ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อยู่เย็นเป็นสุข : กาพย์ยานี๑๑




อยู่เย็นเป็นสุข : กาพย์ยานี๑๑

    ลมแรง เมื่อกลางวัน......................มารังสรรค์ ครั้นคืนนี้
เหน็บหนาว ร้าวกายี.........................สมอย่างที่ (กรมอุตุฯ) พยากรณ์

    ล่วงพ้น ฝนฤดู..............................เกิดพันตู (ระหว่างอากาศ)เย็นกับร้อน
ลมชาย ช่วยคลายผ่อน.....................ความร้อนเร้น สู่เย็นยาม

    ครรลอง ของชีวี............................ทุกวันที่ (มัก)มีคำถาม
"ควรทำ" คลำหาความ-.....................เหมาะสมให้ ไม่ราคี

    ทำผิด ติดพันธะ............................ก่อทุกขะ ยากผละหนี
ระทม ตรมทวี..................................ตามวิถี กฎโลกธรรม

    ทำอะไร โดยไม่(มีความ)รู้...............มักเป็นอยู่ อย่างชอกช้ำ
บทเรียน(ชีวิต)มิเพียรจำ....................ความตกต่ำ ย่อมตรำตน

    ความเชื่อ (ที่)ไร้ขอบเขต................ปฏิเสธ หาเหตุผล
(เป็น)ปัจจัย ทำให้คน.......................มิพ้นสัตว์ ตัดสินตรอง

    ความสุข ความจำเริญ....................ยากเผชิญ เป็นเจ้าของ
ห่างไกล ไม่สมปอง..........................(ทุก)ความต้องการ เหมือนฝันเป็น

    อย่าได้ ไร้เหตุผล..........................ทางผ่อนปรน เรื่องทุกข์เข็ญ
(แม้)ปรารถนา จะอยู่เย็น....................เป็นสุขไซร้ ไต่ตรองเทอญฯ

๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ชีวันสัญจร : กลอนคติชีวิต



ชีวันสัญจร : กลอนคติชีวิต

    ชีวี มิใช่ ทางสายตรง...............................คดๆ โค้งๆ เอียงองศา
บ่อยครั้ง ดั่งเดิน เผชิญพนา.........................หนามเหนี่ยว เกี่ยวกา ยาระบม

    ระหก ระเห เซซวนบ้าง.............................หลงทาง บางที ฤดีขม
กว่าจะ หาทาง ย่างวิกรม..............................เสียเวลา อารมณ์ อยู่นมนาน

    ภยัน ตราย มีรายรอบ................................หากชอบ วิถี ที่สุขศานติ์
เรื่องบาป หยาบช้า อย่าพัวพาน.....................สมาทาน ศีลธรรม ประจำใจ(พัว=ติดกัน)

    อบายมุข คลุกคลี=วิถีเถื่อน........................คลาดเคลื่อน โภคะ อดิศัย
จริยธรรม นำทาง สว่างไท............................ปราศจาก พิษภัย กรายกล้ำเกิน

    ระมัดระวัง ย่างเดิน อย่าเพลินจิต.................ชีวิต คิดใคร่ ไม่ผิวเผิน
พลั้งพลาด อาจผจญ ผลเผชิญ......................ทุกข์ขนาบ ยับเยิน งกเงิ่นมี

    ชีวัน สัญจร ซับซ้อนสู่...............................(มากกว่าแค่)อยู่รอด ปลอดภัย ในโลกนี้
สารพัด ปัจจัย ใช้ชีวี....................................อยู่ดี กินดี มีสุขใจฯลฯ

    ความเห็น แก่ตน (ของ)คนส่วนมาก..............สร้างความ ลำบาก ยุ่งยากให้
โลก(กว้าง)กลับ คับแคบ แทบท้นภัย..............ทุกลม หายใจ เสี่ยงวายปราณ

    (ความ)เมตตา ปราณี คือนิมิต.......................เส้นทาง ชีวิต วิจิตรสถาน
ผู้เอื้อ เผื่อแผ่ แก่สาธารณ์.............................ย่อมสุข สำราญ ทุกวันคืนฯ

๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เลือกคบเพื่อน : กลอนคติสอนใจ



เลือกคบเพื่อน : กลอนคติสอนใจ

    ขอบฟุ้ง คุ้งเมฆ.....................อเนก อนันต์ ในชั้นฟ้า
พรางแสง สุริยา.......................สถา ปนา อากาศหม่น
ไม่กี่ อึดใจ..............................ก็พลัน หลั่งไหล สายฝน
ชุ่มชื้น ฉ่ำชล...........................สักครู่ กรูพ้น ผ่านกราย

    การได้ เพื่อนดี......................เสมือน กับมี สิ่งวิเศษ
คุ้มครอง ป้องเจต.....................คลาดคลา อาเพศ เหตุร้าย
เตือนให้ ไม่ประมาท..................สิ่งที่อาจ ทำให้ ไม่สบาย
ทุกข์ใจ ทุกข์กาย......................ทุรน ทุราย วายปราณ

    เพื่อนที่ ดีแท้........................ไม่แค่ (มา)คบค้า สมาคม
ความดี นิยม............................ถูกต้อง เหมาะสม สืบสาน
หลากหลาม ความรู้...................เคียงคู่ มโนธรรม สำราญ
มีหลัก มีฐาน............................แก่นสาร วิถี ชีวา

    คบเพื่อน ที่ดี.........................จึงมี ประโยชน์ โทษไร้
มีเพื่อน ทำไม?.........................หากคอย ทำให้ ไร้สุขา
เพื่อนคิด ไม่ซื่อ........................มิ(ควร)ถือ เป็นเพื่อน (แต่)เหมือนพยาธิ์
เพื่อนโฉด ชั่วช้า.......................คอยก่อ ปัญหา ให้เรา

    รู้จัก เลือกคบ(เพื่อน)...............นำพา ประสบ โชคชัย
หากไม่ มีใคร...........................(สม)ควรให้ คบหา อย่าเหงา
เพื่อนกิน หาง่าย.......................มากมาย ร่วมวง ดื่มเหล้า
ฆ่าเพื่อน เพราะเมา....................ควรเอา มาคิด พินิจเทอญฯ

๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อนุรักษ์หรือทำลาย? : กลอนสะท้อนสังคม



อนุรักษ์หรือทำลาย? : กลอนสะท้อนสังคม

    อุดม สมนาม สยามประเทศ........................สุเมธ เวทพุทธ (ธะ)ศาสนา(สุเมธ=นักปราชญ์,เวท=ความรู้)
อาณา ดารดาษ ด้วยวัดวา............................องค์พระ ปฏิมา ลานละไม

    พุทธรูป มากมี เฉดสีทอง...........................เรืองรอง ท้องถิ่น แผ่นดินไสว
พบเห็น เช่นธรรมดา ประสาอะไร...................จะไม่ (คิด)ทำให้โบสถ์ วิหาร(เป็นสี)ทอง

    ทำบุญ สุนทาน ต้องการแต่........................เหลียวแล เรื่องสวย ร่ำรวยสนอง
เกิดบน กองเงิน กิน(บน)กองทอง..................เกียรติยศ จดจ้อง เกริกก้องไกล

    (จึง)คิดวา ถ้ามี โบสถ์วิหาร........................สีทอง ผ่องพาน (คงจะ)บันดาลให้
ลาภยศ สวัสดี มีโชคชัย..............................ไหลมา เทมา ทันตาตน

    ศิลปะ ปลูกสร้าง อย่างเก่าก่อน...................การปฏิ สังขรณ์ หาห่อนสน(ใจ)
ขาดความ สำคัญ ต่อมานมน........................ไร้ผล อันใด ในชีวี

    (ปล่อย)ชาวบ้าน บูรณะ สถาปัตถ์................คนถนัด(เชี่ยวชาญ) ไม่ทำ ตามหน้าที่
ย่อมเกิด (ความ)วุ่นวาย เสียหายทวี...............สมบัติ ทัศนีย์ เสื่อมนิยม

    (คน)ขาดความ รอบรู้ (เรื่อง)อนุรักษ์............ริพิทักษ์ รักษา(โบราณสถาน) ละ(ความ)เหมาะสม
(เมื่อ)สุนทรีย์ ศิลปะ มิปรารมภ์......................ล่มจม ประวัติศาสตร์ ชาติเสื่อมกลาย

    ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ข่าวสลด.........................ปรากฏ หมดสิ้น ภินท์สลาย
ของเก่า โบราณ พรรณราย..........................สูญหาย ไร้มั่น นิรันดรฯ(พรรณราย=งามผุดผ่อง)

๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ทำบุญแบบโง่งมงาย : กาพย์ฉบัง๑๖






ทำบุญแบบโง่งมงาย : กาพย์ฉบัง๑๖

    ทำบุญแบบโง่งมงาย....................พบหลากมากหลาย
กระจัดกระจายใน(แทบ)ทุกศาสนา

    เชื่อคำร่ำชื่อลือชา...................สารพัดวัดวาฯลฯ
มีพระ(สิ่ง)ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิล้น

    สามารถอาจบันดาลดล.................(ให้)คำขอของคน
ประสบผลสำเร็จเจตนา

    ถึงอยู่แดนไกลไม่ครณา.................ปีนเขาเข้าป่า
พากันดั้นด้นหนหาญ

    เพื่อจะทำบุญสุนทาน.................ตั้งจิตอธิษฐาน
บนบานแลกเปลี่ยนเพียรประสงค์

    ถวายสิ่งเล็กน้อยด้อยค่าคง..................ไม่ค่อยซื่อตรง
(และมัก)จบลงตรงซื้อเลขหวย

    งวดนี้ขอให้โชคช่วย-....................เหลือฉันร่ำรวย
ด้วยบุญที่ทำนำพา

    แม้นอกลัทธิศาสนา...................ภูตผีเทวดาฯลฯ
ก็ถูกกระทำเช่นกัน

    ดั่งเป็นวิถีชีวัน...................เคียงคู่เผ่าพันธุ์
มนุษย์ผู้เมามันตัณหา

    เปี่ยมด้วยเล่ห์กล อนธการ์.................เชี่ยวชาญมารยา
หาความซื่อสัตย์อัตคัดเอยฯ

๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2561

คนยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน : กลอนคติสอนใจ




คนยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน : กลอนคติสอนใจ

    แค่ความ ฝืดเคือง ขัดสน........................มิทำ ให้คน ยิ่งใหญ่
สะทก สะท้าน หทัย.................................ฝ่าฟัน มันไป สบายมี

    อุปสรรค ชีวัน ปัญหา.............................(ความ)เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ไม่ผละหนี
ผจญ ด้นดั้น มั่นฤดี..................................คิดแล "แค่นี้ มิเท่าไร"

    มีน้อย พลอยแปลง แบ่งปัน.....................มโนธรรม สำคัญ ทานให้
มิแก่ง แย่งของ ผู้ใด................................มิเบียด เบียนใคร ไร้ราคิน

    เกิดมา หาใช่ ให้สะสม...........................คือค่า นิยม ต่อทรัพย์สิน
อายุขัย ในช่วง ชีวิน.................................มินาน พาลสิ้น ภินท์พัง

    (เมื่อ)อุรา สะอาด หมดจด.......................อนาคต ย่อมไม่ หมดหวัง
มโนทัศน์ ศรัทธา คือพลัง..........................อยู่ยั้ง ยืนยง คงกระพัน

    (ความ)มั่งมี เงินทอง เหลือล้น.................หาทำ ให้คน สุขสันติ์
(แต่)ความมี มโนธรรม กำนัล......................แบ่งปัน ทานได้ สบายดี

    จึงเปรียบ เป็นธง บ่งบอก........................แสดงออก ซึ่งหลัก ศักดิ์ศรี
แห่งความ เมตตา ปราณี...........................สุขเขษม เปรมปรีดิ์ นิรามัย

    ผู้สละ (ความ)ตระหนี่ ถี่เหนียว.................ย่อมมิ เปล่าเปลี่ยว ยากไร้
เผื่อแผ่ สาธารณ์ สราญใจ.........................(คือ)คนจริง ยิ่งใหญ่ ไร้เทียมทานฯ

๒๖ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ภายใต้กฎแห่งกรรม : กลอนคติสอนใจ



ภายใต้กฎแห่งกรรม : กลอนคติสอนใจ

    ดูพระจันทร์ วันเพ็ญ เด่นจรัส.......................แม้ไร้ลม พรมพัด อึดอัดเร้น
พลานุภาพ เรืองรอง ของแสงเพ็ญ..................ช่างเยือกเย็น ซ่านซึ้ง ก้นบึ้งกมล

    ออกพรรษา มาแล้ว แก้วตาพี่......................ไม่ประหลาด ถ้ารัชนี (ยัง)พรั่งพีฝน
(มวล)อากาศเย็น จากเหนือ เมื่อผจญ..............ความชื้นผล ฝนคะนอง ส่องสัญญา

    ต้นข้าวที่ (ถูก)พิรุณเท (ล้ม)ระเนระนาด.........เป็นกิจกรรม ธรรมชาติ ไม่คลาดหนา
(สร้าง)ความลำบาก ลำบน ท้นชาวนา..............ผู้พึ่งพา ฟ้าดิน อาจิณกาล

    ทุกๆอย่าง ดั่งเป็น เวรกรรมกฎ.....................ผูกเงื่อนงำ กำหนด บทผสาน
ชีวิตของ ผองชน บนโลกธาร.........................(ล้วนถูก)ชะตากรรม์ บันดาล ทุกวันคืน

    ไม่มีผู้ รอดพ้น ผลกรรมดอก........................หนทางออก(จากกฎแห่งกรรม) ไม่เจอ อย่าเพ้อฝืน
ได้แต่ทำ ตามกฎ จึงสดชื่น............................อยากราบรื่น ต้องกลืนกลม สมกติกา

    ใครทำดี ได้ดี ชั่วได้ชั่ว...............................ครอบคลุมทั่ว ทุกชีวิต เป็นปริศนา
แม้มิอาจ ตัดสิน ชินสายตา............................การสังเกต สังกา พาเข้าใจ

    มองคนอื่น ดื่นรู้ ดูข่าวสาร...........................ประสบการณ์ ผ่านย้อน สอนเราได้
คนรักดี ชีวีย่อม พร้อมพิไล............................คนระยำ ทำอะไร ให้ระกำ

    อาศัยกาล เวลา ค่อยปรากฏ........................เปิดเผยบท บาทจริง สิ่งลึกล้ำ
(วิเคราะห์)คิดคะนึง จึงรู้แจ้ง กฎแห่งกรรม.........มิใช่คำ หลอกเล่น เด่นชัดเอยฯ

๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันพุธที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ : โคลงสี่สุภาพ


เรื่องเล็กเรื่องใหญ่ : โคลงสี่สุภาพ

๑.พายุเริ่มเคลื่อนเข้า.............................ทักษิณ
สัญญาณวรรษาผิน...........................ผ่านพ้น(ภูมิภาคตอนเหนือ)
ดอกพะยอมร่วงพรมดิน.....................พิสุทธิ์
ฝนยังไม่หยุดล้น..............................หลั่งรื้นปัถพีฯ

๒.กลางวันมีแดดร้อน.............................อบอวล
กลางคืนค่อยเย็นยวน........................สลับย้อน
ปลายฝนอากาศปรวน........................แปรเปลี่ยน
วนเวียนแสนซับซ้อน.........................แซมเคล้าความหนาวฯ

๓.การเอาแต่จดจ้อง..............................ปัญหา
จากเรื่องเล็กขยายมา........................ใหญ่ท้น
กับการไม่นำพา................................ใจใส่
เรื่องใหญ่กลายเล็กพ้น.......................ลับไร้ตาเห็นฯ

๔.เรื่องเล็กทำเป็นให้.............................ดูมหันต์
สะทกสะเทือนชีวัน............................เดือดร้อน
เรื่องใหญ่มิสำคัญ.............................ปล่อยปละ
ความเสียหายจะสะท้อน.....................สะท้านชีวาฯ

๕.วิจารณญาณจงให้.............................เหมาะสม
อย่าเอาแต่อารมณ์............................รุมเร้า
ยกอัตตาเป็นปฐม..............................แกนหลัก
จักประสบทุกข์เคล้า..........................ไป่แก้ปัญหาฯ

๖.ปัญหาเกินแก้ได้................................จงสงบ(กายใจ)
บรรเทาผลกระทบ..............................เลวร้าย
เวลาครวญคิดขบ...............................เพิ่มเติม
อาจช่วยเสริมผ่อนย้าย........................จากร้ายเป็นดีฯ

๗.ดำเนินวิถีสร้าง..................................กุศล
บริสุทธิ์ดวงกมล................................เพริศแพร้ว
อาศัยหลักเหตุผล..............................สู่สำเร็จ
เมื่อเจตนาสะอาดแล้ว.........................ย่อมแคล้วบาปกรรมฯ

๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑

วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2561

จึงมีคนจน-คนรวย : กลอนคติสอนใจ


จึงมีคนจน-คนรวย : กลอนคติสอนใจ

    โลกใหญ่ ใบนี้............................มากมี ทรัพยา ปรากฏ
กิน-ใช้ ไม่หมด.............................แม้ลดทอน ก่อนเพิ่มกลับ
ดิน-น้ำ-อากาศ..............................ธรรมชาติ วัฒนา คณานับ
เกื้อกูล หนุนรับ.............................เลี้ยงสรรพ (พะ)ชีวา ประชากร

    จึงน่า สนใจ................................เหตุไฉน มีคน อดอยาก?
ตกระกำ ลำบาก............................ทุกข์ยาก จนตาย หลายสลอน
ลองดู หมู่ชน................................มากคน สุขสบาย ไม่อาทร
เริงร่า สโมสร................................สถาพร ธำรง ชีวิน

    ส่วนหนึ่ง เพราะคน.......................ดวงกระมล มีความ แตกต่าง
ดำเนิน(ชีวิต) เหินห่าง....................เส้นทาง ดี-ชั่ว ทั่วถวิล
ลางคน ด้นทำ...............................กุศลกรรม สัมมา อาจิณ
(แต่)บางคน รนดิ้น.........................กระสันหา ราคิน ภินท์พิลัย(ภินท์=แตก,พิลัย=ความย่อยยับ)

    คนเรา ถ้าขยัน.............................มุ่งมั่น งานทำ จำรัส
(ย่อม)อุดม โสมนัส.........................สมบัติ พัสถาน ลานหลั่งไหล
รู้จัก ควบคุม..................................สุขุม ชีพคร่ำ ดำเนินไคล
คุณธรรม นำใจ...............................จะไม่ อดอยาก ลำบากยล

    แต่ใคร เกียจคร้าน........................ทำงาน หนักไม่เอา เบาไม่สู้
คดคิด เป็นนิจอยู่............................นอกลู่ นอกทาง มล้างผล
อบายมุข คลุกคลี............................ก่อหนี้ ท่วมตัว หัวตนฯลฯ
ย่อมเลี้่ยง ไม่พ้น.............................ยากจน ท้นทุกข์ ทรมานฯ

๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ : กาพย์ฉบัง๑๖



 




ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ตื่นเช้าข้าวปลาอาหาร....................จัดหาสังฆทาน
เตรียมการด้วยจิตศรัทธา

    สืบเท้าเข้าวัดปรารถนา...................ทำบุญหนุนชีวา
สร้างบารมีอดิศร

    พุทธศาสนาสถาพร..................(คู่)บ้านเกิดเมืองนอน
แต่ก่อนแต่ไรสมัยมี

    พึ่งพระนาบุญสุนทรีย์.................ประเสริฐเลิศศรี
เป็นที่เคารพนับถือ

    เกจิอาจารย์สาธารณ์ลือ.................คุยเฟื่องเลื่องชื่อ
(ชาวบ้าน)แสนซื่อศรัทธาทรัพย์ถวาย

    กุฏิที่อยู่หรูสบาย.................เรี่ยไรขวนขวาย
สร้าง(ใหญ่โต)คล้ายปราสาทราชวัง

    (คำ)เทศนาทุกเมื่อเชื่อฟัง................(แทบ)เป็นบ้าเป็นหลัง
เปรียบประดุขดั่งประกาศิต

    (ชาวบ้านส่วนใหญ่)ไม่เคยระแคะระคายสักนิด.................สิ่งใด(คือ)สังฆกิจ
หรือผิดพระธรรมวินัย(เพราะไม่ศึกษาพระไตรปิฎก)

    จนเกิดสำนวนตรวนใจ.................หมู่เราชาวไทย
"ชั่วช่างชี ดีช่างสงฆ์"

    สืบทอดวัฒนธรรมดำรง..................วันคืนยืนยง
พะวงหลงใหลไปอีกนาน?

๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ให้บริการ=ช่วยเหลือ=ทำบุญ : กลอนคติสอนใจ





ให้บริการ=ช่วยเหลือ=ทำบุญ : กลอนคติสอนใจ

    (ไป)โรงบาล ไม่ใช่ ไปเซเว่น................อย่าทำ เหมือนเช่น เล่นขายของ
ทุกข์ท้น คนเรา คราวปวดร้อง...............ใยต้อง ท่อง"รอ ถึงพรุ่งนี้"

    เครื่องบิน ไม่ใช่ ของส่วนตน................(อย่า)สับสน ตั้งแง่ แดบัดสี
คนกว่า สองร้อย พลอยรอรี....................(เพราะ)นักบิน ไม่มี มโนธรรม

    ปัญหา การให้ บริการ.........................(ส่วนใหญ่)เกิดจาก สันดาน มนมานต่ำ
หลงตัว ถือตน ยลสูงล้ำ.........................มินำ พาใคร ได้ทุกข์ตรม

    กระทั่ง แรงงาน กรรมกร......................(ชอบ)ตั้งแง่ แส่งอน คลอนแคลนสม
ใจพาล มารยา ค่านิยม..........................สังคม พบได้ มากมายมี

    เอารัด เอาเปรียบ(เขา) เอาไว้ก่อน..........ทำความ เดือดร้อน และกดขี่
เบียดเบียน บีฑา ทุกวิธี..........................ย่ำยี อื่นชน ยลกำไร

    จิตใจ คับแคบ เห็นแก่ตัว......................คนชั่ว บาปหนา รักษาไว้
จึงก่อ เวรกรรม อยู่ร่ำไป.........................อย่างไร้ เมตตา เอื้ออาทร

    บริการ=ช่วยเหลือ เกื้อกูลชน.................ให้สุข กระมล พ้นทุกข์ร้อน
คือการ ทำบุญ หนุนอากร.......................สร้างสุข สโมสร ชีพพรชัย

    ความเปี่ยม เมตตา เอื้ออารี....................(เป็น)วิถี ยกตน พ้นวิสัย
ทุจริต มิจฉา ราคีไคล.............................ใส่ใจ ฝึกหัด พัฒนาเทอญฯ

๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2561

อภิสิทธิ์ชน : โคลงสี่สุภาพ
















อภิสิทธิ์ชน โคลงสี่สุภาพ


๑.คอยมีข่าวคราวให้..............................หวาดผวา
คนชั่วก่ออาชญา..............................เกิดแกล้ว
มิเกรงกริ่งรัฏฐา................................ธิปัตย์
(เพราะ)การตัดสินโทษแคล้ว..............ชีพม้วยฤาไฉน?

๒.กฎหมายเขียนไว้ขู่.............................คนดี
แต่อันธพาลอัปรีย์.............................ไป่คร้าม
ก่อเหตุก็หลบหนี..............................หายขวับ
หมายจับ(ศาล)ถูกเมินข้าม..................มิได้ควานหาฯ

๓.มีหมู่ชนบ้าคลั่ง..................................สิทธิ
คอยออกมาเสียสติ............................ให้ท้าย
อาชญากรดำริ..................................ดั่งวิสุทธิ์
สิทธิมนุษยชนคล้าย..........................ชั่วช้าสนับสนุนฯ

๔.คนสถุลเมื่อได้ดิบ..............................ได้ดี
เอาตำแหน่งอันตนมี...........................เสาะสร้าง
ทุจริตทุกวิธี......................................ปฏิบัติ
ยัดความยุติธรรมอ้าง..........................ไขว่คว้าหาผล(ประโยชน์)ฯ

๕.ลำพองเชิดชนชั้น...............................อภิสิทธิ์
วิเศษเหนือชีวิต.................................ชาวบ้าน
ขาดเหตุ-ผล-ถูก-ผิด...........................ดี-ชั่ว
เมามัวกิจเกียจคร้าน............................เดี๋ยวได้เงินเดือนฯ

๖.สั่นสะเทือนสังคมให้............................หวาดระแวง
เกิดวิตกเคลือบแคลง..........................ปวดร้าว
(ความ)อยุติธรรมสำแดง.......................อำนาจ
ครอบงำชาติอะคร้าว...........................หยาบช้าพาลผยองฯ(อะคร้าว=อิ่มใจ,ภูมิใจ)

๗.ช่วยพรรคพวกเพื่อนพ้อง......................ทรพี
จนกลายเป็นประเพณี..........................คู่บ้าน(เมือง)
สืบทอดสิ่งบัดสี..................................ยืนหยัด
ปฏิบัติอย่างหน้าด้าน...........................คู่ฟ้าดินสลาย?

๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561

ความมีมโนธรรม : กลอนคติสอนใจ


ความมีมโนธรรม : กลอนคติสอนใจ


    ผู้ที่ มิผ่าน (ระบบ)การศึกษา................พิจิตร พิจารณา มิปรากฏ
(ยิ่งถ้า)สันดาน พาลเคี้ยว เลี้ยวลด..........คิดคด ในข้อ ส่อแสดง

    คนหนอ บ่ได้ เกิดมา..........................พร้อมญาณ ปัญญา รู้แจ้ง
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิกาจแกร่ง....................แฝงใน ใจคอ นรชน

    ต้องพาน การเพียร เรียนรู้....................ตรองดู ขอบเขต เหตุผล
สังเกต สังกา อุระตน............................ตลอดจน คนอื่น ดื่นไกล

    สำคัญ คือการ ศึกษา..........................ศาสนา คำสอน คอนไซร้
ศีล-วัตร-สัทธรรม-วินัยฯลฯ....................คิดไข ก่อกรรม ชำนาญ

    แน่แท้ แม้ใจ ไม่รักษา(ศีลธรรม)...........ถึงจะ เทศนา ฉะฉาน
คนไม่ ประเสริฐ เพราะเกิดนาน...............หรือผ่าน การบวช ประกวด(ธรรมะ)กราย

    (ใบ)ปริญญา ถาโถม ท่วมหัว...............(ถ้า)ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิมาดหมาย
ศาสตรา อาจารย์ อันตราย.....................ติดคุก มากมาย ในความจริง

    มโนธรรม ความดี ศีลสัตย์...................ยืนหยัด อะเคื้อ เหนือสาระสิ่ง(อะเคื้อ=งาม)
ประเสริฐ เป็นศรี ที่พึ่งพิง.......................ยอดยิ่ง พิไล ในโลกา

    ความมี มโนธรม สำนึก.......................สัมพันธ์ การตรึก ศึกษา
เพราะ(คน)ทำ ตามใจ ไตรอัตตา.............พารา จึงพิกล ล้นพิการฯ(ไตร=ไกร)

๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2561

เมื่อไรจะได้ดี? : กลอนคติสอนใจ




เมื่อไรจะได้ดี? : กลอนคติสอนใจ

    ...............................................................แล้วหนาว ก็คลาย มาหน่ายหนี
ฝนตก ทุกวัน ผันฤดี......................................ปรับชี วีคล้อง สถานการณ์

    อากาศ อบอ้าว ราวบ่งบอก............................ยังเร็ว ไปดอก (ที่ฤดู)ฝนพ้นผ่าน
ละออง รุ่มรื้น ชวนชื่นบาน...............................(ยัง)ต้องการ ร่มกัน ฝนเปียกกาย

    (การ)เริ่มทำ ความดี มีศีลสัจ..........................เพิ่มจะ ปฏิบัติ ขัดเกลาขวาย
ลดละ อกุศล หนทางกราย..............................เป้าหมาย ปลายทาง ยังอีกยาว

    ไม่ควร รีบวาด ความคาดหวัง.........................สูงส่ง โด่งดัง กลางห้วงหาว
นิสัย เคยชิน ราคินคาว...................................(ยัง)ต้องสาง ต้องสาว พราวพิมล

    อดีตกรรม ทำไว้ ในกาลก่อน..........................ยังคอย ทยอยย้อน สะท้อนผล
ความดี ที่เริ่ม ประเดิมดล................................กุศล หนห่าง รู้รั้งรอ

    เปรียบเสมือน ไม้ผล (เพิ่ง)เริ่มต้นปลูก.............ออกลูก ทันใด มีไหมหนอ?
กว่าคน จะเติบโต (เป็น)ผู้ใหญ่พอ....................ปรากฏ (ต้อง)จดจ่อ หลายสิบปี

    คุณธรรม์ จรรยา พัฒนาการ...........................ต้องผ่าน อุปสรรค ยากหลีกลี้
กว่า(ใคร)จะ โดดเด่น เป็นคนดี(พร้อม)..............ต้องมี วิริยะ พยายาม

    กุศล ผลกรรม ที่ทำไว้..................................มิร้าง มิไร้ ไม่ต้องถาม(ว่า)
"เมื่อใด จะได้ดี" หานิยาม...............................ปล่อยตาม กฎเกณฑ์ เวรกรรมเทอญฯ

๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑

วันพุธที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2561

แมงเม่า : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



แมงเม่า : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ......................................ข้างขึ้น คืนนี้
คะเน เมฆี...........................รัชนี ประสาร(ประสาร=คลี่ออก,ขยาย)
ฝนริน หลั่งรด......................สดชื่น รื่นปาน
สุธา ประทาน......................คคนานต์ บัญชร

    ......................................สายลม โหมหวน
ไพรสัณฑ์ ปั่นป่วน................ผันผวน รวนร้อน
ปลายฝน ต้นหนาว...............ก้าวมา อากร
สร้างความ ซับซ้อน..............ป้อนแก่ โลกา

    .......................................สังคม สมสั่ง
คุณา ประดัง........................และรัง(ให้เกิด) ปัญหา
(จง)รู้จัก เลือกสรร................ชีวัน มรรคา
สุทโธ โสภา........................หรือคณา ราคิน

    ........................................บันเทิง สถาน
มีสุข สำราญ........................พากัน ถวิล
ราตรี สีแสง.........................ล่อแมลง เม่าบิน
บัดสี ชีวิน............................มลทิน ชินชา

    ........................................แหล่งอบาย (ยะ)มุข
เริ่มต้น ล้นสุข.......................สุดท้าย ทุกขา
ไร้ความ จำเริญ....................เผชิญ ชะตา
ก่อบาป หยาบช้า..................ยถากรรม นำทางฯ

๑๗ ตุาคม ๒๕๖๑