ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2562

ความเท่าเทียมที่ลวงตา : กลอนปัญหาโลกร้อน









ความเท่าเทียมที่ลวงตา : กลอนปัญหาโลกร้อน

    แลใบ ชัยพฤกษ์ กลางดึกดื่น...................................(ถูก)ลมกระหน่ำ กล้ำกลืน จนตื่นไหว
ฟ้าแลบ แวบวาบ แปลบปลาบไป...............................กึกก้อง ร้องไกล ในรัตติกาล

    เพิ่งมา เยี่ยมเยือน ปลายเดือน๔(จันทรคติ).................รอฟ้า ปราณี พลีฝนสนาน
พสุธา ดลแห้ง แล้งกันดาร........................................ร้อนปาน ตกนรก อเวจี

    ซ้ำยัง ลางคน รนเผาป่า..........................................เผาหญ้าฯลฯ พยายาม ทรามวิถี
สภาวะ โลกร้อน สะท้อนทวี......................................บ่มี ทีท่า จะผ่อนคลาย

    มักเป็น คนเขลา เบาปัญญา.....................................ชีวาตม์ พัฒนา หาขวนขวาย
เสมือนคน ยุคหิน ชีวินบ่าย(หน้า)...............................ทำลาย ธรรมชาติ ถนัดกรรม

    (เหมือน)เพิ่งวิวัฒ (ฒะ)นาการ มาจากสัตว์..................ไม่หัด ปัจจุบัน ปัญญาล้ำ
สติ สตัง ยังมืดดำ....................................................(ย้ำคิด)ย้ำทำ ตามสัญ ชาตญาณ

    เกิดมา หาได้ ให้ประโยชน์.......................................มีแต่ ก่อโทษ ต้องโจษขาน
คอยแต่ แส่ทำ สิ่งรำคาญ..........................................ล้างผลาญ พิภพ สบสากรรจ์

    แต่กลับ ได้รับสิทธิ์ ความเป็นมนุษย์............................ที่สุด อวิชา น่าขบขัน
มีสิทธิ์ เลือกตั้งฯลฯ ทั้งเผ่าพันธุ์..................................เท่ากัน กับคน วิมล มนา

    คนหนึ่ง (มีสำนึก)อนุรักษ์ ธรรมชาติ............................อีกคน หมั่นพิฆาต ทำลายหล้า
ความเท่า เทียมกัน นั้นลวงตา.....................................เพียงค่า นิยม งมงายเอยฯ

๓๑ มีนาคม ๒๕๖๒

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2562

ละมุนละไมใสสะอาด : กลอนคติชีวิต



ละมุนละไมใสสะอาด : กลอนคติชีวิต

    .........................................................ชีวี มีความ ยากลำบาก
การใช้ ชีวัน นั้นช่างยาก............................อุปสรรค หลากล้น มิพ้น-หาย

    .........................................................ส่วนจิต คิดอยาก จักสบาย
หมดประดา ระกำ มากล้ำกราย...................กระหาย กระทำ ตาม(ใจ)ปรารถนา

    .........................................................ประสงค์ ปลงถวิล ในจินดา
อันมี กิเลส และเวทนา.............................สถิตอยู่ คู่อุรา เป็นปฐม

    .........................................................ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี มิปรารมภ์
อัตตา เป็นใหญ่ ใคร่นิยม..........................ทั่วทั้ง สังคม อุดมไฉน

    .........................................................ขับเคลื่อน (ความ)ขัดสน แกนกลไก
เพิ่มความ ยุ่งยาก ลำบากให้......................การใช้ ชีวิต แตะขีดเข็ญ

    .........................................................คงความ ลำบาก ยากร่มเย็น
กดดัน กาย-ใจ ไม่ว่างเว้น..........................จนเป็น ปกติ ชีพพิสัย

    .........................................................อย่ามัว ลุ่มหลง จงปล่อยใจ
(จาก)สิ่งที่ มี-เป็น อยู่เช่นไร.......................เงื่อนไข ในโลกย์ ล้วนโศกศัลย์(ทุกขัง)

    .........................................................เบนความ สนใจ ในชีวัน
มุ่งสู่ กุศล หน(ทาง)อนันต์..........................สุขสันติ์ บันเทิง เริงไสว

    .........................................................ทอดทิ้ง โลกีย์ (ค่า)นิยมไป
สงบ-สว่าง ท่ามกลางใจ.............................ละมุน ละไม ใสสะอาดเอยฯ

๓๐ มีนาคม ๒๕๖๒

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562

พาลาธิปไตย : กลอนปัญหาการเลือกตั้ง



พาลาธิปไตย : กลอนปัญหาการเลือกตั้ง

    .................................................เมฆฝน ตั้งเค้า
บ้านเมือง ของเรา..........................เข้าวิกฤต (ตะ)สมัย
หลังการ เลือกตั้ง..........................ดั่งประชา ธิปไตย
แต่ข้อ (งุนงง)สงสัย.......................มากมาย ก่ายกอง

    .................................................คะแนน(เสียง) ขวนขวาย
(พรรคการเมือง)เสนอ นโยบาย.........หลากหลาย สนอง
ล่อจิต ล่อใจ(ผู้มีสิทธิ์).....................โดยไม่ ไตร่ตรอง
ผลลัพธ์ สรรพผอง..........................ถูกต้อง เพียงใด?

    .................................................(เช่น)กัญชา เสรี
แค่ทุก วันนี้...................................ยา(เสพย์ติด)มี น้อยไหม?
ขืนปล่อย (ปลูก,ขาย)เสรี.................ชีวัน คงบรรลัย
หมดสิ้น แผ่นดินไทย.......................ในไม่ ช้านาน

    .................................................(ขึ้น)ค่าแรง ขั้นต่ำฯลฯ
เรื่องหนัก ชักนำ.............................ความฉิบหาย ไพศาล
ของ(สินค้า)ขึ้น ราคา.......................เลิกรา จ้างงาน
ธุรกิจ ย้ายฐาน................................การผลิต ออกไป(ต่างประเทศ)ฯลฯ

    .................................................เศรษฐกิจ สังคมฯลฯ
อาจจะ ล่มจม.................................สุขสม สิ้นไร้
สาเหตุ เพราะว่า.............................พาลา ธิปไตย
ชนเดน เป็นใหญ่............................ไร้ศีล (ละ)ธรรมเอยฯ

๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒

วันเสาร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2562

ความมีอิสระส่งเสริมการสร้างสรรค์ : กาพย์ฉบัง๑๖



ความมีอิสระส่งเสริมการสร้างสรรค์ : กาพย์ฉบัง๑๖

    ต้นหางนกยูงสูงใหญ่....................ถูกตัดโค่นไป
โดยไม่เห็นความสำคัญ

    เมล็ดที่ตกเกลื่อนพื้นนั้น...................ต่างงอกแข่งขัน
ทะยานยอดขึ้นสู่เวหน

    จากหางนกยูง ๑ ต้น...................อุบัติการณ์ดล
หลากต้นล้นพสุธา

    รกจนยลเห็นเป็นป่า...................ปราศจากมรรคา
อย่างน่าอัศจรรย์วิถึ

    สังคมคนก็(เฉก)เช่นนี้....................ถ้าหากไม่มี
ผู้(ปกครอง)ที่กดขี่ข่มเหง

    สั่งอะไรตามใจตัวเอง...................เข้มงวดอวดเบ่ง
เพ่งเอาอัตตาเป็นที่ตั้ง

    บังคับใครให้(ต้อง)เชื่อฟัง...................ก็พอมีหวัง
ว่าสังคมนั้นสิพลันไสว

    มีอิสระ-อธิปไตย....................อันส่งเสริมให้
ทุกคนใคร่ต่างสร้างสรรค์

    เพิ่มพีวิจิตรผลิตภัณฑ์.....................โดยทั่วหน้ากัน
ประชันความคิดพิสมัย

    เกิดการพัฒนาประไพ...................ก้าวหน้า-ยิ่งใหญ่
อย่างไม่มีขีดจำกัด

    ผู้ปกครอง(จึง)ต้องสลัด(ทิ้ง)....................เตโชมโนทัศน์
อำนาจบาตรใหญ่ให้สิ้นเอยฯ

๒๓ มีนาคม ๒๕๖๒

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2562

คมชัดลึก | พรรคใหม่ หรือ พรรคเก่า ล้วนมอมเมาประชาชน | 18 มี.ค. 62

ศีล..พึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน : กลอนคติสอนใจ


ศีล..พึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน : กลอนคติสอนใจ

    .................................................โลกเรานั้น ในวันนี้
เรื่องของเทค โนโลยี......................สุดแสนที่ จะทันสมัย
เกิดเหตุการณ์ พานปรากฎ...............ถ่ายทอดสด ทันทีได้
คือเหตุ(ผล)ให้ ใครต่อใคร...............ต่างติดใจ ถ่ายทอด(สด)กัน

    .................................................ใช้ชีวิต ความเป็นอยู่
ชอบบอกเล่า ให้เขาดู.....................(เช่น)โปรดรับรู้ นี่แฟนฉัน
คนเก่าเพิ่ง จะเลิกรา.......................(คนใหม่)ประกาศหา มาสัมพันธ์
กิจวัตรทำ ประจำวัน.......................ถ่ายทอด(สด)มัน (ให้ทั้งโลก)รู้กันไป

    .................................................คนช่างคิด ให้(มีระบบ)ติดตาม
ลูกเพจหา พยายาม........................ช่วยสร้างความ นิยมได้
รู้สึกมี ความสำคัญ.........................ชื่นชอบฉันท์ ทำกันใหญ่
สิ่งแทรกสอด ถ่ายทอดไซร์..............รู้หรือไม่ สื่อใจตน?

    .................................................เพราะคน(ย่อม)ทำ ตามความคิด
ทำบ่อยๆ คล้อยจริต.......................กุศลจิต หรืออกุศล?
เป็นคนทราม ชอบทำบาป?..............สันดานหยาบ ยอดสัปดน?
หรือรักดี นิรมล?............................เปิดเผยตน จนหมด(เปลือก)ใจ

    .................................................หลายคนยัง ชอบสร้างภาพ
เพื่อสังคม ชมปลื้มปลาบ.................โดยมิทราบ สัจนิสัย
อย่ารีบเชื่อ สิ่งที่เห็น.......................อาจบ่เป็น เช่นบอกไป
หลากเล่ห์กล คนจัญไร...................หารู้ได้ ทั้งหมดเอยฯ

๑๙ มีนาคม ๒๕๖๒

*ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๔ ประการนี้พึงรู้ด้วยฐานะ ๔
ฐานะ ๔ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
(๑)ศีลพึงรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วมกัน...
(๒)ความสะอาดพึงรู้ได้ด้วยถ้อยคำ...
(๓)กำลังใจพึงรู้ได้ในอันตราย...
(๔)ปัญญาพึงรู้ได้ด้วยการสนทนา
และปัญญานั้นแลพึงรู้ได้โดยกาลนาน ไม่ใช่เล็กน้อย มนสิการจึงจะรู้ ไม่มนสิการหารู้ไม่ คนมีปัญญาจึงจะรู้ คนมีปัญญาทรามหารู้ไม่ ฯ
จาก <http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=21&A=5042&Z=5119>

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2562

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน : กลอนคติธรรม



ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน : กลอนคติธรรม

    เกิดมาพ่อ แม่มี และพี่น้อง...........................คอยปกป้อง พิทักษ์ ร่วมรักษา
ถึงกระนั้น อย่ามั่นใจ (เพราะ)ไร้นรา..................(ที่)มีผู้ป้อง กันภยา ทุก(วิ)นาที

    ภยันตราย ใช่เกิดแต่ แค่ภายนอก..................ในอุรา ถ้าไม่บอก อาจล้นปรี่
ธรรมชาติ ของจิตใจ อ่อนไหวมี.......................ทั้งความดี ความชั่ว อยู่ทั่วไป

    เมื่อดวงจิต คิดอะไร ใครล่วงรู้?.....................แท้เพียงผู้ เป็นเจ้าของ จึงข้องไข
อื่นใดที่ พิทักษา อุราได้?...............................ถ้าไม่ใช่ เจ้าของ ต้องประเชิญ(เอง)

    ตนแลจึง เป็นที่ พึ่งแห่งตน........................ตามเหตุผล แห่งสัจ มิขัดเขิน
แม้พึ่งตน(ได้) ผลได้ ให้เพลิดเพลิน.................ทั้งยังน่า สรรเสริญ เหินห่างภัย

    ความรอบรู้ อยู่กับใคร (ย่อม)ได้รับสวัสดิ์........ปฏิบัติ หน้าที่ มิสงสัย
ถึงบังเกิด อุปสรรค หนักเพียงใด......................ก็ก้าวพ้น ผ่านได้ ไม่ยากเย็น

    สั่งสอนตน เองได้ ไม่ทำชั่ว.........................มีสติ รู้ตัว กลัวบาปเข็ญ
ประพฤติอยู่ ซึ่งกุศล ผลบำเพ็ญ.......................(จะ)ไร้ระกำ ลำเค็ญ เร้นทุกข์ตรม

    ตักเตือนตน เองได้ ให้อุตส่าห์.....................ธรรมชาติ ชีวา ตั้งแต่ปฐม
ต้องต่อสู้ ดิ้นรน ในสังคม................................ที่อุดม อันตราย หลายดำเนิน

    จงอดทน อดกลั้น สู้ฟันฝ่า..........................ยลชีวา อย่าเมียง เพียงผิวเผิน
กำลังใจ สร้างให้ตน ด้นตั้นเดิน.....................(ทำได้)จะเพลิดเพลิน เพราะชีวิต วิจิตรเอยฯ

๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2562

อย่าถือสาคน : กลอนคติสอนใจ



อย่าถือสาคน : กลอนคติสอนใจ

    สังคม สัมพันธ์ นั้นไม่(เคย)ขาด..........................ประสบการณ์ อุบาทว์ อัธยาศัย(อัธยาศัย=นิสัยใจคอ)
แทบทุกที่ มิพ้น (พบ)คนจัญไร.............................(ที่ชอบ)ทำอะไร หยาบช้า และสามานย์

    ถึงอยู่ ดีๆ ก็มีดื่น..............................................คนอื่น มาเบียดเบียน เพียรประหาร(ประหาร=การตี,การฟัน,การผลาญ)
บางครา ตามระราน กันถึงบ้าน..............................มิสะทก สะท้าน มานฤดี

    ทำดี มีพ้น คนริษยา.........................................ขาดความ มุทิตา ประเสริฐศรี
ทำผิด พลาดพลั้ง ยิ่งพรั่งพี.................................คนเสียดสี ตีไข่ ใส่(ร้าย)เพิ่มเติม

    คือธรรมชาติ สัตว์คน บนพิภพ............................มักกระทบ กระทั่ง ทุกข์สร้างเสริม
โลกนี้ ไม่มีวัน ดีกว่าเดิม......................................อย่าเคลิบเคลิ้ม เพ้อฝัน สวรรค์วิมาน

    (โลก)เป็นภพที่ (ความ)ดี-ชั่ว เกิดทั่วไป...............โลกีย์ วิสัย ในมาตรฐาน
ความเดือด ร้อนใจ ให้รำคาญ...............................ขาดคุณอัน บันดาล ศานติ์ชีวา

    หยุดเสีย เวลา สมาธิ........................................กับคนที่ ล้นกิเลส และตัณหา
ศีลธรรม ทราม-ขาด ไร้ศรัทธา..............................ปรารถนา แต่ประเด็น เห็นแก่ตัว

    อบรม บ่มฤดี เป็นที่ตั้ง......................................ไม่พลั้ง พลาดผิด ทิศทางชั่ว
คนบาป หยาบช้า อย่าพันพัว.................................เตือนหัว ใจตน (มุ่ง)หนทางดี

    อุเบกขา พาหทัย ให้สงบ..................................ขันติธรรม นำสยบ ลบบัดสี
ไม่เห็น เป็นธรรมดา อุระมี....................................ความชั่วหยาบ อัปรีย์ นิสัยเอยฯ

๑๗ มีนาคม ๒๕๖๒

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2562

เข้าวัดระวังหลงทาง : กลอนคติเตือนใจ




 














เข้าวัดระวังหลงทาง : กลอนคติเตือนใจ

    ไม่ใช่แค่ คนดี ที่เข้าวัด...................................แต่สารพัด สัตว์ป่า ต่างอาศัย
แมว-สุนัข-โค-กระบือฯลฯ คือทั่วไป.......................นิยมหา มาทิ้งให้ พระเลี้ยงดู

    มีลูกหลาน พาลเขลา ไม่เอาถ่าน......................ชอบคิดอ่าน เอามาบวช อวดอดสู
เห็นพระดี+มีสตังค์ หวังชื่นชู................................แวะเวียนมา หาสู่ ลักคู่ครอง

    คนทำบาป หยาบช้า (ก็)ชอบมาวัด....................(ให้พระ)ทำพิธี เป่าปัด (สะเดาะ)เคราะห์ทั้งผอง
พวกอยากได้ หวยเบอร์ แห่เหม่อมอง.....................บาตรน้ำมนต์ บนบานส่อง ติดต้องใจ

    ครั้นเวรกรรม ตามสนอง ทุกข์หมองหม่น..............เข้าวัดบวช สวดมนต์ หวังพ้นได้
โดยมิถวิล ยินดี ธรรมวินัย....................................ล้วนเลื่อมใส ไสยศาสตร์ ยอดศรัทธา

    ปัจจุบัน มักพานข่าว ชวนเศร้าจิต.......................พวกเสพย์ติด คิดหมาย ขายยาบ้า
ก็นิยม สมคบเหย้า เข้าวัดวา.................................บวชพึ่งพา ผ้าเหลือง เพียรเรื่องทราม

    ยังมีพวก หวังลาภ-ยศ-สักการะ.........................บวชเป็นพระ สัปดน กันล้นหลาม
ประกอบกิจ พาณิชย์พุทธ อุตลุดลาม......................พิธีพราหมณ์-ไสยศาสตร์ มุ่งมาดมี

    ธรรมวินัย ไป่ศึกษา ปฏิบัติ...............................ก่อกรรมา เถื่อนถนัด เสื่อมบัดสี
บรรยายธรรม ตามใจ กลายชั่ว-ดี...........................ปรารถนา ราคี โลกีย์ทาง

    พวกโลภมาก อยากมา อาศัยวัด........................หวังสารพัด ผลประโยชน์ ฉลโฉดสร้าง
(สรุป)เมื่อเข้าไป ในวัดวา อย่าละวาง......................อาจหลงทิศ ผิดทาง ระวังเทอญฯ

๑๕ มีนาคม ๒๕๖๒

วันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2562

โอนอ่อนผ่อนตามธรรมชาติ : กาพย์ฉบัง๑๖


โอนอ่อนผ่อนตามธรรมชาติ : กาพย์ฉบัง๑๖

    กลางวันร้อนรนจนแสบผิว...................ลมไม่พัดปลิว
ทิวไม้หญ้าแห้งแล้งอนาถ

    โอนอ่อนผ่อนตามธรรมชาติ...................(ใน)เมื่อไม่สามารถ
จะจัดการอันใดดังใจหมาย

    อย่าร้อนกระมลทุรนทุราย..................สิส่งผลร้าย
หาใช่กุศลถกลวิถี(ถกล=ตั้ง,ตั้งขึ้น,ตั้งไว้)

    เหมือนการพยายามทำดี...................หลักประกันไม่มี
ว่าจะได้ดีตอบสนอง(ทันที)

    (เพราะมี)ปัจจัยมากมายก่ายกอง..................นำเหนี่ยวเกี่ยวข้อง
(บ่อยครั้งที่)จนต้องเกิดการมานฉงน

    โดยเฉพาะเมื่อต้องผจญ...................หาสู่ผู้คน
หลาก(เล่ห์)กลล้นจริตนิสัย

    ขอจงมีความตั้งใจ..................ทำดีต่อไป
ศรัทธาในกฎแห่งกรรม

    ดวงฤดี(ที่)มีกุศลธรรม....................เกื้อหนุนจุนค้ำ
(ย่อม)คิดความล้ำเลิศประเสริฐเห็น

    ทำอะไรด้วยใจเยือกเย็น...................ถึงผลไม่เป็น
ดั่งเช่นคาดการณ์(ก็)มิหวั่นไหว

    ความดีมิบันดาลทันใด..................เพราะสารพัดปัจจัย
ขับเคลื่อนเงื่อนไขมิวายเว้น

    โอนอ่อนผ่อนไปไม่ลำเค็ญ..................ขันติธรรมบำเพ็ญ
เยือกเย็นเห็นได้ในทันทีฯ

๑๔ มีนาคม ๒๕๖๒

วันพุธที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2562

ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ 13/03/62 : TOP 10 แบรนด์สินค้าสูงสุดในโลก



*ที่พิธีกรบอกว่า "มูลค่าแบรนด์(ยี่ห้อ) "
เขาพูดผิด
ความจริงคือ
เป็น "มูลค่าทรัพย์สิน" ของบริษัท

มีอะไร? เป็นอะไร? ทำอะไร? : กลอนเปล่า



มีอะไร? เป็นอะไร? ทำอะไร? : กลอนเปล่า

    "มีอะไร?"
สำคัญไม่น้อยกว่า
"เป็นอะไร?"

    "ของใคร?"
และ"เป็นใคร?"
คือสิ่งที่ธรรมชาติคนทั่วไป
ใคร่ถือสา

    สร้างสถานะทางสังคม
เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของชีวา
เอื้อประโยชน์ต่อไปภายภาคหน้า
อย่างสุขอุราสะดวกสบาย

    "มีอะไร?"
และ"เป็นอะไร?"
สัมพันธ์กับสำนึกในจิตใจ
ในความเป็นตัวตน

    "กู"
"ของกู"
เคียงคู่หัวใจไปทุกแห่งหน
เป็นปัจจัยให้สัตว์และคน
ต่างดิ้นรน
เห็นแก่ตัว

    เพียงผู้เข้าใจในสัจจะ
ว่าการกระทำกรรม มี "ดี-ชั่ว"
ผลของกรรมตามพันพัว
ติดตามตัวผู้กระทำกรรม

    ชีวีมีการเวียนว่ายตายเกิด
ภพชาติมี "ประเสริฐ-ทราม"
เป็นเพราะเวรกรรมตามสนอง

    "มีอะไร?" ในชาตินี้
มิได้เป็นของชาติก่อน
"เป็นอะไร?" ในชาตินี้
มิต่อเนื่องถึงชาติหน้า

    อย่าคอยแต่คิดว่า
"มีอะไร?"
"เป็นอะไร?"
จนมิใส่ใจในสัจจะครรลอง

    "มีอะไร?"
"เป็นอะไร?"
จึงไม่สำคัญเท่า
"ทำอะไร?"

    เชื่อในผลการกระทำ
และเวรกรรมตามสนอง
จง"ทำอะไร?"
ให้ ดีงาม-ถูกต้อง
มีสติจดจ้อง
อย่าเผอเรอฯ

๑๓ มีนาคม ๒๕๖๒

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2562

PM2.5 จะอยู่กันยังไง? (ภาพ)



ไตรลักษณ์ : กลอนคติธรรม



ไตรลักษณ์ : กลอนคติธรรม

    พุทธธรรม ย้ำเตือนให้............................อย่าหลงใหล ในสังขาร
ร่างกาย (หาก)ไร้วิญญาณ........................ก็เปรียบปาน ซากศพเป็น

    ชื่นช่าง (เมื่อ)ยังหนุ่มสาว.......................(ดู)ผุดผ่องราว พราวเพริศเห็น
สดใส สมวัยเด่น.....................................งามดั่งเช่น ดอกกรรณิกา(กรรณิกา=ดอกไม้)

    ชั่วประเดี๋ยว ก็เหี่ยวเฉา..........................ถูกทิ้งเน่า ไร้คุณค่า
มาดหมาย ในกายา.................................รังแต่จะพา ทุกขารมณ์

    เจ็บไข้ ไม่สบาย...................................เพราะร่างกาย (เป็น)แหล่งสะสม
โรคภัย และอาจม...................................ตั้งแต่ปฐม ปฏิสนธิ(อาจม=สิ่งที่ต้องชำระล้าง)

    เกิด-แก่-ป่วย-มรณา..............................คือมรรคา ตามปกติ
(ความ)ลำเค็ญ เป็นอาทิ...........................มิอาจเพียร เปลี่ยนแปรผัน

    อนิจจัง แลทุกขัง..................................คือพลัง ของสัจธรรม์
วิถี แห่งชีวัน...........................................อันไม่มี ความวิมล

    เกิด-ดับ กับสังขาร................................วัฏสงสาร บันดาลหน
เปิด(ดวง)ตา ปัญญาชน............................พ้นยึดมั่น ต่ออัตตา

    ไม่มี กู-ของกู.......................................มีแค่ผู้ มากตัณหา
ถูกกิเลส เวทนา......................................ดลชีวา เปะปะเอยฯ

๑๒ มีนาคม ๒๕๖๒

วันจันทร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562

ทำไมไม่อ่านพระไตรปิฎก? : กลอนคติเตือนใจ

ทำไมไม่อ่านพระไตรปิฎก? : กลอนคติเตือนใจ

    ก็ไม่ เข้าใจ....................................ทำไม เมื่อใคร่ ศึกษา
พระพุทธ (ธะ)ศาสนา........................(จึง)ไม่มา อ่านพระ ไตรปิฎก?

    (ชอบ)เข้าวัด เข้าวา.........................ฟังคำ เทศนา พระลามก(บางคน)
พระเทศน์ ตลก.................................ถูกอก ถูกใจ ในวจี

    พระ(ส่วนใหญ่)เอง ก็ไม่อ่าน...............หลักฐาน ธรรมวินัย วิถี(ในพระไตรปิฎก)
(ชอบ)ทำตาม ฤดี..............................ที่มี กิเลส ปั้นเหตุผล

    หยิบเอา ความเชื่อ...........................ที่หลงเหลือ มาจาก บรรพชน
ผสมผเส เปปน..................................ดั่งตน บรรลุ วิชชา(เป็นพระอรหันต์)

    (โดยเฉพาะ)สถาน ปฏิบัติธรรม............กิจกรรม ดำเนิน เงินหา
จัดธรรม สัมมนา.................................เริด-หรู ดูสง่า น่านิยม(เริด เขียนแบบสมัยนิยม)

    (เอา)สารพัด ลัทธิ............................คติ(ความเชื่อ) ผสาน ผสม
พากัน ชื่นชม.....................................โง่งม นับถือ ลือชา

    (เดาว่า)คงเป็น เวรกรรม....................ที่ทำ ให้ไม่ (ประสี)ประสา
หลักพุทธ (ธะ)ปรัชญา.........................ไม่น่า ถูกจริต จิตใจ

    พระไตร ปิฎก..................................ผิดอก ผิดฤดี นิสัย?
น่าเบื่อ เหลือกระไร?............................อ่านไม่ เข้าใจ-ไม่(เคย)อ่านเลยฯ

๑๑ มีนาคม ๒๕๖๒

*พระไตรปิฎก ที่เป็นหนังสือมีหลายแบบ เช่น ฉบับเต็ม ฉบับย่อ ฉบับบาลี ฉบับแปล ฉบับมีอรรถกถาแปลฯลฯ
สมัยนี้ มีพระไตรปิฎกแบบออนไลน์ และแบบที่โหลดไฟล์มาเก็บไว้อ่านแบบออฟไลน์ได้ด้วย
ศัพท์คำไหนที่ไม่เข้าใจ ก็ค้นหาจากพจนานุรมพระพุทธศาสนาได้
ผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็นพุทธศาสนานิกชน ควรอ่านพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นแหล่งรวบรามธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า ที่มีมาตรฐานที่สุด
ให้เหมือนกับที่คนนับถือศาสนาคริสต์,อิสลาม นิยมอ่านคัมภีร์ของศาสนาตน

*พระไตรปิฎก ออนไลน์
*พจนานุกรม พระพุทธศาสนา