ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ : กลอนคติสอนใจ



ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ : กลอนคติสอนใจ

    ไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ.....................................(ความ)คิดยลแยบ (เพื่อ)"อย่าถือสา"
รังเกียจกัน ต่างๆนานา.....................................สร้างปัญหา มนุษย์สัมพันธ์

    แต่อย่าใช้ เป็นข้ออ้าง.......................................เพื่อเลิกล้าง ทางเพียรหมั่น
เปลี่ยนแปลงตน พ้นอธรรม์...............................ปล่อยชีวัน ทรามจรรยา

    ไม่มีใคร สมบูรณ์แบบ....................................(เพราะชอบ)ทำตัวแทบ ไม่ศึกษา
มิประหวัด การพัฒนา......................................ให้โสภา อุรา-กาย

    ใส่ใจบ้าง (เรื่อง)ช่างแต่งตัว...............................เท้าจรดหัว ทั่วขวนขวาย
ทุ่มเทยิ่ง ทั้งหญิงชาย(เสริมสวย).......................มิยอมพ่าย(แพ้ใคร) ใคร่สวยงาม

    แต่ขี้เกียจ ออกกำลัง(กาย)................................กิน-นอน-นั่ง หวังสุขหลาม
สิ่งให้โทษ(เช่นเหล้า,ยาฯ) ตะกละตะกลาม..........โรค(ภัย)คุกคาม ทำลายตน

    ชอบทำตาม อำเภอใจ......................................มิแก้ไข (ขับ)ไล่อกุศล
สิ่งทรามชั่ว หัวใจท้น.......................................บ่คิดค้น ล้างขัดเกลา

    (เมื่อ)ถูกตำหนิ ชี้(ข้อ)บกพร่อง...........................รีบปัดป้อง จากคำเขา
"ไม่มีใคร ในคนเรา..........................................ที่พร้อมเพรา แบบสมบูรณ์"(เพรา=งาม)

    ควรคิดที่ ริเริ่มขับ(ไส).......................................สิ่งทรามสรรพ ให้เสื่อมสูญ
หนุนกุศล ท้นเกื้อกูล........................................อนาดูร พูนสุขเอยฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ชีวิตไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ : กลอนไร้ฉันทลักษณ์


Paul Barton is from Yorkshire, England. After studying art at the Royal Academy of Arts in London, he decided to start a career as a concert pianist. Although his brilliant performances quickly helped him on his way to the big stage, the multi-talented Englishman soon realised that this way of life was just not for him. At this point, he chose to travel to Thailand for 3 months, and work as a piano teacher. It was here that he met his wife Khwan, also an artist, and he decided to make Thailand his home. In Bangkok.



ชีวิตไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ : กลอนไร้ฉันทลักษณ์

    ชีวิตไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ
หากแต่ขนาบด้วยขวากหนาม
การจะเดินไปให้ถึงซึ่งจุดหมายปลายทาง
ต้อง อุตสาหะ พยายาม ทุ่มเท ตั้งใจ

    อย่าเชื่อถือแผนที่(ที่ทำขึ้น)ผิดๆ
ชีวิตที่หลงทาง แสงสว่างไร้
หากพลัดหลงเข้าป่าดงพงไพร
หาทางออกมาไม่ได้
จะตายทั้งเป็น

    ทางที่คล้อยลงต่ำดำเนินง่าย
เริ่มต้นเดินสบาย
แต่ปลายทางช่างยากเข็ญ
ชีวิตที่มัวเมาเอาแต่เล่น
จะเป็นคนไร้อนาคต ไร้ค่า น่าเสียดาย

    ทางสูงเนิน
เริ่มต้นเดินต้องพยายามมาก
แต่หากมุมานะขวนขวาย
หลังจากที่ขึ้นไปบนทางได้
จะเดินง่าย ปลอดภัย ไร้กังวล

    รอบข้างทางเดิน
สิ่งน่าเพลิดเพลินล้วนล่อใจ
แต่หากเถลไถล
ย่อมเสียเวลาไปอย่างไร้ค่า

    ยิ่งถ้าออกนอกลู่นอกทาง
อาจจะสร้างปัญหา
ออกไปแล้วไม่ได้หวนกลับมา
สิ้นอนาคต ชวนสลดใจ

    อย่ามัวละห้อยหา รอกลีบกุหลาบ
ปรับตัวตามสถานะที่มี-ที่เป็น ให้ได้
แม้เส้นทางจะขรุขระ ทุลักทุเล
จงอดทนทุ่มเทพยายามไป
สิ่งสำคัญคืออย่าให้
เดินไปผิดทิศผิดทางฯ

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สงบ-สมาธิ-สติปัญญา : กลอนคติสอนใจ


                                      ถ้าคลิปขัดข้อง  ต้องดูทาง Youtube 


สงบ-สมาธิ-สติปัญญา : กลอนคติสอนใจ

    ซากแมงป่อง ฟ้องหลักฐาน.....................................เมื่อคืนวาน เกิดการฆ่า
ลูกแมว(๓ ตัว)เหมือน ไม่ได้นิทรา...........................คืออาชญา ฆาตกร?

    (สำหรับลูกแมว)ทุกอย่างมอง คือของเล่น...................มิว่างเว้น สโมสร
เล่นต่อสู้ คู่ต่อกร.................................................ร่วมหลับนอน ทุกวันวาร

    สรรพคุณ ของความสงบ.........................................คือสยบ(ใจ) มิฟุ้งซ่าน
สมาธิ อภิบาล....................................................ช่วยเสริม-สาน (สติ)ปัญญาเรือง

    สงบ-สมาธิ-สติปัญญา.........................................ร่วมมรรคา พาฟุ้งเฟื่อง
ชูชีวิต จิตประเทือง..............................................อย่างปราดเปรื่อง เปลื้องโศกี

    สัญชาตญาณ บงการจิต.........................................ครองชีวิต ขีดวิถี
กิเลส-ตัณหา สามัคคี...........................................สร้างฤทธี มีอนันต์

    ไม่ศึกษา หาล่วงรู้.................................................ไม่เพ่งดู-แยก(แยะ)กวดขัน
หลงเข้าใจ ใคร่ผูกพัน..........................................(เป็นอันหนึ่ง)อันเดียวกัน กับอัตตา

    ควรคล้อยตาม ธรรมชาติ(สัญชาตญาณ)....................ชนประกาศ เยี่ยงศาสนา
ความระหาย ในอุรา.............................................มองมีค่า น่าทำตาม

    บ่เข้าใจ หาก(ใจ)ไม่สงบ(กิเลสตัณหา).....................คร้านคิดขบ หลบ(เลี่ยง)มองข้าม
ปราศ(สติ)ปัญญา-(ความ)พยายาม.......................สมาธิทราม (เพ่งดู)ลำบากเอยฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เตรียมรับมือการระบาดรอบ 2 โรค COVID-19 | คลิป MU [Mahidol Channel]

เปิดเมืองแต่ปัญหาไม่จบ! Suthichai live 28/5/63

กู คือ ผู้ไปเกิด : กลอนคติสอนใจ





กู คือ ผู้ไปเกิด : กลอนคติสอนใจ

    อหังการ มมังการ.....................................(เป็น)สัญชาตญาณ มานเบื้องต้น
เกิดคู่ใจ ใครทุกคน...............................(ตั้งแต่)ทารกยล จนเฒ่าชรา

    ก็คือ "กู" และ "ของกู"............................ที่เคียงคู่ อยู่พร้อมหน้า
ทำให้คน ท้นอุรา..................................กำลังกล้า เห็นแก่ตัว

    กู-ของกู ล้วนดูดี.....................................วิเศษศรี ไม่มีชั่ว
ความโง่เขลา หลงเมามัว........................ท้นท่วมทั่ว ทั้งหัวใจ

    เป็นบ่อเกิด การลำเอียง.............................มิตรงเที่ยง ยากแก้ไข
เป็นสาเหตุ ที่ทำให้...............................ทำชั่วได้ ไร้กังวล(ถึงผลลัพธ์)

    วิหิงสา พยาบาท.....................................ในโลกธาตุ อุกอาจหน
(มี)กู-ของกู คู่ดาลดล..........................ตลอดจน ตลอดกาล

    ต้องเวียนว่าย ตายและเกิด........................ชีวินเชิด วัฏสงสาร
บ่สิ้นสุด ผุดพบพาน..............................สถานการณ์ ดาล(ผล)นานา

    จงงดเว้น ก่อเวรบาป................................กำราบ กิเลส-ตัณหา
เลิกคำนึง ถึงอัตตา...............................ความถือว่า "กู-ของกู"

    ระลึกถึง ซึ่งหลักธรรม..............................เป็นเงื่อนงำ ประจำสู้
เมื่อไร้ "กู" หมด "ของกู".....................จึงสิ้นผู้ สู่ครรภ์เอยฯ

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ไม่ต้องเสียใจ : กลอนกำลังใจ



ไม่ต้องเสียใจ : กลอนกำลังใจ

    ไม่ต้อง เสียใจ....................................แม้ใน อดีต เคยผิดพลาด
จุดเริ่มต้น ของคนฉลาด........................คือความ สามารถ แยก(ว่าอะไร)ถูก-(อะไร)ผิด

    ไม่ต้อง เศร้าใจ...................................ถึงจะเคย ไม่เข้าใจ ในชีวิต
จนทำให้ เหลวไหลจิต..........................ประพฤติ มืดมิด หลงทิศทาง

    เมื่อเรา เข้าใจ.....................................หลังจาก ได้แจ้ง แสงสว่าง
ตัดสินใจ ไม่เหยียบย่าง.........................ว่างเว้น เดนชน มลวิถี

    เกิดจิต สำนึก.....................................ตรองตรึก ผนึกกรรม ทำดี
กำจัด บัดสี.........................................สมควร ยินดี ปรีดา

    เมื่อตั้ง ใจแล้ว....................................จงทแกล้ว แน่วแน่ ศึกษา
ธรรมทัศน์ สัจจา..................................มุ่งสู่ มรรคา อมฤต

    มิต้อง อ่อนไหว..................................แม้อะไร อะไร ไม่สมจิต
ธรรมชาติ ชีวิต....................................ถูกชะตา ลิขิต ติดตัว

    ตั้งแต่ วันที่........................................ตั้งใจ ทำ(แต่ความ)ดี มิทำชั่ว
บาปกรรม ละอาย-กลัว..........................คู่หัว ใจไป ตลอดกาล

    เกิดความ มั่นใจ..................................แม้ใน วันนี้ (ยัง)มิสุขศานติ์
(ด้วย)กุศล สมาทาน............................สิบันดาล วันหน้า ผาสุกเอยฯ

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

มีเมตตา แต่ อย่าสงสาร : กลอนคติสอนใจ







มีเมตตา แต่ อย่าสงสาร : กลอนคติสอนใจ

    เมฆสีคล้ำ แผ่คลุม เกลียวกลุ่มก้อน..............................อากาศร้อน อบอ้าว เร่ารอฝน
ลมกระโชก กระชั้นชิด ฤทธิ์แรงรน...............................ดูเสมือน เคลื่อนพล ด้นกรีฑา

    แต่จนแล้ว จนรอด ก็ปลอดฝน.....................................หลายๆวัน ผ่านพ้น(เช่นนี้) ล้นกังขา
เหตุไฉน ไร้ฝนตก (ทั้งๆที่)รกเมฆา?............................หรือเทวดา จะโกหก เล่นพกลม?

    คล้ายคลึงข่าว ถูกโกง เพราะ(รู้สึก)สงสาร......................คนใจบุญ สุนทาน มานขื่นขม
หลงเชื่อเล่ห์ เพทุบาย ไพร่สังคม................................ที่อุดม ความพาล แสนจัญไร

    เงินที่ให้(ทาน) ไม่ได้ช่วย อำนวยผล(แก่คนทุกข์)............(ย่อม)ปราศจากบุญ หนุนดล กุศลได้
ถูกคนชั่ว เสแสร้ง แย่งชิงไป......................................อย่าดีใจ (ว่า)จะได้บุญ สิ่งสุนทร

    ควรมีความ เมตตา (แต่)อย่าสงสาร..........................รักษามาน มั่นคงให้ อย่าไหวอ่อน
(ใจที่)เปลี่ยนแปลงตาม สถานการณ์ จักสั่นคลอน...........มิเกิดก่อ บวร รอนผลดี

    ความรู้สึก-อารมณ์ จู่โจมจิต......................................จักครอบงำ ความคิด ประสิทธิ์ลี้
ความมีเหตุ มีผล มืดมนมี..........................................อวิชา เพิ่มทวี มิเป็นคุณ

    ความเมตตา ปราณี มีเหตุผล.......................................จิตกุศล จึงให้ทาง สางสถุล
ช่วยคนได้ ไร้ทุกข์ และอาดุร......................................บุกเบิกบุญ หนุนนำ ความสวัสดี

    อยากช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อใคร ต้องไม่ประมาท...................เพราะพลั้งพลาด อาจทุกข์ สิ้นสุขี
เหล่าผู้คน ที่จนยาก มากมายมี....................................เลือกวิธี ช่วยเหลือเถิด ประเสริฐเอยฯ

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแค่"พ้นทุกข์" : กลอนคติเตือนใจ




พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแค่"พ้นทุกข์" : กลอนคติเตือนใจ

    พระสัมมา สัมพุทธเจ้า.........................................สอนให้เรา เข้าใจวิถี
กฎแห่งกรรม อำนาจมี.................................เหนือชีวี ทุกๆคน

    คนทำดี ย่อมได้ดี.............................................(คน)ทำชั่วชี้ กาลีผล
เป็นพื้นฐาน ขั้นสากล.....................................หลักเบื้องต้น คิดก่อนทำ(กรรม)

    แม้นิพพาน อันอุกฤษฏ์........................................(ก็มี)กุศลจิต ประสิทธิ์ค้ำ(อุกฤษฏ์=สูงสุด)
ขจัดมลทิน(จากใจ) สิ้นบาปกรรม.....................คือหลักธรรม ต้องดำเนิน(ตามธรรมวินัย)

    ไม่ใช่ว่า (เหมือนบางคน)อ้าปากก็.........................."พ้นทุกข์"จ้อ บ่ขัดเขิน
(ดู)เหมือนฉลาด (แต่)ขาดๆเกินๆ......................คนสรรเสริญ ไหว้บูชา(แค่ไม่ยึดมั่นก็พ้นทุกข์ ง่ายดี)

    หากสังเกต ธรรมวินัย..........................................เอาใจใส่ ไตรสิกขา*
ศีล-สมาธิ และปัญญา..................................มีสาระ ว่ากระไร?

    ศีลรักษา คุมประพฤติ..........................................แรกหลักยึด พฤติกรรมให้
มีระเบียบ-กฎ-วินัย.........................................ไม่ละเมิด ประเสริฐเป็น

    สมาธิ=ใจตั้งมั่น.................................................(ใน)กุศลกรรม์ บรรเจิดเห็น
(ไม่)ใช่ดำริ(แค่) ตั้งสติเป็น..............................เช่นโฉดเขลา เฝ้าสอนคน(อื่น)

    ร่วมปัญญา วิชชาเกิด..........................................สะพรั่งเพริศ เลอเลิศผล
พุทธศาสนา พาผู้คน.......................................เป็นสาธุชน สนใจเทอญฯ(สาธุชน=คนดี)

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓

*
กุลบุตรผู้ฉลาดในประโยชน์ ปรารถนาเพื่อจะตรัสรู้สันตบท พึงบำเพ็ญไตรสิกขา
กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้อาจหาญ เป็นผู้ตรง ซื่อตรง ว่าง่าย อ่อนโยน ไม่เย่อหยิ่ง สันโดษ เลี้ยงง่าย
มีกิจน้อย มีความประพฤติเบา มีอินทรีย์อันสงบแล้ว มีปัญญาเครื่องรักษาตน ไม่คะนอง ไม่พัวพันในสกุลทั้งหลาย
และไม่พึงประพฤติทุจริตเล็กน้อยอะไรๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ท่านผู้รู้เหล่าอื่นติเตียนได้.....
จาก <https://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=7380&Z=7409

**
หลายๆสำนัก ที่เชิดชูตัวเองว่าเป็น "พุทธแท้" เป็นพุทธที่"ไม่งมงาย"
หลีกเลี่ยงที่จะสอน(บางแห่งปฏิเสธความมีอยู่) หลักธรรมเรื่อง ความดี-ความชั่ว,บาปบุญคุณโทษ,กฎแห่งกรรม,การเวียนว่ายตายเกิด,ภพ-ชาติฯลฯ
อ้างว่า "เป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้","ไม่เป็นวิทยาศาสตร์","ไม่ทันสมัย","ทั่วโลกไม่ยอมรับ","ไม่มีอยู่จริง"ฯลฯ
เน้นสอนแต่เรื่อง "พ้นทุกข์","นิพพานคือสภาพไม่มีความทุกข์ " (ไม่ใช่หยุดเวียนว่ายตายเกิด) ฯลฯ เข้าลักษณะ "จิตวิทยา" ไม่ใช่"ศาสนา"
เจ้าสำนักมักจะแสดงความเป็นคนที่มีอารมณ์ดี ยิ้ม-หัวเราะอย่างเป็นสุข-ไม่มีความทุกข์ ตลอดเวลา
โดยไม่ใส่ใจว่า เนื้อหาในพระไตรปิฎก "พระพุทธเจ้าสอนอะไรบ้าง?"
หยิบยกมาอ้างเฉพาะสิ่งที่ตัวเองชอบ ส่วนใดที่ตัวเองไม่ชอบก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่คำสอนของพระพุทธเจ้า ทำราวกับเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง
ลูกศิษย์ลูกหาก็ชื่นชอบ คิดว่า ถ้าทำตามก็จะไม่มีความทุกข์-มีแต่ความสุข แค่นี้พอแล้ว ไม่สนใจเรื่องอื่น 
สำนักพุทธเหล่านี้
จึงเป็นตัวการหนึ่ง ที่ทำลายพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า สร้างพุทธศาสนาแบบใหม่ตามใจตัวเอง(ที่งมงายความไม่รู้จริง)

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

หลัง "โควิด-19" เศรษฐกิจไปทางไหน? (22 พ.ค.63) กาแฟดำ | 9 MCOT HD

Suthichai Live สัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ส่อตึงเครียด ปะทะรอบใหม่

หลักพื้นฐานการพ้นความยากจน : กลอนคติสอนใจ



หลักพื้นฐานการพ้นความยากจน : กลอนคติสอนใจ

    ฝนไซร้ ไม่ตก(ตลอดเวลา) เป็นปกติ.................................ป่าสิ ระทดท้อ ก็หาไม่
แหล่งน้ำ ลำธาร ล้นลานไป...........................................ทั้งใน ใต้ดิน ดื่นชินชา

    ดินจะ สะสม อุดมน้ำ......................................................ด้วยความ ธำรง คงอุตสาห์
ทุกที ที่ฝน ปรนพสุธา..................................................ที่เหลือ (ไหลลง)เอื้อธารา มหานที

    สำนึก พฤกษา อาศัยราก................................................อุ้มน้ำ หลามหลาก ฝากวิถี
เก็บใน ใต้ดิน เลี้ยงอินทรีย์............................................ดารดาษ ปัถพี มี(น้ำ)สำรอง

    คนเรา ควรเข้าใจ ใช้ชีวิต................................................(มี)รายได้ ให้คิด เกื้อกิจผอง(ที่จำเป็น)
ขจัดความ ลำเค็ญ เร้นบกพร่อง......................................แต่ต้อง ออมเผื่อ เอื้ออนาคต(ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย)

    มีน้อย ใช้น้อย ทยอยประสงค์..........................................อย่าหลง เริงใจ ใช้(เงิน)จนหมด
วันหน้า ไม่แน่นอน เดือดร้อนรด.....................................เงินหมด เอาอะไร ไปทดแทน?

    แม้อยาก (มีเงิน)มากใช้ ให้หมั่นหา...................................อุตสาห์ อย่าหวัง สร้างหนี้แหน
มัวเมา ไม่ประหยัด (ย่อม)อัตคัด-แคลน...........................แร้นแค้น ลำเค็ญ เป็นคนจน

    มิต้องหวัง ตั้งใจ ใคร่รวยหรอก.........................................เงินดอก(เบี้ยจากการออม) งอกงาม อำนวยผล
เป็นราย ได้ดี ที่บันดล..................................................เงินต้น คงไว้ ใช้ดอก(เบี้ยหมุน)เวียน

    (หลัก)พื้นฐาน การพ้น ความจนยาก..................................ง่ายๆ ไม่มาก หากแต่เสถียร
เศรษฐี ทุกคน ทนพากเพียร...........................................มิเปลี่ยน แปรผัน (ใช้หลัก)เหมือนกันเอยฯ

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

รอยทางเก่า : กลอนคติชีวิต



รอยทางเก่า : กลอนคติชีวิต

    ลูกแมวร้อน นอนแผ่ ร่างแน่นิ่ง........................................หมดแรงวิ่ง-เล่น-ไล่ ไม่หรรษา
ที่ยังคง สดใส คือนัยนา............................................สะท้อนแสง แสวงหา (อยาก)ผจญภัย

    หลับเกษม เปรมปรื่ม ทานอิ่มท้อง...................................ลูกแมวต้อง เติบโต เป็นผู้ใหญ่
มีตะวัน กาลเวลา พาหัวใจ.........................................คิดโหยหา อธิปไตย ใช้ชีวี

    ร่วมเหตุผล คนคล้าย ไม่แตกต่าง....................................(เมื่อเติบใหญ่)ต้องเหินห่าง พ่อแม่ แน่วิถี
ออกไปสร้าง ครอบครัว ผัว-เมียมี................................ทำหน้าที่ พ่อแม่ แพร่เผ่าพันธุ์

    เพียรอดทน ผจญภัย ในโลกกว้าง...................................ตามเส้นทาง โชคชะตา ชีวาสรร
เอาตัวรอด ปลอดร้าย ใช้ชีวัน.....................................เข้าแข่งขัน ผลประโยชน์ โชติแย่งชิง

    เก็บรวบรวม บทเรียน เธียรประดิษฐ์.................................เป็นตำรา ชีวิต ข้อคิด ; สิ่ง
ที่ผิด-ถูก-ชั่ว-ดี มี-เป็นจริง.........................................ถ่ายทอด(เส้น)ทาง อ้างอิง มิทิ้งไป(สู่ลูกหลาน)

    เป็นเส้นทาง (ที่คนเดิน)ซ้ำๆ ตามอดีต..............................ร่องรอยเก่า เขาขีด จารีตใช้
ขนบธรรมเนียม ประเพณี มีปัจจัย.................................ช่วยอยู่รอด ปลอดภัย ไร้ลำเค็ญ

    (เดินตาม)รอยทางเก่า ก้าวเดิน ดำเนินง่าย........................สะดวกสบาย ไม่ขัดข้อง ป้องภัยเห็น
คือปกติ วิถี ชีวีเป็น...................................................อยู่ร่มเย็น เด่นชัด เช่นวัตรา

    การบุกเบิก ทางใหม่ ไร้แบบอย่าง...................................ย่อมจะสร้าง ความยาก ลำบากหนา
หลงเหลือรอด ปลอดภัย ไม่มรณา................................คือผู้สร้าง มรรคา(ใหม่) ขึ้นมาเอยฯ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สนุกกับความทุกข์และปัญหา : กลอนกำลังใจ






สนุกกับความทุกข์และปัญหา : กลอนกำลังใจ

    ยามมีความทุกข์
คือเวลาเหมาะสำหรับปลุกความอดทน
ขณะที่ปัญหามาผจญ
สมควรใช้ฝึกกระมลสงบศานติ์

    ยามมีความสุข
ไม่รู้สึกทุกข์ทรมาน
จึงมิใช่กาล
ชี้วัดความทนทาน-อดทน

    เมื่อปราศจากปัญหา
อุราย่อมไร้ความขัดสน
บ่มีอุปสรรคอะไรให้ร้อนรน
การสงบกระมลย่อมง่ายดาย(ไม่ต้องใช้ความสามารถ)

    คงเห็นคุณของความทุกข์(แล้วสินะ)?
ที่ทำให้ความสุขไร้ความหมาย
ข้อดีของการมีปัญหาสาธยาย
คงพอช่วยผ่อนคลายความชิงชัง

    ดังนั้น
วันใดที่เป็นทุกข์และประสบปัญหา
จงใช้เป็นเวลา
ทำแบบฝึกหัดพัฒนาตัวตน
(ให้เก่งขึ้น แกร่งขึ้น กล้าหาญขึ้นฯลฯ)

    มองให้เห็นข้อดี
มีประโยชน์ล้นพ้น
ยามใดที่ความทุกข์
และปัญหาแวะมาเยี่ยมยล
จงกระโจนเข้าต้อนรับ
ด้วยความสุขสนุกเทอญฯ

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

อย่าเมาธรรมะ : กาพย์ฉบัง๑๖



อย่าเมาธรรมะ : กาพย์ฉบัง๑๖

    หากลูกไม่มีอาหาร(กิน).....................อย่ามัวสมาทาน
ตัณหาละลดและสวดมนต์(ไม่ช่วยให้อิ่มท้อง)

    (ขยัน)ทำมาหากินชีวินดล.....................ประเสริฐสุดหลุดพ้น
ยากจน-ทรมานปัญหา(ความไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ทำให้พ้นความยากจน)

    เจ็บไข้ไม่สบายขึ้นมา.....................ขืนเข้าวัดวา
นั่งสมาธิ(รดน้ำมนต์)ฤาสิหาย?

    พึ่งหมอรักษาขอยาจ่าย......................ช่วยขจัดโรคร้าย
ดูแลสุขอนามัยให้ดี

    บ่มีเงินไปใช้หนี้......................อย่าเขลาเมาฤดี
ร่วมบวชชีพราหมณ์กรรมฐานฯลฯ(ไม่ใช่วิธีทำให้มีเงิน มีแต่จะเสียเงินเสียเวลา)

    เมื่อมีปัญหาทางบ้าน(ครอบครัว)......................สิ่งที่ต้องการ
คือหันหน้า(ร่วมกัน)แก้ปัญหา

    มิใช่เหลวไหลให้มา.....................ร่วม(ทำบุญ)ล้างป่าช้าฯลฯ
ปล่อยปัญหาพอกหางหมู(แล้วก็มาโทษว่า ทำดีไม่เห็นได้ดี)

    เมื่อเกิดทุกขังพรั่งพรู......................จงตั้งใจดู*
รู้ต้นเหตุ-ใช้เหตุผล

    อย่าเมาธรรมะ จะ(เดือด)ร้อนรน......................เกิดอกุศล
(ชีวิต)เวียนวนประจญปัญหา

    หลักธรรมพิสุทธิ์พุทธา**......................จักต้องศึกษา(ไม่ใช่คิดเอาเอง-ทำตามใจตัวเอง)
(เลือก)ใช้ถูกกาลเทศะ(บุคคล)เทอญฯ

๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓

*สาเหตุของความทุกข์มีมากมาย ไม่ใช่แค่ตัณหา-อุปาทาน
ปรากฏคำสอนอยู่ในพระไตรปิฎกหลายๆพระสูตร แต่เป็นเรื่องปลีกย่อย
และไม่ได้ยกขึ้นเป็นหลักธรรมใหญ่เหมือน อริยสัจ๔ , ปฏิจจสมุปบาท ฯลฯ

**หลักธรรมของพระพุทธเจ้ามีมากมาย
ต้องศึกษาพระไตรปิฎกให้เข้าใจ คิด-วิเคราะห์ด้วยสติปัญญา และรู้จักเลือกนำมาใช้ให้ถูกเรื่องถูกกาลเทศะบุคคล
อย่าคิดเองเออเอง อย่าทำราวกับสามารถตรัสรู้เอง เพราะไม่ใช่พระพุทธเจ้า
อย่าสักแต่ทำตามคนอื่น โดยเฉพาะคนที่ไม่ศึกษา-ไม่เข้าใจพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง และมีเจตนาไม่สุจริต
คนเหล่านี้้มีจำนวนมาก-หลายสถานะ ทำมาหากิน-หาผลประโยชน์ ด้วยการแอบอ้างพระพุทธศาสนาบังหน้า

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

วิถีพุทธ : กลอนคติสอนใจ


ภาพประกอบ คัดลอก-ดัดแปลงจาก Google ไม่เกี่ยวข้องกับบทกลอน

วิถีพุทธ : กลอนคติสอนใจ

    อากาศ เริ่มร้อน..............................ตั้งแต่ ตอนเช้า
สายลม แผ่วเบา.........................พอบรรเทา เร่าเข็ญ
สิ่งแวดล้อม สงบ........................ประสบ เยือกเย็น
โดยมิ ต้องเร้น...........................เฟ้นเตร่ เอกา

    ครอบงำ ความอยาก........................ขับ(ไส)จาก จิตใจ
นิมิต คิดใคร่..............................ไร้กิเลส ตัณหา(ในปัจจุบัน)
มีสติ ระลึก................................ตรองตรึก ธรรมา
ง่ายดาย ไม่เชื่องช้า....................ถ้าทำ ประจำเจน

    กิเลส ตัณหา..................................แล อุ ปาทาน
(คือ)อกุศล ต้นธาร......................บันดาล ทุกข์เข็ญ
คุกคาม จิตใจ.............................พิไร ลำเค็ญ
หากไร้ (ทำ)ให้เร้น......................เป็นอยู่ สุธี

    ดินฟ้า อากาศ.................................อาจ(ทำ)ให้ กายทุกข์
แต่ถ้าใจ สงบสุข..........................ไม่ถูก เสียดสี
ร้อนกาย แต่ใจเย็น........................เป็นสัจ สวัสดี
เคียงคู่ วิถี...................................พุทธี วิชา

    ไม่เกี่ยว (ข้อประพฤติ)เลี้ยวลด...........อดหลับ อดนอน
สวดมนต์ (คิด)ค้นสอน...................ตื่นก่อน (ตี ๔)ตี ๕
หลับตา (ทำ)สมาธิ.......................ไร้สติ ปัญญา
แล้วแต่ ครูบา..............................สั่งมา ก็พอ

     (แค่)นุ่งขาว ห่มขาว........................(ก็)ขานกล่าว คือชาวพุทธ?(นุ่งห่มผ้าสีอื่นไม่ใช่พุทธ?)
(เป็น)ผู้มี (ความ)บริสุทธิ์?..............(แต่)ไม่หยุด (ทำ)ชั่วหนอ
(รับ)ศีลแปด ศีลห้า.......................(แต่)ไม่(ต้อง)รักษา ก็เพียงพอ
มรรคา บ้าบอ...............................ขอมี(ชื่อเรียก) "วิถีพุทธ"

๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

หลักธรรมและความรัก : กลอนคติธรรม






หลักธรรมและความรัก : กลอนคติธรรม

    ปลูกข้าว ในดิน ที่ไม่ดี...................................................ฤาหวัง ว่าจะมี ได้ดีผล?
ปลูกรัก จักต้อง ถ่องใจคน.........................................อย่าฉล ฉ้อจิต ทุจริตเจน

    ข่าวคราว คนตาย(เพราะรัก) แทบรายวัน...........................เพราะดัน มักง่าย ไม่เล็งเห็น
ตระหนัก หลักธรรม ถือบำเพ็ญ...................................ว่างเว้น วิถี จริยา

    ดินดี มีน้ำ (จึง)ทำให้ข้าว...............................................งอกยาว เติบใหญ่ ไร้ปัญหา
ออกรวง พวงงาม (ตรง)ตามเวลา................................ตอบแทน วิริยา เกษตรกร

    ความมี ศีลธรรม (คือ)สิ่งสำคัญ.......................................(ในการ)สร้างความ สัมพันธ์ สโมสร
ปลูกรัก ปักฐาน มิสั่นคลอน........................................เดือดร้อน ภายหลัง ดั่งสามานย์

    ฆรา วาสธรรม(๔) พึงนำสถิต.......................................พินิจ พิศเห็น เป็นแก่นสาร
เปี่ยมสุข ปลูกรัก ร้อยหลักการ....................................เป็นหลํก เป็นฐาน สานสมปอง

    สัจจะ=จริงใจ ไม่คดคิด.................................................สุจริต จิตใส หทัยส่อง
ซื่อตรง คงมั่น คอยกลั่นกรอง.....................................อย่ามอง แค่ทรัพย์ กับรูปงาม

    ทมะ=ข่มใจ ใคร่ฝึกฝน..................................................ดวงกมล พ้นชั่ว มัวเมาข้าม
(จิตใจ)แน่นหนัก รักษา พยายาม................................อย่าใคร่ แค่ความ (ต้องเอาอกเอาใจ)ตามใจตน

    ขันติ=ความอด ทนอดกลั้น............................................อุตส่าห์ ฝ่าฟัน ชีวันหน
หากจะต้อง ตกระกำ ร่วมจำทน(ร่วมทุกข์ร่วมสุข)...........มิใช่รน แค่ตนรอด กูปลอดภัย(ตัวใครตัวมัน)

    จาคะ=สละให้ ไร้ตระหนี่...............................................(ความ)เห็นแก่ตัว ชั่วชี้ เสียนิสัย
คนใจแคบ แทบจัก ไร้รักใคร......................................คอยแต่ เห็นแก่ได้ อย่าไปรัก

    หลักธรรม-ความรัก พิทักษา...........................................แม้นมาด ปรารถนา โสภาภักดิ์
ข้อใด ไม่มี รี่สมัคร...................................................ปลูกปัก รักษา พัฒนาเทอญฯ

๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๓

*
ฆราวาสธรรม 4 (ธรรมสำหรับฆราวาส, ธรรมสำหรับการครองเรือน, หลักการครองชีวิตของคฤหัสถ์)
       1. สัจจะ (ความจริง, ซื่อตรง ซื่อสัตย์ จริงใจ พูดจริง ทำจริง)
       2. ทมะ (การฝึกฝน, การข่มใจ ฝึกนิสัย ปรับตัว, รู้จักควบคุมจิตใจ ฝึกหัดดัดนิสัย แก้ไขข้อบกพร่อง ปรับปรุงตนให้เจริญก้าวหน้าด้วยสติปัญญา)
       3. ขันติ (ความอดทน, ตั้งหน้าทำหน้าที่การงานด้วยความขยันหมั่นเพียร เข้มแข็ง ทนทาน ไม่หวั่นไหว มั่นในจุดหมาย ไม่ท้อถอย)
       4. จาคะ (ความเสียสละ, สละกิเลส สละความสุขสบายและผลประโยชน์ส่วนตนได้ ใจกว้าง พร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ ความคิดเห็น และความต้องการของผู้อื่น พร้อมที่จะร่วมมือ ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่คับแคบเห็นแก่ตนหรือเอาแต่ใจตัว )
From <https://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=139>

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

"ความจริง"ไม่มีชื่อ : กลอนคติเตือนใจ



"ความจริง"ไม่มีชื่อ : กลอนคติเตือนใจ

    กลไก ธรรมชาติ.......................................อยู่เหนือ เชื้อชาติ ศาสนา
ยืนหยัด สัจจา.........................................(สอดคล้อง)เป็นจริง ยิ่งกว่า ค่านิยม

    สิ่งใด ถูก-ผิด...........................................อย่าคิด แค่ "ความ เหมาะสม"
วัดพลัง สังคม.........................................เสียงข้าง มากข่ม ข้างน้อย(ความจริงจึงไม่ใช่ประชาธิปไตย)

    ธรรมชาติ ความจริง...................................คือสิ่ง ไม่เคลื่อน เลื่อนลอย
เปลี่ยนแปลง บ่อยๆ..................................คล้อยตาม ความคิด จิตใจ(ของคน)

    มิสำ คัญว่า..............................................เรียกชื่อ-ลือชา แค่ไหน?
(ประเด็นคือ)สาระ มีอะไร?.........................จงใคร่ ให้ความ สำคัญ

    แม้(แต่)ศาส (สะ)นาพุทธ...........................เกิดผุด นิกาย หลายผัน
สอนแตก ต่างกัน.....................................ประดุจ เพ้อฝัน มารยา

    (หาก)มิใช่ ความจริง.................................ย่อมไม่ ใช่สิ่ง ทรงค่า
ฉลเฉ เจรจา...........................................นำพา ผู้คน ฉลครอง

    ไม่ว่า ศาสนา..........................................หรือว่า วิทยา ทั้งผอง
(หาก)ขาดตก บกพร่อง.............................(ย่อม)มิสม ควรต้อง บูชา

    ไม่ต้อง มีชื่อ...........................................ถ้าคือ สัจไซร้ ไร้มุสา
ความจริง (คือ)สิ่งทรงค่า...........................ไม่ว่า จะมีใคร ไม่รู้-เห็นฯ

๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓