ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Bloomberg Highlights “ข้อคิดที่เรียนรู้จากก้าวที่ยิ่งใหญ่ของ แจ๊ค หม่า” ...

World UPDATE "โลกกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ จริงหรือ?" / 16 พ.ย. 61

World UPDATE "วิกฤติเศรษฐกิจโลกอาจมาเร็วกว่าที่คาดไทยควรรับมืออย่างไร" /...

โลกสวย : กาพย์ยานี๑๑

                     

   


โลกสวย : กาพย์ยานี๑๑

    โลกสวย ด้วยบุปผา...............................กลีบกรรณิกา คันธาหอม
ภุมริน บินไต่ตอม.....................................อุดมพร้อม ประภาประพันธ์

    โชคดี มีวาสนา.....................................(ตั้ง)แต่เกิดมา ก็สุขสันติ์
ราบรื่น ชื่นชีวัน........................................สรรพสิ่งนั้น เอื้ออำนวย

    ชีพใช้ อย่างใจเย็น.................................ประสาเป็น คนโลกสวย
พ่อแม่ (ญาติ)พี่น้องรวย............................แวดล้อมด้วย ความบริบูรณ์

    ฉลาดชาญ การเล่าเรียน..........................ความรู้เจียร มิเปลี่ยน-สูญ
งานดี มีผล(เงิน)พูน.................................ไร้อาดูร สุนทรีย์สบาย

    กินหรู เป็นอยู่เลิศ..................................ทุกปีเตลิด วางเป้าหมาย
ประณีต ไปกรีดกราย.................................อวดภาพถ่าย เที่ยวต่างแดน

    กุมอำนาจ ถือกฎหมาย............................บีบก็ตาย คลายง่ายแสน
ทำตาม อัตตาแกน....................................(อ้างเป็น)แม้นดุลยพินิจ สิทธิ์อัศจรรย์

    (ถือคติ)คน(เรา)อยู่ ร่วมกันได้...................แต่(เธอ)ต้องไป (อยู่)ไกลๆฉัน
เพราะต่าง ห่างชนชั้น................................ผูกสัมพันธ์ เชิญฝันไป

    คุกล้น โจรมีมาก.....................................ไม่เห็นจะยาก รอลง(อาญา)ไว้
(ให้)ติด(คุก)น้อย รีบปล่อยไว......................เร่งระบาย สู่สังคม

    สถิติ อาชญากรรม...................................เพิ่มระส่ำ ลามสะสม
(แค่เรื่อง)จิ๊บจ๊อย ปล่อยอารมณ์....................ชมโลกสวย ช่วยกันเทอญฯ

ตื่นๆ! มองความเป็นจริงหน่อย

๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Bloomberg Highlights "ทำไม Ray Dalio ถึงมองว่าตอนนี้คล้ายกับวิกฤติ 1937-...

ทำดี ต้องสะอาด-ฉลาด : กลอนคติสอนใจ




ทำดี ต้องสะอาด-ฉลาด : กลอนคติสอนใจ

    ธรรมชาติ ชีวี มีภาระ.....................................(ต้อง)เอาชนะ อุปสรรค อันหลากหลาย
ปัจจัย สี่พร้อม แวดล้อม(สิ่งอำนวยความ)สบาย.....(เป็น)เป้าหมาย ปลายทาง (ทุกคนต่าง)ตั้งใจทำ

    การได้ ช่วยเหลือ ให้เผื่อแผ่(คนอื่น).................เสริมส่ง ดวงแด แลเลิศล้ำ
(การ)เอาแต่ ตัว(เอง)รอด ยอดระยำ....................ปราศจาก ศีลธรรม ค้ำครองใจ

    มิต้อง กล่าวถึง ซึ่งคนโฉด...............................(ที่)ปรีดา ปราโมทย์ คดสาไถย
คอยจ้อง เอาเปรียบ ใครต่อใคร...........................ชอบทำ กำไร ในทุกกาล

    ตระหนี่ ถี่เหนียว เขี้ยวลากดิน...........................ชีวิน ชินชา มิจฉาหาญ
มโนธรรม น้ำใจ ไร้กันดาร..................................สามานย์ พบหลาก อยู่มากมาย

    (แต่การ)ทำดี ก็ต้อง มี Limit............................พลาดผิด จะก่อ ความเสียหาย
ชีวิต สับสน วนวุ่นวาย.......................................อันตราย รุมล้อม ห้อมไพรี

    อย่าทำ (ความ)ดีจน ตนลำบาก.........................ทุกข์ยาก ตรากตรำ กรำวิถี
ทำจน คนอื่น ดื่นได้ดี........................................แต่ตน ป่นปี้ มิใช่(คุณ)ธรรม

    อย่าถึง กับต้อง เสียสละ..................................(เพื่อทำ)สิ่งไร้ สาระ เสาะอุปถัมภ์
มิเกิด ผลดี (มิใช่)วีรกรรม..................................(เป็น)แค่ความ ต่ำช้า ปัญญาเบา

    ทำดี ต้องมี ฤดีสะอาด.....................................(มี)ความรู้-ฉลาด ไม่ขลาดเขลา
(การ)ทำดี (เพื่อ)หวังผล ของคนเรา.....................ค่ำเช้า พบเจอ เสมอเอยฯ

๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

คำเตือนเรื่องฟองสบู่แตกครั้งใหม่/ระบบการเงินโลกจะไปทางไหนต่อ : คนเคาะข่าว 07/11/2018



คำเตือนเรื่องฟองสบู่แตกครั้งใหม่

แม้แต่คนก็ไม่รอด : กลอนสภาวะโลกร้อน







แม้แต่คนก็ไม่รอด : กลอนสภาวะโลกร้อน

    น้ำแข็ง เบากว่าน้ำ..................................(สี)อมฟ้าล้ำ เลิศงามสม
ลอยตาม กระแสลม...................................คลื่นโถมซัด สาดกระเซ็น

    ถ่ายภาพ พวกฉันไว้................................เพราะต่อไป จะไม่เห็น
แมวน้ำ นอนทำเล่น...................................(บน)น้ำแข็งเย็น อย่างผ่อนคลาย

    คนเร่ง ให้โลกร้อน..................................ผลคืนย้อน ย่อมฉิบหาย
ขั้วโลก น้ำแข็งละลาย................................แมวน้ำจะย้าย ไปไหนกัน?

    ศัตรู อยู่ล้อมรอบ.....................................คอยท่ามอบ ความอาสัญ
มิคลาด (แมวน้ำ)คงสูญพันธุ์........................ไม่มีวัน หวนคืนมา

    ห่วงโซ่ แห่งอาหาร..................................จะเกิดการ ก่อปัญหา
ส่งผล ถึงบรรดา.........................................หมีขั้วโลก อดตายตาม

    คำเตือน(สภาวะโลกร้อน) เหมือนต่างรู้..........(กลับ)มีแต่ผู้ เมินมองข้าม
(ต่าง)อุตส่าห์ พยายาม................................ทำให้โลก วอดวายวาง

    แล้วคน ก็จะไม่รอด...................................ผลตกทอด ที่เพียรสร้าง
จุดจบ มิลบล้าง...........................................ทุกอย่างเช่น ชัดเจนหน

    คืบคลาน อย่างช้าๆ...................................โชคชะตา พงศาคน
ไปสู่ ความมืดมน.........................................อนธการ นิรันดรฯ
 
๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

คนไทยต้องปรับตาม digital disruption อย่างไร ? / โอปอล นิลทิตา เลิศเรืองศ...

ค่ายธรรมะ-ทำไม? : กลอนคติเตือนใจ








ค่ายธรรมะ-ทำไม? : กลอนคติเตือนใจ

    มีค่าย ธรรมะ ทำไม?................................(เพราะ)รัฐบาล ให้เงิน อุดหนุน?
สร้างความ นิยม สมนาคุณ?..........................(หรือ)หวังบุญ หนุนนำ จำนง?

    มากคน สนใจ ใคร่อุตส่าห์..........................เข้ามา สั่งสอน(เด็ก) ร้อนประสงค์
ทั้งที่ (ตัวเอง)ยังโง่ งุนงง.............................ลุ่มหลง ทุจริต อวิชชา

    (หลายคน)ความรู้ แค่เศษ ธุลี......................หลงตน ล้น(ความ)ดี มีค่า
(ที่แท้)มักมาก ดักดาน มารยา.......................(ยังแส่)ให้การ ศึกษา แก่เยาวชน

    (เด็ก)ต้องกิน ต้องนอน ยังไม่รู้.....................ยังสู่ มาสอน(ความโง่) ให้สับสน
พื้นฐาน ของการ เป็นคน...............................บ่ค้น บ่คว้า หาเข้าใจ

    (หลายคน)บวชเมื่อ วันซืน ทำตื่นรู้(ตรัสรู้).......เป็นผู้ ฟ้าดิน สิ้นสงสัย
พฤติกรรม อำพราง (ความ)จังไร.....................นิสัย ไม่ซื่อ ถือตรง

    (กลับ)เพิ่มความ โง่เขลา เมามัว(ให้เด็ก)........เรื่องชั่ว เรื่องดี ทวีหลง(โมหะ)
มอมเมา อธรรม ดำรง(เช่นความงมงาย)............เข้ารก เข้าพง งงงัน

    (ที่ถูก)ธุระสอน ศีลธรรม ความดี...................ควรที่ พ่อแม่ แลกวดขัน
ปลูกฝัง (ตั้งแต่)ยังเด็ก อเนกอนันต์.................ทุกวัน ทำให้ เห็นดู(เป็นตัวอย่าง)

    ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี คืออย่างไร?........................ผู้ใหญ่ ในบ้าน (ต้อง)เชี่ยวชาญรู้
อย่ามา โยนให้ คุณครู..................................พระรู้ งูๆปลาๆ พาไปเลยฯ
 
๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

มีบุญมาขาย : กาพย์ยานี๑๑




มีบุญมาขาย : กาพย์ยานี๑๑

    สืบสาน มานานนม..........................ค่านิยม คู่ศาสนา
ทำตาม ยุคปู่ย่า...............................มิถามหา (มีที่)มาอย่างไร?

    มอบเงิน ถวายพระ..........................บุญก็จะ นองหลั่งไหล
คำสอน ของผู้ใด?............................เชื่อถือได้ เท่าใดกัน?

    กับคน จนความคิด..........................ทั้งชีวิต มีแค่ฝัน
ลำบาก ยากชีวัน...............................สำคัญผิด ไม่พิจารณา

    (โดยเฉพาะ)เสียเงิน ให้กับพระ..........ที่อุระ ล้นตัณหา
ขาดศีล วิ่นจรรยา..............................มิหมั่นหา สัทธัมมัง

    บูชา ที่ผ้าเหลือง.............................หลงฟุ้งเฟื่อง อาคมขลัง
ดวงตา (โดน)อวิชชาบัง.....................ฝังใจเชื่อ เหลือประมาณ

    สรรค์สร้าง นักแสดง........................วัดวาแฝง แสร้งอาจหาญ
คุณวิเศษ เวทมนตร์ปาน.....................ผู้ศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิไกร

    เป็นพระ อรหันต์.............................ผู้ฟาดฟัน สงสารให้
สรรพสัตว์ สวัสดิใน............................ทันทีที่ ถวายเงิน

    สำเร็จ เจตสมหวัง...........................ทรัพย์ล้นหลั่ง มิขาดเขิน
เภทภัย ไร้เผชิญ...............................เพลิดเพลินสุข ทุกคืนวัน

    สับปลับ เหมือนกับผี........................อลัชชี มีสุขสันติ์
คนแล้ว คนเล่ามัน..............................มิทำให้ เข้าใจ(ความจริง)เลยฯ
   
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ 21/11/61 : ซานต้าตู่แจกแหลกซื้อใจคน

กรรมใครกรรมมัน : เรื่องสั้น




กรรมใครกรรมมัน : เรื่องสั้น
(เป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้น)

    ไฟริมถนนส่องแสงสว่าง
    ท่ามกลางความมืดที่เริ่มโรยตัวลงมาปกคลุมพื้นพิภพ
    จะค่ำแล้ว อาแป๊ะเดินกลับมาบ้านอีกครั้ง เพื่อเอาสมาร์ทโฟนไปมอบให้ตำรวจ
    แม้ความรู้สึกไม่ไว้วางใจจะวนเวียนอยู่ก็ตามที และคิดว่า ถึงแม้ไม่เอาไปให้ ตำรวจก็ทำอะไรตัวเองไม่ได้ ต่อให้มาค้นบ้าน ก็สามารถซ่อนไว้ให้ไม่มีทางหาเจอ
    แต่ก่อนจะถึงบ้าน อาแป๊ะตัดสินใจแวะเข้าวัด กราบไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือ เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามลำดับแล้วเสี่่่ยงเซียมซีถามหลวงพ่อว่า
    "ตำรวจพวกนี้ไม่ต่างจากโจรในเครื่องแบบ พูดจาเหมือนอยากเห็น-อยากได้สมาร์ทโฟนที่ผมเก็บรักษาไว้ ถ้ามีราคาแพง มันคงจะยึดเอาไว้ใช้เอง ผมควรเอาสมาร์ทโฟนไปให้ตำรวจหรือไม่ครับ?"
    เซียมซีได้ใบที่ ๙ มีเนื้อหาส่วนหนึ่งว่า "...ประเดี๋ยวสุขประเดี๋ยวทุกข์ขลุกใจครอง คอยสนองเคราะห์กรรมตามประจญ...แสวงบุญเถิดหนาอย่าอาวรณ์"
    อาแป๊ะพยายามใคร่ครวญความหมายที่หลวงพ่อแนะนำ คิดว่าพอจะเข้าใจแล้วเซียมซีอีกครั้ง
    บอกหลวงพ่อว่า "งั้น ผมจะเอาสมาร์ทโฟนไปให้ตำรวจนะครับ จะทำดีเท่าที่จะทำได้ ถ้ามันจะยักยอกเอาไว้ ก็ปล่อยไปตามกรรมใครกรรมมัน"
    เซียมซีได้ใบที่ ๑๖ มีข้อความว่า "..เลิศประเสริฐนัก..."

    เรื่องของเรื่องเริ่มจากเมื่อวันลอยกระทง
    ตอนเวลาล่วงบ่ายแล้ว อาแป๊ะกำลังง่วนอยู่กับการจัดผ้าบังแดด ไม่ให้สาดส่องโดนสินค้าที่วางอยู่หน้าร้านขายของของตัวเอง
    แต่ก็ต้องวางมือเพราะมีเด็กนักเรียนหญิงแปลกหน้าวัยประถม ๒ คน น่าจะเป็นเด็กชนบทที่เข้ามาเรียนในเมือง คนหนึ่งเอาสมาร์ทโฟนที่มีกรอบหลังสีทอง ขนาดบาง-หน้าจอ ๕ นิ้วมายื่่นให้อาแป๊ะ พรางบอกว่า
    "เก็บได้ที่ข้างร้านตรงนี้ค่ะ" เธอคงเข้าใจว่าอาแป๊ะทำมือถือหล่นไว้
    อาแป๊ะรีบคิดว่าควรทำอย่างไรดี?
    ที่สำคัญคือ ต้องทำให้เด็กศรัทธาในความซื่อสัตย์สุจริต และรักษาความดีที่มีอยู่นี้ไว้ตลอดไป ก่อนจะบอกเด็กว่า
    "ไม่ใช่ของลุงหรอกนะ แต่ลุงจะเก็บมือถือเอาไว้ รอให้เจ้าของเขาโทรมาถามหานะจ้ะ ถ้าไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ ก็จะไปแจ้งความที่โรงพักเพื่อหาเจ้าของต่อไป ขอชื่่อและเบอร์โทรฯของคนที่เก็บมือถือด้วย จะได้แจ้งให้เจ้าของโทรไปขอบคุณ" ว่าแล้วก็เอาสมุดฉีกและปากกามายื่นให้เด็กที่แสดงตัวว่าเป็นคนเก็บสมาร์ทโฟนได้
    เด็กคนนั้นหยิบสมาร์ทโฟนราคาถูก-สีดำ กระจกหน้าจอร้าว-มีริ้วรอยเต็มไปหมดออกมาจากกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ แล้วเลื่อนหาเบอร์โทรฯ ก่อนจะจดเบอร์ของตัวเองลงในสมุดฉีก ซึ่งทำให้อาแป๊ะงุนงงอยู่ไม่น้อย ว่าทำไมเบอร์โทรฯของเด็กจึงต้องบันทึกไว้ในมือถือของเด็กเอง หรือเด็กจำเบอร์ของตัวเองไม่ได้? แต่ไม่คิดจะซักไซ้เด็ก
    แล้วอาแป๊ะก็เดินเข้าไปในบ้าน หยิบแก้วน้ำเซรามิกในกล่องกระดาษแข็งที่เตรียมไว้สมนาคุณลูกค้า มามอบให้เด็กเป็นของกำนัล พรางบอกว่า
    "นี่เป็นรางวัลสำหรับคนดี เผื่อบางทีเจ้าของมารับโทรศัพท์แล้วไม่โทรมาขอบคุณ คืบหน้ายังไงลุงจะติดต่อหนูมาตามเบอร์นี้นะจ้ะ"
    เด็กรับแก้วน้ำใส่กระเป๋าเป้นักเรียน แล้วเดินจากไปพร้อมๆกัน

    ผ่านไป ๒๔ ชั่วโมง
    บ่ายของวันถัดมาก็ยังไม่มีเสียงโทรดังมาจากสมาร์ทโฟนเครื่องนั้น อาแป๊ะคิดแปลกใจที่เจ้าของไม่ติดตามหาโทรศัพท์ของตัวเอง
    จึงใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาคำว่า "เก็บของได้-กฎหมาย" ก็ได้ความรู้ว่า
    คนเก็บของได้ มีสิทธิ์เรียกค่าบำเหน็จจากเจ้าของ ๑๐ % ของราคาของที่่เก็บได้ ถ้าครบ ๑ ปียังไม่มีใครแสดงความเป็นเจ้าของ กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของคนเก็บได้
    แล้วยังมีคนแสดงความเห็นเรื่องแจ้งความกับตำรวจ ถ้าตำรวจอยากได้ของที่ฝากไว้ ก็จะให้พรรคพวกตัวเองมาแอบอ้างเป็นเจ้าของเพื่อรับไปแทน
    อาแป๊ะลองเปิดสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นดู เผื่อจะพบเบอร์โทรที่ใช้ติดต่อเจ้าของได้ แต่มือถือใส่รหัส PIN ไว้เปิดไม่ได้
    จึงค้นอินเทอร์เน็ตหาคำว่า "วิธีปลดล็อคมือถือ" พบเพียงของยี่ห้อดังๆ
    จึงหันไปค้นหาเพจ Facebook ยี่ห้อสมาร์ทโฟนเครื่องนั้น แล้วส่งข้อความไปถามแอดมิน เล่าให้ฟังเรื่องเก็บมือถือได้ฯลฯ การสนทนาจบลงที่ต้องไปแจ้งความ
    แต่อาแป๊ะคิดว่า ถ้าเอาสมาร์ทโฟนไปให้ตำรวจ เกิดเขาอยากได้ก็จะยักยอกเอาไว้เอง เพราะฉะนั้นควรไปลงบันทึกประจำวันไว้ก็พอ ไม่ต้องเอามือถือไปมอบให้ตำรวจ รอให้เจ้าของมาติดต่อรับที่ร้านอาแป๊ะเอง ถ้าครบ ๑ ปียังไม่มีใครมาแสดงตัว ก็จะมอบมือถือให้เด็กที่เก็บได้ไปครอบครองกรรมสิทธิ์ ทั้งอาแป๊ะและเด็กจะปลอดภัยจากข้อหาลัก/ยักยอกทรัพย์

    เย็นวันนั้น
    หลังจากไปให้อาหารแมวในวัด อาแป๊ะก็เดินไปโรงพักซึ่งห่างจากบ้านประมาณ ๑ กม. ถึงหน้าทางเข้าโรงพัก ความรู้สึกอึดอัดก็ประทุขึ้นในใจ เพราะเคยรับรู้ภาพลักษณ์ด้านลบขององค์นี้มาอย่างยาวนาน
    เดินขึ้นโรงพัก ยกมือไหว้ตำรวจเวร 2-3 คนที่มองอาแป๊ะด้วยสายตาขมึงทึง-ไม่ไหว้ตอบ แต่ถามด้วยน้ำเสียงแสดงอำนาจบาตรใหญ่ว่า "มีอะไร?"
    อาแป๊ะเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าเคาเตอร์แล้วบอกตำรวจว่า
    "ผมมาขอลงบันทึกประจำวัน เรื่องมีเด็กเก็บโทรศัพท์สมาร์ทโฟนได้ที่ข้างบ้านของผม แล้วเอามามอบให้ผมครับ"
    ตำรวจทั้ง ๓ คนแสดงอาการสนใจทันที คนที่มียศพันตำรวจโท ถามว่า "ไหนละมือถือ?"
    อาแป๊ะตอบว่า
    "ผมเก็บไว้ที่บ้านครับ ผ่านมา ๓๐ ชั่วโมงแล้วยังไม่มีใครโทรเข้าเลย ผมจึงอยากมาแจ้งความไว้ เพื่อป้องกันเจ้าของกล่าวหาว่าผมขโมยมือถือของเขา"
    ยังไม่ทันที่อาแป๊ะจะบอกว่า ถ้ามีใครมาแสดงความเป็นเจ้าก็ให้ไปรับได้ที่บ้าน ตำรวจอีกคนซึ่งมียศร้อยตำรวจเอกก็พูดขึ้นมาว่า
    "เก็บของได้ข้างบ้านก็ไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของเรานะ แล้วยังเก็บมือถือเอาไว้อีก มันไม่พ้นความผิดหรอก ต้องเอามามอบให้ตำรวจ"
    อาแป๊ะบอกว่า"ผมเก็บไว้เพื่อรอให้เจ้าของมารับที่บ้านผม ถ้าไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของผมก็จะมอบให้เด็กต่อไป"
    ตำรวจช่วยกันบอกว่า "ไม่ได้หรอก เราไม่มีสิทธิ์เอามือถือไปมอบให้ใคร ต้องเอามามอบให้ตำรวจ" ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของตำรวจทั้ง ๓ คน แสดงออกถึงความอยากเห็นสมาร์ทโฟน เดาออกว่า
    ถ้าเป็นของแพง "กูจะอมไว้เอง"
    ตำรวจยศร้อยตำรวจโทที่มีท่าทางขึงขังน้อยกว่าเพื่อน กล่าวเสริมว่า
    "เจ้าหน้าที่จะเก็บไว้ 1 เดือน ถ้าไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ ก็ให้เด็กที่เก็บได้มารับคืน เด็กอยู่ที่ไหนละ?"
    อาแป๊ะอธิบายว่า "ผมไม่รู้จักเด็กที่เก็บได้และไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน แต่ผมจะมารับไปคืนให้เด็ก เพื่อทำให้เด็กรู้ว่าผู้ใหญ่เชื่อถือได้-ไม่เอาเปรียบเด็ก"
    ตำรวจยศพันตำรวจโทพูดขึงขังว่า
    "ไม่ได้ ต้องให้เด็กมารับเอง"
    อาแป๊ะทักท้วงว่า "แต่ผมเป็นคนมาแจ้งความนะครับ แล้วจะเป็นคนที่นำมือถือมามอบให้ด้วย"
    ตำรวจพูดว่าไม่ได้และอะไรอีกหลายคำ ซึ่งไม่รู้ว่าคนไหนพูด-ฟังไม่ทัน-จำไม่ได้ เพราะช่วยกันพูดไปในทางเดียวกัน
    เพื่อตัดความรำคาญ อาแป๊ะจึงบอกตำรวจไปว่า
    "เดี๋ยวผมจะกลับไปบ้านเอามาให้" ก่อนจะเดินออกจากโรงพักไป

    หลังจากเข้าวัด-ไหว้พระเสร็จ
    อาแป๊ะก็กลับบ้าน เอาสมาร์ทโฟนมามอบให้ตำรวจที่ต่างสนใจจับตามองสมาร์ทโฟนเป็นพิเศษ
    คนแรกคว้าไปพลิกดูยี่ห้อ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ยี่ห้อดังก็วางไว้
    อีกคนจับมาถือ-พยายามเปิดอยู่นาน แต่ติดที่เดารหัส PIN ไม่ได้ก็วางไว้อีก
    คนสุดท้ายยศสิบตำรวจตรีลองพยายามเปิด เมื่อเปิดไม่ได้ก็ถือเดินไปที่มุมห้อง หาอะไรมางัดเอาซิมการ์ดออกมา จนถาดที่ใส่ซิมการ์ดกระเด็นตกลงบนพื้นพร้อมซิมการ์ด จะใส่เข้าคืนก็วางไม่ถูกตำแหน่ง-ใส่ไม่เข้า จนอาแป๊ะต้องแนะนำว่า สงสัยจะใส่ผิดช่อง เพราะใส่ได้ ๒ ซิม
    ขณะที่ดูตำรวจเอาซิมการ์ดเข้าที่คืน อาแปีะก็คิดในใจว่า
    "ไม่เข้าท่าละ จะไม่ยุ่งกับมือถือเครื่องนี้อีก เดี๋ยวจะซวยไปด้วย"
  
    เมื่อเปิดสมาร์ทโฟนไม่สำเร็จ
    สักพัก ตำรวจยศพันตำรวจโทก็ออกคำสั่งให้ลงบันทึกประจำวันให้อาแป๊ะ
    หลังจากทำตามขั้นตอน-ก่อนจะปริ้นลงกระดาษ อาแป๊ะขอให้ตำรวจอ่านให้ฟัง และขอให้เพิ่มข้อความว่า
    "ถ้าเจ้าของไม่มาติดต่อขอรับคืนภายใน ๑ เดือน ผู้แจ้งจะรับกลับไปมอบให้เด็กที่เก็บได้" แต่ตำรวจพิมพ์ว่า
    "...ผู้แจ้งจะมาประสานการปฏิบัติต่อไป" เสร็จแล้วก็พูดกับอาแป๊ะพร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ว่า
    "ดีแล้วที่เอามาให้ตำรวจ เดี๋ยวจะดูแลให้"
    "กูจะได้มือถือคืนไม๊เนี่ย?" อาแป๊ะถามตัวเองในใจ ด้วยความระแวงรอยยิ้มแบบนั้น

    เมื่อได้อ่านเองอีกครั้ง
    อาแป๊ะก็เซ็นชื่อและรับเอกสารบันทึกประจำวันเดินออกจากโรงพัก โดยไม่ลืมที่จะโทรไปบอกเด็กที่เก็บสมาร์ทโฟนได้ ถึงเรื่องแจ้งความ-ตำรวจยึดมือถือไว้ และรอดูผลอีก ๑ เดือน

    เหตุการณ์คืบหน้าอย่างไร ผู้เขียนจะกลับมาเขียนเพิ่มเติมต่อไปภายหลังฯ 
   
๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

    ๓๐ วัน ผ่านไว ปลายธันวาฯ
    อาแป๊ะวางแผนการปฏิบัติเพื่อติดต่อขอรับสมาร์ทโฟนคืนจากตำรวจ ถ้าตำรวจยืนยันจะให้เด็กมารับเอง  ก็จะขอให้ตำรวจทำหนังสือมอบฉันทะจากอาแป๊ะ ให้ผู้ปกครองพาเด็กมารับ 

    เย็นวันนั้น หลังจากให้อาหารแมวที่วัด อาแป๊ะก็เดินไปสถานีตำรวจ แต่ตำรวจที่เข้าเวรบอกว่า สารวัตรเจ้าของเรื่องไม่มาทำงานในวันนี้ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่
    อาแป๊ะเดินกลับบ้าน พรางครุ่นคิดอย่างรอบคอบ ถ้าไปแล้วตำรวจไม่อยู่แบบนี้เรื่อยๆ เสียเวลาวันละ ๑ ชั่วโมงคงไม่ดีแน่ เข้าทำนอง"เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ"
    อย่ากระนั้นเลย ถ้าไปติดต่ออีกที ตำรวจเจ้าของเรื่องไม่อยู่อีกก็จะขอให้ออกหนังสือมอบฉันทะ ให้ผู้ปกครองพาเด็กมารับเองเลยดีกว่า จะได้หมดภาระเสียที

    เย็นวันรุ่งขึ้นก็เป็นดั่งคาด 
    ตำรวจเจ้าของเรื่องไม่มาเข้าเวร อาแป๊ะจึงขอให้ตำรวจเสมียนทำหนังสือมอบฉันทะ แล้วโทรแจ้งเด็ก แต่เสียงเด็กที่รับสายไม่เหมือนเดิม เป็นเสียงเด็กที่กำลังเป็นสาว
    อาแป๊ะจึงถามย้ำว่าใช่เด็กที่เก็บมือถือหรือเปล่า? เธอก็ตอบว่าใช่
    "ช่างมัน" อาแป๊ะบอกตัวเอง-เล่ารายละเอียดให้ฟัง ผู้ปกครองเด็กขอพูดด้วย แสดงความกังวลว่าจะโดนตำรวจยัดข้อหาลักทรัพย์
    อาแป๊ะชี้แจงว่า ได้ทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่างแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง โทรศัพท์ของเด็กที่ใช้อยู่ สภาพก็เก่าใกล้พังแล้ว เมื่อมีสิทธิ์ก็สมควรได้รับโทรศัพท์ที่เก็บได้ไปใช้แทน พรุ่งนี้ให้มารับหนังสือที่ตำรวจออกให้กับอาแป๊ะ แล้วไปติดต่อขอรับโทรศัพท์ได้เลย

    บ่ายวันต่อมา เด็กก็พาพ่อมาหาอาแป๊ะที่ร้าน
    ทันทีที่เห็นหน้า อาแป๊ะก็คิดว่า ไม่น่าจะใช่เด็กคนเดียวกัน เด็กคนนั้นอายุประมาณ ๑๒-๑๓ ปี ตัวผอม-ผิวดำ กิริยาค่อนข้างไร้เดียงสา แต่เด็กคนนี้อายุประมาณ ๑๖-๑๗ ผิวขาวกว่า กำลังเป็นสาว-ความไร้เดียงสาไม่ปรากฏ แต่ลักษณะเส้นผม-เค้าโครงหน้าเหมือนกัน คงเป็นพี่น้องกัน
    อาแป๊ะใคร่ครวญ แล้วถามเด็กว่า
    "หนูอายุเท่าไหร่?" เด็กตอบว่า "หนูอายุ ๑๒ คะ"
    "เอามือถือมาหรือเปล่า?" อาแป๊ะคิดว่ามีมือถือยืนยันเพิ่มเติมคงจะดี
    "มันพังแล้วคะ" เด็กตอบ
    "ดูยังไงก็ไม่ใช่ ๑๒ เอาเถอะ ยังไงก็เป็นเด็กที่ติดต่อผ่านเบอร์มือถือที่เด็กจดให้ น่าจะได้รับมอบสิทธิ์มา เราไม่มีทางเลือก" อาแป๊ะคิด
    แล้วจึงอธิบายวิธีปฏิบัติเมื่อไปโรงพักแล้ว อาแป๊ะก็ย้ำกับพ่อเด็กว่า ไม่ต้องกลัวเรื่องข้อหาลักทรัพย์ อาแป๊ะทำให้เรียบร้อย-ถูกต้องตามกฎหมาย 
    ถ้าตำรวจจะไม่คืนสมาร์ทโฟนให้ ก็ขอให้ตำรวจทำหนังสือนัดหมายใหม่ว่าจะให้มารับเมื่อไร ถ้าได้รับวันนี้ ก็ขอให้ตำรวจออกหนังสือยืนยันว่าเด็กเก็บได้และเจ้าของไม่มารับคืนฯลฯ ก่อนจะให้กำลังใจทั้งสองคนที่ไหว้ขอบคุณแล้วจากไป

    เย็นวันนั้นขณะกำลังเก็บร้าน อาแป๊ะอดสงสัยไม่ได้
    "แค่ ๑ เดือน วัยรุ่นจะโตเร็วขนาดนี้เลยหรือ? แล้วเด็กคนนั้นไปไหน? โทรศัพท์พังแล้วจริงหรือ? เราทำพลาดหรือเปล่า? โดนเด็กหลอกหรือไม่?" จึงลองโทรไปเบอร์เด็กอีกครั้ง มีคนรับสาย
    "อ้าว มือถือไม่พังนี่หว่า" อาแป๊ะเริ่มแน่ใจ
    เสียงที่รับสายเป็นเด็กสาววันนี้ ไม่ใช่เสียงไร้เดียงสาของเด็กวันนั้น
    อาแป๊ะซักถามว่า "หนูเป็นเด็กที่เก็บมือถือจริงหรือ?" เด็กตอบว่า"ใช่คะ"
    "หนูอายุเท่าไหร่์"
    เสียงตอบว่า"๑๓ ปีคะ"
    "ตอนบ่ายบอก ๑๒" อาแป๊ะคิด
    "หนูไม่น่าจะใม่น่าจะใช่คนเดียวกันกับเด็กวันนีั้นนะ" อาแป๊ะย้ำกับเด็ก
    เด็กยืนยันว่า "คนเดียวกันคะ" พรางหัวเราะ
    "ช่างมัน กรรมใครกรรมมัน" อาแป๊ะสรุปในใจ แล้วถามว่าตำรวจให้มือถือหรือเปล่า? เด็กบอกว่าได้รับแล้ว
    "โอเค หมดภาระเสียที" คิดพราง อาแป๊ะถอนหายใจอย่างโล่งอก บอกลาเด็กแล้วทบทวนบทเรียนว่า
    คราวหลังมีอะไรทำนองนี้อีก ต้องถ่ายรูปเก็บไว้ให้ครบ ทั้งคนทั้งวัตถุพยาน
    คราวนี้เพิ่งเป็นครั้งแรก ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะซับซ้อนยุ่งเหยิงขนาดนี้ จึงทำอะไรขาดตกบกพร่องไปมาก คนเรา เชื่อใจได้ยากจริงๆฯ
       
๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

เจ้ากรรมนายเวร : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

                                                                                                                

 

เจ้ากรรมนายเวร : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ...........................................เมฆฝน ตั้งเค้า
ลมพัด แผ่วเบา.........................อบอ้าว เหงื่อไหล
เย็นนี้ คงมีฝน...........................สับสน หทัย
วันคืน เข้าใกล้..........................ปลายพฤ ศจิกาฯ

    ...........................................(ทุกอย่าง)มีเหตุ มีผล
บอกกับ กระมล.........................เมื่อผจญ ปัญหา
หลักใช้ ชีวิต............................พินิจ พิจารณา
ธรรมชาติ สัจจา........................มิสามารถ ตัดรอน

    ...........................................เจ้ากรรม นายเวร
ติดตาม ทำเข็ญ........................(ให้)เป็นทุกข์ เดือดร้อน
คุ้นยิน ชินชา............................ประสา ราษฎร
ที่ซุก หัวนอน...........................ณ ถิ่น แดนไทย

    ...........................................ยอมชด ใช้กรรม
อดีต เคยทำ.............................(คำสอน)ชี้นำ ย้ำให้
ลดละ อาฆาต...........................พยาบาท ตัดใจ
ยินยอม อภัย............................ไม่ถือ สากัน

    ...........................................ก้มหน้า ก้มตา
รับโชค ชะตา............................ที่มา ห้ำหั่น
(มีความ)สงบ อดทน...................ประจญ ชีวัน
ที่มิ เหมือนฝัน...........................มาดมั่น สัญญา

    ...........................................(หลักคิดเรื่อง)เจ้ากรรม นายเวร
ยังมิ เคยเห็น.............................ใน(คำสอน)พุท ธศาสนา
แค่บอก ให้รู้..............................แล้วแต่ผู้ ศรัทธา
ไม่ต้อง ชี้หน้า............................ด่าว่า ฉันเลยฯ

๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันศุกร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

หลังวันลอยกระทง : กลอนคติเตือนใจ

                         


 




หลังวันลอยกระทง : กลอนคติเตือนใจ

    รุ่งเช้า หลังวัน ลอยกระทง..............................ลางคน ยังคง นอนหลับใหล
เมื่อคืน เที่ยวจน มิสนใจ...................................(พรุ่งนี้)มิใช่ วันหยุด สุดสัปดาห์(๒๓/๑๑/๒๕๖๑=วันศุกร์)

    อากาศ เย็นยวน ชวนนอนหลับ........................(ฝัน)ย้อนกลับ คืนห้วง ความหรรษา
สนุก สนาน สานเฮฮา......................................จนลืม เวลา นิทราไป

    ความสุข ชั่วคราว ราวชั่วครู่.............................ครวญดู อีกครา ว่าคุ้มไหม?
บางคน เล่นจน เจ็บป่วยไข้...............................บ้างทุกข์ ตลอดไป จนวายปราณ

    มิควร ไปให้ ความสำคัญ................................กับกิจ (จะ)กรรม์ สนุกสนาน
(เพราะ)มิก่อ ประโยชน์ (อาจมี)โทษหลากลาน......ส่งโรง พยาบาล กันมากมี

    โดยเฉพาะ (เที่ยว)กลางค่ำ ย่ำกลางคืน.............โฉดชน ล้นดื่น รื่นบัดสี
อุบัติเหตุ เภทภัย มากมายมี...............................พลัดพราก ชีวี ทุกวี่วัน

    ลอยกระทง กลางวัน กันก็ได้...........................หรือไม่ ต้องลอย ฤาน้อยหรรษ์?
(หรือ)ลอยแล้ว รีบกลับ หลับนอนกัน...................(เรื่อง)สังสรรค์ บันเทิง อย่าเหลิงใจ

    บันเทิง ในความ ไม่ประมาท............................ตัดขาด วิถี พินาศได้
คนที่ มองข้าม ความปลอดภัย............................ส่วนใหญ่ ไม่ประสบ สวัสดี

    ลอยกระทง มิใช่ ศาสนา.................................(การ)บูชา แม่น้ำ งามวิถี
(คือควร)หยุดทิ้ง ขยะ ลงวารี.............................ต่อชะตา สรรพชีวี ศานติเทอญฯ

๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ทำดีไม่ต้องมีใครชม : กลอนคติสอนใจ




ทำดีไม่ต้องมีใครชม : กลอนคติสอนใจ

    น้ำไหล คล้ายมี ชีวิต.............................น้ำตก ปกปิด มิดหมาย
น้ำเย็น เป็นหิมะ กระจาย...........................(น้ำแข็ง)ละลาย สายน้ำ ดำเนิน

    ดอกไม้ ได้บาน พานพบ........................ประสบ สรรพปัน สรรเสริญ
คือปก (กะ)ติหล้า ประเชิญ.......................นานเนิ่น เพลินสัจ ปัถพี

    ดอก(ไม้)ลาน บานไกล ในป่า.................ไร้คน ยลค่า ระเริงศรี
หาได้ ทำให้(ดอกไม้) ไร้มี........................โสภี วิสุทธิ์ ยุติธรรม

    ฉันใด ฉันนั้น พรรณนา...........................ความดี ชีวะ อุปถัมภ์
หาใช่ ให้ชม โหมคำ................................ชื่นฉ่ำ สำราญ บานอุรา

    ความดี ที่แท้ แม้ไม่...............................มีใคร ล่วงรู้ อุตสาห์
ก็ยัง สะพรั่งดี ปรีดา.................................ทรงคุณ บุญญา บารมี

    ทำดี ที่โร่ โอ้อวด..................................ย่อมชวด สุทธา สง่าหนี
ปราศคม ชมคำ(คำชม) ไม่ทำดี..................อนาถ บัดสี อัปรีย์ชน

    ทำดี มิให้ ใครรู้.....................................แม้(ทำแล้วมี)ผู้ ริษยา หาสน
ศรัทธา วสี นิรมล.....................................หลุดพ้น ประดา โลกธรรม(วสี=ผู้ชำนะตัวเอง)

    บรรลุ อุดม โสมนัส................................มโนทัศน์ ประเสริฐ เลิศล้ำ
เข้าใจ ในกฎ แห่งกรรม.............................เมินคำ ยกย่อง ผุดผ่องเอยฯ

๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑

วันพุธที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ครูหนอครู : กลอนคติเตือนใจ




                           

                          

                          

                          

                          

                          

ครูหนอครู : กลอนคติเตือนใจ

    ดูข้อสอบ ป.๑ ถึงกับ งง......................................เรานี้คง โง่เง่า เขลาเหลือหลาย
อุตส่าห์เรียน ปริญญา มาแทบตาย...........................แต่สุดท้าย ไม่ประเทือง แม้เรื่องประถม

    จะไม่โทษ ลูกดอก หากสอบตก............................จะปลอบ อก ปลอบใจ อย่าไห้ห่ม
อ่านข้อสอบ (แล้ว)ไม่เข้าใจ ใช่โง่งม........................อย่าเอามา เป็นอารมณ์ ทับถมใจ

    หลักสูตรการ ศึกษา ประเทศนี้..............................ปัญหามี ไม่หยุด สุดสงสัย
ฉันต้องรอ ถึงชาติหน้า หรือกระไร?..........................จึงจะไร้ ซึ่งปัญหา สาละวน

    ที่มุ่งมาด ชาติพัฒนา อย่าไปหวัง..........................หากการศึก ษายัง รั้งท้ายผล
เปรียบประเทศ รอบบ้าน ประจานตน........................ด้อยกว่าทุก ประเทศจน ฉงนจินต์

    งบประมาณ การศึกษา มาที่๑...............................แต่ผลซึ่ง พึงได้ ไม่สมถวิล
มีข่าวแล้ว ข่าวเล่า เมาโกงกิน................................อย่างไม่สุด ไม่สิ้น แผ่นดินดอน

    แค่หลักสูตร เรียนครู ลองดูเถอะ...........................ทำเลอะเทอะ เฟอะฟะ ปัญญาอ่อน
(เรียน)๔หรือ๕  ปีแล ไร้แน่นอน.............................อุทาหรณ์ ย้อนเห็น ประเด็นตรง

    ครูมีแต่ ปริญญา หามี(ความ)รู้.............................นำมาสู่ ภารกิจ วิปริตหลง
ผู้บริหาร การศึกษา ภาระคง..................................แค่ประสงค์ ความก้าวหน้า เฉพาะตน?

    ครูใส่ใจ แค่ใคร่มี (ตัวเอง)ชีวะประเสริฐ.................ใช้ของหรู ดูเลิศ เพริศพรูผล
ศิษย์จะชั่ว จะดี นิรมล..........................................ครูกี่คน ที่สนจิต พินิจเทอญ?

๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑


*การเขียนว่า "งูดูอีกา (เว้นวรรค) ไปที่รูปู" อ่านให้เป็นประโยคเดียวกัน
(เพราะวรรคสุดท้ายไม่มีประธาน)
อาจทำให้คนอ่านเข้าใจเป็นว่า
งู(ประธาน) + (งูตัวที่)ดูอีกา(คำวิเศษณ์/คำคุณศัพท์) + ไป(กริยา) + ที่(คำบุพบท)+ รูปู

ถ้าจะให้เข้าใจตรงๆว่า "อีกาไปที่รูปู"
ก็ควรจะเขียนแยก "ไปที่รูปู" เป็นประโยคต่างหากจาก"งู" เช่น
"งูดูอีกา"....."อีกาไปที่รูปู"
หรือไม่ก็ตัดประโยค 
"งูดูอีกา" ทิ้งไปเลย เพราะไม่เกี่ยวข้องอะไร "คูนา-รูปู" 
คนอ่านจะได้ไม่ไขว้เขว-สับสน
การเขียน ๓ ประโยค แต่เว้น ๔ วรรคแบบนี้ ทำให้เข้าใจยากเปล่าๆ
จะอ้างว่าเป็นบทกวี ก็ "ห่วยแตก" สิ้นดี.