ลดอัตตาเพิ่มประโยชน์ : กลอนหก

ลดอัตตาเพิ่มประโยชน์ : กลอนหก

๏    เมฆมัวหม่น ฝนทำท่า..........................โถมท่วมฟ้า สัญญาณ์ไฉน

ลมประดุจ หยุดหายใจ............................อบอ้าวไป ทั้งไพรวัน

๏    แค่ทว่า เพียงมาเยือน...........................เมฆคล้อยเคลื่อน เชือนแชผัน

ฝนตกเบา ชั่วคราวครัน............................ก็เงียบงัน ลงทันที

๏    สัตว์มักเห็น ตน(อัตตา)เป็นใหญ่.............เหนืออื่นใด ในโลกนี้

สัญชาตญาณ คู่กันดี...............................ตั้งแต่มี ชีวาตม์มา

๏    เห็นแก่ตัว เต็มหัวคิด............................เจ้าชีวิต หลงอิษฐา

ยึดมั่นถือ คืออัตตา.................................ทำปัญญา คับแคบครัน

๏    อัตตาเล็ก ลงเท่าไหร่...........................โลก(ยิ่ง)กว้างใหญ่ ไปเท่านั้น

มิถือตน ยลสำคัญ...................................หลักสัมพันธ์ สร้างสรรค์มโน

๏    ลดอัตตา->ลดอคติ..............................->ลดอุปธิ ลงอักโข

สติปัญญา จะเติบโต................................ปริสุทโธ ปฏิภาณ

๏    เสริมตัวเอง ให้เก่งกล้า..........................เสริมโลกา มหศานติ์

แผ่เมตตา เพื่อสาธารณ์............................อภิบาล สรรพ์สิ่งปวง

๏    ลดอัตตา->เพิ่มประโยชน์.......................ปรีดิ์ปราโมทย์ จักโชติช่วง

คุณค่าพี มิแก่นกลวง...............................บ่มีห่วง ให้หน่วงกรมฯ(กรม=ตรม)

๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๑

ชีวิตคู่มิอยู่ยืน : กลอนคติชีวิต

ชีวิตคู่มิอยู่ยืน : กลอนคติชีวิต

๏    รุ่นปู่ รุ่นย่า ยังปรากฎ..............................ชีวัน รันทด สลดเห็น

โรคภัย ไข้ป่วย ด้วยเหตุเป็น.......................เครื่องเข่น ฆ่าพราก จนจากจร(ตายจากกัน)

๏    แม้ไม่ ตายจาก จะบากบั่น.......................อยู่ด้วย ช่วยกัน ผ่านหนาวร้อน

บ่ร้าง เลิกรา เอื้ออาทร..............................กัดก้อน เกลือกิน ร่วมดิ้นรน

๏    เดี๋ยวนี้ มีความ ทันสมัย...........................โรคภัย ไข้ป่วย ช่วยหายพ้น

แต่ทว่า หทัย หัวใจคน..............................เอ่อล้น ฉล-แคบ แทบมานเมา

๏    ศีลธรรม คำสอน ถอนสถิต.......................ทุจริต อิสระ บ้า-โง่-เขลา

คบชู้ คู่ซ้อน เริงร้อนเร่า.............................รัก-เลิก เอิกเกริกเล่า เม้าท์อวดกัน

๏    ความดี ไม่(ค่อย)มีใคร คิดใคร่สน..............แลยล(สนใจแต่) รวย-หล่อ(สวย) ล่าเสาะสรร

คบหา ราคี มีสัมพันธ์................................อยู่(กิน)กัน ก่อนแต่ง แกร่งการทำ

๏    กว่าจะ แต่งจริง ทั้งหญิงชาย....................เปลี่ยนคู่ กี่ราย ล่วงถลำ

แต่ง(แล้ว)หนอ หม้อข้าว ไม่ทันดำ..............(ครึ่งหนึ่ง)หย่าร้าง สร้างกรรม ทำชอบกล

๏    ความเห็น แก่ตัว มัวเมาให้.....................ชีวิตคู่ ดูคล้าย ไร้คงมั่น

เมื่อฤดี มิถือ ศีลธรรม์..............................(ย่อม)สัมพันธ์ หั้นห่ำ ถูกทำลาย

๏    คนแล้ว คนเล่า เคล้าคู่ชิด......................ไม่คิด อิดหนา ระอาหาย

เปลี่ยนเมีย เปลี่ยนผัว มิกลัว-อาย...............ค่านิยม ให้ท้าย หลายผัว-เมียฯ

๓๐ สิงหาคม ๒๕๖๑

ห้องขังของคนโลภ : กาพย์ฉบัง๑๖

ห้องขังของคนโลภ : กาพย์ฉบัง๑๖

๏    แม่(พ่อ)ค้าขายล็อตเตอร์รี่.......................หลากหน้าตามี

เดินปรี่ตามบ้านลานถนน

๏    ชักชวนลองดูผู้คน...................โชคใหญ่ให้ยล

กระตุ้นคนสนใจใคร่หา

๏    ตัดสินใจยอมเสียเงินตรา..................เสี่ยงดวงสักครา

หวังว่าจะมีโชคชัย

๏    เดือนละสองงวดชวดไป..................ปีละเท่าไหร่?

มีใครกี่คนสมหวัง?

๏    ความโลภมากฤาคือพลัง...................ฉุดกระชาก-กักขัง

คนดั่งนักโทษโฉดเห็น

๏    ขืนอยู่เยี่ยงผู้ลำเค็ญ....................ไม่เคยร่มเย็น

เป็นทุกข์รุกเร่าร้อนรน

๏    ขาดความยับยั้งชั่งกระมล.....................คือเหตุเภทผล

ทุรนทุรายไม่สุขสันติ์

๏    วิถีดำเนินชีวัน...................หากถูกผูกพัน

กับการพนัน->ชีวันสลาย

๏    หดหู่มิรู้เสื่อมคลาย...................อย่างคนโชคร้าย

พ่ายแพ้แลพบประสบเสมอ

๏    เตือนกันลูกท่านหลานเธอ....................อย่าหลงละเมอ

เพ้อ(ร่ำ)รวยด้วยการพนัน

๏    หนึ่งในอบายมุขทุกข์ปัน....................มิใช่หฤหรรษ์

เลิกฝัน...ขยันงานเทอญฯ

๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๑

เมืองน่าเที่ยวแต่ไม่น่าอยู่ : กาพย์ยานี๑๑

เมืองน่าเที่ยวแต่ไม่น่าอยู่ : กาพย์ยานี๑๑

๏    เขาว่า น่ามาเที่ยว............................ชั่วประเดี๋ยว (แต่)ไม่น่าอยู่(อาศัย)

ชวนคิด พินิจดู..................................ควรหดหู่ หรือสุขี?

๏    บทสะท้อน คุณภาพ.........................อันฉวยฉาบ ระดับมี

เมืองหลวง ปวงไทยที่........................รวมสิ่งดี และเลวร้าย

๏    สิ่งดี ควรรักษา................................สิ่งหยาบช้า ควรละอาย

โสภา อย่าสูญหาย............................อัปลักษณ์ให้ มลายล้าง

๏    (การ)เฉื่อยเฉย ด้วยเคยชิน................คือมลทิน จินต์ขัดขวาง

(การ)วัฒนา อุตสาห์ทาง....................ห่างนิยาม ความเจริญ

๏    นิสัย ไม่รักดี...................................ชอบอัปรีย์ มิขวยเขิน

(สาเหตุ)พารา จึงเผชิญ.....................ดำเนินเห็น เช่นเสื่อมทราม

๏    หยาบช้า ค่านิยม.............................ความโง่งม สังคมหลาม

ทำลาย สิ่งงดงาม.............................เพิ่มลุกลาม ความเศร้าหมอง

๏    อาดุร ด้อยคุณภาพ(ชีวิต)..................ดั่งโดนสาบ กับ(ถูก)จำจอง

คำนึง แค่ปากท้อง.............................ข้าวของ(ใช้)อัน ทันสมัย

๏    ละเลย สิ่งแวดล้อม..........................จึงแหนห้อม พิบัติภัย

นับวัน ยิ่งบรรลัย................................ขยายเพิ่ม เสริมทวีฯ

๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๑

*กรุงเทพมหานคร รั้งตำแหน่งเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุดในโลก เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน 

ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 19.41 ล้านคน

From <https://travel.kapook.com/view180271.html>

*กทม.ติดอันดับเมืองน่าอยู่ อันดับที่ 100
จาก 140 เมืองทั่วโลก

From <https://www.thairath.co.th/content/1361882>

อโลภะความไม่โลภ : กาพย์ฉบัง๑๖

อโลภะความไม่โลภ : กาพย์ฉบัง๑๖

๏    (เมื่อ)ความละโมบโลภมากบางเบา....................ทำให้ใจเรา

บรรเทาตัณหาสาไถย

๏    มิอยากจะมีอยากจะได้...................(ขอแค่)มีกินมีใช้

ไม่อดไม่อยากหนักหนา

๏    (มี)พอเพียงเลี้ยงดูอุปการ์...................ชีวิตชีวา

ก็สมเจตนาอาทร

๏    อยู่เย็นเป็นสุขไม่ทุกข์ซ้อน..................โศกเศร้าเร่าร้อน

อ่อนไหวไปตามความนิยม

๏    อยากมีอยากได้ในสังคม..................คลายความโง่งม

อุดมสมบูรณ์จุนจิตใจ

๏    มีเหลือก็เผื่อแผ่ไป..................(ช่วย)คนอื่นขื่นไร้

เราพลอยสุขใสฤทัยสันติ์

๏    อิ่มอกอิ่มใจในชีวัน...................(โดย)ไม่(ต้อง)แย่งแข่งขัน

สร้างบาปสาบบรรพมานมัวหมอง

๏    โสภีศีลธรรม์ครรลอง...................(มี)คุณค่า(สูง)กว่าทอง

แคล่วคล่องท่องไปไร้กังวล

๏    ผู้ไม่โลภ(ย่อม)ประสบผล....................สุขสราญวารวน

อยู่บนเส้นทางกระจ่างจร

๏    วันนี้พิบุลสุนทร..................วันหน้าสถาพร

อโลภาอากรกำธรเอยฯ

๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๑

คนฉลาด-คนโง่ : กลอนคติสอนใจ

คนฉลาด-คนโง่ : กลอนคติสอนใจ

๏    หกโมงครึ่ง สูรย์จึง วิจิตรส่อง....................สาดแสงทอง ผ่องใส ในหมอกหนาว

ความมืดมน อนธการ อันยืดยาว..................ชวนง่วงเหงา หาวนอน มิร้อนรน

๏    วิหคต่าง รังลา หาอาหาร.........................ความเหน็บหนาว ยาวนาน ไม่พานผล

เลี้ยงชีวิต กิจวัตร ฉกาจกล........................แกร่ง-อดทน จนกว่า จะวางวาย

๏    คนเข้าใจ ความจริง อิงสัจจะ.....................(ย่อม)อุตสาหะ ทำงาน มานขวนขวาย

เมื่อฐานะ มั่นคง ดำรงกาย.........................เสพสนุก สุขสบาย ไร้ลำเค็ญ

๏    แต่คนโง่ โอหัง มักรังเกียจ........................(ทำ)งานกระเดียด เครียดแค้น ทุกข์แสนเข็ญ

รักสนุก ขลุกสบาย ใฝ่ละเล่น......................จึงยากเย็น ยากจน เป็นคนปอน(ปอน=ซอมซ่อ)

๏    เอาความรู้ ปูทาง วางชีวิต.........................ผองบัณฑิต จึงสุโข สโมสร

ความถูกต้อง ถ่องธรรม เทิดกำธร................จึงพัฒนา สถาพร มิร้อนจินต์

๏    ส่วนคนโง่ โมหะ อคติ..............................อัตตาล้ำ ดำริ ชีวะถวิล

ทำตามอำ เภอใจ ใคร่เคยชิน......................ทางชีวิน จึงวิบาก ทุกข์ยากนาน

๏    คำสรรเสริญ เยินยอ ก่อประมาท.................อภิชาต ปราชญา ผู้กล้าหาญ

สุจริต วาจา สาธุการ.................................มุ่งแก่นสาร สาระ มนตรอง(มน อ่าน มะนะ)

๏    คนโง่จึง พึงใจ ในคำประจบ......................คลุกคลีคบ คนสอพลอ เยินยอผอง

คำพูดจริง ยิ่งกว่า อาชญามอง....................เสียดแทงใจ ไม่สนอง นึกต้องการฯ

๒๖ สิงหาคม ๒๕๖๑

"ด้วน ด่านลอย" : กลอนสะท้อนปัญหาทุจริต

"ด้วน ด่านลอย" : กลอนสะท้อนปัญหาทุจริต

๏    "ด้วน ด่านลอย" คอยดัก กักรถ(ตรวจ)สอบ.............มีของชอบ อ้อย,มันฯลฯ กันหรือไม่?

หยิบสักชิ้น ชิมหน่อย แล้วปล่อยไป...........................ชนชอบใจ ได้ชิด(ช้าง) ไม่คิดเคือง

๏   ช้าง ๑ เชือก เลือกวิธี ทุจริต...................................ยังทำให้ รถติด อย่างต่อเนื่อง

ถ้าหากช้าง ทั้งป่า กล้าทำเขื่อง................................คงเป็นเรื่อง ปวดหัว ทั่วพงพี

๏    แต่ปัญหา ทุจริต ผิดระเบียบ..................................ไทยยังเพียบ ทุกสมัย มิหน่ายหนี

ข้าราชการ (นัก)การเมือง เฟื่องวิธี............................แม้กฎหมาย มากมี มิทันคน

๏    กระบวนการ ปราบปราม ก็ปามปาก..........................คนหมู่มาก ยากแก้ แดฉ้อฉล(ปาม=กินอย่างตะกละ)

โดยเฉพาะ ผู้ใหญ่ ไพร่สัปดน..................................เป็นวังวน วังเวง มิเกรงกิน

๏    ศาลสถิต ยุติธรรม ร่วมทำให้..................................น่าพะวง สงสัย ใน(คำ)ตัดสิน

ผู้ที่มี อิทธิพล ล้นแผ่นดิน.......................................สร้างราคิน ภินท์เภท ประเทศไป

๏    ทุกหย่อมหญ้า ดารดาษ คนบัดซบ..........................ร่วมสมคบ คดโกง ธำรงไว้

จนเกิดเป็น วัฒนธรรม ประจำไทย.............................มั่นคงคู่ รู้ไกล ในโลกา

๏    วงการพระ (ยัง)ทุจริต ลองคิดดู..............................ใคร(จะ)เป็นผู้ แนะนำ ธรรมศึกษา

ดีแต่สอน คนอื่น ชื่นมารยา......................................แต่ตัวเอง เก่งกล้า หน้าด้าน(หน้า)ทน

๏    แม้ว่าชน ส่วนใหณ่ ไร้สำนึก...................................รักทุจริต ติดฝังลึก คึกสถล

ประเทศไทย ไกลล้าหลัง ทั้งสากล............................หลุดไม่พ้น ชนชาติ ด้อยพัฒนาฯ

๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๑

*ในสังคมไทยมักเห็นพฤติกรรมตำรวจ แบ่งเป็น 8 จอม ได้แก่

1. จอมโหด คือ ปฏิบัติตัวเป็นศาลเตี้ย

2. จอมเป่า คือ การเป่าคดี ตั้งแต่ไม่รับคำร้องทุกข์จากชาวบ้าน เป่าคดีจากผู้มีอำนาจให้เบาบางลง

3. จอมเอื้อ คือ การใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์คนอื่น

4. จอมรีดไถ เช่น พฤติกรรมรีดไถเงินจากชาวบ้าน ทั้งเรื่องกฎหมายจราจร บ่อน หวย ซ่อง

5. จอมวิ่ง มักจะพบเจอตอนฤดูกาลโยกย้ายตำรวจ

6. จอมยัด ที่ยัดทั้งของผิดกฎหมายหรือข้อกล่าวหาให้ประชาชน

7. จอมไซด์ไลน์ มองงานตำรวจไว้เพียงประดับอำนาจ บารมี และ

8. จอมเอาหน้า แย่งผลงานเพื่อนทั้งที่งานไม่ค่อยทำ

From <https://mgronline.com/politics/detail/9610000016683>

*ปชช.ส่วนใหญ่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม ค่อนข้างน้อย!

From <http://www.thaipost.net/home/?q=%E0%B8%9B%E0%B8%8A%E0%B8%8A%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2> 

*“โกงเงินทอนวัด”ล็อต 2 เสียหาย 140 ล้าน!!

From <http://www.komchadluek.net/news/politic/296984>

หลับไหลได้สนิท : กลอนคติสอนใจ

หลับไหลได้สนิท : กลอนคติสอนใจ

๏    วิหค ผกผิน บินกลับรัง............................ร้องสั่ง ดั่งว่า ร่ำลาก่อน

สุริเยนทร์ เร้นดิน หยุดกินจร.......................ถึงเวลา หลับนอน พักผ่อน(กาย)ใจ

๏    หลังเลิกงาน ระงับ การขับสู้......................พันตู ภารกิจ พินิจฉัย

ฟูมฟัก พักหย่อน ผ่อนกายใจ......................พิรี้ พิไร ทำไมมี

๏    ออกกำลัง(กาย) ร่างกาย ให้แข็งแกร่ง.........เหงื่อไหล ใช้แรง แปลงเปลี่ยนศรี

คือสิ่ง จำเป็น เน้นชีวี.................................เพิ่มพี สุขภาพ พลานามัย

๏    อาหาร(เย็น) ทานน้อย แค่พอดี..................คืนนี้ ปรนผ่อน นอนหลับใหล(สนิท)

อย่ามัว หมกมุ่น วุ่นวายใจ...........................คิดมาก เกินไป ไร้ผลคุณ

๏    ละโมบ โลภมาก พักเอาไว้........................ครองใจ มิใกล้ชิด ทิศสถุล

อยากได้ อยากมี มิเจือจุน...........................ย่อมสบ สุนทรีย์ มิสร่างซา

๏    โทสะ ประจง ปลงประดิษฐ์........................ดับร้อน ถอนพิษ หยุดริษยา

เลิกละ พยาบาท อาชญา............................เมตตา ปราณี ปฏิบัติตน

๏    โมหะ ขจัด มนัสสู้....................................ความรู้ เสาะเพริศ ประเสริฐผล

อย่ามัว โง่เขลา เมากระมล..........................ถือหลัก เหตุผล กุศลกรรม

๏    จิตใจ จะได้พบ สงบสันติ์...........................หลับฝัน บันเทิง เริงสุขล้ำ

ท่ามกลาง ราตรี ที่มืดดำ..............................มโนธรรม อำไพ ใสสุกเอยฯ

๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑

เสรีภาพทางเพศสัมพันธ์ : กาพย์ยานี๑๑

เสรีภาพทางเพศสัมพันธ์ : กาพย์ยานี๑๑

๏    ลูกอม ให้รสหวาน..........................แต่ถ้าทาน ย่อมฟันผุ

ผู้ใหญ่ ใจบรรลุ................................เท่าทันรู้ ถึงทุรผล

๏    หากแต่ เด็กแส่หรรษ์......................มิคิดหวั่น ฟันของตน

จะผุ จะทุกข์ทน...............................ทรมานจน (ถึง)อนาคต

๏    ความดื้อ ไม่เชื่อฟัง.........................คำสอนสั่ง สร้างความสลด

เด็กหลาย ได้รันทด...........................ชีวิตหมด สิ้นความหวัง

๏    ประเด็น เพศสัมพันธ์........................(ใน)วัยเรียนนั้น (กำลัง)เป็นข่าวดัง

วัยรุ่น ต่อต้านจัง................................(ที่)รัฐบาลตั้ง(หน้า) ตรากฎหมาย

๏    ห้าม(นักเรียน,นศ.)มี เพศสัมพันธ์........บังคับกัน เหมือนอันตราย

นักศึกษา มาถือป้าย............................ประท้วง"ไร้ อิสระ(และเสรีภาพ)"

๏    ผู้ใหญ่ ใช้โซเชี่ยล............................ต่างติเตียน (วัยเรียน)ต้องวิริยะ

(การ)ศึกษา อุตสาหะ...........................มิใช่มา ราคะหลง

๏    ยัง(แบมือ)ขอ เงินพ่อแม่....................อย่าริแส่ (ผสมพันธุ์)สืบเผ่าพงศ์

ราคะ ต้องละปลง................................ประสงค์สรรพ สนับสนุน(ออกกฎหมาย)

๏    ต่างฝ่าย ต่างต่อว่า............................(อีกฝ่าย)เป็น(กบใน)กะลา โง่(เง่า)เต่าตุ่น

ชั่ว-ดี มีโทษ-คุณ................................วุ่นวายจน มิสนใจฯ

๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑

*อนุมัติร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

เนื่องจากมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 บัญญัติให้นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาและตามที่กำหนดในกฎกระทรวงเพื่อเป็นการส่งเสริมความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาให้มีความเหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และคำนึงถึงความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา จึงได้มีกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 มีผลใช้บังคับ

ต่อมา ศธ. ได้ดำเนินการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย ตามพระราชกฤษฎีกาการทบทวนความเหมาะสมของกฎหมาย พ.ศ. 2548 เห็นสมควรมีการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น เพื่อเป็นการส่งเสริมความประพฤติที่เหมาะสม มีความรับผิดชอบต่อสังคม และคำนึงถึงความปลอดภัยแก่นักเรียนและนักศึกษา ทั้งนี้ ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้เสียด้วยแล้ว ประกอบกับคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ในคราวประชุม ครั้งที่ 1/2561 วันที่ 9 เมษายน 2561 มีมติเห็นชอบด้วยกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว

สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง  แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548 เกี่ยวกับลักษณะความประพฤติต้องห้ามของนักเรียนและนักศึกษา ดังนี้

     1. กำหนดเพิ่มเติมห้ามการรวมกลุ่ม มั่วสุม อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือขัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน

     2. แก้ไขลักษณะความประพฤติที่ห้ามกระทำเกี่ยวกับการแสดงพฤติกรรมทางชู้สาวอันไม่เหมาะสมจากเดิมที่ห้ามเฉพาะการแสดงพฤติกรรมทางชู้สาวซึ่งไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เป็นการห้ามไม่จำกัดสถานที่ โดยตัดคำว่า “ในที่สาธารณะ” ออก และกำหนดเพิ่มเติมห้ามกระทำการลามกอนาจารด้วย

     3. แก้ไขลักษณะความประพฤติที่ห้ามกระทำเกี่ยวกับการออกนอกสถานที่พัก เพื่อเที่ยวเตร่หรือรวมกลุ่มอันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จากเดิมห้ามเฉพาะเวลากลางคืน เป็นการห้ามไม่จำกัดเวลาโดยตัดคำว่า “เวลากลางคืน” ออก

From <http://www.moe.go.th/websm/2018/3/280.html>

ไม่มีข้ออ้างเพื่อสร้างบาป : กลอนเจ็ด

ไม่มีข้ออ้างเพื่อสร้างบาป : กลอนเจ็ด

๏    คนขาย ยาบ้า อ้างสาเหตุ................................ขาดเจต (ตะ)นา ละ(เมิด)กฎหมาย

ต้องเลี้ยง ครอบครัว กลัวอดตาย........................สุดท้าย ขอลด โทษทัณฑ์มี

๏    คนเสพ ยาบ้า อ้างว่าป่วย................................เนื่องด้วย ยากไร้ ไม่ประสี

เพื่อนรัก ชักชวน ล้วนว่าดี................................(โปรด)เมตตา ปราณี มิตั้งใจ

๏    ส่วนโจร ปล้นฆ่า อ้างเศรษฐกิจ.........................ชีวิต ตกอับ สิ้นทรัพย์ใช้

หนี้สิน ท่วมหัว ตัวทนได้..................................(แต่มี)ลูกเมีย ทำให้ ไร้หนทาง

๏    ต้มตุ๋น ลวงหลอก กลอกกลิ้งไกร.......................คดโกง จงใจ หลายข้ออ้างฯลฯ

ต้องการ บรรเทา โทษเบาบาง...........................เข้าข้าง ตัวเอง เพ่งความดี

๏    แต่สิ่ง ชั่วช้า ที่กระทำ.....................................เป็นกรรม ไปแล้ว ไม่แคล้วลี้

ถึงจะ ยากจน คนมั่งมี......................................(ต่าง)อยู่บน วิถี กฎแห่งกรรม

๏    (ทำให้)ใครอื่น ขื่นเข็ญ ลำเค็ญทุกข์..................เพื่อตน ท้นสุข สนุกล้ำ

ทั้งที่ เลือกได้ ไม่ต้องทำ..................................ก็ยัง เหยียบย่ำ ชั่วดำเนิน

๏    กฎ(แห่งกรรม)ไซร้ ไม่เลือก ปฏิบัติ...................สัจธรรม จำรัส มิคลาดเขิน

ชั่ว-ดี มีผล ดลดาลเดิน....................................ประเชิญ ชะตา ปรากฏการณ์

๏    ไม่มี ข้ออ้าง เพื่อสร้างบาป..............................เตือนใจ ให้หลาบ อย่าหยาบหาญ

อุตส่าห์ ทำดี มีศีล-ทาน...................................สิสุข สำราญ บันเทิงเอยฯ

๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๑

ชาติไหนๆก็ไม่มีทางพัฒนา : กลอนคติเตือนใจ

ชาติไหนๆก็ไม่มีทางพัฒนา : กลอนคติเตือนใจ

๏    ทิศทางล่อง ของสายลม...........................(ที่)พัดระดม จากมหาสมุทร

ต่อเนื่องอย่าง ไม่ยั้งหยุด.............................เป็นจุดรู้ ฤดูฝน

๏    บ้านเรือนไทย ในอดีต..............................ตามจารีต จากบรรพชน

ใต้ถุนสูง มุ่งให้พ้น.....................................กระแสชล ที่ท่วมถา

๏    รสนิยม สมัยใหม่.....................................อยากศิวิไลส์ (แต่)ไร้ปัญญา

(สร้าง)บ้านอาศัย ไม่ประสา.........................(รวมทั้ง)ทำลายป่า ไม้ตัดสูญ

๏    จึงประเชิญ ผลวิกฤติ................................ชีวิตล้น ท้นอาดูร

ยิ่งนานวัน ยิ่งพานพูน.................................ภัยอากูล บังเกิดผล(อากูล=คั่งค้าง)

๏    อยากได้นู่น อยากได้นี่..............................แต่ไม่มี (ความ)ประมาณตน

ชีวีย่อม จะประจญ.....................................ความขัดสน ลำบากแสน

๏    บ่รู้จัก หารายได้......................................รู้แค่ใคร่ อยากไร้แร้น

ความยากจน (จึง)ท้นทั่วแดน.......................ทุกข์แห่แหน (ทั่ว)แคว้นบุรี

๏    หลงปรีดา ทำปราโมทย์............................คุย(เขื่อง)อุโฆษ โชติศักดิ์ศรี

(ว่า)เขามีดี เราก็มี(ดี).................................ทั้งๆที่ มีขัดสน

๏    ไม่มีทาง จะพัฒนา...................................เพราะปัญญา (มี)ปัญหาล้น

โดยเฉพาะชอบ พึ่งเวทมนตร์.......................ไสยศาสตร์ดล สำเร็จปองฯ

๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๑

ทำช้าดีกว่าทำพลาด : กลอนคติเตือนใจ

ทำช้าดีกว่าทำพลาด : กลอนคติเตือนใจ

๏    ความมี สติ ระลึกได้............................(เพื่อ)แก้ไข (ความ)เคยชิน จินดาสรรค์

อกุศล มลทิน ให้สิ้นกัน...........................พูดนั้น มันง่าย ไม่ยากเลย

๏    แต่การ กระทำ ตามปกติ.......................อุปธิ กิเลส นิสัยฯลฯเผย

อัตโน มัติกรรม ความคุ้นเคย....................กล้ำเกย ปรากฏ ก่อนพจมาน

๏    นำหน้า สติ วินิจฉัย.............................ทำไป ไม่(ทัน)คิด เพ่งพิษฐาน

(ความ)รู้สึก อารมณ์ ปมสันดานฯลฯ...........เฉกเจ้า ของบ้าน มานฤดี

๏    ท่องจำ ธรรมง่าย (แต่)ทำไม่ง่าย............ดี-ร้าย ได้รู้ ดูวิถี

ธรรมะ ปฏิบัติ ทัศนีย์...............................ต้องมี สติ และเวลา

๏    ค่อยคิด ค่อยทำ กรรมครวญใคร่.............ใจเร็ว ด่วนได้ ไม่เข้าท่า

รอบคอบ-สุขุม-นุ่มนวล-ช้า.......................จงอย่า รีบเร่ง บรรเลงไกร

๏    หากถ้า สถานการณ์ สำคัญสิ่ง................ก็ยิ่ง ต้องช้า อย่าหลงใหล

โอกาส พลาดพลั้ง ระวังระไว....................อย่าต้อง เสียใจ ตลอดกาล

๏    ความผิด พลาดพลั้ง(ส่วนตัว) บางครั้งก็....อาจพอ ผ่อนคลาย ในผลผลาญ

แต่ความ ผิดหลาย ในโลกธารณ์...............บันดาล ทุกข์โศก วิโยคเยือน

๏    ทำช้า ดีกว่า จะทำพลาด.......................จงอย่า ประมาท ความคลาดเคลื่อน

ใครเล่า เขาจะ มาตักเตือน.......................ถ้าตน ท้นเถื่อน เฟอะเฟือนเองฯ(เฟือน=หลงๆลืมๆ)

๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๑

คนดีย่อมคบแต่คนดี : กาพย์ยานี๑๑

คนดีย่อมคบแต่คนดี : กาพย์ยานี๑๑

๏    ผู้รัก ความผุดผาด.........................ย่อมมิอาจ ทน(ความ)สกปรก(ผุดผาด=สวยงาม)

ความยุ่ง รุงรังรก.............................(ย่อม)ไม่ถูกอก คนเรียบร้อย

๏    ฉันใด ก็ฉันนั้น..............................ผู้หมายมั่น ธรรม์เลิศลอย

รัก(ความ)ดี มิด่างพร้อย...................ไม่เคลื่อนคล้อย ทางกุศล

๏    ย่อมจิ ปฏิเสธ...............................คบหาเศษ เดนทรชน

ย่อมจะ ไม่ยอมทน...........................สัมพันธ์คน ฉลถลำ

๏    (ส่วน)ผู้ใด ไม่ถือสา.......................ใครชั่วช้า สามานย์ทำ

คดจิต ทุจริตกรรม............................เลวทรามได้ ไร้เครียดขึ้ง

๏    ก็คือ คนเช่นกัน(ประเภทเดียวกัน)......ปราศศีลธรรม์ อันธพาลพึง

ทุจริต คิดคะนึง................................มิเข้าถึง หลักจรรยา

๏    ผู้ที่ คนดีคบ..................................ย่อมเคารพ ธรรมสิกขา

เห็นโทษ โฉด-มารยา.......................เป็นปัญหา ต่อสังคม

๏    ยึดถือ สิ่งถูกต้อง............................ศีลครรลอง คลองธรรมสม

เข้าใจ ในอุดม-................................คติบ่ม เพาะประไพ

๏    ยรรยง ยืนตรงข้าม..........................คนเลวทราม กรรมสาไถย(ยรรยง=กล้าหาญ)

สุจริต โสภิษฏ์ใจ..............................ไม่ประหวั่น พรั่นพรึงเอยฯ

๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๑

ชีวิตคือการปรับตัว : กลอนคติชีวิต

ชีวิตคือการปรับตัว : กลอนคติชีวิต

๏    รุ่งอรุณ สูรย์สี โสภีสาด.............................นภภาส ทัศไนย ไร้มัวหมอง

แม้เมฆี จะมีบ้าง ล้วนรังรอง..........................ร่วมสนอง ผ่องสรรค์ พรรณราย

๏    พายุผ่าน จรรโลง พงสงบ..........................ผลกระทบ ทั้งดี มีเสียหาย

ที่ถูกทึ้ง ดึงขาด กระจัดกระจาย......................ต้องวุ่ยวาย แก้ไข ให้กลับคืน

๏    ความเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่อง ปกติ................หาควรริ บังอาจ ไปขัดขืน

ต้องปรับตัว ผสานผสม ให้กลมกลืน...............จึงร่มรื่น อยู่รอด และปลอดภัย

๏    ยอมรับการ ปรับตัว ด้วยหัวคิด....................อันวิจิตร วิจารณ์ ทันสมัย

รักษาสิ่ง ดีๆ มีต่อไป...................................ระวังระไว ไม่เสื่อม เอือมระอา

๏    นวัตกรรม นำโลก ทั้งโลกเปลี่ยน.................ควรพากเพียร เรียนรู้ สู้ศึกษา

สิ่งอำนวย ผลดี ต่อชีวา................................พัฒนา ไม่หยุด อุตส่าห์ปอง

๏    การปรับตัว เป็นวิสัย ใช้ชีวิต.......................ธรรมชาติ ลิขิต วิจิตรสนอง

วิวัฒนา การเปิด เลิศครรลอง........................ความสอดคล้อง ต้องจล กลสัจจา

๏    เทคโนโลยี มีไว้ ใช้ให้เป็น.........................อย่าเหลียวแล แต่เล่น เว้นปัญหา

สิ่งบันเทิง เริงเล่ห์ เสียเวลา..........................แลเงินตรา สูญเปล่า ควรเท่าทัน

๏    ชีวีัใช้ ให้เป็น เห็นประโยชน์........................ใช้(ชีวิต)ไม่เป็น เฟ้นโทษ หมดสุขสันติ์

คนทำตาม แต่ใจ ไร้คุณธรรม์........................ย่อมวิโยค โศกศัลย์ ไหวหวั่นเอยฯ

๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๑

*Digital Disruption คือ สภาวะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้เกิดรูปแบบธุรกิจขึ้นมาใหม่

นวัตกรรมและรูปแบบใหม่เหล่านี้ สามารถส่งผลกระทบต่อมูลค่าของผลิตภัณฑ์และบริการที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมเดิม 

ตัวอย่างที่มีประสิทธิภาพคือ Amazon, Netflix, Hulu Plus ทำให้วงการสื่อและวงการบันเทิงหรือการค้าต้อง “หยุดชะงัก”

โดยการเปลี่ยนวิธีการเข้าถึงของผู้บริโภค และสร้างรายได้จากการลงโฆษณาของผู้ที่จะโฆษณา

 From <https://blog.ourgreenfish.com/th/digital-disruption-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3-business>