมือ ถือโอกาส ฉลาดโลน.................คอยเอนโอน ฉลฉ้อ ก่อทุรกรรม

    ไม่ต้องกล่าว เหล่าพาล นักการเมือง..............ยิ่งฟุ้งเฟื่อง โกงกิน แผ่นดินกล้ำ
หนีคุกไทย ได้สะดวก พวกระยำ......................ช่วยกันทำ ต่ำช้า ตามสบาย

    จนเด็ก(บางคน)ด่า "ประเทศ เฮงซวย"ลั่น.......ไม่มีวัน จะเจริญ เชิญขวนขวาย
คนดีแค่ หยิบมือ ฤาระคาย.............................คนมากมาย ใจชั่ว ทั่วชาติเอย?

๑๗ ตุลาคม ๒๕๖๐

*อิมเมจ เดอะวอยซ์ ทวีตเดือด! ประเทศเฮงซวยอีก 1000 ปีก็ไม่เจริญ.... อ่านต่อได้ที่ : https://www.posttoday.com/ent/thai/506691

อดีต ผอ.พศ.บอก
พระผู้ใหญ่ Untouchable สะสม “อำนาจ-เงิน” ล้มรัฐบาลได้!

วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560

สัตว์โลก : กลอนเปล่า



สัตว์โลก : กลอนเปล่า

๏    สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
ย่อมรักใคร่
ในผู้ที่มอบและมีให้ในสิ่งที่ตนต้องการ
ย่อมชิงชังผู้ขวางกั้น
มิให้พานพบ
ประสบกับสิ่งที่ตนพึงพอใจ

๏    บุคคลทั่วไป
ไม่ได้ดีหรือวิเศษกว่าสัตว์
เมื่อมิได้ผ่านการฝึกหัด
ดัดกระมลจนพ้นพิสัย(สัตว์)

๏    เป็นผู้ไม่ยึดถือเหตุผล
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิสนใจ
เอาตัวตนเป็นใหญ่
ทำอะไรตามความคิดใคร่ของตัวเอง

๏    ถือทิฐิ-มิคำนึงถึงเหตุผล
เมื่อมีคนขัดใจ ก็มองคล้ายโดนข่มเหง
เพ่งโทษเขาคือศัตรู
ชื่นชูผู้เอาใจเก่ง
รักใคร่อย่างไม่กริ่งเกรง
ว่าเขาอาจจะเล็งลวงหลอก...มิจริงใจ

๏    คนรักดี คิดดี
ย่อมมิเห็นแก่ได้
มุ่งมาดปรารถนาสิ่งใด
ก็ใช้ความสามารถของตน
เป็นหนทางแสวงหา

๏    ไม่คิดแต่จะคอยพึ่งพาเขา
ไม่ดูถูกตัวเรา ว่าปราศจากปัญญา
คนคิดดีย่อมไม่ตีค่า
เปรียบเทียบราคาคนกับวัตถุสิ่งของ
ย่อมไม่แลมอง
วัตถุอยู่เหนือคุณธรรม

๏    ผู้ฝึกหัดขัดเกลาจิตใจ
คิดอะไรจะใช้เหตุผล
สิ่งผิด-ถูก ผูกพันมานกระมล
พัฒนาจิตใจของตน
จนพ้นความเป็นสัตว์ได้
คือบุคคลที่น่าเลื่อมใส
ในโลกอย่างแท้จริงฯ

๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2560

เก่าไปใหม่มา : กลอนคติชีวิต



เก่าไปใหม่มา : กลอนคติชีวิต

    อากาศ แบบนี้..................................บ่งชี้ เสมือน สัญญาณ
ใกล้(ฤดู)ฝน พ้นผ่าน............................ทะยาน สู่ห้วง แห่ง(ฤดู)หนาว
(อากาศ)เย็นๆ แห้งๆ............................สำแดง ประเทือง เรื่องราว
ลมเปลี่ยน ทิศน้าว...............................เย็นย้าว เยือนจาก อุดร(ย้าว=เหย้า,อุดร=ทิศเหนือ)

    สลับ กับฝน......................................ระคน สภาวะ อากาศ
ไม่เชือน เคลื่อนคลาด...........................แม้อาจ ประสบ พบร้อน
โลกเวียน เปลี่ยนมุม(กับดวงอาทิตย์).......คือขุม พลัง สร้างซอน
ฤดูกาล ขานย้อน.................................ก่อนหนาว เข้ามา ประจำ

    เหตุการณ์ แทนที่...............................เป็นวิ ถีของ โลกา
เก่าไป ใหม่มา.....................................เพราะ อ นิจจา จุนค้ำ
แม้แต่ แผ่นดิน.....................................ก็ภินท์ พินาศ กลาดกรรม(ภินท์=แตก,ทำลาย;กลาด=เกลื่อน)
ยอดเขา เยาว์ทำ..................................พุ่งล้ำ ยอดเก่า ก้าวไกล

    สังคม มนุษย์.....................................ไม่หยุด นิ่งงัน ดาลดล
วารวัน ผ่านพ้น.....................................ผู้คน เปลี่ยนแปลง แสดงไข
ทุกสิ่ง ทุกอย่าง....................................ล้วนต่าง พัวพัน บรรลัย
กำเนิด เกิดใหม่....................................มีอา ยุให้ คะนึง

    เกิดมา ต้องม้วย..................................มรณา ด้วยกัน ทั้งหมด
จงอย่า สลด.........................................เป็นกฎ แห่งกรรม ล้ำซึ้ง
ต้องรู้ จักสร้าง......................................สะอาง ผลงาน พานพึง
(ให้)โลกา ตราตรึง................................ระลึกถึง เมื่อพราก จากจรฯ

๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560

ทำงานบันดาลบาป-บุญ : โคลงสี่สุภาพ



ทำงานบันดาลบาป-บุญ : โคลงสี่สุภาพ

๑.หยาดพิรุณรินร้อย.............................ราษตรี(ราษตรี=ราตรี)
บังเกิดสันติสุนทรีย์.........................เย็นชื้น
ความสมบูรณ์ของพงพี....................เป็นแหล่ง
ความสมดุลแห่งโลกรื้น...................ดิน-น้ำ-อากาศฯ

๒.ธรรมชาติทำหน้าที่............................เหมาะสม
ปราศจากซึ่งอารมณ์........................รุมเร้า
โลกาค่านิยม.................................ปวงปลอด
ไม่อิดออดคดเค้า............................เกียจคร้านการย์ถวิลฯ

๓.ปัถพีฤาสิ้นไร้...................................คำครวญ
งานหนักเกินไปปรวน-......................แปรอ้าง
เห็นงานเหมือนเห็นตรวน..................ตรองติด
คดคิดหลบเลี่ยงร้าง.........................ผัดเพี้ยนกิจภารฯ

๔.ทำงานหารายได้...............................สุขสนอง
คือชีวันครรลอง...............................โลกนี้
อยู่ดีกินดีปอง..................................ผลเผด็จ
ยากปฏิเสธทู่ซี้................................ทนกล้า(ทำมา)หากินฯ

๕.ประคิ่นงานการให้..............................อุตสาห์(ประคิ่น=บรรจง)
เกิดกุศลสัมมา.................................แน่แท้
การบริการสาธา-..............................รณะประโยชน์
ไพโรจน์บุญคุณแล้...........................ขอให้พยายามฯ

๖.ความทุจริตเกียจคร้าน.........................งานทำ
สักแต่ก่อกิจกรรม..............................แค่แล้ว
ใครเขาตกระกำ................................ลำบาก
หลากเวรกรรมไป่แคล้ว......................ต้องรับกลับสนองฯ

๗.จงไตร่ตรองถี่ถ้วน.............................ก่อนกระทำ
กิจวัตรงานประจำ.............................จริงแท้
ส่งผลต่อเวรกรรม.............................มากกว่า
ทานบุญตามเทศกาลแม้....................แต่สร้างอุโบสถฯ

๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๐