ครองโสด..ครองคู่ : กลอนหก
ขอขอบคุณคุณตะวัน ที่จุดประกายความคิด
ฟ้าหมองหม่น ฝนหลั่งริน เดือนสาบสิ้น ดินฉ่ำชื้น
น้ำเนืองนอง (เป็น)หนองชั่ว)ข้ามคืน เราหยุดยืน ลื้นลมโลม(ลื้น=เศร้าสลด)
ลมพัดพลิ้ว ลิ่วเรี่ยน้ำ คลื่นไล่ลาม คล่ำห้อโหม
ฝนสาดซัด
ฟาดผาดโทรม เสียงคลาดโครม ซมเศร้ากราย
ชีวีว้าง ช่างหงอยเหงา อยู่เปลี่ยวเปล่า ยาวหม่นหมาย
ไร้ใครคู่
ครู่เคียงคลาย
กาลผ่านผาย กรายผ่านพาน
ไป่ทุกข์เทียบ เปรียบชีวิต คร่ำครวญจิต คิดขวนขาน
อยู่ตราบตาย
ใยดักดาน สืบสังขาร
สานสังวร
อยู่อย่างคน ยลกามกร่ำ ยิ่งทุกข์ทำ ย่ำหลักหลอน
อยู่อย่างพระ(มีศีล) อย่านิ่งนอน พานผ่านร้อน
ผ่อนผ่านเย็น
ไม่มีใคร ไม่ครุ่นคิด ชีพชีวิต ชิดคาดเข็ญ
กาลแก่เฒ่า
กายเก่าเกณฑ์ อยู่ยากเป็น
เย็นยากปัน
ครองความโสด ขดความเข็ญ ปลอดโปร่งเห็น เป็นประหรรษ์
ครองคู่เรียง
เคียงคู่รัน ต้องผูกพัน ต้านผองภัย
ต่างด้อย-ดี ตริวิตก ระเหินหก รกคิดไข
ฝ่าลมล้น
ฝนโรมไร กลับบ้านไป ก่ายหน้านอน ฯ
๑๒ กันยายน ๒๕๕๔
ทุกคมคำ ย้ำคมคิด ................ประดับจิตร อุทาหรณ์
ตอบลบเคลือบแผงไว้ ในลายกลอน.... เป็นคำสอน ก่อนนิทรา
กลอนแนวแปลก ใช่แตกต่าง ...คือเสริมสร้าง สานคุณค่า
ดังเพลงพิณ จินตนา ...............สมภาษา วงศ์กวี
ขอบคุณ ในผลงานสรรค์สร้างครับ
ตอบลบศิลปะ คือ ความสร้างสรรค์ อันไร้กรอบจำกัด....