ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2554

งามคม - คารมปาก : กลอนแปด

                                                                           

งามคม - คารมปาก : กลอนแปด
คำคม ความรักที่ ออกจากปาก เดินทางไว
          ความรักที่ ออกจากใจ ต้องใช้เวลา

      นกกระจิบ ไม่รีบร้อน ตอนหาคู่         นกตัวผู้ สู้สร้าง รังแข็งขัน
นกตัวเมีย แวะดู อยู่หลายวัน                  เอาการงาน มั่นคง ค่อยปลงใจ

      ไก่แจ้สาว เร้าใจ ไก่เพศผู้               ขนสวยหรู ดูดี ที่หลงใหล
ขันเสียงดัง ฟังชัด ประกาศไกร               เลี้ยงลูกไก่ ดายเดียว ไม่เหลียวกัน

   คนจะงาม ธรรม " หมาย ใช่รูปลักษณ์    ขันติ หนัก สงบแน่น เป็นแก่นสรร
" โสรัจจะ"  ความเสงี่ยม เจียมใจจรรย์       ดลบันดาล คราญงาม ล้ำเลิศเลอ

      คำพูดจินต์ กินใจ คนไม่คิด               จดจำติด จิตใจ พาลไพร่เผลอ
ความดีงาม ทรามชน ยลไม่เจอ                จึงรักเพ้อ เคอะคารม คมปากคน

      คำพูดคม ลมปาก ไม่พรากจิต            ผองบัณฑิต คิดได้ ไร้ขัดสน
ความดีงาม ทำไว้  ใช้เยี่ยมยล                  ประเมินคน กมลหมาย ให้จดจำ

      อย่ารักชอบ ลอบชัง ฟังคำพูด             อย่ารักจุติ หลุดใจ ในรูปขำ
อย่าต้องเศร้า โศกตรม เพราะคมคำ            อย่าต้องช้ำ เพราะฉล คนเชือนแช 

      งามแต่รูป จูบแต่กาย ไม่ตรึงติด           งามดวงจิต ติดดวงใจ ไม่ตอแหล
งามรูปลักษณ์ จักเสื่อมทราม ตามกาลแล      งามดวงใจ คล้ายดั่งแข คงแท้งาม ฯ

๓๐ กันยายน ๒๕๕๔

ความสุขภายใน : กาพย์ฉบัง ๑๖

               
             

ความสุขภายใน : กาพย์ฉบัง ๑๖


      ความสุขมากมายให้หา              ท้นทั่วโลกา
ทุกเวลาชั่วชีวี

     หาสุขอย่างถูกวิธี                    ย่อมได้ผลดี
ไม่มีเรื่องร้อนลำเค็ญ

      อย่าทำลำบากยากเย็น              เสาะหาไม่เป็น
วิ่งเต้นตามทรามนิยม

      ทรัพย์-ยศ-สรรเสริญ เพลินชม        กระแสสังคม
วัตถุสิ่งของเงินตรา

      คนรักหนักหน่วงอุรา                 กิเลสกามา
หาเรื่องเคืองแค้นแร้นมี

      ลองมองไปในฤดี                    บ่อเกิดสุขี
ที่นี่..ใช่ไหม ? ใคร่ครวญ....

      อย่าเห็นเป็นเล่นสำนวน            " ทำดี " ชี้ชวน
สุขล้วนๆถ้วนปรีดิ

     วิปัสสนา-สมาธิ                       ก่อเกิดปีติ
สุขีซาบซ่านอิ่มเอม

      บุญทานศีลศรีปรีดิ์เปรม              สุขตรองนองเต็ม
เขษมของแท้แน่นอน

      คุณธรรมนำพาอาทร                 เสริมสุขสโมสร
ไม่เดือดร้อนบวรวัย

      ความสุขเกิดจากภายใน              สะอาดสดใส
มาก+ง่ายไตร่ตรองลองเทอญ ฯ

๓๐ กันยายน ๒๕๕๔

ใต้ปีกแห่งความรัก : กลอนเบาๆ เคล้าสายลม

                    
                                       

ใต้ปีกแห่งความรัก : กลอนเบาๆ เคล้าสายลม
(ผิดฉันทลักษณ์บางตำแหน่ง เพื่อรักษาเนื้อหา)


      ลมเย็นเย็น เป็นแห้งแห้ง               พัดแรงแรง สัมผัสผิว
ตะขบใบ ไหวปลิวปลิว                        ลิ่วลิ่วไกว ไล้สายลม

      ท้องนภา เพลาเช้า                      เมฆเบาเบา บางบางพรม
แสงสายสาย ไร้..ร่มร่ม                        โคมระย้า กวัดแกว่งไกว

      เสียงตะหลิว กระแทกกระทะ           เป็นจังหวะ จังหวะไว
คุณแม่ค่อย คอยใจใส่                        ให้ลูกลูก ได้อิ่มเอม

      ลูกใฝ่เฝ้า พะเน้าพะนอ                   รอรับความ ความเกษม
ทานอาหาร แม่บรรเลง                          ดั่งบทเพลง แห่งชีวา

      ลมหนาวแรก แหวกสายฝน               ก่อนจะพ้น กาลพรรษา
หัวใจ บิดรมารดา                                  ห่วงลูกยา สบายไหม 

      ลูกลูก ซุกซน ซุกซน                        ไกลกังวล ไม่สนใจ
กินเล่น กินเล่น เป็นไป                             ตามวิสัย เด็กทารก

      ใต้ปีก แห่งความรัก                            พ่อแม่ปัก พิทักษ์ปก
 ป้องภัย ทั้งหลายในโลก                           แม้ธุลี มิตก มิหมอง

      ลูกจดจำ ประจักษ์จิต                          ทั้งชีวิต ไม่คิดข้อง
ยากหาใคร ในครรลอง                               สนองรัก หนักแน่นเทียม ฯ

๓๐ กันยายน ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2554

ใจคน คำคน : โคลงสี่สุภาพ

                        
                                     

ใจคน คำคน : โคลงสี่สุภาพ

. กลางวันสั้นลงแล้ว               แก้วกานต์
๑๘ นาฬิกาคลาน                    ค่ำคล้อย
แสงทองส่องสำราญ                 โชติช่วง
ก่อนค่อยค่อยร่อยน้อย               สู่ห้วงราตรี ฯ

. สัญญาณฤดูใกล้                   เหมันต์
ทีฆรัตติครัน                            ย่างเยื้อง
พิรุณจากจุนรัน                       ชุ่มชื่น
ห่างไกลไร้หล่นเรื้อง                  ป่าแห้งธารหาย ฯ

. ชีวีต้องเรียนสู้                        ศึกษา
ทักษะวิทยา                              ความรู้
ประสบการณ์สรรหา                     สมสั่ง
สิ่งดีงามนำผู้                              ไขว่ข้องซ้องสนาน ฯ

. โลกมิใช่สวรรค์ให้                     หรรษา
ภยันตรายนานา                            หลากล้น
ภัยธรรมชาติหนักหนา                     สาหัส
ภัยพาลสามาญย์ท้น                       อยู่ใกล้ย่ำกราย ฯ

. คนเหมือนกันต่างด้วย                  จิตใจ
กุศลดลพิไล                                 เพริศพริ้ง
อกุศลฉลไช                                ชาติชั่ว
เลวกว่าดิรัจฉานกลิ้ง                        กลอกกล้ำทรามสถุล ฯ

. คำคนวิมลสร้าง                            สิเน่หา
อาจซ่อนเล่ห์มารยา                          มุ่งร้าย
คำสัจจ์ภัทรา                                   สุจริต
อาจ บ่ฟังเพราะ;คล้าย                         กระด้างขวางหู ฯ

๒๙ กันยายน ๒๕๕๔

ชีวี มิใช่ตัวเลข : กลอนจรรโลงใจ

                                      
                                           

ชีวี มิใช่ตัวเลข : กลอนจรรโลงใจ


      ชีวี มิใช่ คอมพิวเตอร์             รหัสเจอ แต่เลข " 1 " หรือ " 0 "
ชีวี มีชม สมบูรณ์                         เลข " 0 " พูนพ้น จนถึง " 9 "

      ชีวี มิใช่ สอบไล่นะ                 ไขว่คว้า คะแนน ให้แสนเศร้า
แข่งขัน กันเด่น เป็นเพริศเพรา          จองเก้า อี้ดี มีที่เรียน

      ชีวี มิใช่ ธุรกิจ                        พิชิต ยอดขาย ปวดใจ-เศียร
สิ้นปี มีคอม(มิชชั่น)ยอมพากเพียร      จนเอียน ชีวิต คิดระอา

      ชีวี มิใช่ ดิจิตอล                      อย่าป้อน ตัวเลข อเนกหนา
อยู่รอด ปลอดภัย ไร้ภยา                  ชีวา ยังต้อง การอะไร ?

      ชีวี มิใช่ วัสดุ                           นับลุ จำนวน ชวนหลงใหล
คุณค่า ชีวี มีทำไม ?                        หาใช่ ขาย-ซื้อ หรือจำนอง

      ชีวี มิใช่ ศฤงคาร                       หมายมาน ฝันเฝ้า เป็นเจ้าของ
เกิดแก่ เจ็บตาย ในครรลอง                ตริตรอง ส่องเห็น เป็นสัจจา

      ชีวี ชีวา = ธรรมชาติ                    เวียนวาด วัฏฏะ คละสงสาร์
อย่าหลง งงเขลา เมาอัตตา                 ปล่อยวาง บ้างนะ ผาสุกเอย ฯ

๒๙ กันยายน ๒๕๕๔

วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

สายลม ชโลมรัก : กลอนรัก

                      
                                             

สายลม ชโลมรัก : กลอนรัก
ขอขอบคุณ คุณตะวัน ที่จุดประกายความคิด


      สายลมที่ พัดมา เพลานี้             ในวันที่ มีฝน กมลฝัน...
ถึงคนดี ที่กาย ห่างไกลกัน                  ผู้เปรียบทรวง ดวงชีวัน ปานหทัย

      สายลมที่ พัดมา เพลาเหงา          ฝากอาลัย ไปถึงเขา จะได้ไหม?
ฝากความรัก ฝากฤดี ที่ห่วงใย             ฝากโลมไล้ ให้จิต คิดถึงกัน

      สายลมที่ พัดไป ในยามนี้            ฝ่าสายฝน ชลธี พงพีสัณฑ์
ฝ่าเมฆา พายุ สุริยัน                          ขอฝากฝัน ฉันไป ในสายลม

      สายลมที่ พัดไกล ไปถึงเขา          คนที่เรา รักราว ดาวเดือนสม...
รักนภา ราตรี รามนิยม                         โปรดปรารมภ์ รักชิด สนิทชาย

      สายลมที่ พัดอยู่ มิรู้หยุด               เปรียบประดุจ รักที่ มิรู้สลาย
จักธำรง คงอยู่ คู่วารวาย                       ตราบมิคลาย ใจเต้นอยู่ คู่ชีวี ฯ

๒๘ กันยายน ๒๕๕๔

บ้านหลังนี้... : กลอนจรรโลงใจ

                 

บ้านหลังนี้... : กลอนจรรโลงใจ


      บ้านที่มี ประตูใหญ่ แต่ไร้บาน(ประตู)  บ้านที่มี เรือนชาน ลานกว้างเห็น
บ้านที่มี น้ำใส ใจสวยเย็น                       บ้านที่เป็น บ้านช่อง ของปวงชน

      บ้านนี้มี ประตูใหญ่ ง่ายเข้า-ออก        โลกภายนอก ยอกย้อน ร้อนขัดสน
ส่วนภายใน(บ้าน) สงบเย็น เร้นดิ้นรน        เหมือนอยู่บน คนละโลก นรก-วิมาน

      บ้านนี้มี เรือนชาน ลานกว้างขวาง       ให้นอนนั่ง ข้างประชา มหาศาล
ฝากความหวัง ฝังชีวิน ฝึกวิญญาณ            อลังการ มั่นคง อลงกรณ์

      บ้านนี้มี น้ำใส ไหลเยือกเย็น               ให้ลุยเล่น เย็นแช่ แลพักผ่อน
ดับกระหาย ได้อาบ รด หมดทุกข์ร้อน          เพื่อคนจร ทั้งคนจำ ไร้ลำเอียง

      บ้านนี้มี หัวใจ ใสสะอาด                     ปราศจาก เล่ห์กล ฉลฉ้อเฉียง
ไม่ทำร้าย ไพร่พาล แม้มานเพียง                 ไม่โต้เถียง เบี่ยงใบ้ ใช้ปัญญา

      บ้านนี้มี นามว่า " พุทธศาสน์  "             ดารดาษ อรรถทรัพย์ นับค่าหา
ทั้งตื้น-ลึก-ง่าย-ยาก-น้อย-มาก นา               เชิญเข้ามา นฤมล ด้วยตนเอง ฯ

๒๘ กันยายน ๒๕๕๔

ก็แค่คนหนึ่ง ซึ่งอยากดี..เพื่อเธอ : กลอนรัก

                                                                       

ก็แค่คนหนึ่ง ซึ่งอยากดี..เพื่อเธอ  กลอนรัก


      ก็แค่ คนๆหนึ่ง                    ที่ตราตรึง เพียงภาพเธอ
วันคืน ฝืนพร่ำเพ้อ                     สักวันเธอ จะเห็นใจ

      ก็แค่ คนหนึ่งคน                  กล้ำกมล โอนอ่อนไหว
แม้ยาก ลำบากใจ                      ไม่ปล่อยให้ ใครเข้าครอง

      ก็แค่ หนึ่งคนที่                    พร้อมยินดี พลีสนอง
เพื่อเธอ เสมอทอง                      มีความสุข ทุกเวลา

      ก็แค่ คนที่เธอ                      ไม่อยากเจอ ไม่เพ้อหา
เพราะฉัน มันไร้ค่า                       ในสายตา ที่ร่าเริง

      ก็แค่ คนรู้ตัว                         ไม่หลงชั่ว ไม่มั่วเหลิง
แม้ใจ ใกล้กระเจิง                         ไกลสิ่งหวัง เวิ้งว้างใจ

      ก็แค่ คนหนึ่งที่                       อยากจะดี ดีให้ได้
ไม่ใช่ เพราะเพื่อใคร                      เพียงเพื่อเธอ เหม่อมองมา

      ก็แค่ ความตั้งใจ                     ที่จะใช้ ทั้งชีวา
รวมสรรพ (พะ)พลา                      เพื่อจะ(ได้)ดี ที่อยากเป็น

      ก็แค่ ขอเวลา                         ขอเธอว่า เมตตาเห็น
คนที่ อยากดีเป็น                           อยู่ชิดใกล้ ได้ดูแล ฯ

๒๘ กันยายน ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

ปลาน้อย ในกระแสชล : กาพย์ยานี ๑๑

                    
                                         

ปลาน้อย ในกระแสชล : กาพย์ยานี ๑๑


      ห้วยหนอง คลองสาขา           หมู่มัจฉา อยู่อาศัย
สำราญ สันติ์สุขใจ                       มิเคยขาด มากภัตรา

      เพื่อนผอง และน้องพี่             ต่างปรีดี มีสุขา
เป็นเลิศ แต่เกิดมา                       ในสายชล นนท์ลำธาร

      ผ่านมา ถึงหน้าแล้ง                น้ำเหือดแห้ง แย่งแข่งขาน
กินอยู่ สู้ชีพวาน                          เอาตัวรอด อย่างปลอดภัย

      วรรษา ย่างหน้าฝน                 น้ำเอ่อล้น ชลหลั่งไหล
ท่วมท้น ล้นฝั่งไป                         น่าตื่นตา ทัศนาจร

      มัจฉา ปลาแหวกว่าย               เที่ยวสุขสาย สโมสร
ฝนหลาก จากอมร                        น่าตื่นเต้น เผ่นกระมล

      แปลกตา ชาวประมง                อวนแห..ลง ประสงค์ผล
จับปลา หาเลี้ยงตน                       อุบัติภัย ในวารี

      สุดสาย ในวรรษา                    ฝนเลิกรา พาโศกศรี
น้ำลด ปรากฎมี                             แอ่งน้ำน้อย พลอยขังปลา

      เข้าสู่ ฤดูแล้ง                          น้ำในแอ่ง แห้งเหือดหา
ปลาน้อย คล้อยชีวา                        ตากแห้งตาย ในแอ่งดิน

      ชีวิต อนิจจา                            ตามวัฏฏา กระแสสินธุ์
เวียนว่าย ใช้ชีวิน                             สุข-ทุกข์ชิน ชะตากรรม ฯ

๒๗ กันยายน ๒๕๕๔

หลุมรัก…: กลอนรัก

                                                             

หลุมรัก…: กลอนรัก


      มือซ้าย กุมมือถือ               มือขวาหรือ กุมมือเธอ
วันใด ไม่ได้เจอ                       ใจจะขาด อาจจะไคล

      หัวใจ ทั้งสี่ห้อง                  ถูกจับจอง ทุกห้องใจ
เต้นดัง จังหวะใด                      รักแต่เธอ..รักแต่เธอ...

      กลางวัน ก็ฝันหา                 กลางคืนมา ก็ละเมอ
กลางถนน ก็บ่นเพ้อ                   กลางเดือน-ปี มิเปลี่ยนแปลง

      ฟังเพลง ล้วนเพลงรัก           ละครรัก มักอย่างแรง
การ์ตูนรัก ไม่ยักแหนง                 ดอกไม้หนอ ก็...ดอกรัก

      คุยกัน ยันสว่าง                    ต้องนอนถ่าง หนังตาหนัก
เช้ามา หาหยุดพัก                      ขอคุยต่อ ไม่ท้อถอย

      หลุมใด ไม่ใหญ่เท่า              หลุมรักเรา ลึกราวดอย
หลุมงาม ตามขุดคอย                  หลุมรักอยู่ คู่ดวงใจ

      ไม่อยาก ขึ้นจากหลุม            กุมมือนุ่ม จุมพิตไหน
สองคน ไม่สนใคร                       ดั่งสวรรค์ วิมานเอย ฯ

๒๗ กันยายน ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2554

ใครผิด ?...ช่วยคิดที : กลอนคติสอนใจ

                  


ใครผิด ?...ช่วยคิดที  : กลอนคติสอนใจ


      คิดย้อนกาล ฉันเยาว์วัย ไร้เดียงสา        คราวศึกษา ประถมต้น ซน-โง่-ใส
รักแต่เล่น เช่นเด็กซน ซนทั่วไป                  แค่อยากได้ ใคร่กิน-เล่น เป็นอนันต์

      วันหนึ่งเดิน ผ่านร้านรับ ซื้อของเก่า        เห็นผู้เฒ่า เจ้าของ จ้องมองฉัน
จึงยิ้มให้ ทายทัก ก่อนจากกัน                     แต่ถูกท่าน นั้นซักถาม ความอยู่เป็น

      อยากจะเป็น อะไร ? ตอบ...ไม่รู้            ตอนนี้อยู่ อัตคัด เงินขาดเข็ญ
อยากมีเงิน ซื้อขนม สะสมของเล่น               ดั่งเฉกเช่น เพื่อนๆมี ดีเท่ากัน

      ท่านชวนฉัน ให้มานั่ง ล้างขวดเก่า          ฉันก็เอา ตามเขาว่า ต้องขยัน
สู้อุตส่าห์ กัดฟันล้าง หวังรางวัล                   สักครู่ครัน อาจารย์ฉัน เดินผ่านมา

      ท่านสอนว่า " อย่ามองเมียง เพียงใกล้-สั้น     ควรขยัน หมั่นเล่าเรียน เพียรศึกษา
อนาคต จะสดใส ใช้ปัญญา                          ดีกว่ามา หลังขดแข็ง ใช้แรงงาน.."

      แล้วต่อว่า ท่านผู้เฒ่า เจ้าของ...ผิด          อกุศลจิต คิดทราม ทำชั่วหาญ
ผู้เฒ่าโต้ " ฉันก็ใช้ ลูกชายเช่นชาญ..               แม้แต่ฉัน ก็ขันแข็ง แรงงานดี..."

      ในตอนนั้น ฉันยังเยาว์ ไม่เข้าใจ              เงินไม่ได้ ไร้ความสุข ลุกเดินหนี
ฉันผิดหรือ ? หรือใครผิด ? ช่วยคิดที...           สิ่งใดที่ เยาวชน ควรสนใจ ? ฯ

๒๖ กันยายน ๒๕๕๔

แต่งจากประสบการณ์จริง
ขอขอบพระคุณ อาจารย์
แม้ท่านจะไม่ได้ยิน เพราะจากโลกนี้ไปแล้ว...
ผมขอโทษ...
ที่ตอนนั้น ไม่เข้าใจความกล้าหาญ และความปรารถนาดีของท่าน...
ผมมันโง่...

มิตรภาพ : กลอนดอกสร้อย

       
                                       

มิตรภาพ : กลอนดอกสร้อย


      มิตร เอ๋ย มิตรภาพ                        สวยงามตราบ ฟ้าสิ้น ดินเสื่อมไส
หล่อเลี้ยงสรรพ ชีวิต รักษ์จิตใจ                ดั่งน้ำใส ไหลริน ชีวินทรีย์

      บริสุทธิ์ ประดุจฟ้า ประทานฝน           จิตสุคนธ์ ดลหล้า สุธาศรี
ความเมตตา กรุณา ปราณี                       ดุจชลธี รี่เพี้ยง เลี้ยงไพรวัน

      ความช่วยเหลือ เกื้อกูล สัมบูรณ์จิต      นิรมิต โลกา ปานสวรรค์
บันดาลดวง กมล ดลเทวัญ                      จิรัฐติกาล สันติ์เปรม เกษมปอง(จิรัฐติกาล=เวลายาวนาน)

      จากต่างดิน ถิ่นแดน แคว้นประเทศ       จากต่างเพศ ต่างวัย ไม่ขัดข้อง
ต่างภาษา วัฒนธรรม กรรมครรลอง            เหมือนร่วมท้อง มารดา บิดาดร

      เอาใจใส่ ให้ปัน วันเวลา                     เอาชีวา มารวม สวมสมร
เอาดวงใจ ให้ปัน ไม่สั่นคลอน                    เอาดวงตา อาวรณ์ สะท้อนใจ

      ทำให้จิต อิ่มเอิบ ต่างเติบโต                ทำให้โล กากว้าง สว่างไสว
ทำให้แห้ง แล้งขื่น รื้นทันใด                       ช่วยทำให้ อบอุ่น ละมุนมี

       เสมือนน้ำ อำมฤต ศักดิ์สิทธิ์รด             บันดาลหมด เศร้าหมอง เรืองรองศรี
ขจัดความ มืดมน พ้นชีวี                             ดั่งสุรีย์ ส่องหล้า ทิวาวัน

      มิตรภาพ จับใจ ใครคนหนึ่ง                  เพียงพอรึง พึงจิต คิดสร้างสรรค์
สู้ปัญหา อุปสรรค หนักฝ่าฟัน                       ไม่พรึงพรั่น ขันแข็ง แกร่งไกรเอย ฯ

๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ 

การคบมิตร : กลอนแปด

                      
                                             

การคบมิตร : กลอนแปด


      ทว่าแม้น แสนจุติ สุจริต              สุภาษิต ปริตรว่า ปราชญ์สนอง
อย่าประมาท สัตว์มนุษย์ สุดคะนอง      สันดานดอง สมองแน่น แก่นอนารย์

      อันมนุษย์ สุดเกณฑ์ เห็นแก่ตัว      มักฉลชั่ว อกตัญญู ทุระสาน
ใคร่ประโยชน์ คดชิด คิดฉลชาญ         เล่ห์สามานย์ ตัณหา อำมหิต

      อันคนพาล มารยา สารพัด            ปรนนิบัติ ขนาดไหน ไม่ถูกจิต
แม้ลมฝน บนฟ้า พระอาทิตย์               คนยังคิด เคืองผูก ไม่ถูกใจ

      เป็นคนดี ทำดี เท่าที่สุด                อย่ายั้งหลุด หยุดท้อ ระย่อไหว
คำติฉิน นินทา อิจฉาใด                      นำมาใช้ ปรับลด เป็นบทเรียน

      ใครฉลมั่ว ชั่วเมา ช่างเขาเถิด         ศีลธรรม ค้ำเทิด ประเสริฐเสถียร
อย่าเข้าเมือง ตาหลิ่ว หลิ่วตาเลียน        จะเป็นที่ ติเตียน ปัญญาตน

      การพูดจา ปราศรัย ให้ประสิทธิ์       ไมตรีพิศ จิตเพท เผด็จผล
การกลับกลอก หลอกลวง กลวงกมล      ศัตรูท้น ล้นทุกข์ คลุก ระทม

      จะคบมิตร คิดให้ ใคร่ครวญหนัก       อย่ารีบรัก ฝักจิต สนิทสนม
ธรรมชาติ สัตว์มนุษย์ สุดโสมม               ร้อยเล่ห์รม ขมคิด คงจิตใจ

      แม้นคนดี มีน้อย อย่าถอยท้อ            บุญทานก่อ กุศลงาม กรรมเทิดใส
ชั่วได้ชั่ว ดีได้ดี สิริชัย                           คติไตร วิไลเลิศ ประเสริฐเอย ฯ

๒๖ กันยายน ๒๕๕๔

ว่างไม๊ ... ? : กลอนเบาๆ

                    
                                                   

ว่างไม๊ ... ? : กลอนเบาๆ


   

      ว่างไม๊ ... ?                                 มานั่งใต้ ร่มไม้ ใกล้ๆกัน
ร่วมฟังเสียง สกุณา หฤหรรษ์                 ถ้อยทีถ้อย อาศัยกัน สันถวา

      พยับแดด แผดทอด ลอดทาบพื้น      อากาศรื้น หลังผ่าน กลางพรรษา
พระพายพัด ลัดไพร ไล้พนา                  ชมธารา ชมกอหญ้า พฤกษาพันธุ์

      ใบไม้ไหว ไปมา ลมพาเล่น              กิ่งไม้เอน อ่อนโน้ม ลมพาผัน
ใบไม้เหลือง ร่วงหล่น ลมรนรัน                ป่าไม้สันติ์ หรรษ์ซ่า ลมพาทราย

       เมฆใหญ่น้อย ลอยลาน ปานกองทัพ    ท้องฟ้าปรับ เปลี่ยนสี สุนทรีย์หลาย
แดดเดี๋ยวแรง เดี๋ยวร่ำ เดี๋ยวเลือนลาย          ประเทืองกลาย ไปตาม ธรรมาจร

      เอนร่างลง องค์นอน อ่อนความคิด       สงบจิต สถิตใจ ไกลสมร
หายใจเบา ราวไร้ ไป่อาวรณ์                    สุรีย์รอน อ่อนแรง แสงอำลา

      ปัจฉิมดาล การแสดง ของแสงศรี        ลายระวี พันสีส่อง รองทิศา
นภดล นนทะร่วม ท่วมนภา                      จำเริญตา อภิรมย์ สมฤทัย

      ดาราเริ่ม เพิ่มผัด ประภัสสร                จันทราทร อ่อนโยน สนธิ์แสงใส
นภาโล่ง โปร่งกว้าง ว้างอุ่นไอ                   หฤทัย ไล้ลิ่ว ปลิวล่องลอย

      ว่างไม๊ ... ?                                     ปล่อยหัวใจ ไร้พันธะ ภาระถอย
ท่องเที่ยวไป ในธรรม์ วิมานลอย                 ละโลกคล้อย ค่อยเคลื่อน เลือนรางเอย ฯ

Z Z Z Z Z ……. ( หลับสบาย ...)

๒๖ กันยายน ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

คำอวยพรวันเกิด : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑

                                      
                                         

คำอวยพรวันเกิด : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑


      วันครบ คำรบเกิด                  สุประเสริฐ ประเจิดสม
โสภา คุณาพรม                          ระดะด้วย กุศลดี

      ในวา ระสำราญ                    พิษฐาน ประสานศรี
ศักดิ์สิทธิ์ สฤษฎี                         สุภพร ขจรพา

      ขออา ยุวรรโณ                     ภยะโร คะห่างหาย์
ปุญโญ วิโรฒา                           ปฏิสัม ภิทาทร

      สิ่งซึ่ง คะนึงสม                     อภิรมย์ บรมสร
เฉิดฉันท์ พิชานชร                       สิริเชิด ประเพริศชนม์

      สิ่งที่ วิมลทิต                        วิระพิชย์ ประดิษฐ์ผล
ธำรง ทิน์มงคล                            นฤนาท พิลาศเรือง

      สิ่งใด เจริญได้                       หฤทัย สุนัยเนื่อง
ทรงทาน สะท้านเทือง                   ชระเปรม เขษมปอง

      สิ่งอัน มหรรฆทรัพย์                คณนับ ประทับผอง
เปรื่องปรุง จรุงจอง                        ตละดวง ตะวันเดือน

      สุขสม ภิรมย์รัก                       ปฏิภักดิ์ สมัครเหมือน
คงคราญ มิครั่นเคลื่อน                    ตระการ สุนันท์เทอญ ฯ

๒๕ กันยายน ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2554

คำไทย ใช้ " ขี้ " เปลือง : กาพย์ยานี ๑๑

                        
                                               

คำไทย ใช้ " ขี้ " เปลือง : กาพย์ยานี ๑๑


      คำไทย ใช้ " ขี้ " เปลือง               ขอเป็นเรื่อง เนื่องจาก " ขี้ "
กล่าวนำ คำพาที                               ว่าด้วย " ขี้ " ที่ไม่เหม็น

      " ขี้กบ " คือเศษไม้                       จากงานไส ไม้..คงเห็น
" ขี้ก้าง " ช่างลำเค็ญ                           ผอมกะหร่อง ส่องซี่คง

      " ขี้ข้า " ว่าทาส-ไพร่                      คนรับใช้ อย่าสัยสง
" ขี้คุก " ถูกขังกรง                               ติดคุกมา ประวัติมี

      " ขี้เซา " เอาแต่นอน                      ปลุกยากย้อน ถอนใจถี่
" ขี้ตืด " เหนียวตระหนี่                          คล้าย " ขี้เหนียว " เกี่ยวดองกัน

      " ขี้เถ้า " เอายัดปาก                       ใครที่อยาก ให้อาสัญ ( 555+ )
" ขี้เท่อ " เซ่อดักดัน                            โง่งี่เง่า ไม่เข้าใจ

      " ขี้ปะติ๋ว " ชิวชิวหน่อย                    " ขี้ผง " พลอย สำคัญไผล
" ขี้ปาก " ลำบากใจ                               ถูกนินทา ว่าติเตียน

      " ขี้ผึ้ง " พึ่งรวงผึ้ง                            เดิมหุง-นึ่ง ซึ่งทำเทียน
" ขี้แมลงวัน " ผิวพรรณเพี้ยน                     เป็นจุดดำ ตามหน้ากาย

      " ขี้แย " งอแงร้อง                             เพราะขุ่นข้อง เศร้าหมองหมาย
" ขี้ริ้ว " ไม่อยาก ลาย                              " ขี้เหร่ " ไซร้ ไม่สวยงำ

      " ขี้หน้า " ว่าหมั่นไส้                            รังเกียจใคร ใช้กล่าวคำ
" ขี้อาย " ว้าย..ดูทำ                                   เขินกระดาก น่ารักดี

      " ขี้บ่น " ทนไม่ไหว                              ไปไกลๆ ใคร่ถอยหนี
" ขี้..."อื่นๆ อีกดื่นมี                                     เป็นอาหาร ทานได้ง่าย ?

      ขอจบ คำรบ " ขี้ "                                 กลัวโดนดี " ขี้คุย "  ดาย
" ขี้ปด " บทส่งท้าย                                     อย่าวางวาย ซ่อนภัยเอย ฯ

๒๔ กันยายน ๒๕๕๔

หัวใจ ที่ไม่ชอบคิด : กลอนแปด

                
                                       

หัวใจ ที่ไม่ชอบคิด : กลอนแปด     


      มวลเมฆน้อย ลอยเคลื่อน เลื่อนคลุมฟ้า   สุริยา ยามบ่าย ฉายฉาดแสง
เมฆขาวฟ่อน ก้อนก่าย ไกรเกลียวแรง           ขยายแกร่ง แข่งกล้า ท้าสายลม

      ครันเมฆผ่อง ยองใย กลายครึ้มคล้ำ        เทาปนดำ กล้ำกรุ่ม รุมถาถม
แสงแดดลับ ดับหาย สายฝนพรม                 พายุกรม โจมจู่ ดูน่ากลัว

      กิ่งไม้โดน โยนโยก หกเขย่า                ใบไม้เร่า ร่วงหล่น กล่นเกลื่อนทั่ว
ต้นไม้โค่น โดนถอน นอนเนียนัว                  หลังคารั่ว กระเบื้องหลุด กุดกราดไกล

      คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบให้ หัวใจคิด           เพราะเสพย์ติด ฤทธิ์อารมณ์  ชมชอบไฉ
ใช้ชีวิต พิศไปตาม ความพอใจ                    เป็นเหตุให้ เบียดเบียนตน คนอื่นพลอย

      การยับยั้ง ชั่งใจ ใคร่ฝึกฝน                   กุมกมล กลไก ไม่เสื่อมถอย
รู้ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิเลื่อนลอย                       สติคอย เตือนตน กุศลกรรม

      อย่าปล่อยใจ ไปตาม อำนาจกิเลส          อวิชชา อาเพศ เหตุถลำ
เบื้องต้นสุข เพราะถูกใจ บั้นปลายต่ำ              ตกระกำ ลำบาก ยุ่งยากเอย ฯ

๒๔ กันยายน ๒๕๕๔