ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จุดยืน : กลอนคติสอนใจ



จุดยืน : กลอนคติสอนใจ

   เด็กฝึก หัดยืน....................................อาจลื่น หกล้ม ตรมตรอม

เมื่อร่าง กายพร้อม(แข็งแรง)...............มิยอม พ่ายแพ้ แก้ไข

อุตส่าห์ พยายาม...............................(ย่อม)ประสบความ สำเร็จ สมเจตใจ

เดินได้ วิ่งได้.....................................ไม่ใช่ แค่ยืน รื่นฤดี


   อ่อนวัย ใจเบา....................................โง่เขลา เมามัว ทั่วทุกคน

ชีวิต คิดค้น.......................................เพื่อพ้น โง่เขลา เมาวิถี

แสวงหา จุดยืน..................................หยัดยืน บนผืน ปัถพี

ดำรง ชีวี...........................................อย่างมี วิสัยทัศน์ วัฒนาการ


    จุดยืน ของคน.....................................บางคน โอนอ่อน ผ่อนง่าย

เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย................................เดี๋ยวแกร่ง เดี๋ยวกลาย ไร้แก่นสาร

(เขา)เรียกไร้ จุดยืน............................ขึ้นอยู่ กับพื้น ฐานสันดาน

กลิ้งกลอก หลอกปาน........................ไหวอ่อน หย่อนยาน สัญญา


    จุดยืน ที่ดี..........................................ควรมี หลักการ อันถูกต้อง

อย่าขาดตก บกพร่อง..........................อย่าข้อง ผลประโยชน์ โฉดหา

ยึดถือ ศีลธรรม...................................กุศล กลกรรม สัมมา

ไม่เปลี่ยน ไปมา.................................เพราะว่า ลำเอียง เคียงสัมพันธ์

  

    เสมือนกับ การยืน...............................บนพื้น แผ่นดิน ถวิลหา

ที่สบาย บาทา....................................ไม่สกปรก รกตา สุขสันติ์

ไม่ลื่น ไม่(ทำให้)ล้ม............................ไม่มี อาจม สมบุกสมบัน

สุขี ชีวัน.............................................มั่นคง แข็งขัน บันเทิงใจฯ


๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

พุทธศาสนาสอนอะไร?ไม่สอนอะไร? : กลอนคติธรรม














พุทธศาสนาสอนอะไร?ไม่สอนอะไร? : กลอนคติธรรม

   ธรรมะ ที่ดี.....................................ไม่มี ราคา

ปราศเลศ เจตนา.........................ซื้อหา ค้าขาย

วิถี บริสุทธิ์.................................ชุติพรรณ บรรยาย

ทุกขะ สลาย...............................ใช้สติ ปัญญา


   พุทธะ ศาสนา................................สอนว่า ชีวิต

(มี)กติกา ประสิทธิ์.......................ลิขิต พิพากษา

โดยกฎ แห่งกรรม........................ชักนำ ชีวา

สนอง ต้องตรา............................ทุกขา-สวัสดี


    สอนการ ประเชิญ...........................ดำเนิน ชีวิต

(ต้อง)อุตสาห์-สุจริต.....................ทำ-พูด-คิด พิสิฐศรี

ทางพ้น ทุกขะ.............................คืออริยะ สัจ๔

บั้นปลาย ไม่มี.............................(การ)เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย


    ปฏิเสธ คุณไสย..............................ไม่ได้ สอนว่า

ผีสาง เทวดา...............................พาสุข ทุกข์สลาย

ไม่มี พิธีกรรม...............................แก้กรรม ทำลาย(เคราะห์กรรม)

ปัดเป่า (โศก)เศร้าหาย..................ช่วยขยาย ความเจริญ

  

    เวทมนต์ คาถาฯลฯ.........................มิใช่ ศาสนาพุทธ

(วัตถุมงคล)ของดี วิเศษสุด...........(อิทธิฤทธิ์)เหนือมนุษย์ เหาะเหิน(ยิงฟันไม่เข้า)ฯลฯ

กราบไหว้ บูชา(ทำพิธี)..................ขอ(พร-ผล)นานา พาเพลิน

ขาดความ เก้อเขิน........................ดำเนิน บาปทราม


    โปรดจง เข้าใจ...............................อะไร ที่(ตน)นับถือ?

อย่าได้ ร่วมใช้ชื่อ(พุทธ)................(แต่)ด้านดื้อ ทำตรงข้าม

ต่างกรรม ต่างผล..........................อย่าสับสน ปนนาม(นับถือศาสนาพุทธตามทะเบียนบ้าน)

คนรู้ ดูหยาม(เหยียด)....................ไร้ความ เคารพฯ(เป็นพระแต่ศรัทธาไสยศาสตร์)


๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การปฏิบัติธรรมไม่มีสิ่งพิสดาร : กลอนคติธรรม




การปฏิบัติธรรมไม่มีสิ่งพิสดาร : กลอนคติธรรม


   แสงสีทอง ส่องลา ฟ้าหลังฝน................................อย่างเยี่ยมยล สนธยา เยือนประสาน

ในระหว่าง ทิวา ราตรีวาร..................................ประจักษ์จิต พิสดาร แสง(สี)พรรณราย


    ระหว่างเกิด วิกฤติ โควิดระบาด.............................โลกมิขาด ภาสกร พรสยาย

ทัศนา อย่ายล แค่คนตาย.................................(คน)ที่สบาย มากมายเหลือ เฟือธานินทร์


    การประพฤติ ปฏิบัติธรรม ตามกำกับ.......................หาได้มี สูตรลับ สดับสิ้น

สละกิเลส ตัณหา สะอาดจินต์...........................หมดมลทิน ภิญโญ คือโพธิ์ชัย

 

    เพียงหลักธรรม พื้นๆ ฝืนจริต.................................หมั่นฝึกจิต อย่าอิดออด ทิ้งทอดไว้

ตัดกิเลส ตัณหาแล (ต่าง)รู้แก่ใจ.......................ขึ้นกับใคร ใคร่ธรรม (ใครทำ)ตามใจตน


    ปล่อยชีวิน ชินชา ตัณหากิเลส...............................คือสาเหตุ เวทนา ตัณหา(กิเลส)ล้น

สำนึกผิด คิดเขลา เมาตัวตน.............................ประสานจน ร่วมมลทิน เป็นจินตนา


    อีกอย่างคือ ความรักใคร่ ในกิเลส...........................อภิรมย์ สมเจตน์ เตชตัณหา

ไม่อยากจะ สละไป ไคล มนา............................รู้สึกว่า สะใจ สมหมายมี


    อย่าหลงคิด พิสดาร การปฏิบัติ...............................กิเลสตัณหา ขจัด มนัสศรี

แม้นผู้ใด ใคร่ทำท่า ว่ารู้ดี.................................เคล็ดลับมี วิเศษ เวทวิชา

 

    ขอจงรู้ ผู้นั้น (คือ)คนพาลผิด..................................มิใช่จรรย์ บัณฑิต ปริศนา

ปล่อยให้เขา เมามาย ในมารยา.........................หลงคิดว่า ข้านั้น เหนือชั้นเทอญฯ


๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ปล่อยวาง ช่างประไร : กาพย์ยานี๑๑




ปล่อยวาง ช่างประไร : กาพย์ยานี๑๑


   โลกนี้ มีปัญหา.......................................เป็น(ปกติ)ธรรมดา อย่าหลงใหล(ไม่อยากให้มีปัญหา)

ปล่อยวาง ช่างประไร............................ควร(ทำ)สิ่งใด ตั้งใจทำ


    อะไร ไม่สมควร.....................................อย่าขวายขวน รวนถลำ

เพราะเป็น เหตุ(แห่ง)เวรกรรม................นำพาไป ให้ทุกข์ตรม


    ชีวี มีปัญหา...........................................เป็นธรรมดา อย่าขื่นขม

ความสุข-ทุกข์ระทม.............................อุดมหลาย ในชีวี

 

    บ่อเกิด ของปัญหา.................................คือ(มี)ชีวา=สัจจะวิถี

ตราบยัง สังขารมี(มีการเกิด)..................ปัญหาปรี่ มีมาตาม(ไม่จบสิ้น จึงเรียกว่าวัฎสงสาร)


    ธรรมชาติ เป็นปัจจัย...............................กรอบ-เงื่อนไข ไม่มองข้าม

กำหนด บทบาทตาม(ติด)......................ชีวิตประจำ ทุกยามไป

 

    (หาก)กลุ้มใจ ใน(ปัญหา)เรื่องเก่า............ประเดี๋ยวเรา ก็เจอ(ปัญหา)ใหม่

กองสุม ความกลุ้มใจ.............................จะไร้สุข ทุกข์มากมี

 

    ถอยห่าง (ปัจจัย)สร้างปัญหา...................คือมรรคา คุณาศรี

กระทำ แต่กรรมดี..................................มิทำชั่ว กลั้วเกลือกดาล


    ความคิด จิตโลดแล่น..............................(ให้)เป็นปึกแผ่น มีแก่นสาร

หยุดปรุง แต่งฟุ้งซ่าน............................มิเป็นการ (เกิดศุภ)ผลอันใด


    เมื่อเกิด ความเคร่งเครียด........................จะ(เกิดการ)เบียนเบียด สติให้

ทอนบั่น ปัญญา-ใจ...............................เกิด(ความ)หลง(โมหะ)ใหล ไม่รู้ตัว

 

    ปล่อยวาง ช่างประไร...............................ยากสมใจ ในสิ่งทั่ว

โลก(ไม่ใช่ของ)เรา เลิกเมามัว................แค่(เกิดมา)ชั่วครู่ อยู่ชั่วคราวฯ


๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ชะตาลิขิต โควิดระบาด : กลอนคติเตือนใจ









ชะตาลิขิต โควิดระบาด : กลอนคติเตือนใจ

   ฝนล้นปรี่ สุริยา สิ้นอาภาส......................................บรรยากาศ ซึมเซา เข้าพรรษา

จวบจนกาล ผ่านสาย เมฆไคลคลา.......................แสงสุรีย์ ค่อยกรีฑา ประภาประไพ


    สถานะ โควิด(19) วิกฤติลาม.................................อย่าเพิ่งเบื่อ เพื่อติดตาม ความเคลื่อนไหว

สิได้รู้ ล่วงหน้า ว่ามีภัย(อะไร)..............................คืบคลานเข้า เท่าไร ใกล้ชีวา


    แทบทุกคน บ่นอ้าง ตั้งแต่เกิด................................ไม่เคยเห็น เช่นระเบิด ตกตรงหน้า

ภัยของโรค ระบาด เหนืออาชญา..........................หวั่นกระมล จนไม่กล้า (ออกนอกบ้าน)หาซื้อกิน

 

    โชคชะตา ลิขิต(ให้เกิด) โควิดฉกาจ........................ไร้อำนาจ วาสนา ท้าทายสิ้น

เพียรอุตสาห์ สืบทอด รอดชีวิน.............................ต้องอดทน รนดิ้น เหนือจินตนา(การ)


    มีความรู้(ิวิธีป้องกัน) จึงอยู่รอด และปลอดภัย...........วิกฤติก่อ บ่มีใคร ช่วยได้หนา

ต่างคนต่าง เอาตัวรอด ทอดอุรา...........................(เพราะ)ไม่อยากไป ประเชิญหน้า กับยมบาล

 

    ความเท่าเทียม ของคนจน และคนรวย.....................คือเจ็บป่วย-แก่ชรา-ละสังขาร

หญิงและชาย ไม่ได้เปรียบ เทียบเทียมปาน...........(ล้วน)มิอาจต้าน ความตาย ในยามกลี

 

    ต่างแค่คน อ่อนแอ แลเข้มแข็ง...............................มี-ไร้แรง ต่อสู้ ศัตรูนี้(โรคระบาด)

คนมักง่าย-(คน)ไม่ประมาท โอกาสมี.....................ไม่เท่ากัน หมั่นทวี สติปัญญา


    อีกกี่ปี ที่โรคา จะเลิกระบาด?.................................ยังไม่อาจ คาดคะเน ทุ่มเทว่า

ตราบที่การ กลายพันธุ์(ใหม่) ทะยานมา..................ฉีดวัคซีน(แล้ว) แทบสิ้นท่า อาสัญเอยฯ


๒๗ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ศรัทธาและความโง่เขลา : กลอนคติสอนใจ










ศรัทธาและความโง่เขลา : กลอนคติสอนใจ


   (พายุ)ฝนตก ๓ วัน ๓ คืน....................................ยังผืน ปัถพี มีแต่น้ำ

นภดล ยลครวญ จวนค่ำ...............................(เพราะ)ฝนกระหน่ำ ไม่ลืมหู ลืมตา(ทั้งวันทั้งคืน)


    สอบถาม สถานการณ์ โควิด(19)........................วิกฤติ หรือยัง? ฟังได้ว่า(จากปากพยาบาล)

ไม่เหลือ เตียงให้ ประชา..............................(นอน)รักษา เสียแล้ว แป้วใจ(ใจแป้ว)


    ป้องกัน(ตัว) ไม่ให้ ติดเชื้อ.................................ทางเดียว ที่เหลือ รอดได้(วัคซีนยังไม่มีให้ฉีด)

วิธี ป้องกัน มั่นหทัย......................................ใส่ใจ อย่าได้ อวดดี

 

    แม้นไร้ ซึ่งสะคราญ ปัญญา...............................(มีแต่)ศรัทธา จะพา ป่นปี้

ความรู้ หากไม่ ใยดี......................................คงมี(แต่) ความเชื่อ (ที่)งมงาย


    ศรัทธา ศาสนา อย่างฉลาด...............................ไม่พลาด ประโยชน์ โพธหลาย(โพธ=ความรู้,ความฉลาด)

(ถ้า)เชื่ออย่าง โง่เขลา เมามาย......................จะกลาย เป็นเหยื่อ(คนชั่ว) ไม่เหลือดี

 

    อย่าทำ ตามคน โง่เขลา....................................(จะ)เอาตัว ไม่รอด ปลอด(โรค)ลี้

(ยึดกฎ)ระเบียบ วินัย ใช้ชีวี............................(ยึดหลัก)ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี ศีลธรรม

 

    เชื่อใน สติ ปัญญา............................................(เชื่อ)สัจจา จะพา เลิศล้ำ

ศรัทธา ต่อกฎ แห่งกรรม................................มิทำ ความชั่ว กลัว-ละอาย(ต่อบาป)


    ก็จะ หลีกพ้น (ความ)เป็นคนเขลา.......................บรรเทา ความเสี่ยง เสียหาย

ชีวี อยู่รอด มิวอดวาย.....................................ล่มจม ล้มหาย ก่อนวัยเอยฯ


๒๕ กรกฎาคม ๒๕๖๔

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ความเห็นแก่ตัว : กาพย์ยานี๑๑








ความเห็นแก่ตัว : กาพย์ยานี๑๑


   (วัน)อาสา ฬหบูชา.......................................ที่วัดวา น่าเงียบเหงา

โควิด(19) วิกฤติเศร้า...............................พายุเข้า เท่าทวี


    (รัฐบาล)ไม่กล้า ปิดประเทศ.........................หวั่นเกรงเศรษ ฐกิจไม่ดี

(สถานการณ์)จึงเป็น เช่นวันนี้....................ทุกชีวี ระส่ำระสาย


    (คน)มีความ เห็นแก่ตัว................................จะทำชั่ว อย่างง่ายดาย

ข้ออ้าง สร้างหลากหลาย..........................มิละอาย ใครติฉิน

 

    พบสู่ อยู่ประจำ..........................................ผู้กระทำ ความชั่วชิน

บาปกล้า เป็นอาจิณ.................................(เพราะ)ในดวงจิน เห็นแก่ตัว


    ลดละ อัตตาได้..........................................ลดปัจจัย ใฝ่ทำชั่ว

ผลสนอง มิต้องกลัว.................................ไม่เกลือกกลั้ว บาปมลทิน

 

    ทาน-ศีล-ภาวนา.........................................เพียรพัฒนา พาหมดสิ้น

อัตตา และราคิน.......................................ออกจากจินต์ โศภินใจ

 

    อบรม พรหมวิหาร.......................................ชำระมาน สันดานได้

ความคิด ริษยาไคล...................................สร้างนิสัย พิไลงาม


    ยกตน ยลเป็นใหญ่......................................นำพาภัย ไม่(ควร)มองข้าม

รู้จัก คอยหักห้าม.......................................อย่าทำตาม อำเภอใจ


    หลักธรรม ความถูก-ผิด................................หมั่นพินิจ เป็นกิจไว้

ศีลสัตย์ ทัศไนย........................................เป็นเกราะให้ ไม่พลาดพาล

 

    พายุ(ฝน) ย่อมจากไป..................................ธรรมชาติไซร์ กำหนดการณ์

(แต่)จิตใจ ใฝ่สะคราญ...............................ต้องหมั่นเพียร เธียรเองเอยฯ


๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๔