สัญชาตญาณพาพานทุกข์ : กลอนแปด
๏ ตำลึงเถา หนาวทน
จนแห้งกรอบ...................เกี่ยวรายรอบ ริมรั้ว พัวพันเห็น
ผลฟักทอง กองก่าย
มากมายเป็น.......................ซุ่มซ่อนเร้น นอนใต้ ใบเขียวนวล
๏ ลมกรรโชก โกรกกราย
ชายคาบ้าน.................สั่นสะท้าน ดาลเสียง เยี่ยงโหยหวน
อากาศหนาว เข้ามา
คล้ายขบวน.........................พัดไพรสัณฑ์ ปั่นป่วน รวนเรไป
๏ จิ้งหรีดร้อง ก้องร่ำ
กลางค่ำมืด........................ความเย็นชืด ประชัน มิหวั่นไหว
ด้วยฤทธิ์แห่ง
แรงผลัก จากภายใน.......................ยังผลให้ ภัยภาษ บอกศัตรู(ภาษ=บอกกล่าว)
๏ พิเคราะห์คล้าย ใจคน
จลจราญ.......................สัญชาตญาณ ดัน-ดึง ทะลึ่งสู่(จราญ=ผลัก)
(คน)ไม่เท่าทัน ขานชัด
อัตตาชู...........................พร้อมพรั่งพรู กรูกล้ำ ตามจิตไกร
๏ คนมีความ ยับยั้ง
ชั่งดวงจิต............................พอจะมี ชีวิต ชวนพิสมัย
รู้ระแวด ระวัง
มิพลั้งภัย......................................ทำอะไร รอบคอบ รับชอบธรรม
๏ บริโภค โลกธรรม
ด้วยความสุข........................อย่างสนุก สนาน สราญล้ำ
ไม่ค่อยพาน ปัญหา
ทุกขาพรำ.............................เป็นประจำ ปกติ ชีวีตน
๏ ส่วนคนที่ มิยับ
ยั้งช่างจิต...............................ทุจริต คิดคด โฉดฉ้อฉล
แสวงหา สรรพสิ่ง
อิงเล่ห์กล...............................มิกังวล ยึดกรอบ ชอบธรรมา
๏ มักไม่พ้น มลมาน
ลานอุปสรรค........................ชีวิตหนัก ยากแค้น แน่นปัญหา
ร้อนรุ่มอก
รกใจ ไร้จิตรา.....................................ขาดแคลนสุข ทุกขา
อนิจจัง(จิตรา=จิตร=งดงาม)
๏ จึงจำเป็น เจนจัด
สัญชาตญาณ.......................รู้ต้านทาน บรรเทา เบาสมสั่ง
หัดกุศล กลไก
ให้พลัง.......................................ขับเคลื่อนจิต คิดฝัง ตั้งใจเอย ฯ
๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น