ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2563

ต้นโพธิ์ ภายในใจ : กลอนจรรโลงใจ




ต้นโพธิ์ ภายในใจ : กลอนจรรโลงใจ

    ต้นโพธิ์....................................ที่ตั้ง เติบโต ในใจ
กิ่งก้าน น้อยใหญ่........................ยังไม่ งามสง่า กล้าแข็ง

    ศีลด่ำ=น้ำรด............................หยาดหยด ไม่หมด เรี่ยวแรง
คืนวัน กร้านแกร่ง........................จริงใจ ไม่(เส)แสร้ง แสดงกรรม

    สติ ปัญญา...............................ประดุจ อาภา อาทิตย์ล้ำ
ถ่องทัศน์ สัจธรรม........................จุนค้ำ ต้นโพธิ์ โตไว

    กิเลสา=กาฝาก.........................สอดราก มายา สาไถย
ซอกซอน ชอนไช........................ทำให้ ต้นโพธิ์ โตช้า

    มลทิน จินต์ทราม.......................สร้างความ ต่ำใต้ ไม่โสภา
เขลาโง่=โรคา............................ประดา ประดัง หลั่งไหล

    สัมมา ปฏิบัติ.............................ยึดหลัก ปรมัตถ์ ปัจจัย
อุตสาห์ อย่าให้...........................โลกีย์ วิสัย คลายครอง

    ยิ่ง(ต้น)โพธิ์ โตใหญ่...................เท่าไร (ยิ่ง)ให้การ ปกป้อง
พ้นทุกข์ เศร้าหมอง......................จนอับ คับข้อง เข็ญทรวง

    โพธิ์ขยาย ให้เมล็ด.....................วิเศษ แพร่หลาย ไม่หวง
ยังโลก ทั้งปวง.............................ลุล่วง วิจิตร ชีวิตเอยฯ

๓๑ มกราคม ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2563

วิกฤติ 2020 เราต้องรอด : กลอนกำลังใจ













วิกฤติ 2020 เราต้องรอด : กลอนกำลังใจ

    สารพัน ปัญหา เศรษฐกิจ..................................ประชิด เข้ามา พาใจหาย
จากที่ เคยทำ ตามสบาย..................................คงต้อง ขวนขวาย หลายปรับตัว

    สงคราม การค้า ยังคา(ราคาซัง)อยู่......................จู่ๆ โรคระบาด อาละวาดทั่ว(โลก)
ทางออก งบประมาณ(๒๕๖๓) นั้นมืดมัว..............ภัยแล้ง น่ากลัว วิกฤตการณ์(ใกล้มาถึงแล้ว)

    ยังต้อง ถ่องถึง ซึ่งปัญหา...................................ส่ำยา เสพติด แพร่พิษผลาญ
คนไทย คลั่งหวย หวังรวย(ทางลัด)ลาน..............เกียจคร้าน งานก่อ บ่สนใจฯลฯ

    หนทาง ข้างหน้า (ผู้รู้)เขาว่ายาก.........................(โดยเฉพาะ)ยิ่งหาก ประชา(ส่วนหนึ่ง) ยังสาไถย
สิ่งแวด ล้อมโทรม โหมเข้าไป...........................ทำลาย ให้ยับ ย่อยกับมือ

    ปีนี้ คาดว่า (ไทย)คงสาหัส.................................สารพัด ปัญหา ถาโถมทื่อ
เก่าหน กลยุทธ์ สุดใช้ยื้อ..................................ต้องรื้อ ปัญญา หาวิธี(ใหม่ๆ)

    อนิจจัง ทั้งหมด เหมือนกฎเกณฑ์.........................(ความ)อยาก(ให้)เป็น อยาก(ให้)ไม่เป็น* ต้องเว้นหนี
(คิดเสียว่า)อะไร จะมี ย่อมต้องมี........................สิ่งที่ มิเกิดขึ้น ฝืนทำไม?(เปล่าประโยชน์)

    เพียรละ อุปาทาน และตัณหา...............................อุเบกขา สถิต นิมิตใคร่
สัจจริง สิ่งที่ มิสมใจ........................................ปล่อยวาง ช่างประไร (ให้คิดว่า)ไม่สำคัญ

    หมดใคร ให้เห็น เป็นที่พึ่ง**................................คำนึง มรรคา กล้า-แข็งขัน
เราต้อง อยู่รอด กอดคอกัน...............................ฝ่าฟัน ปัญหา อุปสรรคเอยฯ

๓๐ มกราคม ๒๕๖๓

*(ความ)อยาก(ให้)เป็น=ภวตัณหา
อยาก(ให้)ไม่เป็น =วิภวตัณหา

**ปี 2020 ทั่วโลกต่างมีปัญหาบางเรื่องเหมือนกัน บางเรื่องแตกต่างกัน หนักหนาสาหัสทั้งนั้น
ต่างก็ต้องพยายามแก้ปัญหาของประเทศตัวเองก่อน

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2563

Suthichai live (20.30): ไทยรับมือไวรัสอู่ฮั่น?

จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้ : กลอนคติธรรม




จิตที่ฝึกดีแล้วนำสุขมาให้ : กลอนคติธรรม

    ดวงฤดี คือสิ่งที่ ควรควบคุม..................................เพราะประชุม สุมกิเลส และตัณหา
สัตว์สัญชาต (ตะ)ญาณ พาลเถื่อนป่า......................เวทนา อารมณ์ ผสมปนเป

    ความนึกคิด วินิจฉัย ใคร่(การ)กำกับ.......................ต้องบังคับ บัญชา ละฉลเฉ
สุจริต พิจารณา อย่าเกเร......................................ความเจ้าเล่ห์ เพทุบาย ไม่จำเป็น(ต่อการดำรงชีวิต)

    อันนิสัย ใจคอ คด-งอ ง่าย....................................ธรรมชาติ มนัสร้าย ระหายเห็น
ต้องฝึก-ดัด-ขัดเกลา บรรเทาเวร-...........................กรรมประสงค์ โกงเจน เว้นจากใจ

    ความเห็นแต่ แก่ตน กระมลก่อ...............................บาป-อธรรม กรรมฉ้อ ระย่อไร้
ลดความเห็น แก่ตน พ้นฤทัย.................................แทบทำให้ ไม่เกิดก่อ ฉลฉ้อกรรม

    ดัดจิตใจ ให้ตรง จงซื่อสัตย์...................................เมื่อจิตใส ใจสะอาด จรัสล้ำ
จะอำนวย อวยผล หนทางธรรม..............................ที่เกินกล้ำ คนธรรมดา สามารถมี

    ความลุ่มหลง งมงาย (เรื่อง)ไร้สาระ.........................สร้างภาระ อุปสรรค ขวากวิถี
ทางรู้แจ้ง เห็นจริง สิ่งชั่ว-ดี...................................จงย่ำยี อย่าให้ ครองใจคน

    จิตที่ฝึก ดีแล้ว ย่อมแกล้วกล้า................................มีสัมมา จริยวัตร ไม่ขัดสน
ปัดเป่าความ ต่ำช้า ไปจากตน................................ขับไล่ความ มืดมน พ้นชีวัน

    อย่ามัวรอ ขอพร สิ่งศักดิ์สิทธิ์.................................เมื่อ(สามารถ)สัมฤทธิ์ ด้วยจิตที่ สุทธิสรร
เลี่ยงประหลาด บัดสี พิธีกรรม์................................(เพราะ)สิ่งสำคัญ คือจิต อุกฤษฏ์เอยฯ

๒๙ มกราคม ๒๕๖๓

*
การฝึกฝนจิตที่ข่มได้ยาก อันเร็ว มีปรกติตกไปในอารมณ์
อันบุคคลพึงใคร่อย่างไร เป็นความดี
เพราะว่าจิตที่บุคคลฝึกดีแล้วนำสุขมาให้

From <http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=366&Z=394>

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2563

อู่ฮั่น...สู้ๆ : กาพย์ฉบัง๑๖




อู่ฮั่นสู้ตาย!

สื่อและโซเชียลจีน แชร์คลิป 
ชาวอู่ฮั่นซึ่งออกจากบ้านไม่ได้ 14 วันตามคำสั่งของรัฐบาล พากันตะโกนข้ามตึกเสียงดังลั่นเมือง อู่ฮั่นสู้ตาย!
      สำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานข่าวนี้ว่า
"อู่ฮั่นสู้ตาย! เสียงกู่ร้องจากพลเมืองในนครที่ถูกปิดกั้น ในค่ำคืนที่มืดมิด หากแต่แสงไฟยังไม่มอดดับ ศรัทธาในใจของชาวอู่ฮั่น ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโรคปอดอักเสบจากเชื้อ 'ไวรัสโคโรนา' สายพันธุ์ใหม่ (2019-nCoV) ยังคงกล้าแกร่ง
      เสียงตะโกนกึกก้องจากผู้คนที่ใช้ชีวิตท่ามกลางการเฝ้าระวังอาการของตนเองและคนรอบข้างว่า "สู้เขา" ต่างดังสะท้อนข้ามตึกไปมา ให้กำลังใจกันและกัน ท่ามกลางสงครามที่แสนยืดเยื้อครั้งนี้
(https://www.thansettakij.com/content/world/420015?  utm_source=homepage_hilight&utm_medium=internal_referral)

อู่ฮั่น...สู้ๆ : กาพย์ฉบัง๑๖

    เงามืดมิดแห่งวิกฤตการณ์.......................ฤาอาจต้านทาน
แสงสว่างสะคราญของใจคน?

    ความเข้มแข็งและอดทน......................(ย่อม)นำพาศุภผล
แด่ชนผู้ไม่ย่อท้อ

    ดำเนินชีวีมิรีรอ......................มือเท้าเง่างอ
ต่อสู้อุปสรรคปัญหา

    หรือแม้แต่โชคชะตา.....................ก็ใช้(สติ)ปัญญา
วิถีวิทยะฝ่าฟัน

    (ระเบียบ)วินัยเข้มงวดกวดขัน......................รักษาศีลธรรม์
ย่อมจะผ่อนผันภยันตราย

    บรรเทาเบาความเสียหาย......................ชุลมุนวุ่นวาย
ง่ายดายด้วยใจทระนง

    สร้างขวัญ(กำลังใจ)จากความมั่นคง(ของจิตใจ).....................มิสาไถยใหลหลง
ประสงค์ทุจริตมิจฉา

    ผู้มีศีลธรรมสัมมา.....................ละบาปหยาบช้า
เทพยดาย่อมนับถือ

    คนใด(ยังคง)มีใจใสซื่อ......................ท่ามกลาง(เภท)ภัยคือ
(ผู้)ควรประเทืองเลื่องชื่อลือชา

    ด้วยฤดีที่มิกังขา......................ต่อความแกร่งกล้า
(ว่าสามารถ)เอาชนะปัญหาทั้งมวล

    หยุดทำระกำคร่ำครวญ......................ร่ำไร(โหย)ไห้หวน
ถี่ถ้วนครวญใคร่หทัยเทอญฯ

๒๘ มกราคม ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2563

การศึกษากับความดี : กลอนคติสอนใจ




การศึกษากับความดี : กลอนคติสอนใจ

    การศึกษา หาทำให้.........................................คนมีใจ ใคร่ศีลวัตร
ปริญญา ประกาศนียบัตร.................................ล้วนยืนหยัด (เพื่อประกอบ)อาชีวะ

    แม้(แต่)หลักสูตร ธรรมศึกษา.............................มหาเปรียญ เธียรอักขระ
ผู้สำเร็จ(หลักสูตร) กิเลสจะ.............................ตัณหา(ลด)ละ ก็หาไม่

    การเป็นคน กระมลสัตย์.....................................อยู่ที่มนัส ตัดสินใจ
รักความดี มีนิสัย...........................................ไม่ปรารถนา ทรามประสงค์

    คนมีศีล เพราะจินดา........................................เพียรรักษา(ศีล) อย่างมั่นคง
สิ่งสาไถย มิใหลหลง......................................ยรรยงอยู่ รู้จุดหมาย(ของการรักษาศีล)

    มิทรยศ (ความเชื่อ)กฎแห่งกรรม........................มโนธรรม ล้ำพรรณราย(พรรณราย=งามผุดผ่อง)
นับวันแต่ แผ่เพิ่มหลาย....................................แม้ต้องตาย ไม่โรยรา

    (วิธี)ตัดสินใคร เป็นคนดี...................................(จึง)อย่ามองที่ (ระดับ)การศึกษา
วัดวุฒิ ปริญญา..............................................จะประสบปัญหา เข้าป่า(เข้า)ดง

    (ต้องการ)ส่งเสริมให้ (ใคร)เป็นคนดี....................(พึง)เน้นวิถี ความซื่อตรง
ละกิเลส-โลภ-ร้าย-หลง...................................มิ(ใช่)ส่งเสริม(กิเลส) ให้เพิ่มขยาย

    ลาภ-ยศ-ศักดิ์ สรรเสริญนั้น................................มอบ(เป็น)รางวัล กันมากมาย
ล่อให้คน ผล(ประโยชน์)ขวนขวาย.....................ที่ท้ายสุด ทุจริตปองฯ

๒๐ มกราคม ๒๕๖๓

*ไม่ควรตั้งรางวัล เพื่อกระตุ้นให้เป็นคนดี
เพราะจะมีคนโลภมาก-อยากได้รางวัล เสแสร้งเป็นคนดี
แต่ควรมอบรางวัล ให้กับคนที่ทำดีมาก่อนแล้ว แม้ไม่มีรางวัลล่อใจฯ

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2563

"อย่าส่งจิตออกนอก"ธรรมะบ้าๆบอๆ : กลอนคติเตือนใจ



"อย่าส่งจิตออกนอก"ธรรมะบ้าๆบอๆ : กลอนคติเตือนใจ

    คนรู้ จักกัน หันไปบวช.........................................เข้มงวด สวดมนต์ ด้นขวนขวาย
ปฏิบัติ กรรมฐาน แข็งขันกาย.................................มุ่งหมาย ให้พ้น ทุกข์หนทาง

    สึก(ออก)มา (การทำมา)หากิน แทบสิ้นสุด...............(เพราะ)ไม่หยุด สงบจิต-ความคิด อ้าง
ทิ้งงาน ทิ้งการ มานปล่อยวาง................................เพราะ(คิดเรื่องงานแล้ว)สร้าง (สภาวะ)"ส่งจิต ออกนอก"กาย

    เห็นแล้ว สังเวช กิเลสมนุษย์..................................คิดคุด ทุจริต ผิดพลาดหมาย
(ปฏิบัติ)กรรมฐาน สวดมนต์ฯลฯ จนวุ่นวาย...............สุดท้าย ไร้ประโยชน์ โทษเพิ่มพี

    พระไตร ปิฎก ยก(ไม่)ศึกษา..................................(กลับไป)แสวงหา สามานย์ พาลวิถี
โง่เขลา เมามัว หัวคิดมี........................................ไม่รู้ ชั่ว-ดี วิถีทาง

    ปฏิบัติ ธรรมะ(แบบไหน) ถ้าทำให้...........................ทำงาน ไม่ได้ อย่าไปย่าง(เดินทางนี้)
หากทุก สิ่งผอง ต้องปล่อยวาง..............................จน(ต้อง)หยุด สร้างทำ มาหากิน

    ก็คือ กรรมะ บ้าๆบอๆ............................................นับวัน คืนรอ ไร้ทรัพย์สิน
ในการ ธำรง คงชีวิน............................................หากสิ้น จินตนาการ(คิดอะไรก็ไม่ได้) ย่อมบรรลัย

    อริยมรรค หลักการ อันประเสริฐ...............................ต้องเกิด สัมมา, มิจฉาไม่
พุทธธรรม คำสอน พรประไพ.................................อยู่ใน พระไตรปิฎก หยิบยก(มาศึกษา)ดู

    พระป่วน ส่วนใหญ่ ไม่ศึกษา(พระไตรปิฎก)................ตั้ง(ตัว)เป็น ครูบา วิชชารู้
คิดธรรม มะ(ขึ้น)เอง เคร่งครัดชู.............................สอนผู้ เป็นศิษย์ หลงผิดเอยฯ

๒๐ มกราคม ๒๕๖๓

*พระพุทธเจ้าสอน วิธีดับทุกข์ คือ อริยมรรค มีองค์ ๘ ได้แก่
                          ๑. สัมมาทิฏฐิ
                          ๒. สัมมาสังกัปปะ
                          ๓. สัมมาวาจา
                          ๔. สัมมากัมมันตะ
                          ๕. สัมมาอาชีวะ
                          ๖. สัมมาวายามะ
                          ๗. สัมมาสติ
                          ๘. สัมมาสมาธิ
จาก <http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=35&A=7488&Z=7541>

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2563

ชีวีที่สวยงาม : กาพย์ยานี๑๑




ชีวีที่สวยงาม : กาพย์ยานี๑๑

    ชีวี ทีสวยงาม.........................................ไม่สร้างความ ทรามบัดสี
กระทำ แต่กรรมดี...................................มีศีลธรรม ส่องนำทาง

    อ่อนโยน (กับ)ชนทั่วไป.............................เพราะหฤทัย ไร้(หยาบ)กระด้าง
(ความ)มัวเมา ที่เบาบาง..........................จึงกระจ่าง แจ่มรังรอง(รังรอง=สดใส,สวยงาม)

    (ประกอบ)สัมมา อาชีวะ.............................เป็นกิจจะ ละหม่นหมอง
สรรสริญ(สัมมาอาชีวะ) เหนือเงินทอง.........ทุจริตผอง มิปองใจ

    (ความ)ซื่อสัตย์ สุจริต................................ดลชีวิต วิจิตรใส
เที่ยงธรรม ดำรงไกร................................(การกระทำ)ไร้ตำหนิ ย่อมวิมล

    บ่คิด เอาเปรียบใคร...................................ถึง(แม้)จะได้ อำไพผล(ประโยชน์)
ละอาย ในกระมล....................................มิฉลฉ้อ ก่อบาปกรรม

    บ่เบียด เบียนผู้ใด.....................................รักษาฤทัย ให้เลิศล้ำ
ความดี มีศีลธรรม...................................นำสันติให้ ไม่เปลี่ยนแปลง

    ศรัทธา จริยวัตร.......................................ปฏิบัติ ยืนหยัดแข็ง-
ขัน สุขี มีเรี่ยวแรง...................................มิขัดแย้ง แห้งเหี่ยวใย

    ละความ เห็นแก่ตน..................................อกุศล มลทินไส
บ่ตระหนี่ มีน้ำใจ.....................................ล้วนทำให้ (ชีวิต)พิไลเอยฯ

๑๖ มกราคม ๒๕๖๓

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2563

อย่าวางใจในความรัก : กลอนเปล่า




อย่าวางใจในความรัก : กลอนเปล่า

     ดอกไม้
สดใส....สวยงาม
เป็นไปตามธรรมชาติวัฒนา
ชวนชนหลงใหลใขว่คว้า
ต่างปรารถนา
อยากจะครอบครองดอกไม้

      ความรัก
คือ...สิ่งสวยงาม
คือนิยาม ที่ทำให้
คนอยากมีรักสลักฤทัย
อย่างที่ไม่อิ่ม...
ไม่รู้จักพอ...

     คนมีความรักได้...
หลายๆครั้ง...
รักแล้วเลิก
รักแล้วชัง
ยังไงหนอ?
รักได้เรื่อยๆ ไม่เมื่อยคอ
หึง-หวง-งอน-ง้อ ฯลฯ
ส่อถึงความใจคด 

      ความรัก
คือ สิ่งสวยงาม
แต่เมื่อใดก็ตาม...ที่ความรักหมด(สิ้น)
ทุกดวงฤดี
ก็พร้อมที่จะทรยศ
เป็นปรากฏการณ์ทั่วไป....ให้พานพบเห็น

     ดอกไม้...เหี่ยวเฉา
ร่วงโรย...ได้ฉันใด
ความรักมิต่างไป คลับคล้ายเช่น
รักเก่าเฉาเหี่ยว
ไร้แรงยึดเหนี่ยวหัวใจ...อยากกรายเร้น
เฟ้นหารักใหม่...
มากระตุ้นให้หัวใจกระชุ่มกระชวย

     คนที่งมงายในความรัก
ย่อมจักประสบปัญหา
เพราะธรรมชาติสัจจา
ที่...มนา...มนุษย์ สุดแปรผัน
ส่วนใครที่ไม่ยอมเขลา
เข้าใจในสัจธรรม์
ย่อมรู้เท่าทัน
พิษสงที่แสนอันตราย

      จดจำใส่กระมล
ไว้ใจคน ได้ยากฉันใด
ย่อมวางใจในความรัก...
ได้ยากฉันนั้น

     บนโลกที่แสนไพศาล
ความสัมพันธ์ระหว่างคน
ยอกย้อน...วกวน
ซับซ้อน...ซ่อนเล่ห์หลาย
การทะนุถนอมความรัก
จึงมีความยากอย่างมากมาย
จวบจนถึงจุดจบสุดท้าย
ที่ต่างต้องห่างหาย...
ตายจากกัน

     ด้วยพลังอำนาจ
ที่ธรรมชาติฝังไว้ในสัญชาตญาณ
คนจึงขวนขวายใคร่รัก
มิฉะนั้นจัก...
สิ้นสุขศานติ์

     ความไม่เที่ยงแท้...
ของความรัก
แม้มักทำให้หัวใจทรมาน
ก็มิอาจต้านทาน
แรงกระสันใน(ความ)รักได้เลยฯ

๑๔ มกราคม ๒๕๖๓

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563

หลักพุทธธรรม : กาพย์ฉบัง๑๖




หลักพุทธธรรม : กาพย์ฉบัง๑๖

    หลักธรรมทางพุทธศาสนา.......................สร้างสรรค์ปัญญา
ทอนบั่นปัญหาให้ชน

    ช่วยขจัดความเร่าร้อนรน......................เชิดชูสุขผล
แก่กระมลทุกเพศทุกวัย

    ชี้ทางอยู่รอดปลอดภัย......................เพิ่มคุณค่าให้
ชีวีมิไร้สาระ

    สอดคล้องครรลองของสัจจะ.....................กฏแห่งกรรมะ
มิใช่(เป็น)วาทะเพ้อฝัน

    (มี)ประโยชน์เกื้อกูลคุณอนันต์......................ในโลก-สวรรค์
พรหมทิพย์-นิพพานบรรเจิดศรี

    เปิดเผย(หลัก)ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี......................แนะนำวิธี
ดำเนินชีวีที่เหมาะสม

    ไม่ใช่วิถีค่านิยม.....................พาโลโง่งม
โสมมบ่มเพาะต่อใคร

    บ่ชวนทำเรื่องเหลวไหล.....................ทรามสถุลคุณไสย
ลวงให้คนเชื่อ-นับถือ

    (พุทธศาสนา)มักจะถูกใช้อ้างชื่อ......................โดยคนฉลดื้อ
มิถือพุทธธรรมนำทาง(จริงๆ)

    ข้อวัตรปฏิบัติจัดวาง......................เงื่อนไขต่างๆ
เหลวไหลไม่สร่างอกุศล

    หลอกลักชักชวนมวลชน......................มิจฉาสาละวน
หวังผลประโยชน์(ที่สุดท้าย)ได้โทษเอยฯ

๑๓ มกราคม ๒๕๖๓

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2563

ควรคะนึง : กลอนจรรโลงใจ




ควรคะนึง : กลอนจรรโลงใจ

    จงสู้ อุตส่าห์ แสวงทรัพย์.........................................ราวกับ เป็นคน (ยาก)จนข้นแค้น
เสงี่ยม เจียมตน กมลแกน...................................ถึงแม้น มั่งมี บริบูรณ์

    ขวนขวาย ใคร่(ความ)รู้ อยู่ไม่หยุด.............................ประดุจ แคลนขาด (ความ)รู้ปราศสูญ
เผื่อแผ่ แล(แบ่ง)ปัน ทานเกื้อกูล..........................เพิ่มพูน บุญขยาย ได้เติบโต

    ขยัน หมั่นทำ กรรมกุศล...........................................ปานประจญ มัจจุ มาสู่โผ
ความตาย ใกล้ตัว กลัวเดโช................................ไม่โป้ ปดรุก ทุกชีวี

    รักษา หทัย ให้สุจริต...............................................งดงาม ความคิด วิจิตรศรี
ไม่อิ่ม ในการ สรรสร้าง(ความ)ดี...........................ไม่มี ความชั่ว กลั้วเกลือกกมล

    (การ)ติดใจ ในโลก ยกเป็นเหตุ..................................ตัณหา เกลศ เทวษหน
วัฏจักร สังสาร บันดาลดล...................................ให้วน เวียนว่าย ตาย-เกิด-มี

    ความไม่ ยึดมั่น(อุปาทาน) หมดตัณหา.........................กำจัด อวิชชา ลาวิถี
หมดสิ้น กิเลส อุจเฉทกลี....................................ความดี คือเกาะ กันเพาะพาล

    ระลึก ศึกษา (สิ่งที่)ควรคะนึง.....................................อย่าพึง(ใจ) ค่านิยม สังคมขาน
ราคี วิกล กมลดาล............................................สัญชาต (ตะ)ญาณ สัตว์พันพัว

    ฉลาด ในกรรม ตั้งคำถาม..........................................เห็นความ สำคัญ ธรรม์ดี-ชั่ว
วิริยะ ละเว้น (ความ)เห็นแก่ตัว.............................อย่ามัว เมามาย กายร่างเลยฯ(ไม่นานก็ดับ-ตาย)

๑๒ มกราคม ๒๕๖๓

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2563

ทำสิ่งที่ถูกต้อง : กลอนคติชีวิต


ทำสิ่งที่ถูกต้อง : กลอนคติชีวิต

    อรุณ รุ่งเช้า พราวผ่อง.......................................แสงสูรย์ จรูญส่อง ท้องฟ้า
พร้อมเพรียง เสียงสรรพ สกุณา...........................เริงร่า ประดุจ สุขาวดี

    คนหนุ่ม เนื้อตัว สกปรก.....................................(เดิน)มายก มือไหว้ ไม่ยอมหนี
ขอเงิน ซื้้ออา หารที.........................................ทั้งๆที่ ร่างกาย สมบูรณ์

    (เมื่อคน)ไม่รู้ จักคิด ชีวิตเลือก............................ย่อมกระเสือก กระสน หนสูญ(มองไม่เห็นทาง)
ใจอยาก สุขี บริบูรณ์.........................................(กลับต้อง)อาดูร ปัญหา-อัตคัด

    กิจกรรม ดำเนิน ชีวี..........................................ต้องมี สัมมา ปฏิบัติ
ดำรง วิจิตร กิจวัตร...........................................หมั่นพัฒ (ฒะ)นา(ตัวเอง) อยู่เสมอ

    อุปสรรค ปัญหา ใดๆ.........................................(เป็น)ธรรมชาติ ปัจจัย (ทุกชีวิต)ต้องเจอ
อย่ามัว สร้างคำ พร่ำเพ้อ...................................ละเมอ เห่อฝัน หรรษา

    การทำ สิ่งที่ ถูกต้อง.........................................คือธรรม์ ครรลอง ของโลกา
(ช่วย)คลี่คลาย แบ่งเบา ปัญหา..........................อย่า(เมา)มัว ชั่วช้า ประสงค์

    ทำถูก ย่อมได้ ผลดี.........................................ทำผิด วิถี เข้าพีพง(เข้าป่าเข้าดง)
โศกทุกข์-สุขสันติ์-ยรรยงฯลฯ............................มั่งคง คู่การ กระทำ

    คือหลัก แห่งการ พึ่งตน..................................เพริศล้น ผลา อุปถัมภ์
เป็นวิ ธีการ พึ่งธรรม......................................อันงาม ล้ำเลิศ ประเสริฐเอยฯ

๑๐ มกราคม ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2563

กาล(เวลา)กวาดล้าง : กลอนคติสอนใจ








กาล(เวลา)กวาดล้าง : กลอนคติสอนใจ

    เมื่อจำนวน มวลรถยนต์.......................................มากกว่าต้น ไม้ใบหญ้า
เมื่อบุกรุก ทำลายป่า........................................จนพสุธา แทบสิ้นไร้(ป่าไม้)

    เมื่อธรรมชาติ ขาดสมบูรณ์...................................สิ่งแวดล้อมสูญ สมดุลไป
ปัญหาต่างๆ ย่อมหลั่งไหล.................................มาดลให้ ได้(ประสบ)ปัญหา

    เมื่อยินดี ใช้ชีวิต................................................บ่ยึดติด กับวิทยา
ทำตามใจ ไม่ถือสา..........................................ทำลายป่า-ธรรมชาติผลาญ

    ก็ต้องกลับ มารับผล...........................................กรรมที่คน ล้นสามานย์
ประสบปัญหา น่าสงสาร.....................................ทุกข์ทรมาน ทุกวันค่ำ

    ธรรมชาติ สร้างผืนป่า.........................................เพื่อให้มา ผลิตน้ำ
แต่คนเรา เมาระยำ............................................กลับเกินกล้ำ มุ่งทำลาย(ป่า)

    (คน)ที่ไม่ได้ ทำลายป่า......................................ต้องร่วมชะตา ภยันตราย
เผชิญวิกฤติ พิษเลวร้าย.....................................ที่แผ่สยาย อย่างไพศาล

    คนทุจริต ยัง(คง)คิดขบ......................................โกงกินกลบ เงินงบประมาณ
มิแปรผัน เปลี่ยนสันดาน.....................................ซ้ำเติมการณ์ วิกฤติกว้าง

    รักษาตน พ้นเภทเถิด.........................................กำลังเกิด กาล(เวลา)กวาดล้าง
ภาวะโลกร้อน ย้อนเส้นทาง.................................ชีวิตต่าง (ค่อยๆ)ห่างหายเอยฯ

๙ มกราคม ๒๕๖๓

วันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2563

พุทธธรรมนำประพฤติ : กลอนคติเตือนใจ



พุทธธรรมนำประพฤติ : กลอนคติเตือนใจ

    หลักธรรม ทางพุท ธ(ะ)ศาสนา......................................ม่งศึกษา (เพื่อ)พัฒนา บุคคล
พากเพียร เพื่อความ หลุดพ้น...................................ความเป็น ปุถุชน คนธรรมดา

    มิใช่ ให้มา หาเสาะ.....................................................โลกธรรม จำเพาะ สิเน่หา
ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สักการ์-......................................สุขะ สาระ โลกีย์

    (มี)เป้าหมาย ปรารถนา จะพ้นโลก..................................มุ่งสละ ละโลก (กะ)ธรรมลี้
เส้นทาง โลกุตตระ วิธี.............................................จึงมี ดีงาม จำเริญไกล

    (ผู้)ยอมรับ นับถือ พุทธศาสนา.......................................พึงต้อง ศึกษา ธรรมวินัย
จึงจะ เกิดความ เข้าใจ.............................................มิหลงใหล ไสยศาสตร์ วัฒนธรรม

    ก้าวข้าม (ผล)สัมฤทธิ์ ทางโลก......................................บริโภค กิน-อยู่ หรูล้ำ
เลิกประ กอบพิ ธีกรรม.............................................เพื่อนำ สำเร็จ สมเจตนา

    จุดหมาย และวิ ธีการ...................................................ประสาน สัมพันธ์ สิ่งสรรหา
เมื่อเดิน คนละ มรรคา..............................................ทิศา แตกต่าง ย่อมห่างไกล

    ประพฤติ ตามพุท ธ(ะ)ธรรมา.........................................ด้วยความ ศรัทธา เลื่อมใส
อบรม ความคิด จิตใจ...............................................ฝึกให้ ถูกต้อง เที่ยงตรง(ตามหลักพุทธศาสนา)

    ตามหลัก พุทธ(ะ) ศาสนา.............................................จงอย่า ศาสตร์ไสย ใหลหลง
มรรค-ผล-นิพพาน บรรจง..........................................เสริมส่ง สำเร็จ วิเศษเอยฯ

๕ มกราคม ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2563

จิตสำนึกความดี : กลอนคติสอนใจ



จิตสำนึกความดี : กลอนคติสอนใจ

    พื้นฐาน การทำ ความดี............................................จะต้อง มี "จิต สำนึก"
คุณธรรม์ ครรลอง ตรองตรึก...................................มิใช่ (แค่ความ)รู้สึก รู้สา

    ตอกย้ำ ความเป็น คนดี............................................บ่เกี่ยว กับมี ปริญญา
หากแต่ ขึ้นอยู่ กับว่า............................................ปรัชญา มโนธรรม ความคิด

    ศรัทธา ศีลธรรม สำนึก............................................รำลึก ซื่อสัตย์ สุจริต
ยึดถือ วิถี ชีวิต....................................................มุ่งทิศ บริสุทธิ์ อุตสาห์ฯลฯ

    ดังนั้น การดู (ใครเป็น)คนดี......................................จึงยิ่ง กว่ามี (ความเป็นคน)ธรรมดา
(ที่)เต็มเปี่ยม กิเลส ตัณหา....................................มิจฉา มุ่งเห็น แก่ตน

    อยากทำ ตามใจ ปรารถนา.......................................(ทำแล้ว)บันดาล ปัญหา ข้าไม่สนฯลฯ
คนดี (จึง)มิใช่ ปุถุชน...........................................(ที่มีความ)โฉด-ฉล ท้นทั้ง สังคม

    จิตสำนึก อันเป็น ต้นทาง.........................................คือครรลอง ต้องสร้าง-สั่งสม
(ซึ่ง)หาใช่ ปกติ นิยม............................................เชิดชู อุดม รมย์ฤทัย(ในชนส่วนใหญ่)

    แก่นกลาง ของจิต สำนึก.........................................คือ(การ)ตรึก ตรองข้อ แก้ไข
ล้างสิ่ง บกพร่อง ใดๆ.............................................(ให้)พ้นจาก จิตใจ ไคลคลา

    ความดี มิใช่ สัญชาตญาณ.......................................ต้องการ ความแกร่ง แสวงหา
สร้างจิต สำนึก ตรึกตรา..........................................เกื้อหนุน คุณค่า (ความเป็น)มนุษย์*เอยฯ

๔ มกราคม ๒๕๖๓

*มนุษย์=มน(จิตใจ)+อุษยะ(สูงส่ง)
มนุษย์ จึงหมายถึง คนที่มีจิตใจสูงส่ง