ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : มะม่วง สอน ธรรมะ

                                                          

กลอนแปด : มะม่วง สอน ธรรมะ

      กลางมีนาฯ มะม่วง ทุกปวงพันธุ์            ทยอยกัน ผันผล เต็มต้นหลาม
ละลานย้อย ห้อยยวง เป็นพวงงาม                ลมพัดพล่าม ระบำโยก โบกสบาย

     มะม่วงสด รสเลิศ หอมเฉิดฉันท์             พร้อมผิวพรรณ สันสี ที่เฉิดฉาย
ชนนิยม ชมชื่น ตื่นติดดาย                         ต่างหลงหลาย ใฝ่หา รสตระการ

     หากแม้เพียง ผิวสวย รวยสันสี                ไร้รสดี มิหอม กล่อมมัน-หวาน
มะม่วงคง หลงไร้ ใครต้องการ                      สูญสิ้นพันธุ์ รานทิ้ง ไม่กริ่งใจ

      หากแม้เพียง ผิวทราม ไม่งามสี              รสหวานดี หอมหวน ชวนหลงใหล
(ย่อม)ยังเป็นที่ นิยม ชมทั่วไป                     ต่างปลูกไว้ ขยายแพร่ แลหลากพันธุ์

      เปรียบเสมือน คนสวย รวยความดี            ย่อมเป็นที่ หมายปอง จ้องเสพสันติ์
หากรูปสวย ใจทราม สิ้นสำคัญ                     ขี้เกียจพาล รั้นไพร่ ใครใคร่ครอง

      แม้รูปชั่ว ตัวดำ ไม่งามสวย                    แต่รุ่มรวย ด้วยความดี ไม่มีสอง
จริยวัตร ปราดเปรื่อง การย์เรืองรอง                คนหมายปอง ครองรู้ เป็นคู่เรือน

      ทานผลไม้ ได้คิด พินิจเถิด                     ธรรมประเสริฐ เลิศคติ มั่งมีเหมือน
สุภาษิต นิดหน่อย คอยย้ำเตือน                     อย่าลืมเลือน เบือนดี ศีลธรรมเอย ฯ

๓๑ มีนาคม ๒๕๕๔

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : ฝน ... หนาว คง...หลงฤดู

                 
                           

กลอนแปด :  ฝน ... หนาว คง...หลงฤดู

      ชั่วชีวิน ชินชาติชนม์ จนปูนนี้              ไม่เคยที่ สิ้นมีนาฯ อากาศหนาว
พระพายพัด ฝนซัดสาด อนาถราว              หรือโลกผ่าว เมามลพิษ ฤทธิ์นรา

      รุ่งอรุณ กรุ่นกรอก ม่านหมอกฝน          ขาวถกล ท้นทั่ว มัวทิศา
เมฆปกคลุม รุมพร่าง พรางสุริยา                พิรุณรา โปรยละออง ฟ่องชื้นเชย

      เพลาสาย อายหนาว เคลื่อนคราวครั้น   สั่นสะท้าน งันงก โอ้อกเอ๋ย
ฤดูร้อน กร่อนกรม ผ้าห่มเกย                    ลมรำเพย เลยพัด ฝนสาดซา

      ไร้แดดส่อง หมองหม่น กมลหมาง       แสนอ้างว้าง ร้างใจ ให้ผวา
นอนโดดเดี่ยว เปลี่ยวดาย ในวิญญาณ์       เหมือนชีวา ผจญพิษ ฝนผิดฤดู

      คนเดียวดาย ชายหญิง ดูยิ่งมาก        ต่างใคร่อยาก ครองเรือน เพื่อนคู่หู
เหตุไฉน กายเปลี่ยว แลเหลียวดู              เกรงเนื้อคู่ ชู้ชั่ว ? /  กลัวอะไร ?

      เสียงกระดิ่ง สายลม ระดมก้อง           " อีแพรด " ร้อง คล่องขาน กังวานใส
เสียงใบไม้ ไล้ลม ภิรมย์ใจ                      ฝนรินไหล จากชายคา พาบันเทิง

      สามวันที่ ไม่มี สุรีย์รังค์                     เสมือนดั่ง ร้างจิต ทิศเถลิง
อากาศหนาว ร้าวใน ใจกระเจิง                  ลอยเปิดเปิง เริงเล่น เป็นป่วนปรน

      ถ้าพรุ่งนี้ ไม่มี สุรีย์ฉาย                     แค่หนาวกาย ไหวหวั่น สักพันหน
แต่วันนี้ ไม่มี นิรมล                                ใจพี่จน เจียนตาย รู้ไหมเอย ฯ

๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

กลอนสี่ : ลมพัด สาดฝน

                
                                 


กลอนสี่ : ลมพัด สาดฝน

      ลมโชย โปรยปราย               สายลม สายฝน
เมฆมา ฟ้าหม่น                         รุ่งร่น สนธยา

      หนาวกาย หนาวใจ              หนาวใน วิญญาณ์
รักลาญ ครันคลา                      โศกา อาลัย

      เหมือนลม โซมซัด              ฝนสาด ขัดไส
แกล้งกล้ำ ทำไกร                     จงใจ ไหลริน

      มองฝน หล่นร่วง                 ดวงใจ ไหววิ่น
น้ำตา ดั่งสินธุ์                           ชินชา ระทม

      ลมพัด ผาดผิว                    หน้านิ่ว กิ่วกรม
หนาวใจ ในจม                          เสื่อมซม ตรมตรอม

     หัวใจ เริ้มร้าง                       ร่างกาย ผ่ายผอม
แพ้พ่าย อายออม                       กร่อนกร่อม ซอมซึม

      นกร้อง เริงร่า                      ฝนซา ฟ้าขรึม
ฟ้าคล้าย คลายทึม                     เคร่งครึ้ม ซึมเซา

      แต่ใจ ยังโศก                      วิโยค โงกเหงา
เปลี่ยวใจ ใบ้เบา                        สร้อยเศร้า ร้าวราน

      โดดเดี่ยว เดียวใด                ใจลอย ปอยปาน
ลมปลิว พลิ้วผ่าน                       เพ้อพล่าน พรรณนา ฯ

๒๙ มีนาคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ปุจฉา ว่าด้วย...ความรัก

                
                                 

กาพย์ยานี ๑๑ : ปุจฉา ว่าด้วย...ความรัก


      ความรัก มีอยู่จริง                หรือเพียงสิ่ง พิงเพ้อฝัน ?
เป็นยา รักษาชีวัน                      หรือยาพิษ ปลิดชีวา ?

      ความรัก มีประโยชน์            หรือเป็นโทษ โจทย์ปุจฉา ?
ของดี มีราคา                           หรือไร้ค่า สาระราน ?

      ความรัก คือสัจจะ                หรือมุสา นฤหาญ ?
เกะกะ น่ารำคาญ                       หรือสร้างสรรค์ จรรโลงใจ ?

      ความรัก แสนสวยงาม           หรือเลวทราม ดำสาไถย ?
เกิดมี ที่หัวใจ                            หรือคิดใคร่ ใช้จินตนาฯ ?

      ความรัก ต้องขวนขวาย          หรือรอให้ กรายมาหา ?
สุข / โศก (เกิดจาก)โชคชะตา       หรือปัญญา สามารถตน ?

      ความรัก สุจริต                     หรือมิจฉา อกุศล ?
รักแท้ มีแน่-ทน                          หรือขัดสน ค้นจนใจ ?

      ความรัก นั้นถูกต้อง                หรือบกพร่อง ต้องแก้ไข ?
รักแล้ว ต้องแน่วใน                       หรือเปลี่ยนได้ ใจรวนเร ?

      ใคร่รัก ต้องศึกษ์ศาสตร์           หรือธรรมชาติ ประสาธน์เส ?
ตามใจ ไหลโลเล                         หรือเจตนา จะควบคุม ?

      ชีวิต ต้องคิดรัก                      หรือว่าจัก หนักสุขุม ?
เตือนใจ ไม่ติดจุม                         แค่มายา มนาเอย ฯ

๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

กลอนรัก : ก็เพราะรัก

                          
                                             

กลอนรัก : ก็เพราะรัก

      ก็อยาก อยากจะบอก                      บอกออกมา ว่าหลงรัก
แค่อยาก อยากสมัคร                            สมาชิกรัก อีกสักคน

      ก็รู้ รู้ว่าเธอ                                   เธอมีใคร หลายๆคน
ต่างรัก พิทักษ์ท้น                                แต่ใจซน ยังสนใจ

      ก็รู้ ไม่รู้ตัว                                    รู้ตัวว่า ทำอะไร ?
ไม่แน่ ไม่แน่ใจ                                    ผลสุดท้าย ร้ายหรือดี ?

      ก็ใจ หัวใจฉัน                                มันดื้อรั้น หมั่นหลบหนี
ถึงเธอ ทุกนาที                                    เหมือนชีวี มีแต่เธอ

      ก็เคย อ่านผ่านตา                           เคยฟังว่า อย่าพลั้งเผลอ
รักไส สายตาเบลอ                                เหมือนละเมอ พร่ำเพ้อฝัน

      ก็เตือน ใจไม่ฟัง                             ดันทุรัง ช่างหุนหัน
ใช่คน ซนดื้อดัน                                   ใจดื้อด้าน จนปัญญา

      ก็ตั้ง ตั้งใจว่า                                 พยายาม ตามศึกษา
คุมใจ ให้คืนมา                                    อิสระ อย่าหลงทาง

      ก็ความรัก ความรู้สึก                       ล้ำซึ้งลึก ผนึกสาง
แม้ว่า จะเลือนราง                                แต่ใจยัง หวังต่อไป

      หวังว่า ถ้ามีโชค                              คนล้นโลก ไม่ฉกไฉ
สักวัน บันดาลใคร                                 มาสานใจ สายสัมพันธ์

      ก็คอย จะรอคอย                             คอยเฝ้าคอย คอยไม่หวั่น
คอยใคร ใจตรงกัน                                มาสมาน สานสายใย

      หวังว่า จะเป็นเธอ                           รักเสมอ ไม่เล่อไหล
รอวัน แม้นกาลไกล                               เราคงได้ เคียงใคร่เอย ฯ

๒๗ มีนาคม ๒๕๕๔

วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554

กลอนแปด : ทำดี ย่อม ได้ดี

                                                             

กลอนแปด : ทำดี ย่อม ได้ดี

      " ข้าวสารป่า " สะสวย ด้วยช่อดอก       สีขาวออก อมชมพู ดูดั่งสาว
ขึ้นกลางป่า พนาดง ทรงสกาว                   เด่นดั่งดาว พราวพร่าง กลางนภดล

      ถึงจะจน ทนเข็ญ เป็นคนดี                  ไม่เสียที ที่เกิด ประเสริฐสนธิ์
สุจริต คิด-ทำ งามสกล                             ย่อมส่งผล ดลได้ ไกล-ใกล้..กาล

      รักความดี มีศีล ไม่สิ้นสัจจ์                   กรรมสะอาด ปัดโทษ ปราโมทย์ศานติ์
จะกิน-นอน ผ่อนคลาย ไร้รำคาญ                 เผื่อแผ่ทาน ปันให้ ใจวิมล

      คิดใคร่ดี มีทาง สว่างผุด                      บริสุทธิ์ ก้าวหน้า พลาผล
ไม่เกียจคร้าน การกิจ จิตอดทน                   ไม่มีคน ตนใด ไม่ได้ดี

      ทำความดี มีคน เขายลเห็น                   ต้องการเป็น เพื่อนคู่ ชูศักดิ์ศรี
อยู่แห่งหน ตำบลใด ไร้ราคี                         คนรักมี มากมาย ให้สำราญ

      เป็นคนดี ดีได้ มั่นใจเถิด                      อย่าได้เกิด มิจฉา น่าสงสาร
ทุจริต คิดชั่ว มืดมัวมาน                             อันธพาล มั่นหมาย ใคร่เลวทราม

      วิบากกรรม ตามไป ไม่สิ้นสุด                 เปรียบประดุจ เจ้าหนี้ ที่ทวงถาม
ทำสิ่งใด ใช้ชด จนหมดตาม                       ไม่มีความ ปรานี ลดหนี้ทอน ฯ

๒๖ มีนาคม ๒๖๕๕๔

วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ลมหวน รัญจวนจิต


                                                   


กาพย์ยานี ๑๑ : ลมหวน รัญจวนจิต

      ตาสว่าง ตื่นกลางดึก               รู้สึกหนาว ร้าวไม่หาย
หาผ้า มาห่มกาย                          บรรเทาลม โถมพัดพา

      หนาวลม โหมหน้าร้อน             นึกอาวรณ์ นอนผวา
เนื้อกลอย สร้อยสุดา                      อาจอ้างว้าง ? คิดครางคลาย

      อยากอยู่ ดูแลป้อง                    กอดประคอง ไม่หมองหมาย
หนาวถูก มาซุกกาย                         ซบ อกพี่ มีสุขปวง

      แก้วตา อย่าเศร้าสร้อย                พี่เฝ้าคอย ละห้อยหวง
ห่างกาย ไม่ห่างทรวง                       ทุกคืนวัน ฝันถึงนวล

      อากาศ ประหลาดเปลี่ยน             ใจพี่เจียร วนเวียนหวน
เคียงข้าง หวังชิดชวน                       รักเพียงเจ้า ยอดเยาวพา

      ลมหวน รัญจวนจิต                     ได้แค่คิด ริษยา
ลมจูบ ลูบกานดา                             ส่วนพี่หมอง ไกลน้องนาง

      ท่ามกลาง คืนข้างแรม                 คิดถึงแก้ม แย้มสองข้าง
อยากดอม หอมกลิ่นจาง                     แนบหน้าน้อง คล้องฤดี

      รอกาล วันข้างหน้า                      จะมาหา ขวัญฉวี
สานรัก สานไมตรี                              ให้คงอยู่ คู่นิรันดร์ ฯ

๒๕ มีนาคม ๒๕๕๔

วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

กลอนอกหัก(กาพย์ยานี ๑๑) : ฝนกลบ ลบน้ำตา

                             
                                 


กลอนอกหัก(กาพย์ยานี ๑๑) : ฝนกลบ ลบน้ำตา

      สาดซ่า ฝนหน้าร้อน            ใจราญรอน อกอ่อนไหว
ฝ่าฝน จนหนาวใจ                     กายเปียกปอน ซ่อนน้ำตา

      ไม่ใช่ เพียงกายเปียก           ใจร่ำเรียก เพรียกภาษา
ครวญคร่ำ ช้ำชีวา                      ถูกคนรัก หักหัวใจ

      ตรอมตรม เดินก้มหน้า          ฝนสาดซ่า น้ำตาไหล
หมดแรง อยากแปลงไป              เป็นน้ำฝน ปนน้ำตา

     รักเธอ เท่าชีวิต                    เธอไม่คิด เสน่หา
เห็นฉัน มันไร้ค่า                        เหมือนกรวดหิน เศษดินทราย

      รักใคร ที่ไร้รัก(คืน)               หัวอกหัก รักสลาย
โลกแตก แยกทะลาย                  ไม่หนักเท่า เรารักลาญ

      จะอยู่ สู้อย่างไร ?                 ในเมื่อใจ เธอไม่ขาน(รับ)
เครียดแค้น แสนทรมาน               โลกมืดมิด ทิศมืดมน

      เดินหยุด สะดุดล้ม                มือค้ำข่ม จมแอ่งฝน
ผมตก ปรกหน้าตน                      ใจแตกหาย ตายทั้งเป็น

      ฝนไหล ล้นใบหน้า                กลบน้ำตา ใครอย่าเห็น
คนเศร้า เถ้าเศษเดน                    ถูกทอดทิ้ง ช่างชิงชัง

      ฝนซา พายุพ้น                     กัดฟันทน ไม่ยลหลัง
ปล่อยไป รักพ่ายพัง                     เชิดหน้าชู สู้แสงทอง ฯ

๒๔ มีนาคม ๒๕๕๔

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ฟ้าหลังฝน

       
                                


กาพย์ยานี ๑๑ : ฟ้าหลังฝน

      ฝนพรำ ค่ำคืนนี้              เช้ายังมี พิรุณไหล
อึ่งอ่าง คางคกไกร                แข่งเสียงก้อง ร้องระโรม

      ชุ่มฉ่ำ กรำกอหญ้า          กิ่งไม้ล้า พายุโหม
ย้อยอ่อน รอนแรงโทรม          โน้มละห้อย ร่อยระอา

      เมฆคล้ำ ร้องคำราม         ฟ้าแลบลาม งามหนักหนา
แดดหาย ไร้อาภา                  โลกหม่นมืด หนาวชืดเย็น

      พิราบ จับกิ่งเจ่า               ดูสร้อยเศร้า เหงาหงอยเห็น
ท้องว่าง ช่างลำเค็ญ               ไร้เรี่ยวแรง แกร่งกรรมการย์

      อีแพรด ไม่แผดร้อง           สิ้นทำนอง ก้องไพรสาณฑ์
เงียบเหงา ราวโลกลาญ            แม้นสดชื่น ไม่รื่นรมย์

      ดินชุ่ม อุ้มน้ำอิ่ม                เหมือนแย้มยิ้ม พริ้มเสพสม
โขดหิน นิลเกลี้ยงกลม              คละเหลี่ยมแหลม แต้ม..พนา

      แสงเสก เมฆแยกห่าง         สุรีย์รังค์ สว่างหรา
ส่องโลก วิโยค..ลา                   เย็นแสงทอง ผ่องอำไพ

      นกแกร่ง มีแรงร้อง               เริ่มทำนอง ซ้องสดใส
บ้างบิน โผผินไป                       หาอาหาร ชาญชีวัน

      ชีวิต ต้องคิดสู้                     อย่าหดหู่ มุ...ขยัน
ว่องไว ให้กาลทัน                       ขืนชักช้า จะเสียที

      คิดสรรค์ อย่าฝันติด               สัตจิต ผลิตสร้างศรี
คิดดี พูด-ทำดี                            กุศลส่ง สูงส่งเอย ฯ

๒๓ มีนาคม ๒๕๕๔

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554

โคลงสี่สุภาพ : คืน ๑๕ ค่ำ

               
                                         


โคลงสี่สุภาพ : คืน ๑๕ ค่ำ

๑. ลอยเคลื่อนเลื่อนขึ้นคล้อย                   ราตรี
เพ็ญแขแลสุรีย์                                     เจิดจ้า
บูรพาทิศาศรี                                       ๑๕ ค่ำ
งามติดตาตรึงหน้า                                 เกริกกล้าดำเกิง ฯ

๒. ระฆังกังวานก้อง                               กรองไกล
ห่มขาวขัดเกลาใจ                                 กุศลสร้าง
วันพระศรัทธาไท                                  อุโบ สถสืบ
กำจัดกิเลสล้าง                                    สั่งสิ้นสาไถย ฯ

๓. กลิ่นลำดวนอวลอ้อม                         อาวาส
โมกร่วมคันธชาติ                                  เฟื่องฟุ้ง
เดือนสี่สุนทรีย์ธาตุ                                นาสิก
ธรรมเทศนาคละคลุ้ง                              มื่นล้ำมาลี ฯ

๔. มนตราวัตระต้อง                                ท่องจำ
พุทธพจน์กุศลธรรม                                 เรียงร้อย
รู้ล่วงปวงใจคำ                                        สุภาษิต
ประกอบชีวีพร้อย                                     เพริศพริ้งสุขสันติ์ ฯ

๕. ชาญฉลาดเท่าทันถ้อง                          สัจจา
โลกุตตระธรรมา                                      เลิศแล้ว
สูงส่งบ่งทุกขา                                         ขจัด
ขันติปลูกจิตแกล้ว                                     กล่อมเกล้าสกล ฯ

๖. สมถะกรรมฐานล้าง                                นิวรณ์
วิปัสสนากรรมฐานทอน                                ทุกข์ไร้
สติปัฏฐานถอน                                          ยึดมั่น
โพชฌงค์ธำรงให้                                       แกร่งก้าวเนาธรรม ฯ

๒๒ มีนาคม ๒๕๕๔

วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554

กาพย์ยานี ๑๑ : ความรักในความฝัน

               
                             
กาพย์ยานี ๑๑ : ความรักในความฝัน

      ความรัก ในความฝัน                 ความสัมพันธ์ พิมานสถาน
ความจริง อิงจินตนาการ                  ความสัมบูรณ์ อบอุ่นอาย

      ในฝัน ฉันมีเธอ                       รักล้นเอ่อ เห่อไม่หาย
สรรค์สร้าง อย่างนิยาย                    ซ่านรักซึ้ง แสนตรึงตา

      รักรส หวานหยดย้อย                ไม่ลดน้อย ลอยเลิศหรา
คู่กาล วันเวลา                               ไม่สิ้นหยุด สุดนิยม

      เธอ - ฉัน ฝันเราสอง                 กอดตระกอง ประคองสม
ชื่นรัก ภักดิ์ภิรมย์                           ดื่มด่ำรส โปรดอุรา

      สานฝัน ตำนานรัก                     สมานสมัคร ร่วมรักษา
สานใย สายนรา                              แนบสนิท นิจช้านาน

      ลำนำ ทำนองรัก                        ระรื่นนัก ไม่หักหาญ
อ่อนโยน ดั่งชลธาร                           หล่อเลี้ยงป่า พนาพราย

      คนรัก ในความฝัน                      รักเพียงกัน มุ่งมั่นหมาย
รักเดียว ไม่เปลี่ยวดาย                       รักกำจาย หัวใจสะคราญ

      คน(ที่)ฝัน สำราญรัก                   ไม่ยุ่งยัก ไม่ผลักผลาญ
ไม่ยื้อแย่ง แพลงพร่องพาล                  รักอุกฤษฏ์ วิจิตรเอย ฯ

๒๑ มีนาคม ๒๕๕๔