ชีวิตมิใช่ปริศนา : กาพย์สุรางคนางค์
๒๘
๏ ...................................................ละอองฝน
หล่นริน
พอได้
ให้ดิน.............................ปล่อยกลิ่น ประทิ่นหล้า
แต่ไร้
(ความ)ชุ่มชื้น....................รดพื้น พสุธา
สักครู่
สู่ซา................................อำลา จากจร
๏ ...................................................ราตรี
เย็นสบาย
เมื่อลม
มิขาดสาย.......................ระบาย เร่าร้อน
ก่อนจะ
ละพยศ..........................ปรากฏ ลดทอน
กรุ่นไอ
กลายย้อน.......................ร้อนขยับ กลับมา
๏ ...................................................สิ่งที่
ชีวิต
ประสบ
เป็นนิจ............................ชวนคิด ปริศนา
แต่หาก
เข้าใจ............................วิสัย สัจจา
ก็จะ
รู้ว่า....................................มีที่มา ที่ไป
๏ ...................................................ตามเวร
ตามกรรม
ก่อนเก่า
เราทำ............................ติดตาม มา(ให้ชด)ใช้
มีเหตุ
มีผล.................................ดาลดล กลไก
ตรงมา
ตรงไป.............................ไม่ขาด ไม่เกิน
๏ ...................................................แปรเปลี่ยน
เวียนว่าย
เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย........................ไม่ขัด
ไม่เขิน
วัฏฏะ
สงสาร..............................พิศาล ดำเนิน
ชะตา
ประเชิญ............................เหินหนี มิพ้น
๏ ..................................................บาป-บุญ
หนุนเนื่อง
สืบสาว
ราวเรื่อง..........................ผู้เปรื่องปราด ยังขัดสน
ชีวิต
ปริศนา...............................อาศัย ให้คน
พิเคราะห์
เหตุ-ผล.......................บนความ เข้าใจ*ฯ
๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓
กลไก-วิสัยของธรรมชาติหลายอย่าง เช่น กฎแห่งกรรม,วิญญาณ,บาป-บุญ,การเวียนว่ายตายเกิด ฯลฯ ไม่ใช่สิ่งที่จะเห็น-ประจักษ์ด้วยสายตา หรือปรากฎชัดในทันที
ธรรมชาติของสิ่งต่างๆมีลักษณะเฉพาะ คนมีขีดจำกัดในการรับรู้ ยกตัวอย่างเช่น
ช่วงแสงที่สัตว์เห็น คลื่นเสียงที่สัตว์ได้ยินฯลฯ มีระดับที่เหนือกว่าคน
ดังนั้น ปรากฎการณ์หลายสิ่งหลายอย่าง ต้องอาศัยการสังเกตด้วยวิธีเทียบเคียง วิเคราะห์จากผลแวดล้อมเพื่อเข้าใจสาเหตุ เพื่อรู้ถึงความมีอยู่จริง
บางครั้ง ประสาทสัมผัสทั้ง ๕ อาจจะไม่เพียงพอต่อการรับรู้ความเป็นจริงฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น