ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ : กาพย์สุรางคนางค์๓๒




ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ : กาพย์สุรางคนางค์๓๒

    ส่งท้าย ปีเก่า...................เคาท์ดาวน์ ปีใหม่
ฉลอง กันไป........................ให้สุข หรรษา
อาหาร เครื่องดื่ม...................เล่น(จน)ลืม เวลา
บันเทิง เริงร่า........................สากล นิยม

    สวดมนต์ ข้ามปี.................(เขาว่า)วิถี ชาวพุทธ
เสริมศรี บริสุทธิ์.....................ประดุจ สั่งสม
บุญญา บารมี.........................โชคดี ระดม
ระรื่น ชื่นชม...........................สังคม ศรัทธา

    อดหลับ อดนอน.................บั่นทอน สุขภาพ ?
ต่างกรรม ทำบาป ?.................สาบสูญ คุณหา ?
ปีเก่า ปีใหม่...........................ต่างใย มายา ?
ความคิด อวิชชา ?..................ปัญญา บางเบา ?

    หัวค่ำ เข้านอน...................สะท้อน ความ(รู้)คิด
ดำเนิน ชีวิต...........................ประสิทธิ์ จิตเสาว์
สุขภาพ รักษา........................ใบหน้า อ่อนเยาว์
โรคภัย ไม่เร่า.........................เข้ามา รบกวน

    สังสรรค์ หรรษา..................(ใน)เวลา ปกติ
สวดมนต์ (ทำ)สมาธิ................มีสติ ขวายขวน
สุขมาน บันเทิง.......................รื่นเริง กระบวน
ปราศโทษ ประโยชน์ถ้วน..........ใคร่ครวญ เถิดชน

    อ่อนแรง(เพราะ)อดนอน........ต้อนรับ ปีใหม่
ร่างสลบ ไสล..........................ตื่นสาย ไม่พ้น
สูญเสีย เวลา...........................เงินตรา ประโยชน์ตน
(ก่อนจะ)กระเสือก กระสน...........ดิ้นรน อีกปี ฯ

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ก่อนที่จะไม่มีโลกให้อยู่ : กลอนสิ่งแวดล้อม



ก่อนที่จะไม่มีโลกให้อยู่ : กลอนสิ่งแวดล้อม

    ซึมเซา เช้าตรู่...................มองดู เหมือน ฤดูฝน
เย็นชืด มืดมน........................ระคนคู่ ฤดูหนาว
บ่ายแดด แผดร้อน..................ไม่แน่ ไม่นอน คลอนคราว
บอกเล่า เรื่องราว....................โลกเรา ก้าวสู่ ทุรกาล

    อากาศ แปรปรวน................กระทบ กระบวน การผลิต
ธรรมชาติ วิปริต......................ก่อเกิด วิกฤติ อาหาร
อดอยาก ยากแค้น...................ขาดแคลน กดดัน กันดาร
ทนทุกข์ ทรมาน......................สะท้าน หฤทัย ในที

    โรคภัย ไข้เจ็บ....................กักเก็บ พิษร้าย ระบาด
ชีวี พิฆาต..............................ชีวาตม์ ชาติชนม์ ป่นปี้
โรค-ภัย ใหม่ๆ.........................ทำให้ มรณะ ทวี
หยูกยา หามี...........................ฤทธี รักษา อาการ

    ฝนฟ้า พายุ.........................ปะทุ พลัง ร้ายกาจ
น้ำท่วม น่วมนาศ......................บ้านเรือน ถูกกวาด พัดผลาญ(นาศ=การทำลาย)
แผ่นดิน ผินไหว.......................ภูเขาไฟ พละ ทะยาน
(น้ำ)ทะเล สูงลาญ....................กลืนกิน ถิ่นฐาน บรรลัย

    มากมาย ไปหมด..................เป็นบท ลงโทษ โปรดตรอง
โลกร้อน สนอง.........................ธรรมชาติ เรียกร้อง รู้ไหม ?
หยุดทำ ลายล้าง.......................หยุดสร้าง ปัญหา ปัจจัย
ก่อนที่ จะไม่.............................มีโลก ให้อยู่ สุขารมณ์ ฯ

๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ดิถีขึ้นปีใหม่ : กลอนแปด



ดิถีขึ้นปีใหม่ : กลอนแปด

    ศุภวาระ ดิถี ขึ้นปีใหม่....................ขอคุณพระ รัตนตรัย ให้พรผล
สบสุขชอบ รอบตัว ทั่วทุกคน...............จิตพิมล พ้นมาร พาลย่ำยี

    ศักดิ์สิทธิ์สิ่ง วิงวอน อวยพรไหว้.......สัมฤทธิ์ได้ ในกิจ วิจิตรศรี
ลาญทุกข์โศก โรคภัย ไร้ราคี...............ตลอดปี ตลอดไป ไม่แปรปรวน

    จงคลาดครัน ปัญหา ปวงอุปสรรค.....คนรุมรัก ศักดิ์เสริม เพิ่มเพลินสรวล
ทรัพย์สมบัติ พัสถาน สิ่งอันควร............ครอบครองถ้วน ครบครัน บันดาลดล

    ให้อยู่เย็น เป็นใหญ่ ไม่เสื่อมสูญ.......บริบูรณ์ โภคลาภ สรรพผล
ทรงสติ มีปัญญา สะคราญยล...............เปี่ยมกุศล จนตราบ กัลป์กัปเทอญ ฯ

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๗

สวัสดีปีใหม่ : กลอนแปด



สวัสดีปีใหม่ : กลอนแปด

    สวัสดี ปีใหม่ สิ่งใดมุ่ง..................จงเรืองรุ่ง จรุงจิต สมพิสมัย
ปรารถนา สารพัน สิ่งอันใด...............จงเพริศพรั่ง หลั่งไหล อย่างใจปอง

    อลงกต ยศถา บรรดาศักดิ์.............ครองความงาม ครองรัก สลักสนอง
พร้อมเพชรนิล จินดา ธนทอง.............มีมากมาย ก่ายกอง เกินต้องการ

    เกริกชื่อเสียง เกรียงไกร ในสกล......ทั่วทุกหน นับถือ ระบือขาน
เปี่ยมศรัทธา บารมี และบริวาร.............สุขสราญ บานเบ่ง เปล่งโชคชัย

    ทรงอำนาจ วาสนา ประกาศิต..........ครองใจมิตร นิตยา อัชฌาศัย
ปลอดพยา ธิอาพาธ ปราศเภทภัย........ตลอดดิถี ปีใหม่ ยิ่งใหญ่เทอญ ฯ

๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2557

มองข้ามความจริง : กาพย์ยานี ๑๑



มองข้ามความจริง : กาพย์ยานี ๑๑

    ท้องฟ้า หาได้ว่าง..................นกบินบ้าง มิห่างหาย
หลากกัน หลายพันธุ์กราย............แบ่งปันใช้ ใต้แสงตะวัน

    โลกา ทรัพยากร.....................แผ่นดินดอน พึงผ่อนผัน
เผื่อแผ่ แด่ชีวัน...........................สรรพชีวัน สันติมี

    เลิกรา เย็นชา-ร้าย...................ทุกขาหาย คลายโศกศรี
หันมา หาไมตรี............................ให้อารี หิตการ(หิต=เกื้อหนุน)

    มองข้าม ความตระหนี่...............โลกใบนี้ พีไพศาล
เปลี่ยนแปลง แรงบันดาล...............เปลี่ยนกันดาร ปันน้ำใจ

    ส่วนเกิน อย่าเพลินกัก...............เพลินมากมัก รักษ์หวงไว้
มากจน ตนตายไป........................ต่างเอาไป ไม่ได้เลย

    เห็นคน ล้นลำบาก....................ล้นอดอยาก อย่ายักเฉย
อย่าเห็น เช่นคุ้นเคย......................ไม่เคยเห็น เช่นสำคัญ

    ไม่ใช่ ของใครดอก....................อยากจะบอก นอกจากนั้น
ทุกอย่าง แม้ร่างอัน........................อ้าง " ตน " มั่น ของโลกา

    คนแล แค่อาศัย........................แค่อยู่ใต้ วัฏฏสังสาร์
เวียนว่าย กายเกิดมา......................ป่วย-ชรา-มรณาเอย ฯ

๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ไม่น้อยใจในชีวิต : กลอนหก




ไม่น้อยใจในชีวิต : กลอนหก

    หนูเกิดมา ก็อาภัพ....................อยู่ห้องหับ แคบกับยาย
พ่อเลิกรา แม่ผละหาย...................ทิ้งทอดกราย มิใยดี

    ยายชรา หาเลี้ยงหนู.................อดทนสู้ ไม่หลีกหนี
รับจ้างเขา เท่าที่มี........................ผู้ปราณี ชีวีเรา

    ยายยังให้ (หนู)ไปโรงเรียน.........เตือนพากเพียร อย่าพาล-เขลา
วิชาการ ขยันเอา...........................อนาคตเจ้า จะก้าวไกล

    เวลาว่าง วางหนังสือ..................หนูไม่ดื้อ หรือเถลไถล
ช่วยงานบ้าน กวดขันใจ...................บางครั้งไป ช่วยยาย(ทำ)งาน

    (หนู)ไม่น้อยใจ ในชีวิต...............เด็กทั่วทิศ มหาศาล
ยาก(จน)กว่าหนู อยู่กันดาร..............ปราศจากบ้าน-การเล่าเรียน

    (คน)มีความรู้ มุมานะ..................(จะมี)อาชีวะ-ทรัพย์เสถียร
อบายมุข ไม่ผูกเวียน.......................(จะ)ไม่แปรเปลี่ยน ไปยากจน

    (คน)ทำความดี ย่อมดีได้..............ตั้งมั่นใจ ในกุศล
อนาคต หมดกังวล..........................บ่พลาดพ้น ผลไพบูลย์

    เชื่อกฎ(แห่ง)กรรม อย่าทำเวร........บุญบำเพ็ญ มิเร้นสูญ
ประพฤติดี ทวีคูณ............................จะเพิ่มพูน จำรูญเอย ฯ

๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เวรกรรมจำเนียร : กาพย์สุรางคนางค์๒๘




เวรกรรมจำเนียร : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ......................................เหมันต์ งันไป
กระแส ลมไร้.........................พงไพร ไป่หนาว
หาก(แต่)ความ เยือกเย็น..........ยังเด่น ยืนยาว
เคียงคู่ หมอกขาว...................สกาว ดาว-ดอย

    ......................................เสียงนก ขับขาน
ไพรสัณฑ์ บันดาล..................จราญ เหงาหงอย(จราญ=ดับ)
อุษา เสมือน.........................เพื่อนรัก ภักดิ์ร้อย
ทุกเช้า เฝ้าคอย.....................สูรย์ถ้อย สร้อย ทยา(ทยา=ต้องการ)

    ......................................ลาภ-ยศ-สรรเสริญ
สุขชวน เพลิดเพลิน................เกินผลัด ปรารถนา
แตกต่าง บางคน....................ค้นคิด พิชิตมา
สุจริต จิตรา..........................หรือว่า ทุรธรรม

    .....................................มรรคา สุจริต
ซื่อตรง ทรงสิทธิ์...................วิจิตร เลิศล้ำ
ใช้ความ สามารถ...................สะอาด กิจกรรม
สร้างสรรค์ งามทำ..................ศีลธรรม บำเพ็ญ

    ......................................ไปปราศ อาชญา
ไม่ทำ ชั่วช้า..........................คร่าใคร ให้เข็ญ
ไม่ก่อ บาปกรรม.....................ระยำ ทำเวร
ประโยชน์ โดดเด่น..................อยู่เย็น เป็นไป

    ......................................มรรคา ทุจริต
กระทำ ความผิด.....................มิจฉา สาไถย
มืดมัว กระมล.........................ฉ้อฉล กลไก
ชั่วช้า ชอบใช้........................เพื่อได้ ดั่งปอง

    ......................................ก่อการ เบียดเบียน
เวรกรรม จำเนียร.....................เวียนมา สนอง
ทำชั่ว ได้ชั่ว...........................พัวพัน ครรลอง
สังสาร คันฉ่อง........................ถูกต้อง ถ่องเทอญ ฯ

๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2557

บัวพ้นน้ำ : กาพย์ฉบัง๑๖



บัวพ้นน้ำ : กาพย์ฉบัง๑๖

    วันเวลาหาได้แบ่ง..............เดือน-ปีตกแต่ง
แสดงความตามปฏิทิน

    เปรียบปานการมีชีวิน................วัยวารผ่านผิน
สิ้นไปไม่นับปี-เดือน

    สังสารกำกับขับเคลื่อน................มิสร่างลางเลือน
ดูเสมือนไร้วัน-เวลา

    ภพชาติแม้ไม่ปรารถนา................ยังต้องมีมา
จนกว่าจะขาดปัจจัย

    กิเลส-ตัณหา-สาไถย...............อุปาทานไร้
ย่อมหยุดเวียนว่ายตายเกิด

    อริยมรรค ๘ ประเสริฐ...............คุณธรรมล้ำเลิศ
บังเกิดในพุทธศาสนา

    เพียงแค่ผู้มีปุญญา...............กิเลสบางตา
จึงจะสามารถหยั่งถึง

    โลกุตระล้ำลึกซึ้ง...............โสภาตราตรึง
พึงใจแค่ใครลางคน

    ผู้บรรลุธรรมกุศล...............ฤดีนิรมล
ประดุจอุบลพ้นสินธุ์

    เบ่งบานพานแสงสุรทิน..............ไคลคลาราคิน
ถวิลอุษาคคนางค์ ฯ

๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สัญชาตญาณพาพานทุกข์ : กลอนแปด



สัญชาตญาณพาพานทุกข์ : กลอนแปด

    ตำลึงเถา หนาวทน จนแห้งกรอบ...................เกี่ยวรายรอบ ริมรั้ว พัวพันเห็น
ผลฟักทอง กองก่าย มากมายเป็น.......................ซุ่มซ่อนเร้น นอนใต้ ใบเขียวนวล

    ลมกรรโชก โกรกกราย ชายคาบ้าน.................สั่นสะท้าน ดาลเสียง เยี่ยงโหยหวน
อากาศหนาว เข้ามา คล้ายขบวน.........................พัดไพรสัณฑ์ ปั่นป่วน รวนเรไป

    จิ้งหรีดร้อง ก้องร่ำ กลางค่ำมืด........................ความเย็นชืด ประชัน มิหวั่นไหว
ด้วยฤทธิ์แห่ง แรงผลัก จากภายใน.......................ยังผลให้ ภัยภาษ บอกศัตรู(ภาษ=บอกกล่าว)

    พิเคราะห์คล้าย ใจคน จลจราญ.......................สัญชาตญาณ ดัน-ดึง ทะลึ่งสู่(จราญ=ผลัก)
(คน)ไม่เท่าทัน ขานชัด อัตตาชู...........................พร้อมพรั่งพรู กรูกล้ำ ตามจิตไกร

    คนมีความ ยับยั้ง ชั่งดวงจิต............................พอจะมี ชีวิต ชวนพิสมัย
รู้ระแวด ระวัง มิพลั้งภัย......................................ทำอะไร รอบคอบ รับชอบธรรม

    บริโภค โลกธรรม ด้วยความสุข........................อย่างสนุก สนาน สราญล้ำ
ไม่ค่อยพาน ปัญหา ทุกขาพรำ.............................เป็นประจำ ปกติ ชีวีตน

    ส่วนคนที่ มิยับ ยั้งช่างจิต...............................ทุจริต คิดคด โฉดฉ้อฉล
แสวงหา สรรพสิ่ง อิงเล่ห์กล...............................มิกังวล ยึดกรอบ ชอบธรรมา

    มักไม่พ้น มลมาน ลานอุปสรรค........................ชีวิตหนัก ยากแค้น แน่นปัญหา
ร้อนรุ่มอก รกใจ ไร้จิตรา.....................................ขาดแคลนสุข ทุกขา อนิจจัง(จิตรา=จิตร=งดงาม)

    จึงจำเป็น เจนจัด สัญชาตญาณ.......................รู้ต้านทาน บรรเทา เบาสมสั่ง
หัดกุศล กลไก ให้พลัง.......................................ขับเคลื่อนจิต คิดฝัง ตั้งใจเอย ฯ

๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ดีงามบำเพ็ญ : กลอนคติสอนใจ



ดีงามบำเพ็ญ : กลอนคติสอนใจ

    หน้าหนาว แบบไหน ?....................ทำไม เมฆา พร่าพร่าง ?
บังแสง สว่าง....................................สุรีย์ เลือนราง ห่างหน
ลมที่ พัดผละ....................................(จาก)ทิศตะ วันออก ชอบกล
มิน้าว หนาวดล..................................เหมือนปี ก่อนพ้น ผ่านมา

    (แต่ความที่)ไม่มี แสงแดด...............มาแผด ไพรให้ ไออุ่น
สายลม เนื่องหนุน..............................กายา ทารุณ หนักหนา
เสื้อสรร กันหนาว................................บรรเทา ร้าวเจ็บ เหน็บชา
ห่อหุ้ม ใบหน้า....................................(เหลือแค่)ลูกตา กลิ้งกลอก บอกคำ

    สารพัน ปัญหา................................มักมา แบบไม่ บอกกล่าว
ขัดเคือง เรื่องราว.................................มักน้าว ทุกข์ถ่วง ล่วงล้ำ
สติ พิทยา..........................................จักพา ผ่านพ้น ผลกรำ
" ไม่ยึด มั่น "ธรรม...............................จักนำ สันติ นิรมล

    มารยา ละลด..................................ปัญญา ปรากฏ สดใส
สุจริต จิตใจ........................................ประไพ พรั่งพรู กุศล
สัตย์ถือ ซื่อตรง...................................เป็นสิ่ง วรงค์ มงคล(วรงค์=หัว)
ประภา ศุภผล......................................หนุนเนื่อง เปลื้องพ้น ทุกขภัย

    เผชิญ กรรมเก่า...............................ด้วยใจ แกร่งเกลา อดทน
สุดท้าย ผ้ายพ้น...................................เงาพรืด มืดมน เสื่อมไร้(ผ้าย=เคลื่อนจากที่)
ก่อกรรม ทำดี......................................ทวี ศีลธรรม กรรมใหม่
ภาคหน้า ต่อไป....................................พิไล พิรุฬห์ ปุญญา(พิรุฬห์=เจริญ)

    ดีงาม บำเพ็ญ..................................เป็นที่ คลี่คลาย อุปสรรค
สุขี พิทักษ์..........................................พ้นโศก ปกปัก รักษา
ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.....................................สำนึก สุธีร์ ปรีชา
ทาน-ศีล-ภาวนา...................................โสภา กิจกรรม ทำเทอญ ฯ

๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กุศลารมณ์ : กลอนเจ็ด



กุศลารมณ์ : กลอนเจ็ด

    สัมผัส อุ่นไอ ใต้ผ้าห่ม................ภิรมย์ อุษา ในหน้าหนาว
เคลิ้มฝัน วันหยุด ประดุจราว.............ได้ก้าว เข้าสู่ ประตูพิมาน

    เย็นไล้ ไอลูบ จูบผิวหน้า.............ปักษา เสนาะ เพลงเพราะสาน
ผ้าห่ม กลมกอด ยอดดวงกานต์.........สราญ บันเทิง เริงรื่นใจ

    เสมือน บรรลุ กุศลารมณ์..............อุดม สติ อดิศัย
กิเลส ตัณหา ต่างคลาไคล................สงบ สบไท ไร้มลทิน

    จิตใส ใจสวย ฉลวยฉลาด.............สะอาด บริสุทธิ์ มุตตาสินธุ์(มุตตา=ไข่มุก)
ละเมียด ละไม ไรรองริน...................ประคิ่น วินชา ศิราทร(ศาทร=ศิระ+อาทร)

    เลิศล้ำ ธรรมา อนุสติ...................ปริ วิตก ดิลกสร(ดิลก=เลิศ,สร=แกล้วกล้า)
มั่นคง อุรา มิอาวรณ์........................โลกีย์ นิกร รอนฤทัย(นิกร=หมู่,พวก)

    สมบูรณ์ สุนทรีย์ ปรีดาสุข.............ปราศทุกข์ รุกราน สะคราญไหล
เสรี อิสระ ประภาประไพ....................ไสว สว่าง กลางกระมล

    อารมณ์ ใดๆ ไม่ปานเปรียบ............อาจเทียบ วสุ ธารกุศล(วสุ=ทรัพย์สมบัติ)
ประเสริฐ เลิศค่า ชีวาคน....................ส่งผล พิสิฐ ประกฤติการ(พิสิฐ=วิเศษ,ประกฤติ=ความเป็นธรรมดา)

    รักษา อารมณ์ คุณสมบัติ...............กุศล กลสัต ปทัสถาน(สัต=ดีงาม)
อบอุ่น ฤดี อภิบาล............................เป็นสุข ปลุกศานติ์ นิรันดร ฯ

๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ดั่งฤดูดล : โคลงสี่สุภาพ



ดั่งฤดูดล : โคลงสี่สุภาพ

. เพริศพรายลายผีเสื้อ..................สะดุดตา
หลบอากาศหนาวมา......................ซุกบ้าน
เรือนคนซ่อนกายา........................นิ่งเกาะ
หลายวันบ่เคลื่อน ; คร้าน...............กินแล้วฤาไฉน ?

. นภาใสอรุณเร้า.........................เชยชม
ผิงแดดแผดผ่อนกรม.....................เหน็บเนื้อ
บางครากระแสลม.........................พัดกราก
ฝืนยากไหวหวั่นเฟื้อ......................กระตุ้นกรุ่นกาย ฯ

. มิวายประสบด้วย.......................หลากฤดู
แกนโลกเอียงหันชู.......................แสง(สูรย์)ต้อง
แผกผันบันดาลพรู........................ดินแผ่น
ลมแล่นซัดสาดคล้อง....................สมุทรล้ำเวียนไหล ฯ

. ชะตาชีวาคล้าย........................คลึงเห็น
หมุนเปลี่ยนแปรปรวนเป็น..............หลากล้น
ความสุข-ทุกข์ลำเค็ญ...................อุปสรรค
ประจักษ์ประจัญท้น......................ดั่งด้วยฤดูดล ฯ

. กรรมเวร วนเวียนให้..................เป็น-มี
ก่อโครงร่างชีวี............................ชั่ว-ล้ำ
ขันติธรรมคือวิถี...........................ทุกข์ถอด
ความเสงี่ยมยอดธรรมค้ำ...............สุขให้มิใหลหลง ฯ

. โชค-เคราะห์คงมาแล้ว..............คลาดไคล
อยู่กับกรรมปัจจัย.........................ก่อเกื้อ
กรรมเก่ามิอาจไข.........................กำจัด
กรรมใหม่ปฏิบัติเอื้อ......................บุญสร้างบวรไสว ฯ

. ฤดูกาลละลานล้วน....................ผ่านมา
สัมผัสแก่กายา.............................รับรู้
ที่สุดย่อมไคลคลา........................แปรเปลี่ยน
วนเวียนจงทนสู้............................ผ่านพ้นสักวัน ฯ

๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

กุศลสังวร : กลอนคติเตือนใจ



กุศลสังวร : กลอนคติเตือนใจ

    สายลม โหมซัด รัตกาล.................สะท้าน ซ่านอา กาศหนาว
ฟ้าไกล ใสเห็น เพ็ญพราว..................ดวงดาว ดาษดื่น รื่นรมย์

    หนาวยิ่ง จนจิ้ง หรีดไม่..................ส่งเสียง เกรียงใส ไกรสม
ป่าเอย เคยร่า ระงม..........................กลับจม อยู่ใน วิเวกา

    ยินเพียง เสียงลม โถมร่ำ...............ในคืน มืดดำ ล้ำค่า
หัวค่ำ เข้านอน ก่อนเวลา...................แต่ทว่า กลับตื่น ฟื้นตน

    กิเลส-ความเขลา เบาบาง..............ต้นทาง บรรลุ กุศล
จึงพบ เพียงพร่าง ลางคน..................แตกต่าง จากคน ทั่วไป

    ซื่อตรง ทรงศีล จินต์สัตย์...............ยืนหยัด ศรัทธา ธรรมาศัย(ธรรมาศัย=ธรรม+อาศัย)
มิหยุด สุจริต จิตใจ...........................ประไพ ประพฤติ พฤทธิกรรม(พฤทธิ์=ความเจริญ)

    สัมมา ทัศนะ คติ..........................ดำริ โลกุตร์ ดุจถัมภ์(ถัมภ์=เสา,หลัก)
วิริยะ ประพฤติ พรหมธรรม.................สุจริต กิจกรรม ทำงาน

    กุศล กลธรรม กรรมมี....................เป็นที่ พึ่งพา ชีวศานติ์
กฎแห่ง กรรมา โลกบาล....................ศรัทธา อาจาร สัญญี

    เพียรละ อุปาทาน-ตัณหา...............วิชชา พาส้อง ผ่องศรี
อนิจจัง สังวร กรณีย์..........................ชีวี นิพัทธ์ อนัตตา ฯ(กรณีย์=อันพึงทำ,นิพัทธ์=เสมอ)

๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พิเคราะห์คน : กลอนคติสอนใจ



พิเคราะห์คน : กลอนคติสอนใจ

    เมฆสลัว มัวสยาย จรดปลายขอบ............นภารอบ อโณทัย ไร้สูรย์ศรี
ลมกระหน่ำ ระกำหนาว น้าว นที...................เย็นยะเยียบ เฉียบฉวี ทิวาวัน

    มัจฉาน้อย ลอยแล ร่างแน่นิ่ง..................มิไหวติง อัตตา ดุจอาสัญ
นกไม่มี แดดผิง พลอยพิงงัน.......................เบียดชิดกัน ปันให้ ไออุ่นเอม

    กระทั่งสาย คลายคลา เมฆละขาด............แสงแดดสาด อัศจรรย์ ซ่านเขษม
แดดธรรมดา ดลให้ ได้ปรีดิ์เปรม..................เรืองรองเหม สุขให้ หทัยรมย์(เหม=ทองคำ)

    สุมาลี สีสัน สะคราญสด.........................สวยหมดจด งดงาม อร่ามสม
บ้างประทิ่น กลิ่นหอม ชวนดอมดม................บ้างมีเพียง รูปโฉม แช่มคมคาย

    ความเป็นคน ล้นค่า คุณสมบัติ.................ประเสริฐสัตว์ พัฒนา ช้านานหลาย
ความเป็นคน พ้นเกี่ยง เพียงร่างกาย..............อีกมากมาย ก่ายกอง มุมมองมี

    ความรอบรู้-ทักษะ และสามารถ................ความฉลาด-สร้างสรรค์-จรรย์วิถี
ความประพฤติ-คุณธรรม-ความงามดี..............ทัศนคติ-ศีลธรรม ประจำใจ ฯลฯ

    อย่ามองคน ยลแค่ แลรูปลักษณ์...............เห็นเพียงพักตร์ ทักประดิษฐ์ พินิจฉัย
หลงกิเลส ตัณหา ชักพาไป..........................ทำอะไร โง่เขลา เบาปัญญา

    มโนธรรม ความคิด และนิสัย....................ความประพฤติ ยึดใช้ ไว้ปุจฉา
พิเคราะห์คน สนเทศ เพทนา........................อย่างถูกต้อง ถ่องค่า ธรรมาเอย ฯ

๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๗ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โลกเปลี่ยนไป : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



โลกเปลี่ยนไป : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

    ..................................ลมแรง-แห้ง-เย็น
ไม่รู้ สึกเห็น.......................เช่นฤ ดูหนาว
ลมตะ วันออก....................บอกเล่า เรื่องราว
โลกเปลี่ยน เวียนป่าว...........ไป่เหมือน ก่อนมา

    ..................................จิตใจ ผู้คน
ก็สัป (ปะ)ดน.....................ชั่วฉล แก่กล้า
ไม่ละ เอียดอ่อน.................ซ่อนบาป หยาบช้า
ทำงาน ปานว่า...................แค่ง่า หาเงิน

    ...................................สินค้า ประดิษฐ์
สะท้อน ความคิด.................ใช้ชั่ว ผิวเผิน
ไม่เน้น คุณภาพ...................หยาบทำ ดำเนิน
อายุ สั้นเกิน........................ประเดี๋ยว เดียวพัง

    ....................................สะท้าน การคิด
ปรัชญา ชีวิต.......................ของคน ยุคหลัง
มักงาย ใจเบา......................โฉดเขลา เมามั่ง(มั่ง=มีมาก)
คิดคด บดบัง.......................พลัง ความดี

    ....................................กิเลส ตัณหา
กำหนัด กามา......................ขจัดค่า ราศี
ก่อกรรม ทำบาป...................หยาบช้า ราวี
ทั่วโลก ทวี..........................วิปริต ทิศทาง

    ....................................บาปใคร บาปมัน
บุญใคร บุญมัน.....................คิดสรร ขันสร้าง
ชีวัน สั้น-น้อย.......................หัดคอย ปล่อยวาง
ทุกสิ่ง ทุกอย่าง....................อนิจจัง อ้างเอย ฯ

๑๘ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รู้จักกลัว : กาพย์ฉบัง๑๖



รู้จักกลัว : กาพย์ฉบัง๑๖

    ความกลัวส่งผลดลให้................หลีกลี้หนีภัย
อันตรายไกลห่างกังวล

    คือสัญชาตญาณเผ่าพันธุ์คน...............ธรรมชาติสร้างสน
ปกป้องกันตนกลขำ

    ด้อยสติปัญญาจะนำ................เพิ่มกลัวพัวพร่ำ
(เป็น)การกระทำที่ไร้เหตุผล

    แม้ปัญญามีพิมล...............ฤชุกุศล(ฤชุ=ซื่อ,ตรง)
ดลทั่วกลัวลดถดถอย

    กลัวหลายยังใจให้พลอย..............ความสุขเหลือน้อย
คอยระวังค้างจิตคิดไข

    ควรแก่เหตุผลกลไก..............ความกลัว(เช่นนั้น)ทำให้
มีอายุวัยยาวยืน

    " ไม่กลัว " บิ่นบ้ากล้าฝืน................(ทำให้)เดือดร้อนย้อนคืน
ดาษดื่นเห็นเป็นอุบัติเหตุ

    หลากลานบรรดาอาเพศ................มักเกิดจากเจต
ปฏิเสธกลัวบาปหลาบกรรม

    กล้าทุจริตผิดศีลธรรม................หลงผล(ว่าดี)ล้นล้ำ
ประจำกรรมชั่วนัวเน้น

    โลกธาตุมิปราศกฎเกณฑ์.............วัฏฏกรรมนำเวร
ทำเห็นให้เป็นโทษทัณฑ์

    ต้องภัยเภทโรคโศกศัลย์..............ทุกขาจาบัล(จาบัล=ทุรนทาย)
ทรมานยากแค้นแสนเข็ญ

    ความกลัวบาปกรรม(คือความ)จำเป็น..............จะได้ใจเว้น
ไม่ก่อเวร " โอตตัปปะ "

    คือครรลองของธรรมะ...............คุ้มครองโลกะ
คู่ " หิริ " อริยธรรมเอย ฯ

๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ชีวิตจริงยิ่งคำจำนรรจ์ : กลอนคติชีวิต



ชีวิตจริงยิ่งคำจำนรรจ์ : กลอนคติชีวิต

    เมฆาครอบคลุม ประชุมทั่วท้องฟ้า................ทอดสุดสายตา สุริยาห่างหาย
เมื่อสิ้นแดดส่อง มิข้องกระวนกะวาย..................ดอกหญ้าสยาย ได้ด้วยเรี่ยวแรงตน

    แต่ยามลมหนาว ยืดยาวพัดผ่าน....................เหน็บหนาวสะท้าน อลหม่านซ่านสน
ยิ่งลมพัดแรง ยิ่งอยากแสวงแดดดล..................อบอุ่นหมุนวน ผ่อน พหล ทรมาน

    ภูมิประเทศ เขตแคว้นแดนแห่ง.....................อากาศเปลี่ยนแปลง แผลงทั่วทุกสถาน
ประโยชน์มากมาย อย่าใคร่คิดรำคาญ................ธรรมชาติสร้างสาน ฤดูกาลจรรโลง

    เสมือนเช่นชีวา ของบรรดามนุษย์..................ย่อมเปลี่ยนไปไม่หยุด ประดุจเส้นคดโค้ง
มีชะตาชีวิต คอยลิขิตเชื่อมโยง.........................เวรกรรมนำส่ง วางโครงสร้างเป็น-มี

    บางช่วงเช่นขึ้นเขา บางคราวก้าวลงห้วย.........บ้างบุญหนุนอำนวย ช่วยประสบสุขี
บางครั้งคล้ายคราวเคราะห์ เพราะโศกเศร้าโศกี....เหมือนกรรมตามย่ำยี มีแต่ทุกข์ระทม

    โลกธรรม์ครรลอง ต้องเข้าใจสัจจะ..................อย่าสร้างแต่ตัณหา อย่าตามจริตจิตห่ม
ปลุกปั้นปัญญา ละอวิชชาโง่งม.........................ความรู้สึก-อารมณ์ คอยข่ม-เกลา-เท่าทัน

    ความสุขสมหวัง อย่างที่มิแปลงเปลี่ยน...........คงเป็นการขีดเขียน แค่ในความคิด-ฝัน
ชีวิตที่แท้จริง ยิ่งกว่าคำจำนรรจ์........................ไม่เลือกชาติชนชั้น ฐานันดรใดๆ

    สงบความคิด สงบจิตฟุ้งซ่าน.......................สงบความทะยาน อุปาทานวิสัย
เพียรทำความดี พลอยเปรมปรีดิ์ฤทัย.................ปรมัตถ์นิรัติศัย ขวนขวายเถิดชน ฯ

๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2557

คืนหนาวคราวลำเค็ญ : ภุชงคประยาตฉันท์๑๒



คืนหนาวคราวลำเค็ญ : ภุชงคประยาตฉันท์๑๒

    ระบัดลม ระบมลื่น........................ละลอกคลื่น คละครึ้นไล่
พนาวาส พนัสไหว...........................พนมไม่ พิไรเมิน(พนาวาส=ที่อยู่ในป่า,พนม=ภูเขา)

    ประเดี๋ยวหยุด ประดุจหย่อน...........พระพายผ่อน ผละผิวเผิน
กระโชกซ้ำ กระหน่ำเกิน....................ยะย้ายเยิน ยะเยือกเย็น(ยะย้าย=ยักย้าย)

    นิศาคม สิลมร่ำ...........................นิศาคร่ำ ระกำเข็ญ(นิศาคม=เวลาโพล้เพล้,นิศา=กลางคืน)
ศศีรา สถิตเป็น................................สล้างเด่น สถานการณ์(ศศีระ=หนาวเหน็บ)

    เผชิญชม ภิรมย์หนาว...................ประกายดาว ประกฤตศานติ์(ประกฤต=ทำมาก)
สรินทรา นภากาฬ............................ประจักษ์พาน พยานยล(สรินทรา=สร+อินทร์)

    ฤดูหนาว มิร้าวหนา.......................ผิกายา พลาล้น
(ภูเขา)หิมาลัย มิไร้คน.......................มุดั้นด้น พิชิตชัย

    ประสบส่ำ เคราะห์ลำเค็ญ...............สิยากเย็น ขนาดไหน
ฤดีแกร่ง แสดงไกร............................มิหวั่นไหว วิไลมาน

    ฤดูแล สิแปรเปลี่ยน.......................พิภพเวียน พิบูลหว่าน
ชะตา วน ณ ชนม์วาร.........................จิพบพาน มลานมี(มลาน=ลานตา)

    ประดาเข็ญ และเคืองขัด................ประสิทธิ์สัต พิพัฒน์ศรี(สัต=ดี,งาม)
เพราะเวรกรรม กระทำพลี....................วิถีวัฏฏ์ วิภัตติ์เอย(วิภัตติ=การจำแนก)

๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่โลกขาดแคลน : โคลงสี่สุภาพ



สิ่งที่โลกขาดแคลน : โคลงสี่สุภาพ

. ประดาสารพัดกล้วย.................ดื่นดาษ
วางขายตามตลาด......................คึกครื้น
มะละกอสีฉูดฉาด.......................ผลสุก
ออกชุกกลางหมอกชื้น.................ในหน้าหนาวฤดู ฯ

. ผลขนุนหนุนเนื่องให้................เก็บกิน
ดอกแคแลเกลื่อนดิน...................ร่วงล้น
มะรุม มลาน มลิน.......................รอบป่า(มลิน=ไม่บริสุทธิ์)
บรรพชนคงคิดค้น.......................ปลูกไว้เผื่อลูกหลาน ฯ

. ทรัพย์ในดินสินในน้ำ.................สมบูรณ์
ดำรงสังขารกูล............................ชีพเกื้อ
กินหาบ่อาดูร...............................แคลนขาด
ธรรมชาติชีวาตม์เอื้อ.....................ดิน-น้ำ-นภาหนุน ฯ

. กินอิ่ม-นอนอิ่มพ้อง....................เพียงพอ
ดำรงชีวิตรอ................................ดับม้วย
ปัจจัยยังชีพออ............................โลกเอ่อ
เพียงแค่เธออยู่ด้วย.......................อย่าตั้งยังผลาญ ฯ

. การแข่งขันแย่งยื้อ.....................ครอบครอง
รวยร่ำทำลำพอง...........................อวดโอ้
มีเกินจำเป็นกอง...........................ทรัพย์เกร่อ
ทำเป็นเช่นเธอโก้..........................เลิศล้ำเกินคน ฯ

. ปล่อยคนที่อ่อนด้อย...................อดอยาก
ตกระกำลำบาก.............................ยากแค้น
เพราะทรัพยากรหลาก....................พรากสู่
ตกอยู่กับกลุ่ม-แคว้น......................ส่วนน้อยไม่กี่คน ฯ

. (ความ)เห็นแก่ตัวก่อเกื้อ.............ขาดแคลน
ทุกประเทศเขตแดน......................เหลื่อมล้ำ
คนมีมีเหลือแสน...........................เสพสุข
คนยากจนชีพช้ำ...........................ต่ำต้อย อดตาย ฯ

๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗