ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

บัวแล้งน้ำ : กลอนคติธรรม








บัวแล้งน้ำ : กลอนคติธรรม

    แม้บ่มี น้ำใส (แต่)ต้องไม่ขาด.........................น้ำสะอาด ปราศปน มลทินร้าย
แผ่นดินนุ่ม อุ้มราก บากชอนชาย.......................บริบาล บัวสาย ได้เติบโต

    แสงสุรีย์ ศรีส่อง ผ่องผาด จรด........................ดอกบัว-ใบ ใสสด ปรากฏโผ
ชูช่อพุ่ง รุ่งเรือง เฟื่องเดโช..............................บริสุทธิ์ พุทโธ มโนมัย

    บ่มีบัว เบ่งบาน ณ ฐานแหล่ง..........................ปัถพีแห้ง แล้งน้ำ ลำธารได้
เปรียบเสมือน พุทธธรรม (มะ)วินัย.....................ย่อมอาจไม่ ประดิษฐาน ณ พาลแดน

    ถึงพากเพียร เลียน-ดู รู้ทั้งหมด.......................มีธรรมบท โดดเด่น เป็นแบบแผน
แต่หากใจ ไม่ศรัทธา อุราแกน..........................มีก็ไม่ เหมือนแม้น แทนพุทธา(แกน=ขัดสน,จำใจ)

    เมื่อหัวใจ ไม่บริสุทธิ์ ทุจริต............................เมินครุ่นคิด สถิตนิสัย ใคร่สิกขา
ย่อมตีความ ธรรมวินัย ไป(ต่างๆ)นานา...............ตามอัตตา ประสงค์ หลงทิศทาง

    แม้แต่เปลือก ก็เสือกไส ไม่เหลือหลอ...............ป้องปากป่าว ป้อยอ พอเยี่ยงอย่าง
ว่าคือพุทธ สุดประเสริฐ เพริศสะอาง..................ทั้งๆที่ แตกต่าง เหินห่างไกล

    บ่รู้ดี รู้ชั่ว มัวเมาถ่อย....................................ทำแต่เรื่อง ด่างพร้อย คล้อยสาไถย
เห็นกงจักร เป็นดอกบัว เปรมหัวใจ....................สิ่งที่ได้ หนีไม่พ้น บาปมลทิน

    ปลูกตำแย แต่เห็น เป็นบัวเผื่อน......................สติเปรอะ เลอะเลือน เปื้อนแปดสิ้น
ทำต่อๆ กันไป ใจชาชิน..................................ล้วนแผ่นดิน ระบิลยล ต้นตำแยฯ

๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒

*พระพุทธเจ้าห้ามพระสงฆ์ ดู-ฟังการร้องรำทำเพลงประโคมดนตรีฯลฯ
ไม่ว่างานอะไร 

คณะกลองยาว-พิณ-หมอลำ-วงดนตรี-ลิเก-ภาพยนตร์ ฯลฯ จะมาจัดแสดงที่วัดไม่ได้
ถึงทำกันเป็นประเพณี ก็ผิดวิถีพุทธ 
ไม่บรรลุมรรคผลตามพุทธธรรม

[๑๙] สมัยต่อมา ที่พระนครราชคฤห์ มีงานมหรสพบนยอดเขา พระ
ฉัพพัคคีย์ได้ไปเที่ยวดูงานมหรสพ ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า
ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตร จึงได้ไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง และการประโคมดนตรี เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลาย ... กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค
พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงไปดูการฟ้อนรำ การขับร้อง หรือการประโคมดนตรี รูปใดไป ต้องอาบัติทุกกฏ ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น