ครรลองของธรรมชาติ : กลอนเจ็ด
๏ น้ำค้าง พร่างพง
อลงกต...................หมอกขาว พราวสด ไพรหมดสี
ทิวา สว่าง
ร้างสุรีย์..............................เวลา นาที มิแจ้งใจ
๏ แซ่เสียง เพรียงซ้อง
ผองวิหค............ตั้งอก อุตส่าห์ รอฟ้าใส
กระแต ไต่เต้น
เห็นไวๆ.........................ชูหาง ช่างคล้าย ไร้ระทม
๏ กิจกรรม ส่ำสัตว์
ปฏิบัติต่าง...............ตามอย่าง เยี่ยงพันธุ์ บรรพาสม
คำนึง
คลึงคล้าย มิกลายกรม.................ชื่นชม ชิดญาติ สัญชาตญาณ(กรม=กรรม)
๏ แตกต่าง ห่างนับ
กับมนุษย์...............ไม่หยุด คิดใคร่ กรรมใหม่ขาน
พิลึก พิเรน
เช่นสันดาน........................(จน)เกิดการ แปลกแยก แตกต่างไกล
๏ ส่งผล สะท้อน
ย้อนชีวิต...................วิปริต ผิดลาม ตามนิสัย
เห็นคน เหมือนกัน
อย่ามั่นใจ.................(ว่าจะ)คิดอ่าน อะไร คล้ายๆเรา
๏ แผกผัน ปัญญา พาประสบ................พานพบ
ชะตา ชีวาเป้า
แต่สิ่ง ยิ่งใหญ่
คือใจเรา........................ดี-ชั่ว-มัวเมา ฯลฯ ดันก้าวเป็น
๏ กุศล มนมาน
มุ่งศานติ......................ดำริ กุศล กลกรรมเห็น
สุจริต ซื่อตรง
ทรงบำเพ็ญ.....................(จึง)อยู่เย็น เป็นสุข ทุกเวลา
๏ อกุศล มนพาล
สามานย์ผิด................ทุจริต จิตหรรษ์ จุดปัญหา
อุปธิ กิเลส
ส่อเจตนา............................นำพา ตกต่ำ ทุกข์ร่ำไป
๏ กฎเกณฑ์ กลกรรม ของธรรมชาติ........ยุติธรรม
กัมปนาท สะอาดใส
อยู่ที่ ใครเล่า
อาจเข้าใจ........................ทำให้ สอดคล้อง ครรลองเอย ฯ
๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น