ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทำตามใจ ไม่ใช่อิสรภาพ : กลอนคติชีวิต




ทำตามใจ ไม่ใช่อิสรภาพ : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์ขึ้นเอง)

    อุษา ฟ้าใส.................อุไร สุริยัน สรรค์ศรี
สกุณา รตี.......................เริงรี่ เพรียกพ้อง ส้องสาน(รตี=ความยินดี)
โผผิน บินสู่.....................จนดู เกลื่อนฟ้า จักรวาล
แท้ทัศน์ สัจจการ..............กฎเกณฑ์ เขตคราญ ครอบคลุม

    จิตใจ ใฝ่ฝัน.................สวรรค์ สรรหา มาหัตถ์
ความจริง ยิ่งหยัด..............มีข้อ จำกัด สัจจ์สุม
ให้-มี-ได้-เป็น...................เฉกเช่น ชะตา ประชุม
กฎเกณฑ์ กั้น-กุม...............รุมล้อม น้อมจิต น้อมใจ

    แย่งชิง ของใคร.............ไม่ใช่ อิส รภาพ
คือความ ชั่วหยาบ...............เป็นบาป สาปท้า สาไถย
ผิดศี ลธรรม.......................นำพา พบพิ บัติภัย
ระกำ ตามไตร.....................ไม่ได้ สุขแท้ แน่นอน

    ละเมิด วินัย....................ไม่ใช่ สิทธิ์เส รีภาพ
โทษธรรม กำราบ.................พิลาป พิไร ย้ายย้อน(พิลาป=ร้องไห้,พิไร=ร่ำร้อง)
ระเบียบ วินัย.......................ให้อยู่ ร่วมหล้า สาทร(สาทร=เอื้อเฟื้อ)
โลกสรรพ ซับซ้อน................ลดทอน เดือดร้อน คลอนแคลน

    ทำตาม ใจตน...................ล่วงพ้น ล้นเลย อิสระ
สำราญ พันธะ.......................ต้องละ เห็นแก่ ตัวแหน
เอาแต่ ใจดาย.......................ปัญหา มากมาย ถ่ายแทน
สิ้นสุข ทุกข์แสน.....................ไร้แร้น อิสระ เสรี

    แม้นรัก อิสระ.....................มนะ ผ่องผุด สุจริต
ไม่ทำ ความผิด.......................ชีวิต กฤตยา สง่าศรี(กฤตยา=เกียรติ)
ควบคุม พฤติกรรม...................ไม่ทำ ชั่วร้าย ไม่ดี
อิสระ เสรี............................... ย่อมมี ตราบนิ รันดร ฯ

๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

หน้าที่ วิถีบุญ : กาพย์ยานี ๑๑




หน้าที่ วิถีบุญ : กาพย์ยานี ๑๑

    ขอบฟ้า สีฟ้าใส.............สูงขึ้นไป สีชมพู
สายัณห์ สัญญาณ์สู่............สุขะศานติ์ กาลราตรี

    หูกวาง ร้างร่วงใบ...........รอบต้นใต้ ฉายชาดสี
กิ่งก้าน มลานมี..................ว่างเปล่าปรี่ แทนที่ใบ(มลาน=โศกเศร้า,หมอง)

    สัญญาณ คิมหันตะ..........กำลังจะ มาเยือนใกล้
ฤดูหนาว ราวร้าง ; ใน..........ไม่ช้านี้ ธิตินา (ธิติ=ความทรงไว้)

    สำนึก ในหน้าที่...............ถูกต้อง + ดี มีคุณค่า
ชีวาตม์ วัฒนา.....................สุขิตา แผ่สาธารณ์

    ตั้งใจ ในหน้าที่................บุญวิถี พิษฐาน
รับใช้ ให้บริการ....................กุศลสาน นันทนา

    หน้าที่ มิย่อหย่อน.............ผลสะท้อน ย้อนมาหา
ฤดี สติปัญญา.......................สิก้าวหน้า สถาพร

    เป็นหลัก ธรรมปฏิบัติ..........ศีลวัตร มนัสสร
หน้าที่ วินัยธร........................ประภากร ประภาการ

    ขุมทรัพย์ อย่าขับไส............ผลพิไล แผ่ไพศาล
บุญดล กุศลดาล.....................สุขสราญ นิรันดร์เอย ฯ


๓๐ มีนาคม ๒๕๕๖

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

พรรคเผาไทยใช้เงิน คนไทยใช้หนี้ 5.16 ล้านล้าน : กลอนการเมือง(กลอนแปด)




พรรคเผาไทยใช้เงิน คนไทยใช้หนี้ 5.16 ล้านล้าน : กลอนการเมือง(กลอนแปด)

    จะให้กู ใช้หนี้ ที่มึงกู้                       เคยถามกู สักครั้ง หรือยังเหวย ?
5 ล้านล้าน พล่านพลุ่ง อยากจุงเบย            ใช้หนี้เลย ลูกหลาน เผาพันธุ์ไทย

    รายละเอียด ไม่มี ลุกลี้ลุกลน              วางแผนปล้น เงินกู อยู่ใช่ไหม ?
เอกสาร พ.ร.บ. บ่กี่ใบ                            ผิดวิสัย การคลัง ของดั้งเดิม

    รถไฟความ เร็วสูง มุ่งส่งผัก               ขำแทบชัก จั๊กจี้ อีปูเสริม
ทำไม่เสร็จ ต่างหาก อยากต่อเติม              ต้องกู้เพิ่ม ล้านล้าน ? บรรลัยมี

    50 ปี หนี้ใช้ ไม่หมดแน่                   จนกูแก่ กูตาย กลายเป็นผี
ลูกหลานได้ ใช้ต่อ ท้อฤดี                       ทุกข์ทวี  หนี้ม๊วก เพราะพวกมึง  ฯ

๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖

คนตัดไม้ : กลอนนิทานสุภาษิต(กาพย์ฉบัง ๑๖)




คนตัดไม้ : กลอนนิทานสุภาษิต(กาพย์ฉบัง ๑๖)

    กล่าวถึงชายทมิฬหินชาติ...........ทะนงองอาจ
มิขาดตัณหาสาไถย

    สามานย์สันดานชาญชัย............ทุจริตจิตใจ
เต็มไปด้วยกิเลสเฉทกุศล(เฉท=การตัด)

    ดวงแดเห็นแต่แก่ตน............สำคัญเหนือคน-
อื่นท้นล้นหล้าสาธารณ์

    วันหนึ่ง เข้าไปไพรสาณฑ์...........ในมือถือขวาน
เดินพานไม้ผลต้นใหญ่

    ผลแลแก่อ่อนสลอนไป............อยากกินจับใจ
ใช้ขวานบั่นโค่นต้นครืน

    กินจนอิ่มหนำล้ำรื่น............ก่อนลุกขึ้นยืน
เริงรื่นกลับบ้านสราญอุรา

    นิทานสันทัดสัจจา...........พบเห็นเจนตา
บรรดาข้าราชการ-นักการเมือง

    ฉ้อราษฎร์บังหลวงหน่วงเนือง...........ตำแหน่งรุ่งเรือง
ยิ่งฟุ้งยิ่งเฟื่องเขื่องขัน

    โกงกินสินทรัพย์นับอนันต์............จากไม้จิ้มฟัน
จนยันสัมปทานดาวเทียม

    ชาติไทยฉิบหายไม่เจียม............จิตใจเหี้ยมเกรียม
เต็มเปี่ยมเล่ห์ฉลกลฉินท์  (ฉินท์=ทำลาย)

    ตั้งหน้าตั้งตาโกงกิน.............มิจฉาอาจิณ
เหมือนคนโค่นสิ้นแผ่นดินไทย ฯ

๒๙ มีนาคม ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

อยู่ยากดักดาน : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒




อยู่ยากดักดาน : กาพย์สุรางคนางค์ ๓๒

    ปีนี้ มีนา ฯ..............นภา ขาดฝน
ลำบาก ลำบน..............แทบทน ไม่ไหว
น้ำบ่อ ก็ขอด................ลำธาร ทอดไกล
หามี น้ำไม่...................ไร้ชีวิต ชีวา

    แสงแดด แผดเผา.....ควายเฒ่า เร่าร้อน
หมดแรง แคลงนอน.......ดอนดิน สิ้นท่า
แยกแตก ระแหง............แห้งแข็ง ทั่วนา
ไม่มี น้ำ-หญ้า................น้ำตา ระริน

    ลมฟัด พัดฝุ่น............อุ่นอวล ตลบ
พายุ ทุทบ.....................กลบ พิ ภพสิ้น
เมฆครอง นภา................สายฟ้า ผ่าดิน
หยาดฝน หล่นริน............แทบดิ้น ดีใจ

    แต่ร้อน เร่ารน.............จนเมฆ เหือดหมด
แดดกล้า ปรากฏ.............รันทด ไฉน
ดินชื้น ระเหย..................เลยเร้น เป็นไอ
เอาความ หวังไป..............หายห้วง นภา

    ไม่มี ความหวัง.............ดั่งฝน หล่นไร้
ไม่มี พลังใจ....................ในความ หนักหนา
ไม่มี ความคิด...................ประสิทธิ์ พิจารณา
ไม่มี ปัญญา.....................รับหน้า สถานการณ์

    ชีวัน ผ่านพ้น................บนความ ลำบาก
ใจยัง จังอยาก...................รักสนุก สนาน
ไม่หา ความรู้.....................จึงอยู่ ดักดาน
ทนทุกข์ ทรมาน.................ตลอดกาล ตลอดไป ฯ

๒๘ มีนาคม ๒๕๕๖

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปล่อยจิตปล่อยใจ : กาพย์ยานี ๑๑




ปล่อยจิตปล่อยใจ : กาพย์ยานี ๑๑

    สิ้นไร้ สายลมหนาว............อากาศอ้าว ระเร่าร้อน
รุ่งสาง เมฆจางจร..................ฟ้าสีอ่อน ผ่อนอำไพ

    แสงสูรย์ ที่อุ่นอบ...............ค่อยเคลื่อนหลบ พ้นยอดไม้
รุจี ภาพิไล............................ในคิมหัน ตะฤดู

    ลั่นทม ระบัดดอก................คลี่กลีบออก สะคราญหรู(ระบัด=ผลิ)
เกลียวเกย เผยผายสู่...............ดูวิจิตร ตระการตา

    กิ่งก้าน ร้างรานใบ...............หาทำให้ ไร้เสน่หา
ยังงาม ยังสง่า.........................ยังสะสวย ด้วยผิวพรรณ

    ย้อนจิต คิดถึงคน.................คอยดิ้นรน แสวงสรร
ความงาม ตามกายกัน...............สำคัญหมาย สุกใสมี

    หาได้ คิดไม่ว่า....................แค่มายา ราคะวิถี
ล่วงกาล บรรลัยมี.....................ไม่กี่ปี ที่มองงาม

    จิตใจ ไม่นำพา.....................ปล่อยหยาบช้า ทุราหลาม
บัดสี ราคีทราม..........................กิเลสกาม ลาม กมล

    คดคุด ทุจริต.........................ความนึกคิด นิสัยฉล
คุ้นชิน ราคินชน..........................ไม่รู้ตน เป็นคนเลว

    วิกรม สั่งสมบาป.....................จนตายตราบ ลงสู่เหว(วิกรม=เก่งกล้า)
เตโช โลกันตร์เปลว.....................แผดเผาไหม้ ฉิบหายเอย ฯ

๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ใจงามทุกยามยล : โคลงสี่สุภาพ




ใจงามทุกยามยล : โคลงสี่สุภาพ

. เวลามาล่วงย้อน................ร้อนฤดู
อุษาอาทิตย์ฟู.......................ขอบฟ้า
กลมโตใหญ่ชายชู..................ชรอัด(ชรอัด=ชัด)
สีนุ่มนวลชวนคว้า....................เชื่องช้าราลอย ฯ(รา=รอรั้ง)

. ลั่นทมระบมเบื้อง.................เปลื้องใบ
ค่อยผลิยอดสอดไช.................สดชื้น
ปรากฏช่อดอกไกร...................ดกกิ่ง
ยลยิ่งงามลามรื้น......................แรกแย้มลำยอง ฯ

. คิดฉงนก็แต่ต้น....................." คูน "; มี
บางต้นใบหล่นหนี.....................หมดแล้ว
ช่อดอกออกทวี.........................เหลืองอร่าม
บางต้นล้นใบแพร้ว.....................แต่ไร้บุปผา ฯ

. อุษาว่างามแล้ว......................สุริยน
สายัณห์ยังพิมล.........................ไม่แพ้
แต่ละวันบันดล...........................แตกต่าง
งามไม่คงที่แม้............................ห่างห้วงเวลา ฯ

. กล่าวใยใจคนย้อน....................ยอกเห็น
แปลงเปลี่ยนเวียนวนเป็น...............แปลกรู้
หากธรรมครองส่องเย็น..................ดีอยู่
หากว่าทรามลามทู้........................ทั่วร้ายหน่ายแหนง ฯ(ทู้=ยอมอยู่ใต้อำนาจ )

. เปรียบปานอาทิตย์ครั้น................อุทัย
เลยล่วงตามยามใด........................ต่างแพร้ว
กาลแปรเปลี่ยนเจียนใจ...................พิจิตร
คงมั่นมิผันแคล้ว............................แกร่งแกล้วกำจร ฯ

๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้องเล่าเรียน : กลอนคติชีวิต




ทำไมต้องเล่าเรียน : กลอนคติชีวิต
(ฉันทลักษณ์ที่ผมคิดประดิษฐ์เอง)

    มันยาก ใช่ไม๊ ?................ที่จะ ตั้งใจ ศึกษา
เล่าเรียน วิชา.......................วิทยาฯ ภาษาฯ คณิตศาสตร์ ฯลฯ

    มันมาก หรือไร ?...............ครูให้ การบ้าน เกินคาด
เกียจคร้าน / หวั่นหวาด ?........ยาก / มาก ไม่อาจ ทำไหว ?

    มันน่า เบื่อหรือ ?...............ต้องถือ ตำรา พาไป
อัดอั้น ตันใจ.........................ทำไม ต้องให้ เล่าเรียน ?

    ลองดู รอบข้าง..................โลกกว้าง ช่างน่า ปวดเศียร
ดำรง ชีพเชียร.......................ต้องหมั่น ต้องเพียร เรียนรู้

    ไม่ใช่ เกิดมา.....................นานา วิชา มาคู่
โดยไม่ ต้องสู้.........................ไม่ต้อง มีครู สั่งสอน

    ลองดู ผู้คน........................ดิ้นรน-แข่งขัน-สัญจร
แย่งดิน-กิน-นอน......................จนต้อง หลอกหลอน-ฆ่าฟัน ฯลฯ

    ไม่ใช่ เกิดมา.......................โลกา สมบูรณ์ พูนสันติ์
ไม่ต้อง บากบั่น.........................มีแต่ ในฝัน นิยาย

    สำเร็จ ศึกษา........................นำพา ไปสู่ จุดหมาย
สุขสันติ์ บั้นปลาย.......................มีงาน สบาย ให้ทำ

    ไร้การ ศึกษา.........................ไร้คน เมตตา อุปถัมภ์
ฐานะ ต้อยต่ำ.............................ต้องเป็น กรรมกร ยากจน

    เยาว์วัย ไม่เรียน......................ไม่พาก ไม่เพียร ฝึกฝน
ไม่พัฒ นาตน..............................อนาคต มืดมน จนตาย ฯ

๒๕ มีนาคม ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

หนี้หมาย เหมือนไม้ผุ : กาพย์ยานี ๑๑




หนี้หมาย เหมือนไม้ผุ : กาพย์ยานี ๑๑

    ใกล้รุ่ง รวิวรรณ.............เสกสีสัน จรรโลงฟ้า
มวลหมู่ สกุณา..................เพรียกพากัน ร้องบรรเลง

    แนวไม้ แปลกไปมาก......เห็นหักพราก หลากโหรงเหรง
ค่ำวาน การณ์หวั่นเกรง.........พายุฝน ล้นแรงราญ

    กิ่งไม้-ใบเกลื่อนกล่น........เหลือง-เขียวปน บนพื้นพล่าน
ต้นหัก หัวปักปาน.................สมรภูมิผ่าน มลานพวง

    สังเกต แกนในต้น.............ผุเน่าจน ผลโพรงจ้วง
เปลือกไม้ ไม่พอหน่วง...........ลมทะลวง ถ่วงทลาย

    เปรียบเสมือน เตือนมนุษย์...ผู้มิหยุด ผุดขวนขวาย
สร้างหนี้ สิมากมาย................ชอบใช้จ่าย ตามใจตน

    ฐานะ ที่ง่อนแง่น................ก็เหมือนแม้น แกนในต้น-
ไม้ผุ พายุผจญ.......................ย่อมโค่นหัก เข้าสักวัน

    ภายหน้า ใครจะรู้................ปัญหาสู่ จู่โจมสรรค์
ชีพยาก ลำบากยัน...................พันธ์จับจ่าย ภัยเพิ่มเติม

    หนี้เท่า เน่าทวี....................จนไม่มี ที่หาเหิม
หนักหนา สาหัสเกริม................เสริมจนสิ้น ทางดิ้นรน

    ที่สุด ทุจริต........................ทำความผิด วิกฤติผล
ชีวัน บรรลัยวน.........................เวียนทนทุกข์ สิ้นสุขทัณฑ์

    หนี้หมาย เหมือนไม้ผุ.............พบพายุ อุทกผัน
ต้นแยก หักแหลกรัน...................สำคัญโทษ ละโลดเทอญ ฯ

๒๔ มีนาคม ๒๕๕๖

ภาพขำขำ ๗๔

ภาพขำขำ ๗๔
















วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556

รักน้องคนเดียว : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑




รักน้องคนเดียว : อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑
(ละเลยฉันทลักษณ์)

    เนื่องนาถ อนงค์นุช...............ปริสุท ธิโสภา
โศกัน ตระสัญญา......................ระแวงพี่ สินอกใจ

    ฟังถ้อย ประดอยทำ...............มิสคำ มุสาใคร(มิส-=เจือปน)
เท็จจริง มิกริ่งใจ........................ก็ผนวก พจีนำ

    ทั้งดวง สะทรวงพี่...................รติมี มิดาลดำ(รติ=ความรัก)
ทรงทิน ศีลธรรม.........................สุจริต บ่มิจฉา(ทิน=ให้แล้ว)

    ซื่อตรง ประจงจิน-...................ตะระบิล และสัตยา
ยึดมั่น กะสัญญา..........................มิตลบ ตะแลงเลือน

    ใครเขา จะเจ้าชู้.......................อย่าสิสู่ ดูพี่เหมือน
ดวงแด มิแชเชือน.........................เฉพาะเจ้า นะเยาวมาลย์

    รักใด ณ ใต้หล้า.......................ฤจะมา ประเทียมทาน
รักพี่ สิคงคราญ............................คคนานต์ นิรันดร(คคนานต์ =ท้องฟ้า)

    เชื่อใน ฤทัยพี่..........................ยุพดี ศรีสมร
ศศิน และทินกร............................จะประจักษ์ พยานใจ(ศศิน=พระจันทร์,ทินกร=พระอาทิตย์)

    หากแม้น ผิแคลนคลอน..............มิละรอน อุราไคล
สาบาน สถานใด............................ก็จะไป มิไหวหวั่น

    สาบาน จะจงรัก.........................และจะภักดิ์ ตลอดกัลป์
วันใด ผิแปรผัน..............................ปะอสัญ อสงไขย

    ให้ตก นรกชั้น............................ณ โลกันตร์ นิรันดร์ไป 
หยุดเกิด ประเสริฐไกร......................ณ มนุส สะโลกา(มนุสสา=มนุษย์)

    โปรดจง ประจักษ์จิต....................สุพินิจ นะกานดา
ทรวงพี่ มิมารยา...............................มนซื่อ ระบือเอย ฯ

๒๓ มีนาคม ๒๕๕๖    

วันศุกร์ที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2556

ชีวิตใหม่ : กลอนหก




ชีวิตใหม่ : กลอนหก

    มิหลงใหล ในความสุข............ความเป็นทุกข์ มิเคืองขัด
พุทธองค์ ทรงสอนชัด.................หลักปฏิบัติ ต่อเวทนา

    ความสุขนั้น ไม่แน่นอน............ความทุกข์ร้อน อนิจจา
ไม่คงมั่น นานหรอกหนา...............เมื่อผ่านมา ย่อมผ่านไป

    จงรักษ์ใจ ให้สงบ...................จะพานพบ ชีวิตใหม่
บ่ดิ้นรน บ่จนใจ...........................ในสุข-ทุกข์ รุกชีวี

    บุพกรรม ที่ทำไว้.....................ติดตัวไป ไม่ละหนี
เคยทำชั่ว เคยทำดี.......................ผลกรรมมี วิบากดล

    สตินำ รำลึกรู้...........................อย่าล่วงสู่ อกุศล
ทำกิจใด ไม่วิกล...........................อย่าดิ้นรน จนเกินการณ์

    ยามทุกข์ร้อน ย้อนดูเหตุ.............เพราะกิเลส ตัณหาหาญ ?
กระเสือกกระสน กมลมาน................ไม่พิจารณ์ ประมาณตัว ?

    ความประมาท พาพลาดผิด..........เพาะวิกฤติ พิษภัยกลั้ว
ความโง่เขลา พาเมามัว...................ไม่รู้ชั่ว ทั่วถึงดี

    ครองชีวิต ครวญคิดใคร่...............ถ้าอยากได้ ไทสุขี
ตามใจคร่ำ ตรำราคี.........................ทุกข์ทวี ตริตรองเทอญ ฯ

๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖

วันพฤหัสบดีที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2556

ผ่อนหนักผ่อนเบา : กาพย์ฉบัง ๑๖




ผ่อนหนักผ่อนเบา : กาพย์ฉบัง ๑๖

๏    ตะวันล่วงลับขอบหล้า..............เริ่มสนธยา
ม่านฟ้าสีครามคล้ำขจาย

    ดาริกาประกิดกรีดกราย.............สกาวพราวพราย(ประกิด=ประดับ)
เฉิดฉายไสว สด จรดศรี

    นกแสกแหวกฟ้าราตรี..............นภดลมนตรี
เผยขนสีขาวพราวประไพ

    แผดร้องก้องเพียงเกรียงไพร...............โผผินบินไป
ในนภากาศผงาดโผน

     แรงลมโถมถาปะทะโดน.................ผันผ่อนอ่อนโอน
พุ่งพ้นนภามิอาทร

     เสมือนมีชีวันสัญจร...............สิ่งสรรพซับซ้อน
มิอาจร้อนรนกระโจนจินต์

     เพราะผิดพลาดพา ราคิน..............วิบูลย์สูญสิ้น
เดือดดิ้นภินท์พาน จราญผล(ภินท์,จราญ=ทำลาย)

     รู้จักโอนอ่อนผ่อนปรน..............ปรับตัวปรับตน
เพื่อผจญอุปสรรคปัญหา

    ผ่อนหนักผ่อนเบาเสาวภา.............พิจารณ์ปัญญา(เสาวภา=งาม)
รักษาจิตใจให้สงบ

    ขันติธรรมนำพาไปพบ.............สันติสุขสบ
สยบ ลบทุกข์ทรมาน

    รู้ละสละความต้องการ.............ทะเยอทะยาน
คล้อยสถานการณ์สราญเอย ฯ

๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

สงสาร มนุษย์อึดอัด : กลอนการเมือง(กาพย์ยานี ๑๑)




สงสาร มนุษย์อึดอัด : กลอนการเมือง(กาพย์ยานี ๑๑)

    สงสาร " มนุษย์อึดอัด "............เป็นเหมือนสัตว์ ในกรงขัง
ครวญคร่ำ ส่ำเสียงดัง...................ชัง " ไทยแลนด์ แดนอึดอัด "

    อยู่ไทย ใยรังเกียจ...................คอยส่อเสียด เดียดกษัตริย์
ผู้มี วิสัยทัศน์...............................ถึงบอกปัด ให้ไปไกลๆ

    คนไทย รักในหลวง...................ย่อมเป็นห่วง ย่อมเป็นใย
สัญลักษณ์ ศูนย์รวมใจ...................ผองชาวไทย ทั้งชาติมี

    หากใคร ใฝ่เห็นต่าง...................โลกก็กว้าง ออกอย่างนี้
จงไปอยู่ ประเทศที่.........................ไม่มีพระ มหากษัตริย์

    ไทยมี เสรีชน............................ที่ไม่ทน คนอึดอัด
หาญกล้า มาแว้งกัด.........................พระมหากษัตริย์ ผู้มีคุณ

    มีไหม ? ใครปิดตา.......................บังคับบัญชา ซ้ายขวาหมุน
พระองค์ ทรงการุญ...........................คอยเจือจุน สุนทรา

    ไทยจึง ซึ้งใจนัก..........................พ้องพิทักษ์ พร้อมรักษา
กราบกราน ไร้มารยา..........................ด้วยสัจจา สมัครใจ

    เป็นรัก บริสุทธิ์.............................ของมนุษย์ ดุจน้ำใส
เสรี อธิปไตย....................................ไม่มีใคร ใดกดดัน

    " อึดอัด " กันกี่คน ?.......................สัปดน กมลกระสัน
อยากเหมือน ฝรั่งมัน...........................แต่เสือกดัน อยู่แดนไทย ฯ

๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖

อำนาจเงิน : กลอนคติสอนใจ



อำนาจเงิน : กลอนคติสอนใจ

    สิ่งสมมุติ สุดเรื่องลือ ชื่อ " เงินตรา "         ใช้ซื้อหา สิ่งปอง ของประสงค์
สะดวกสบาย คลายระกำ ชีพดำรง                    หลายคนงง หลงว่า มี " ค่า " จริง

    แสวงมา รักษาไว้ ไม่สิ้นสุด                     โจรยุทธ ทุจริต มิจฉาสิง
แลกเรือนกาย ขายวิญญาณ ให้มารชิง               ยอมทอดทิ้ง มโนธรรม ความเป็น " คน "

    บูชาเงิน เกินหน้า เหนือพระเจ้า                เงินเทียบเท่า อิทธิฤทธิ์ ประสิทธิ์ผล
ปลุกกระสัน ปั่นกระแส แก่สากล                      จักขุ์มืดมน จนอำมหิต ท้นจิตใจ

    อำนาจเงิน เกินกมล คนสามัญ                ผู้กระสัน ตัณหา ศรัทธาไถย
ยากต้านทาน ขันขืน ฝืนหทัย                         ยืนหยัดตรง จำนงไตร ไม่สั่นคลอน

    มีแค่คน มั่นคง วรงค์ศิษฏ์                      สุจริต จิตศุภะ อดิศร(ศิษฏ์=ฝึกแล้ว) 
วศินสรร หรรษา สุทธาธร                       มิอาทร อ่อนเป็นทาส อำนาจเงิน ฯ(วศิน=ผู้ชนะตน,ธร=ผู้ทรงไว้)

๒๐ มีนาคม ๒๕๕๖

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

รักเธอ อโณทัย : กาพย์ยานี ๑๑




รักเธอ อโณทัย : กาพย์ยานี ๑๑

    ทุกวัน ฉันตื่นเช้า..............เพราะใจเร่า ผ่าวหลงใหล
รักเธอ อโณทัย....................หมายมาพบ ประสบพาน

    งดงาม ยามย่างเยื้อง.........รุ่งรองเรือง รวิวาร
สงบเห็น เย็นสุขศานติ์............สุขุมาล สุขะมี

    อรชร ช่างอ้อนแอ้น............เสงี่ยมแสน สง่าศรี
เปี่ยมไป ด้วยไมตรี.................มิตรภาพ ปลาบปลื้มมน

    อ้อมแขน อันอบอุ่น.............นุ่มละมุน สุนทรท้น
อกอิ่ม ปริ่มเปรมจน..................ใจไม่อยาก จะจากจร

    อ่อนโยน เป็นยิ่งนัก..............ปองสมัคร สโมสร
เมตตา เอื้ออาทร.....................มิซ่อนเล่ห์ เสน่ห์ลวง

    ยามที่ ฤทัยเศร้า..................เธอบรรเทา ทุกข์ก้าวล่วง
ยามที่ ฤดีกลวง........................เธอช่วยตวง ช่วยเติมเต็ม

    หน้าหนาว ดูสาวใส...............หน้าร้อนให้ สีสันเข้ม
หน้าฝน ยลอิ่มเอม.....................เขษมสุข ทุกหน้าไป

    รักที่ มีเพื่อเธอ......................สม่ำเสมอ เสนอให้
รักเธอ อโณทัย..........................ตลอดไป ตลอดปราณ ฯ

๑๙ มีนาคม ๒๕๕๖

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

ไม่รัก หากไม่พร้อม : กลอนคติสอนใจ



ไม่รัก หากไม่พร้อม : กลอนคติสอนใจ

    สติมาสู่ รู้ตัวอีกที
ชีวิตก็มี คนที่น่ารัก
มาอยู่ใกล้ๆ  มาให้รู้จัก
มาทอมาถัก จำหลักสายใย

    เธอเปลี่ยนให้ฟ้า เป็นสีชมพู
ทำให้โลกดู สว่างสดใส
เธอเหมือนบทเพลง บรรเลงพิไล
ทำให้หัวใจ ฉันไหวหวั่นคลอน

    ก็อยากจะสร้าง อยากสานสัมพันธ์
อยากหมายอยากหมั้น ไร้วันถ่ายถอน
อยากเป็นคู่สร้าง ไม่อ้างว้างวอน
อยากเป็นคู่นอน ร่วมหมอนนิทรา

    แต่ว่ายังดี ที่พอรู้ตัว
ยังรู้ดี-ชั่ว กลัวบาปหยาบช้า
รู้ว่ามันยัง ไม่ถึงเวลา
ยังมีพันธะ หน้าที่ต้องทำ

    รู้ว่าคนมัก รักง่ายหน่ายเร็ว
ความรักเหมือนเหว ล่อลึกถลำ
คนรักต้องกิน ใช้สินประจำ
ความรักจักดำ ถ้าทำตามใจ

    ทั้งฉันและเธอ เราต่างไม่พร้อม
ฉันจะไม่ยอม ทำเรื่องเหลวไหล
ต้องสร้างความพร้อม ชีวิต-จิตใจ
ค่อยเป็นค่อยไป ไม่เร่งร้อนรน

    รักมักเลิกรา เพราะ ปัญหาเศรษฐกิจ
รักกลายเป็นพิษ เพราะ คนคิดฉ้อฉล
รักที่ดื้อด้าน ย่อม พิการพิกล
รักจักขัดสน เพราะ คนขาดพุฒิภาวะ

    มีความรัก ทั้งที่ยังมิพร้อม
ฉันขอยินยอม น้อมเสียสละ
คงไม่ตาย...เพราะ ไร้รักหรอกนะ
แต่จะตาย ถ้า...รักไม่ระมัดระวัง ฯ


๑๘ มีนาคม ๒๕๕๖

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

อย่าถือสาคน : กาพย์ยานี ๑๑



อย่าถือสาคน : กาพย์ยานี ๑๑

    อาหาร ลานขายดี................ใช่เพราะมี คุณประโยชน์
อาหาร ลานให้โทษ..................คนปรานโปรด เพียงรสดี

    คนดี ที่ไร้คู่.........................มากมายอยู่ พอสูสี
บางคู่ ดู...ไม่ดี.........................ที่คนชม ถมเถไป

    คนชื่อ ไม่ซื่อสัตย์.................คนห้อมศรัทธ์ อัชฌาศัย
คนซื่อ ถือสัตย์ใย......................มากมายหม่น ขัดสนมิตร ?

    ถูกใจ ใครก็ชอบ....................ไม่มีขอบ กรอบถูก / ผิด
ขัดใจ ใครก็คิด..........................ไม่พอจิต ไม่พอใจ

    นี่คือ ปุถุชน...........................ปกติคน กมลไข
สำมะหา แปลกกระไร...................หากมีใคร ไม่ชอบเรา

    ติฉิน ถูกนินทา........................อย่าถือสา ว่าคนเขลา
ชั่วช้า ปัญญาเบา.........................เอาอะไร เป็นแก่นสาร

    คนใด ไม่รักดี..........................ย่อมไม่มี สัมมามาน
พวกไพร่ นิสัยพาล.......................ลานหลากแล แพร่สังคม

    คนดี คนดีรัก...........................แต่พาลจัก มักทับถม
นิยาม " ความนิยม ......................= ชมชอบ "ไซร้ (หา)ใช่ " ความดี "

    ยึดถือ คุณธรรม........................ชีวานำ ล้ำเลิศศรี
ประโยชน์ ปราโมทย์มี....................สุขสวัสดิ ตราบนิรันดร์  ฯ

๑๗ มีนาคม ๒๕๕๖