ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ 28/02/62 : เจาะลึกธุรกิจท่องเที่ยวปี 62

อนุโมทนา-สาธุ : กลอนคติสอนใจ



อนุโมทนา-สาธุ : กลอนคติสอนใจ

    ทำดี(เช่นให้ทาน) มีคน อนุโมทนา...................(แต่พอ)ชวนมา ร่วมทำ หมดคำขาน(เงียบสนิท)
คิดแล้ว ก็ตลก ซึ้งอกพาล...................................สันดาน ตระหนี่ สิธำรง

    คนไทย ไม่น้อย คอยคิดว่า.............................การพูด "(ขอ)อนุโมทนา" พาสมประสงค์
ได้รับ(แบ่ง) ส่วนบุญ หนุนจำนง...........................โดยมิ ต้องลง มือทำบุญ(เอง)

    (คำถาม)คนไหน ใครสอน มาก่อนเก่า?.............โง่เขลา จึงคิด จิตสถุล
ขาดความ เสียสละ เกื้อการุญ..............................เคยคุ้น แค่ความ เห็นแก่ตัว

    อนุโม ทนา=ปรีดาด้วย..................................อาจช่วย ให้คน พ้นคิดชั่ว
ริษยา ตาร้อน ถอนเมามัว....................................นึกกลัว ใครได้ ดีกว่าตน

    (สอดคล้อง)ตามหลัก "มุทิตา" ปฏิบัติ.............ฝึกหัด ขัดเกลา เบาอกุศล
เหมือน(พูด)ว่า "สาธุ" เมื่อผู้คน...........................ทำดี นิรมล เลิศล้นใจ

    พบเห็น เป็นเสมอ คนเพ้อผิด..........................วิปริต พระมรณา "สาธุ"ให้
(สาธุแปลว่า)"ดีแล้ว" ที่พระ ตายซะไง?................(เป็น)ชาวพุทธ แบบไหน? ไม่รู้ความ

    เพราะคน ส่วนมาก ไม่อยากคิด.......................ชีวิต ดำเนินไป ไร้คำถาม
เขาทำ อะไร ใคร่ทำตาม.....................................ดี-ทราม-ต่ำ-สูงฯลฯ มิมุ่งรู้

    เป็น(พุทธ)แบบ ไทยๆ ไปเรื่อยๆ.....................เรื่อยเปื่อย รอวาสนา วิ่งมาสู่
เมามัว "ตัวกู กับ ของกู"...................................งูๆ ปลาๆ ประพฤติเอยฯ

๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

"พระพยอม" เตือนบวชแล้วคนอื่นเดือนร้อน ไม่ได้บุญ | NationTV22

ปลูกป่าก่อนจะช้าเกินไป : โคลงสี่สุภาพ




ปลูกป่าก่อนจะช้าเกินไป : โคลงสี่สุภาพ

๑.ระดับอากาศร้อน...............................ระดม
ก่อเกิดกระแสลม.............................พัดกล้า
กรากกระโชกพนม...........................พนัสสั่น
ไหวหวั่นวายุถ้า...............................โค่นล้มเรือนทลายฯ

๒.พัดลมมิคลายร้อน.............................กระแส
ปราศจากป่าเป็นตัวแปร.....................เปลี่ยนแล้ว
อุณหภูมิโลกแล...............................ระอุ
ชีวิตอยู่ไม่แคล้ว...............................ท้นทุกข์ทรมานฯ

๓.ข่าวสารว่าปีนี้...................................(ต้น)มะม่วง
บ่ผลิดอกออกพวง............................ผล(ผลิต)น้อย
กสิกรรม(แบบ)พึ่งพาดวง...................(กำลัง)วิกฤติ
เมื่อบ่คิดความคล้อย.........................ความรู้ย่อมลำเค็ญฯ

๔.ผืนป่าเป็นผู้สร้าง...............................สมดุล
สภาวะอากาศหนุน............................เนื่องให้
ระบบนิเวศเจือจุน..............................(การ)เป็นอยู่
มิหดหู่ยากไร้....................................แห้งแล้งกันดารฯ

๕.พึ่งภารป่าซับน้ำ................................ผลิตฝน
กำเนิดกระแสชล...............................(และความ)ชุ่มชื้น
อากาศหยุดเร่ารน..............................เย็นฉ่ำ
ความสมบูรณ์ร่มรื้น............................คู่ฟ้าปัถพีฯ

๖.อยู่ดีกินดีพร้อม..................................สุขสันติ์
หาใช่สิ่งอัศจรรย์...............................วิเศษสร้าง
แต่เกิดจากกิจกรรม์...........................ธรรมชาติ
(ที่)เริ่มพินาศ(ถูก)ทำลายล้าง..............โดยน้ำมือคนฯ

๗.เคยท่องบ่น"ในน้ำ..............................มีปลา
แผ่นดินไทยในนา..............................มีข้าว"
แต่ก่อนแต่ไรพนา..............................ดาษดื่น
ปัจจุบันผืนดินด้าว..............................ป่าไม้มลายสูญฯ

๘.อย่ารอแต่บุญสร้าง.............................วาสนา
บ่ลืมหูลืมตา......................................ต่อสู้
แข็งขันปลูกพนา................................ป่าใหญ่
แผ่นดินไทยกอบกู้..............................ก่อนช้าเกินไปฯ

๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บัวแล้งน้ำ : กลอนคติธรรม








บัวแล้งน้ำ : กลอนคติธรรม

    แม้บ่มี น้ำใส (แต่)ต้องไม่ขาด.........................น้ำสะอาด ปราศปน มลทินร้าย
แผ่นดินนุ่ม อุ้มราก บากชอนชาย.......................บริบาล บัวสาย ได้เติบโต

    แสงสุรีย์ ศรีส่อง ผ่องผาด จรด........................ดอกบัว-ใบ ใสสด ปรากฏโผ
ชูช่อพุ่ง รุ่งเรือง เฟื่องเดโช..............................บริสุทธิ์ พุทโธ มโนมัย

    บ่มีบัว เบ่งบาน ณ ฐานแหล่ง..........................ปัถพีแห้ง แล้งน้ำ ลำธารได้
เปรียบเสมือน พุทธธรรม (มะ)วินัย.....................ย่อมอาจไม่ ประดิษฐาน ณ พาลแดน

    ถึงพากเพียร เลียน-ดู รู้ทั้งหมด.......................มีธรรมบท โดดเด่น เป็นแบบแผน
แต่หากใจ ไม่ศรัทธา อุราแกน..........................มีก็ไม่ เหมือนแม้น แทนพุทธา(แกน=ขัดสน,จำใจ)

    เมื่อหัวใจ ไม่บริสุทธิ์ ทุจริต............................เมินครุ่นคิด สถิตนิสัย ใคร่สิกขา
ย่อมตีความ ธรรมวินัย ไป(ต่างๆ)นานา...............ตามอัตตา ประสงค์ หลงทิศทาง

    แม้แต่เปลือก ก็เสือกไส ไม่เหลือหลอ...............ป้องปากป่าว ป้อยอ พอเยี่ยงอย่าง
ว่าคือพุทธ สุดประเสริฐ เพริศสะอาง..................ทั้งๆที่ แตกต่าง เหินห่างไกล

    บ่รู้ดี รู้ชั่ว มัวเมาถ่อย....................................ทำแต่เรื่อง ด่างพร้อย คล้อยสาไถย
เห็นกงจักร เป็นดอกบัว เปรมหัวใจ....................สิ่งที่ได้ หนีไม่พ้น บาปมลทิน

    ปลูกตำแย แต่เห็น เป็นบัวเผื่อน......................สติเปรอะ เลอะเลือน เปื้อนแปดสิ้น
ทำต่อๆ กันไป ใจชาชิน..................................ล้วนแผ่นดิน ระบิลยล ต้นตำแยฯ

๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

*พระพุทธเจ้าห้ามพระสงฆ์ ดู-ฟังการร้องรำทำเพลงประโคมดนตรีฯลฯ
ไม่ว่างานอะไร 

คณะกลองยาว-พิณ-หมอลำ-วงดนตรี-ลิเก-ภาพยนตร์ ฯลฯ จะมาจัดแสดงที่วัดไม่ได้
ถึงทำกันเป็นประเพณี ก็ผิดวิถีพุทธ 
ไม่บรรลุมรรคผลตามพุทธธรรม

[๑๙] สมัยต่อมา ที่พระนครราชคฤห์ มีงานมหรสพบนยอดเขา พระ
ฉัพพัคคีย์ได้ไปเที่ยวดูงานมหรสพ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร จึงได้ไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง และการประโคมดนตรี เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลาย ... กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง หรือการประโคมดนตรี รูปใดไป ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บัวใต้น้ำ : กลอนคติธรรม





บัวใต้น้ำ : กลอนคติธรรม

    บ้านใคร ไม่มี พระเครื่อง(ของขลัง)..............คงเป็น เรื่องเล่า เอาขบขัน
คนไทย กับไส ยศาสตร์นั้น............................ท่าจะอยู่ คู่กัน นิรันดร

    (ประกาศตน)นับถือ พระพุท ธศาสนา..........(แต่)เมินหน้า (ศึกษา)ปฏิบัติตาม คำสอน(ธรรมวินัย)
ใช่แค่ ฆราวาส ตัดรอน.................................มองย้อน พระเณร เป็นอย่างไร?

    เรื่องจะ ปฏิรูป ศาสนา..............................พอแค่ พูดจา หาเลื่อมใส(ไม่จริงใจ-ไม่เข้าใจ)
สูญเสีย งบประมาณ เงินบรรลัย......................แต่ไร้ แก่นสาร การเปลี่ยนแปลง

    เอาพระ นิพพาน บานบังหน้า.....................ลาภ-ยศ-สักกา ระแสวง
กิเลส ตัณหา ส่อแสดง.................................(ถึงจะ)เสแสร้ง ซ่อนเร้น ก็เห็นชัด

    หลอกคน งมงาย ง่ายที่สุด........................สร้างสิ่ง สมมุติ ประดุจสัจ
แต่งเรื่อง วิเศษ สารพัด................................คือความ ถนัด อุบาทว์ชน

    ต่อให้ ได้รับ การศึกษา............................เมื่อขาด สัตยา ละเหตุผล
คดคิด อวิชชา ครองกระมล...........................ไม่พ้น (เป็น)เพียง"บัว ใต้วารี"
 
    หากความ สงบ ไม่(ทำให้)สบสุข...............ชอบสนุก สนาน ชาญวิถี
พุทธธรรม คำสอน หลอนฤดี..........................อริยะ สัจสี่ มิซึ้งใจ

    ก็อย่า มาขยัน สร้างปัญหา.......................แอบอ้าง พุทธศาสนา ทำสาไถย
ก่อกรรม ทำเข็ญ เป็นปัจจัย...........................ทุกข์ให้ ทรมาน นานเท่านานฯ

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

*[๒๑] ปุถุชนเมื่อกล่าวยกย่องตถาคต ก็จะพึงกล่าวว่า
             ๑. พระสมณโคดมทรงเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชา
เช่นที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางพวกฉันโภชนาหารที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพผิดทางด้วยเดรัจฉานวิชาอย่างนี้ คือ
ทำนายอวัยวะ ทำนายตำหนิ ทำนายโชคลาง ทำนายฝัน ทำนายลักษณะ ทำนายหนูกัดผ้า ทำพิธีบูชาไฟ พิธีเบิกแว่น
เวียนเทียน พิธีซัดแกลบบูชาไฟ พิธีซัดรำบูชาไฟ พิธีซัดข้าวสารบูชาไฟ พิธีเติมเนย
บูชาไฟ พิธีเติมน้ำมันบูชาไฟ พิธีพ่นเครื่องเซ่นบูชาไฟ พิธีพลีกรรมด้วยเลือด วิชาดูอวัยวะ วิชาดูพื้นที่๒- วิชาการปกครอง วิชาทำเสน่ห์๓- เวทมนตร์ไล่ผี วิชาตั้งศาลพระภูมิ วิชาหมองู วิชาว่าด้วยพิษ วิชาว่าด้วยแมงป่อง วิชาว่าด้วยหนู วิชาว่าด้วยเสียงนก วิชาว่าด้วยเสียงกา วิชาทายอายุ วิชาป้องกันลูกศร วิชาว่าด้วยเสียงสัตว์ร้อง
จาก <http://www.84000.org/tipitaka/read/m_siri.php?B=09&siri=1

[๑๒] สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์ทรงเครื่องประดับหู ... ทรงสังวาล
ทรงสร้อยคอ ทรงเครื่องประดับเอว ทรงวลัย ทรงสร้อยตาบ ทรงเครื่องประดับข้อมือ ทรงแหวนประดับนิ้วมือ
ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ...เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายได้ยินพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ ... จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาค ... ทรงสอบถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุฉัพพัคคีย์ทรงเครื่องประดับหู ทรงสังวาล ทรงสร้อยคอ ทรงเครื่องประดับ-*เอว ทรงวลัย ทรงสร้อยตาบ ทรงเครื่องประดับข้อมือ ทรงแหวนประดับนิ้วมือจริงหรือ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียน ... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงทรงเครื่องประดับหู ไม่พึงทรงสังวาล ไม่พึงทรงสร้อยคอ ไม่พึงทรงเครื่องประดับเอว ไม่พึงทรงวลัย ไม่พึงทรงสร้อยตาบ ไม่พึงทรงเครื่องประดับข้อมือ ไม่พึงทรงแหวนประดับนิ้วมือ รูปใดทรง ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

วันอาทิตย์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

News บทลงโทษเผาหญ้าข้างทาง

น่ากลัวไปไหม? "พาราควอต" ยาฆ่าหญ้าอันตราย ที่ทั่วโลกแบน แต่ไทยเเลนด์ยังใ...

คำตอบของทุกคำถาม : กลอนคติชีวิต



คำตอบของทุกคำถาม : กลอนคติชีวิต

    (คำถาม)
ทำไม เกิดมาเป็นฉัน?
ทำไม ฉันเป็นเช่นนี้?
ทำไม ฉันไม่ได้ดี?
ทำไม มีปัญหาทุกขารมณ์?
ฯลฯ

    (คำตอบ)
เพราะชีวี มีเวรกรรม
ที่เคยทำ ดี-ทรามสั่งสม
เวียนว่ายตายเกิดเปิดปม
ผสมกรรมใหม่ ในปัจจุบัน

    ทุกคำถาม
มีคำตอบ(เดียว)
จะชอบ(หรือ)ไม่ชอบ ก็เท่านั้น
รู้ไว้-ทำใจ
อย่าไปเสียเวลาตัดพ้อมัน
มาให้ความสำคัญ กับวันนี้

    อย่ามัวโศกเศร้าเสียใจ
ปล่อยวางทุกอย่างไปตามวิถี
ย้อนอดีตไม่ได้
ทาง(กลับไป)แก้ไขไม่มี
ทำได้แค่เท่าที่
วันนี้สิเลือกทำ

    ทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว
ละอายและขลาดกลัว
ต่อบาปหยาบช้า

    ตั้งต้นหนทางใหม่
ด้วยหัวใจเปี่ยมศรัทธา
ต่อกุศลเจตนา
สร้างอนาคตที่สดใสเทอญฯ

๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ก้าวไปให้ก้าวหน้า : กลอนคติชีวิต

ก้าวไปให้ก้าวหน้า : กลอนคติชีวิต

    มีก็แต่ อายุขัย..................................ที่(ยังไงๆก็)เคลื่อนไหว ไปข้างหน้า
คนเรา ก้าวสู่(ความ)ชรา...........................(ตั้ง)แต่เกิดมา เป็นผู้(เป็น)คน

    (คน)ส่วนใหญ่ ไม่ประจักษ์..................เข้าใจหลัก(การ) และเหตุผล
ชีวิน ใช้ดื้นรน.........................................ค้นหาลาภ อย่างอัประมาณ

    พูดได้ ตายตาหลับ............................ภูมิใจกับ (การ)มีลูกหลาน
ธำรง เหล่าวงศ์วาน.................................สืบสันดาน สานต่อไป

    โดยที่ มิศึกษา..................................ฝึกพัฒนา จิตวิสัย
เกิดมา (เป็น)ประการใด...........................ตราบตายไป ไม่เปลี่ยนแปลง

    อะไรมี ที่ก้าวหน้า?............................เกิด->มรณา มุ่งแสวง
ส่องสัจ เห็น(ความ)ขัดแย้ง.......................เรื่องตกแต่ง ติดตำนาน

    น้อย(คน)นัก จักสนใจ........................ปรับเปลี่ยน(จิต)ใจ ให้ไพศาล
พัฒนา สมาทาน....................................พ้นสัญชาตญาณ สันดานคน

    ปัญญา (เกิด)มามืดมิด.......................พัฒนาจิต ประสิทธิผล
ศึกษา ก้าวหน้าจน..................................หลุดพ้นห้วง บ่วงโลกีย์

    โลกธรรม รื้อกำจัด.............................ด้วยปฏิบัติ เป็นวัตรศรี
หาใช่ ให้พาที........................................เหมือนประเพณี พาลนิยมฯ

๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

จาก (ร่าง) พ.ร.บ. ข้าวไทย ถึงการออกแบบนโยบายข้าวในอนาคต

“ร่าง พ.ร.บ.ข้าว พ.ศ. …. : ทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง” : คนเค...

ไม่เอาจริงเอาจัง : กลอนปัญหาสังคม

                   





ไม่เอาจริงเอาจัง : กลอนปัญหาสังคม

    เราอยู่ กันใน ประเทศที่............................ไม่มี ระเบียบ เปรียบสม
จนเกิด ปัญหา โสมม(มากมาย).......................สั่งสม มาอย่าง ยาวนาน

    เช่นแค่ ปัญหา หมาจรจัด..........................สร้างภัย พิบัติ มหาศาล
(แหล่ง)เพาะ(โรค)พิษ สุนัขบ้า สู่สาธารณ์.........ปราศการ แก้ไข ไร้ท่วงที

    ปล่อยให้ เรื้อรัง บังเกิด.............................เลยเถิด ลุกลาม ทรามวิถี
เห็นอยู่ รู้กัน ปัญหามี.....................................แต่ไร้ ใครที่ เอาจริงเอาจัง(โดยเฉพาะราชการ)

    (พอ)เกิดเหตุ เวทนา แห่มาปลอบ...............(ถ่ายรูป)ทำมอบ ของขวัญ แล้วหันหลัง
ผักชี โรยหน้า น่าชิงชัง..................................หมดหวัง ทางแก้ อย่างแท้จริง

    คนตาย รายแล้ว รายเล่า...........................(คนอีก)หลายเท่า พิการ ชีวันทิ้ง
ความเห็น ท่วมท้น ท้วงติง..............................ไร้สิ่ง ตอบสนอง ตามต้องการ

    ปัญหา ง่ายๆ กลายเป็น(แก้)ยาก.................ล้นหลาก (ปัญหา)อื่นๆ มหาศาล
จึงไม่ มีวัน บันดาล........................................พบพาน การแก้ แม้(รอจน)วันตาย

    (ทำอะไร)ขาดความ เอาจริง เอาจัง..............เป็นดั่ง สันดาน อันเลวร้าย
เราจึง อยู่กัน อย่างอันตราย.............................ไม่รู้ จะวาย วันใดมี

    พูดใย ไปถึง พัฒนา(ประเทศ).....................ยิ่งกว่า ยังย่ำ อยู่กับที่
หลายด้าน ปัญหา เหิมทวี................................นับปี มีแต่ แย่กว่าเดิมฯ

๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

คน(ใจ)พิการ : กลอนคติสอนใจ




คน(ใจ)พิการ : กลอนคติสอนใจ

    โดยทั่วไป หลาย(ต่อ)หลายคน..................แต่งตัวตน ยลภูมิฐาน
แต่อับจน กระมลสันดาน................................จิตพิการ พาลอัปรีย์

    ใช้ของแพง สำแดงอวด...........................สูงยิ่งยวด สง่าราศี
เป็นไฮโซ โก้หรูมี........................................(มีการ)ศึกษาดี ศิวิไลส์

    แต่พฤติกรรม ต่ำสถุล..............................มองค่าคุณ หามีไม่
อยู่เพื่อทำ ความจัญไร..................................อยู่ร่ำไป ให้(คนอื่น)ลำเค็ญ

    เอาเปรียบคน จนเป็นจริต.........................ความนึกคิด วิปริตเห็น
ไร้ยางอาย ใจด้านเจน..................................มิเว้นว่าง สร้างบาปกรรม

    คือนรา ผู้น่าสงสาร.................................จิตวิญญาณ พิการย้ำ
อย่าถือสา การกระทำ...................................ที่จะนำ เวรกรรมมา(ให้ตัวเอง)

    วิญญูชน ย่อมยลเห็น..............................ผู้ลำเค็ญ มีปัญหา
ควรได้รับ ความเมตตา.................................มอบกรุณา และปราณี

    เมื่อเราคือ คนแข็งแรง............................สมควรแสดง (ความ)แกร่งศักดิ์ศรี
น้ำใจเกื้อ เอื้ออารี.......................................ช่วย(เหลือ)คนที่ เขาพิการ

    พบผู้ที่ อ่อนแอกว่า................................เกิด(รู้สึก)เมตตา คือ(คน)กล้าหาญ
มีมนัส พัฒนาการ.......................................เกษมสำราญ ชั่วกาลนานเอยฯ

๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ทำอะไรในวันพระ? : กลอนวันพระ



ทำอะไรในวันพระ? : กลอนวันพระ

    ทำอะไร ในวันพระ?.............................จงลดละ อกุศล
ความเมามัว หลงตัวตน.............................ขัดเกลาจน จางจากจร

    ปวงตัณหา เมื่อละลด...........................จะปรากฏ หมดเร่าร้อน
เห็นความงาม ความสุนทร.........................แจ่มขจร สะท้อนชีวี

    ปราบกิเลส เป็นเศษผง.........................เจตจำนง ตรงแน่วนี้
บริสุทธิ์ ผุดผ่องฤดี...................................บรรเจิดมี สิริมงคล

    บาปไม่ทำ สร้างสำนึก..........................หยั่งรากลึก ปึกแผ่นผล
เวรกรรมไร้ ไม่มาผจญ...............................เท่ากับพ้น ทุกข์ทั้งมวล

    แค่คิดใคร่ ใส่บาตรพระ.........................รับศีล-พระ ให้พรล้วน
(เป็น)วัฒนธรรม งามกระบวน......................เพื่อคู่ควร พุทธศาสนิกชน

    ฟังเทศนา-นั่งสมาธิ.............................ทำตามพิ ธีกรรมหน
สวมชุดขาว เข้าวัดวน................................หามีผล แก่คนใด

    ตราบที่ใจ ไม่สาบสูญ..........................อกุศลมูล ต้น(เหตุ)สาไถย
ย่อมมีเหตุ มีปัจจัย....................................ทำบาปได้ ไม่เว้นวาง

    เวียนเทียนธูป ประทักษิณ....................แต่ไม่สิ้น ตัณหาสาง
ต่างอันใด (กับ)ไฟไหม้ฟาง.......................บุญที่สร้าง เบาบางเอยฯ

๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

*พิธีเวียนเทียน ของชาวพุทธ ไม่มีการปฏิบัติในสมัยพุทธกาล

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ชีวาไม่น่าเบื่อ : กลอนคติชีวิต






ชีวาไม่น่าเบื่อ : กลอนคติชีวิต

    ลมพัด ความชื้น หวนคืนกลับ..................แผ่นดิน ติณสรรพ เตรียมรับฝน(ติณ=หญ้า)
กลางคืน หดสั้น กลางวันยล........................ยืดยาว ก้าวผจญ ร้อนรนฤดู

    ฝนแรก แหวกฟ้า กลางราษตรี................กลิ่นฝน ดลฤดี ปีติรู้
ลมเห เสสรวล ชวนชื่นชู.............................กล่อมผู้ หลับนอน อย่างอ่อนโยน

    ฤดูกาล ผันแปร แลประกาศ...................ธรรมชาติ วิถี นี้ผาดโผน
ปรากฏ เป็นจังหวะ เกิดจะโคน.....................โยกโยน ชีวิต พิจารณา

    ปรับตัว ปรับใจ ตามไปกับ.....................สอดรับ ธรรมชาติ และวาสนา
เท่าที่ มี-เป็น เข็นชีวา................................ฟันฝ่า อุปสรรค อย่าหนักใจ

    เมินคำ ว่าแพ้ แม้เราสู้..........................เยือกเย็น เป็นอยู่ รู้เงื่อนไข
เลือกทาง ถูกต้อง คล่องชิงชัย....................อย่าไป ทุจริต ผิดหนทาง

    คิดดี ทำดี ถึงที่สุด..............................อย่าหยุด จนกว่า (จะ)พบแสงสว่าง
เริ่มสู้ ดูเหมือน ยังเลือนราง........................ค่อยย่าง ค่อยขยับ ค่อยปรับปรุง

    มิพรั่น มั่นใจ ในชีวิต............................ดวงจิต พิษฐาน เพียรมั่นมุ่ง
เดินหน้า ต่อไป ใฝ่จรุง..............................ฝันเฟื่อง เรืองรุ่ง จูงจิตไป

    ทุกวัน เวลา ไม่น่าเบื่อ.........................เอื้อเฟื้อ ความดี เป็นนิสัย
ฟังเสียง ธรรมชาติ วิลาสไกร......................เคล้าเสียง หัวใจ แจ่มใสเทอญฯ

๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

เปลวไฟไม่แบ่งแยก : กาพย์ยานี๑๑




เปลวไฟไม่แบ่งแยก : กาพย์ยานี๑๑

    เปลวไฟ ไม่แบ่งแยก......................น้ำบ่แสก กระแสสินธุ์
กรวดทราย ในปัถพิน.........................ผสานเป็นดิน แผ่นเดียวกัน

    รุ่งอรุณ สุนทรีแสง.........................สาดสำแดง มิแบ่งชั้น
ดวงดาว เคล้าดวงจันทร์.....................ร่วมเสกสรรค์ หรรษ์ราตรี

    ลม-น้ำ และความร้อนฯลฯ...............เอื้ออาทร โลกใบนี้
พันผูก ทุกชีวี...................................โดยไม่มี อคติใด(อคติ=ความลำเอียง)

    นภดล ยลเวิ้งว้าง...........................พิภพกว้าง พร่างยิ่งใหญ่
มิพึง(ที่) ผู้หนึ่งผู้ใด...........................จะมุ่งหมาย ใคร่ครอบครอง(เพียงผู้เดียว)

    (มี)ศักดิ์ศรี ทุกชีวิต........................ความมีสิทธิ์ เป็นเจ้าของ(โลก)
เท่าเทียม(กัน) เปี่ยมครรลอง...............มิต้องอ้าง (ความ)แตกต่างใด

    ธรรมชาติ ดาษแผ่นดิน....................อย่าผลาญสิ้น (เพียง)เพราะกิน-ใช้
ชีวิต หนึ่งตายไป...............................ชีวิตใหม่ ต้องใช้มัน

    เกิด-ดับ สรรพชีวาตม์......................รวม-แยกธาตุ เฉกชาติขันธ์
ปรากฏ-สูญหมดกัน...........................ตามสัจธรรม์ ไร้ตัวตน

    เข้าใจ ในวัฏจักร............................จงตระหนัก หยุดอยาก(อยากมี,อยากเป็น)หน
เลิกคิด(ว่า) ชีวิตคน...........................ประเสริฐล้น พ้น(ชีวิต)อื่นเอยฯ

๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

อย่าใฝ่ฝันสูงเกินไป : กลอนคติเตือนใจ



อย่าใฝ่ฝันสูงเกินไป : กลอนคติเตือนใจ

    โลกนี้ มิง่าย........................(ที่จะ)สมหมาย (ได้)ดั่งใจ ปรารถนา
บ่อยครั้ง บางครา.......................(ยัง)มากมี ปัญหา ขยี้ใจ

    ต้องสงบ สติ........................ดำริ ชีวิต วินิจฉัย
ผิดหวัง ครั้งใด..........................อย่าไป เศร้าโศก เสียน้ำตา

    ก่อทุกข์ ทางใจ....................มิใช่ ทางแก้ ปัญหา
รังแต่ จะพา(ไป).......................สู่มรรคา ย่อยยับ อับจน

    การถือ กำเนิด.....................หาใช่ ให้พรายเพริศ เลิศล้น(เพริศพราย=งามระยับ)
ชีวิน ดิ้นรน...............................คือหน ทางสัจจ์ อัศจรรย์

    อย่าฝัน (สูง)เกินไป..............และจง อย่าไป ยึดมั่น(ความใฝ่ฝัน)
เพราะนี่ คือชีวัน........................(ที่มี)ไม่กี่ ความฝัน เป็นจริง

    ฝันพอ ประมาณ...................เหมาะสม แก่การ มุ่งมั่นยิ่ง
แล้วอย่า ทอดทิ้ง......................เพียงเพราะ เกรงกริ่ง ความลำเค็ญ

    (ทำ)เท่าที่ ทำได้.................พยายาม ทำไป ให้เห็น
บันดาล ฝันเด่น........................จนสำ เร็จเป็น ปฏิญาณ

    ต้องระมัด ระวัง....................อย่าดัน ทุรัง ย่างหาญ
ประมาท อาจพาน.....................วิกฤต (ตะ)การณ์ บรรลัย

    เมื่อสุด ฝีมือ........................ผลคือ ที่เรา ทำได้
รู้จัก พอใจ...............................อย่าไป ใฝ่ฝัน ต้องการเกินฯ

๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

วัฒนธรรมโกหกหลอกลวง : กาพย์ฉบัง๑๖




วัฒนธรรมโกหกหลอกลวง : กาพย์ฉบัง๑๖

    พุทธพรางบังหน้าหาประโยชน์....................พฤติกรรมโปรด(พราง=ทำให้เข้าใจเป็นอื่น)
ของคนโฉดช้าสาไถย

    มีปัญหาเป็นเข็ญใจ....................คิดยากทำไม
พึ่งพาอาศัยผ้าเหลือง

    หนีคดีมีข่าวเนืองๆ...................คิดคดปลดเปลื้อง
ฟุ้งเฟื่องภายใต้พระศาสนา

    โรงเรียนต้องการเงินตรา...................จัด"ทอดผ้าป่า"
อ้างว่าหาเงินซื้อหนังสือ

    โรงพยาบาลต้องการเงินฤา..................ก็แอบอ้างชื่อ
"ทอดผ้าป่า"คือจุดขาย

    (กลุ่มผู้ป่วยโรคไต)เจ็บป่วยมีคาใช้จ่าย.................ไม่ยากมักง่าย
รีบขึ้นป้าย"ทอดผ้าป่า"

    ต้นคิดมาจากวัดวา...................ต้องการเงินหา
สร้างโบสถ์-ศาลา-วิหารฯลฯ

    อ้างถึงผลบุญสุนทาน..................มีมหาศาล
จากการทอดผ้าป่า-กฐิน

    โกหกกันมาชาชิน..................จนเป็นนิจสิน
ดูหมิ่นพระธรรมคำสอน

    (พุทธองค์)ไม่มีเทศนามาก่อน...................(ความ)กลับกลอกยอกย้อน(ของคนหลอกลวง)
สะท้อนถึงวัฒนธรรม(โกหกหลอกลวง)ฯ

๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

*ในพระไตรปิฎก ไม่มีเรื่องทอดผ้าป่า ทอดกฐิน(หาเงิน) และบวชให้พ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์