ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ความรักของเดรัจฉาน : กลอนเจ็ด




ความรักของเดรัจฉาน : กลอนเจ็ด

๏    ความรัก ของสัตว์ เดรัจฉาน...................สัญชาต (ตะ)ญาณ บงการหน
กระสัน ตัณหา สาละวน...........................ร้อนรน ด้วยแรง แห่งราคา(ราคา=ราคะ)

๏    ขาดการ ยับยั้ง บังคับจิต.......................คล้อยคิด พิศตาม ความปรารถนา
ฮอร์โมน พลุ่งพล่าน ร่านอุรา....................แสวงหา อภิรมย์ ผสมพันธุ์

๏    คลอดลูก ขลุกเลี้ยง เพี้ยงเติบใหญ่..........ย้อนรอย ย่ำไป ไม่แปรผัน
ดำเนิน วิถี ของชีวัน................................ร้อยพัน ล้านปี มิเปลี่ยนแปลง

๏    คนมี ความต่าง ระหว่างสัตว์?..................กำหนัด กาเม มิเสแสร้ง
ไม่ถือ ฤดู สมสู่แซง.................................สัตว์(โดย)ไม่ เลือกแหล่ง แบ่งเวลา

๏    หลายใจ หลายคู่ ดูกักขฬะ.....................อุระ กระสัน แต่ตัณหา
(มี)กระทั่ง เด็กแล แก่ชรา.........................ข่มขืน แล้วฆ่า (มีข่าว)เป็นประจำ

๏    ท้องแล้ว ก็ทิ้ง ยิ่งกว่าสัตว์......................วิวัฒ (ฒะ)นาการ นับวันต่ำ
ความคิด จิตใจ คล้ายด้านดำ.....................ระยำ อำมหิต ผิดจำนง

๏    มิสม ควรค่า เรียกว่า(ความ)รัก.................เพราะสัก แต่ทราม กามประสงค์
สมสู่ (ถ่ายรูป)ดูเล่น เช่นชี้บ่ง.....................ลุ่มหลง มัวเมา เขลาปัญญา

๏    สัตว์ยัง สมสู่ แค่(ตัว)ผู้-เมีย.....................ละเหี่ย ฤทัย คนคล้ายบ้า
วิปริต ผิดเพศ เจตนา...............................ยังกล้า ท้าอวด ปวดหัวเอยฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐

*อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เผยสถานการณ์เด็กทารกถูกทิ้งพุ่งพรวด
แค่ 5 เดือนแรกของปีนี้ มีถึง 167 ราย

(ไร้)คุณภาพชีวิต : กลอนเจ็ด



(ไร้)คุณภาพชีวิต : กลอนเจ็ด

๏    สายลม แสงแดด สิ่งแวดล้อม..................พรั่งพร้อม บรรเลง เพลงปักษี
ประดุจ สุทธา มโหรี.................................ให้ทุก ชีวี ได้ชื่นชม

๏    ธรรมชาติ อัชฌา สุขสวัสดิ์......................พืช-สัตว์ ทัศนีย์ ปรียาสม
รักษา เอาไว้ ให้อุดม................................รื่นรม มนา ชีวาลัย

๏    ทำลาย ธรรมชาติ=ทำลายตน..................ร้อนรน วิกฤติ ควรคิดใคร่
สมดุล สูญสิ้น สรรค์ภินท์ภัย.......................หลั่งไหล ไม่ขาด พินาศครา

๏    ทำบุญ ไหว้พระ รดน้ำมนต์......................ทุกคน อย่าฝัน (ว่าเป็นวิธี)คลายปัญหา
ต่อให้ ไปบวช ตรวจชะตา...........................ร้อยวัด ร้อยวา ทุกขา(จะยัง)คง

๏    ฮวงจุ้ย หุยฮา หามีประโยชน์....................หากคน ยังโฉด โลภ-ร้าย-หลง
ถ่ายทอด ความเขลา คู่เผ่าพงศ์...................ธำรง (ความ)โกงคด มิลดรา

๏    รากหญ้า อยากรวย พึ่งหวยเลข.................ราชการ สรรเสก คำมุสา
รัฐบาล หมั่นกิน สินทรัพยา.........................ทุจริต มิจฉา นโยบาย

๏    วัดพระ ประเทือง เรื่องโกหก.....................สาธก กุศล ผลบุญขาย
ปลูกฝัง สั่งสม สิ่งงมงาย............................(ตั้ง)แต่เกิด จนตาย อายไม่เป็น

๏    หน้าร้อน จะแล้ง แย่งน้ำกิน.......................หน้าฝน คนชิน น้ำท่วมเหม็น
หน้าหนาว ผ่าวร้อน วนย้อนเย็น....................พบเห็น เข็ญอก ปกติครอง

๏    เงินตรา หาได้ ให้สัมฤทธิ์.........................คุณภาพ ชีวิต ประสิทธิ์ผอง
ตราบที่ คนเรา ยังเขลาครอง.......................มุมมอง เห็นแต่ แก่ตัวเองฯ

๓๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อยู่ดีกินดี : กาพย์ฉบัง๑๖



อยู่ดีกินดี : กาพย์ฉบัง๑๖

๏    ทัศนคติวิถี.....................อยู่ดีกินดี
คือสิ่งที่คนด้นหา

๏    เพื่อสุขสำราญชีวา.................สนองอุรา
กิเลสตัณหาปรารมภ์

๏    เป็นอมตะค่านิยม..................ทั่วทุกสังคม
อยากอุดมสมบูรณ์จุนเจือ

๏    ฐานะร่ำรวยอวยเอื้อ..................มั่งคั่งทุกเมื่อ
เหลือกินเหลือใช้ใจประสงค์

๏    ชีวีพฤติกรรมดำรง..................(จึง)จำเพาะเจาะจง
เสริมส่งเศรษฐกิจวัฒนา

๏    ขวนขวายธรรมชาติทรัพยา..................จากดิน-น้ำ-ฟ้า
มาเป็นวัตถุดิบผลิตผล

๏    แร่ธาตุ-พลังงานฯลฯขุดค้น.................สร้างเขื่อน-ถนนฯลฯ
แปลงจนธรรมชาติเสื่อมสูญ

๏    สิ่งแวดล้อมคร่าอาดูร.................ทำลาย(อย่าง)บริบูรณ์
เพิ่มพูนเทวษเภทภัย

๏    โลกเกิดวิกฤติชิดใกล้..................ทุกข์ยากลำบากได้
กลับไม่(ได้)อยู่ดีกินดี

๏    ตรากยังบ่เวียนเปลี่ยนวิถี................(อีก)ไม่กี่สิบปี
จะไม่มีที่อยู่ที่กินเลยฯ

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐

บัณฑิตย่อมไม่คบคนพาล : กาพย์ยานี๑๑



บัณฑิตย่อมไม่คบคนพาล : กาพย์ยานี๑๑

๏    คนพาล คร้านเรียนรู้....................ความมีอยู่ ของกุศล
ช่วยชี้ ฤดีชน.................................ให้ไกลพ้น มืดมนมาน

๏    ศีลธรรม มินำพา.........................ปองอุรา มิจฉาผลาญ
ยืนหยัด สัญชาตญาณ.....................ดองดักดาน ในดวงแด

๏    บ่คุม ความประพฤติ.....................(ทำ)ตามใจยึด ตัณหาแห่
อารมณ์ นิยมแล.............................ทำตามแต่ อยากแส่ทำ

๏    สำนึก (ผิด)ชอบ-ชั่ว-ดี.................ไม่ใยดี ชีวีด่ำ
มิหนุน มีคุณธรรม...........................ย่อมนำมา ซึ่งสามานย์

๏    (พลอย)ทำให้ คนใกล้ชิด..............คล้อยนึกคิด พาลพิษฐาน
ปราศจาก ซึ่งอาจาร.........................พาดวงมาน พาลเหมือนกัน

๏    ผลกรรม ลุกลามให้......................มิห่างไกล ภัยคับขัน
ปัญหา ถาประจัญ............................ดั่งโทษทัณฑ์ ทุกวันคืน

๏    บทแรก มงคลสูตร........................คือคำพูด มิไกลอื่น
" อย่าคบ คนพาล " ; ยืน..................ยันพุทธา ภาษิตธรรม

๏    บัณฑิต ชิดคบหา.........................จะชักพา ชีวาล้ำ
มิตรดี มีแต่นำ.................................ให้ก้าวหน้า สถาพรฯ

๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ชีวะประวัติของพระพุทธเจ้า ที่เล่าว่าพระองค์เกิดมาก็เดินได้ 7 ก้าว มีความเป็นไปได้



ชีวะประวัติของพระพุทธเจ้า ที่เล่าว่าพระองค์เกิดมาก็เดินได้ 7 ก้าว

มีความเป็นไปได้ - ไม่หลอกลวงเสียแล้ว

เพราะ ทารกหญิงแรกเกิด ที่ รพ.ซานตาครูซ ในเมืองริโอ แกรนเด โด ซูล ทางตอนใต้ของประเทศบราซิล ซึ่งในเวลานี้ ถูกขนานนามว่า MIRACLE BABY สามารถก้าวเท้าเดินได้ หลังจากเพิ่งคลอดออกจากครรภ์มารดาได้เพียงไม่กี่นาที



อ่านข่าวต่อได้ที่: https://www.thairath.co.th/content/956415#cxrecs_s

น่าเป็นห่วง : กลอนปัญหาสังคม



น่าเป็นห่วง : กลอนปัญหาสังคม

๏    ปัจจุบัน สาวๆ คราวมัธยม....................ต่างชื่นชม แต่งกาย ให้สะสวย
ไปโรงเรียน เพียรพร่ำ เอื้ออำนวย.............เต็มเปี่ยมด้วย ใจรัก อยากมีแฟน

๏    บ่รู้จัก ยับยั้ง บังคับจิต.........................เลือกวิถี ชีวิต ผิดแบบแผน
ไม่รู้ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี ศีลธรรมแกร็น.............หากโหยแหน ทำตาม อำเภอใจ

๏    ยังวัยเรียน มิเพียรพร่ำ ร่ำเรียนรู้.............ย่อมเป็นผู้ โง่เขลา คราวเติบใหญ่
ชีวิตวัน ข้างหน้า จะเอาอะไร....................เป็นเครื่อง(มือ)หา กิน-ใช้ (เพราะ)ไร้วิชา?

๏    ชายวัยรุ่น วุ่นวาย ทั้งหลายแหล่.............ก็ชอบแส่ แต่โสมม นิยมค่า
ทะเลาะวิวาท เสพเหล้า มัวเมายา(เสพย์ติด)....ใช้ชีวิต อนิจจา น่ากังวล

๏    พวกผู้ใหญ่ ไม่เว้น เป็นแบบอย่าง...........บ่เคยว่าง สร้างกรรม ทรามโฉดฉล
ทุจริต คิดชั่ว (แทบ)ทุกตัวตน...................โดยเฉพาะคน เป็นใหญ่ ในบ้านเมือง

๏    ขนาดครู บาอาจารย์ ยังหาญกล้า............ทำโฉดช้า ราคี มักมีเรื่อง
ให้สังคม ครหา ด่าเนืองๆ.........................มิประเทือง ปัญญา ประชาไท

๏    พระก็เมา เอาแต่ แส่ลาภยศ...................ดวงใจคด จดจ่อ ต่อคุณไสย
หลักศีลธรรม ความดี มิใส่ใจ.....................ธรรมวินัย คล้ายฝัน อันโสภา

๏    กิจทั้งหลาย มีใจ เป็นประธาน................ใจสามานย์ (ย่อม)บันดาลให้ ไคลคุณค่า
คนหมู่มาก ไม่รัก(ความ)ดี ไม่ปรีชา............เป็นปัจจุบัน ปัญหา น่า(เป็น)ห่วงเอยฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐

*อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน เผยสถานการณ์เด็กทารกถูกทิ้งพุ่งพรวด
แค่ 5 เดือนแรกของปีนี้ มีถึง 167 ราย

*ปลัดกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า
...พบว่ามีครูบางคนเป็นหนี้สูงถึง 10-20 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตนก็ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมครูถึงมีการใช้จ่ายเยอะ จนต้องเป็นหนี้เป็นสินมากมายขนาดนั้น

ความสงบ : โคลงสี่สุภาพ



ความสงบ : โคลงสี่สุภาพ


๑. เสียง(หยาด)ฝนหล่นลงใต้..............ชายคา
กระทบผืนพสุธา............................เปรียบได้
ดังดนตรีรัตติกาล์...........................สดับ
สอดรับความมืดให้.........................รมย์รื้นฤดีฯ

๒. ไม่มีสิ่งรุมเร้า................................รบกวน
บรรยากาศเงียบชวน.......................ชื่นแฉล้ม
จิตใจไป่แปรปรวน..........................จึ่งประสบ
ความสงบเสงี่ยมแง้ม......................แต่งแต้มสันติธรรมฯ

๓. กิเลสย่อมทำให้............................ปัญญา
มืดมนเกิดอวิชชา...........................แม่นแท้
ความกระสัน-ตัณหา.......................บังบด
หมดซึ่งรุจิราแล้.............................ไม่รู้ชั่ว-ดีฯ

. ยิ่งมีความดิ้นรน.............................แสวงหา
สรรพสิ่งในโลกา............................อยากได้
อยากให้เป็นเช่นมนา.......................กำหนด
อยากไม่ให้เป็น...ไซร้......................ยิ่งให้กระเสือกกระสนฯ

. ราคะ-โลภรนเร้า.............................อุรา
โทสะดั่งเดชา.................................ลุกไหม้(เดชา=ไฟ)
โมหะเสมือนลมพา-.........................ยุผาด(ผาด=เคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว)
คลาดโอกาสสงบได้.........................พานเพี้ยงสุขศานติ์ฯ

๖. สมาทานศีลธรรมสร้าง......................ปัจจัย
อกุศลกรรมใด.................................งดเว้น
หัดควบคุมดวงหทัย..........................คงมั่น
พิจารณ์ปัญญาเฟ้น...........................ใฝ่รู้สัทธรรมฯ

. สุจริตกรรมกูลเกื้อ............................มิกังวล
คลาดไคลทุกข์-เภทผล.....................เพริศแพร้ว
บุญทานบันดาลดล...........................เอิบอิ่ม
ปริ่มใจเปี่ยมสุขแกล้ว........................ก้าวหน้าสถาพรฯ

. ปราศจากความเดือดร้อน....................ใดๆ
ภารกิจแกร่งไกร...............................ขับสู้
ปลอดปัญหาคาใจ............................(จึง)สงบสุข
ไม่เป็นทุกข์เพราะรู้............................จักใช้ชีวินฯ

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิถีพุทธ : กลอนคติเตือนใจ



วิถีพุทธ : กลอนคติเตือนใจ

๏    อันวิ ถีพุทธ.........................ไม่ใช่ ใส่ชุด สีขาว
ปากป้อง ท่องป่าว....................ค่ำ-เช้า อาราธ (ธะ)นาศีล
พระเครื่อง ของขลัง..................มีตั้ง แต่หัว จรดตีน
กระหาย ป่ายปีน......................ยิ่งใหญ่ ยิ่งรวย ขึ้นไป

๏    ชวนคน เข้าวัด.....................สารพัด หลอกล่อ บริจาค
อย่างไม่ กระดาก.....................ยิ่งมาก บุญยิ่ง หลั่งไหล
(สอนคนอื่น)ลดกิเลส ตัณหา......แต่ว่า ตนเอง เพ่งใจ
อยากมี อยากได้......................ของเขา เอาไว้ ครอบครอง

๏    วิถี พุทธแท้.........................เริ่มแต่ เชื่อกฎ กรรมา
กิเลส ตัณหา...........................คือสา เหตุควร เฉทข้อง(เฉท=การตัด)
มิหลอก ลวงใคร......................มิเอา แต่ใจ ไร้ครรลอง
ถือความ ถูกต้อง......................ยกย่อง (อริยะ)สัจ๔ ประการ

๏    ดำเนิน ชีวี...........................ตามวิ ถีพุทธ สุทธา
อริยะ มรรคา(๘)......................ศาสดา ตรัสสอน สู่ศานติ์
ไม่ใช่ (แค่)ในวัด......................ปฏิบัติ ได้แม้ ในบ้าน
เป้าหมาย นิพพาน....................พ้นวัฏฏะ สงสาร ชาญชัย

๏    สัมมา อาชีพ........................อย่ารีบ โลภรวย ด้วยกิเลส
ทุจริต ผิดเลศ..........................ประเวศ มโนธรรม นำไสว(ประเวศ=การเข้าถึง)
มีพรหม วิหาร..........................ทาน-ศีล-ภาวนา ประไพ
ประหยัด กิน-ใช้.......................อยู่อย่าง เรียบง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย

๏    ทำงาน ขันแข็ง....................ไม่แบ่ง ชนชั้น ฐานะ
รักษา สัจจะ............................ภาระ ไม่ทำ เฉยเฉื่อย
ไม่ยอม ท้อแท้.........................ถึงแม้ ปัญหา มีมาเรื่อย
เท้าไม่(ต้อง) เปล่าเปลือย..........ฝืนตน จนเมื่อย ทรมานฯ

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐

ความคาดหวัง : กลอนเปล่า



ความคาดหวัง : กลอนเปล่า

๏    ความคาดหวัง
เคียงคู่กับความสมหวังและผิดหวัง
ประดังบังเกิด
ความรู้สึกสุขและทุกข์ตามมา

๏    คาดหวังจากสิ่งที่ปรารถนาของตน
คาดหวังผลการกระทำของคนอื่น
เกิดขึ้นเป็นปกติวิสัยในหมู่ชน
ไม่นับรวมความคาดหวังจากสถานการณ์ใดๆในโลกใบนี้
ที่สร้างเงื่อนไขให้ชีวี
ให้มีมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม

๏    ทุ่มเท พากเพียร พยายาม เพื่อความสำเร็จ
พร้อมเจตนารมณ์ อยากสมหวัง
แต่ทว่าในโลกแห่งความจริง
คาดเดาได้ยากยิ่ง กว่าที่เคยได้ยินได้ฟัง
ความผิดพลาดคลาดเคลื่อน
เปรียบเสมือนพลัง
ที่คอยขัดขวางความสำเร็จสมหวังดังปรารถนา

๏    "อะไรๆไม่ได้ดั่งใจ"
เป็นถ้อยคำที่มักได้ฟังใครต่อใครพร่ำบ่น
คล้ายเป็นกลไกของโลกใบนี้
หากไม่อยากผิดหวัง ไม่อยากทุกข์ใจ
ก็อย่าไปคาดหวัง
อย่าพลั้งฤดี
จัดการงานกิจให้เป็นไปตามวิถี
สุดความสามารถเท่าที่มี
มิต้องผูกพันอารมณ์ความรู้สึก...ไปกับมัน

๏    เมื่อไม่คาดหวังอะไร
จากใคร หรือสถานการณ์ใดๆ
จิตใจย่อมเป็นอิสระ
เมื่อปราศจากซึ่งพันธนะ
ชีวะย่อมประสบพบศานติ์
รู้จักบริหารจิตใจ
รู้จักปล่อยวาง...ช่างมัน
คือพัฒนาการอันสำคัญ
ของพฤฒิภาวะแห่งชีวินฯ(พฤฒิ=ความเจริญ,ความสมบูรณ์)

๒๘ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ศีลธรรมทำให้เป็นสุข : กลอนคติชีวิต



ศีลธรรมทำให้เป็นสุข : กลอนคติชีวิต

๏    แมว(วัด)น้อย คอยเลี้ยง ดูแล...................ถึงแก่ กรรมแล้ว วานนี้
หมาวัด พิฆาต ตัดชีวี................................ระหว่าง ที่เล่น ระเริง

๏    โลกนี้ มิใช่ สวรรค์..................................หลากอัน ตราย ใครเหลิง
มัวแต่ ต้องการ บันเทิง...............................จะกระเซอะ กระเซิง วอดวาย

๏    พบเห็น ผู้คน เติบใหญ่............................แต่ไร้ ความรู้ อยู่หลาย
(สังเกตว่า)เป็นคน สนแส่ แลสบาย...............มุ่งหมาย เสพสุข เสเพล

๏    คนต่าง คุ้นชิน (คำว่า)ศีลธรรม..................แต่(ส่วนใหญ่)ทำ ขำขัน หันเห
ชอบทำ ตามใจ ไม่คะเน.............................เกเร เสียผู้ เสียคน

๏    ไม่ยอม สำทับ บังคับจิต..........................ความคิด ทุจริต ฉ้อฉล
ไม่ยอม ยับยั้ง ตั้งกระมล.............................อยู่บน วิถี ศีลธรรม

๏    สอนไป ก็ไร้ ประโยชน์............................คนโฉด อุรา ระห่ำ
เมื่อไร้ ศรัทธา ย่อมกระทำ..........................ตามหลัก ศีลธรรม ไม่ได้เลย

๏    คนมี ศีลธรรม สำนึก...............................รู้สึก สบาย ใจเผย
ศีลระดม สมดุล คุ้นเคย..............................ชื่นเชย ชีวาตม์ สะอาดมี

๏    มุ่งหวัง ดั่งมนา สนอง.............................ครรลอง หมดจด สดศรี
เห็นค่า ศีลธรรม ความดี.............................ช่วยให้ ชีวี นิรามัยฯ(นิรามัย=เป็นสุข)

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐

ฉวยโอกาส(ทำดี) : กลอนหก



ฉวยโอกาส(ทำดี) : กลอนหก

๏    โอกาส(ทำ)ดี ในชีวิต...................ย่อมประชิด อยู่เสมอ
โอกาส(ทำสิ่ง)ร้าย มักได้เจอ............เหมือนมาเสนอ กันทุกคน

๏    โอกาส(ทำ)ดี มีมากให้.................ตัดสินใจ สร้างกุศล
ทำความดี งามวิมล.........................บุญทานท้น ล้นหลั่งทวย

๏    สาธุชน ผู้ศรัทธา.........................ในสัมมา(ธรรม) อุตส่าห์ด้วย
สุจริตใจ ใฝ่อำนวย..........................โอกาสฉวย ทำความดี

๏    โอกาส(ทำ)ร้าย กรายมาเยือน.........มิคลาดเคลื่อน เบือนบัดสี
ละอาย-กลัว ผลชั่วมี........................(จึงจะ)รอดวิถี ราคีไคล

๏    ต่างจากคน กระมลชั่ว....................จิตเมามัว มากสาไถย
หาโอกาส ฉกาจไกร.........................ทำชั่วให้ ตามใจตน

๏    โอกาส(ทำ)ดี แม้มีมา....................มิปรารถนา ก่อกุศล
ปล่อยผ่านไป ไคลผจญ.....................เพราะมืดมน อวิชชา(มน=ใจ)

๏    (เมื่อ)มิสนใจ มักไม่เห็น..................โอกาสเช่น เฟ้นฉวยหา
เมื่อสนใจ มิไคลคลา.........................โอกาสมา มอบมากมี

๏    สิ่งสำคัญ คือความคิด.....................ทุ/สุจริต จิตวิถี
หนุนเนื่องให้ ใครชั่ว/ดี.......................สร้างคติ ชีวีเทอญฯ

๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ความเชื่อกับความยุติธรรม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



ความเชื่อกับความยุติธรรม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

๏    ......................................ความเชื่อ ของใคร
มิอาจ เปลี่ยนให้....................กลายเท็จ เป็นจริง
แลความ ไม่เชื่อ....................(ก็)ไม่เหนือ สัจสิ่ง
สิ่งที่ เป็นจริง........................(ย่อมจะ)จริงไม่ เปลี่ยนแปลง

๏    .......................................การพิ พากษา
ของคน มารยา.......................มักจะ แอบแฝง
มิจฉา ทิฐิ.............................อคติ เคลือบแคลง
อุปโลกน์ ตกแต่ง...................กลั่นแกล้ง การไกร

๏    .......................................คนพิ พากษา
เคารพ กติกา.........................สัตยา เสมอไม่
(บ้าง)กระทำ ลำเอียง..............หลีกเลี่ยง(กฎหมาย) ตามใจ
หยาบช้า สาไถย....................ไร้ศีล (ละ)ธรรม

๏    .......................................เหมือนเป็น ธรรมดา
คู่กาล เวลา...........................โลกา ระส่ำ
คนพิ พากษา.........................ที่ มนา ระยำ
สร้างความ ระกำ.....................เกิดทุก สังคม

๏    .......................................ยิ่งด้อย พัฒนา
ยิ่งประ จักษ์ตา.......................ชั่วช้า สะสม
ระบบ ยุติธรรม........................ต่ำเตี้ย โสมม
ยิ่งกว่า อาจม..........................อุดม เดนชน

๏    ........................................ส่งไป ศึกษา
อบรม ศาสนา.........................ก็หา เป็นผล
เมื่อ(ใจ)ไร้ ศีลธรรม.................ประจำ กระมล
ความคิด จิตจล.......................แต่อกุศล บาปกรรม

๏    ........................................เชื่อ(หรือไม่เชื่อ)ใน หลักฐาน
วัตถุ-พยาน............................คือการ ตอกย้ำ
ว่าหลัก ตัดสิน........................ใช้จินต์ (หา)ใช่ศีลธรรม
(เพราะฉะนั้น)มิควร เชื่อคำ........ว่ายุ ติธรรมเลยฯ

๒๖  พฤษภาคม ๒๕๖๐

ยารักษาอาการว้าวุ่นใจ : กาพย์ฉบัง๑๖



ยารักษาอาการว้าวุ่นใจ : กาพย์ฉบัง๑๖

๏    จิตใจที่กระเสือกกระสน..................ดวงจินต์ดิ้นรน
ด้วยกลไกกิเลสตัณหา

๏    ยึดมั่นถือมั่นอัตตา.................(ย่อม)ปราศสติปัญญา
เปี่ยมโลกียะค่านิยม

๏    ประกอบด้วยความโง่งม.................อวิชชาสะสม
อุดมอุบาทว์อัชฌาศัย

๏    ขาดความสงบภายใน................ความคิดจิตใจ
อ่อนไหวไปตามมายา

๏    สิ่งปรุงแต่งแปลงชีวา................รสฤทธิ์อภิชฌา(อภิชฌา=ความโลภ,ความอยาก)
นำพาพิบัติขัดสน

๏    ความทุกข์โถมถากระมล...............ปัญหาประจญ
ร้อนรนทนเทวษทรมาน

๏    เภสัชรักษาอาการ..................คือความสงบศานติ์
สมาทานสันติวิถี

๏    สงบระงับปรับฤดี................ลด(ความ)อยากมากมี
ละกิเลสตัณหาอารมณ์

๏    ราคะ-โลภ-ร้าย-หลง ข่ม.................ขับไสให้จม
มลายคล้ายลมเลือนราง

๏    เมื่อกิเลสตัณหาเบาบาง..................จิตใสใจสว่าง
จะกระจ่างชีวิตพิชยาฯ(พิชย=ความชนะ)

๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

คำชม-คนชัง : กลอนสำนวนสุภาษิต



คำชม-คนชัง : กลอนสำนวนสุภาษิต

๏    ใครเลย ไม่เคย ประสบ.........................พานพบ กับการ เหยียดหยาม
(โดน)ดูถูก ด้อยค่า น่ารำคาญ...................เพราะเป็น สันดาน ของคน

๏    เอาตัว ชั่ว-ดี เป็นที่ตั้ง..........................คาดหวัง อัตตา มหาผล
โลกีย์ ชีวิน ดิ้นรน...................................ไม่สน คนอื่น ขื่นคณา(คณา=คณะ)

๏    อย่ามาด คาดหมาย ใครจะเห็น...............เราเป็น คนดี มีค่า
แทบจะ ทั้งนั้น พรรณนา...........................ชมเรา เพื่อหา ผลคืน

๏    คนมัก รักเรา เท่าผืนหนัง.......................คนชัง ดั่งเสื่อ เนื้อผืน(มัก=ชอบ)
คนไร้ ไมตรี มีดื่น.....................................คนอื่น ก็เป็น เช่นกัน

๏    อย่าเดือด ร้อนใจ ใครเร้น.......................ไม่เห็น (คุณ)ค่าเรา เคล้า(ขบ)ขัน
โดนเหยียด หยามบ้าง ช่างมัน....................ปราศความ สำคัญ อันใด

๏    เรามี ดี-ชั่ว ตัวเรา(ย่อม)รู้........................ไม่ต้อง การผู้ พินิจฉัย
หลักธรรม สัมมา อธิปไตย.........................เป็นใหญ่ ใช้ยัน ครรลอง

๏    ความจริง สิ่งที่ ควรวิตก..........................รู้อยู่ เต็มอก (ว่าเรา)ยังบกพร่อง
(ความ)ชั่วหลาก มากมาย ก่ายกอง..............ยังครอง ความคิด จิตใจ

๏    ขัดเกรา เราให้ ใสสะอาด........................พิลาส พัฒนา อัชฌาศัย
คำชม-คนชัง อย่างไร................................ให้คล้าย สายลม โหมศิลาฯ(ศิลา=หิน,ผา)

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

เป็นชะตากรรม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘



เป็นชะตากรรม : กาพย์สุรางคนางค์๒๘

๏    .......................................บางคน ประมาท
อ้างถ้า ถึงฆาต.......................มิอาจ เลี่ยง(ความตาย)ได้
หากถูก กำหนด......................(ต้อง)หมดอา ยุขัย
อาจต้อง บรรลัย......................(เพียง)ด้วยไม้ จิ้มฟัน

๏    ........................................(ความจริง)คนไม่ ประมาท
ยากจัก ถึงฆาต.......................(น้อย)โอกาส อาสัญ
มีอา ยุยืน..............................แช่มชื่น ชีวัน
ปราศโจทก์ โทษทัณฑ์............(เพราะ)ฉันทะ คุณธรรม(ความไม่ประมาท)

๏    .........................................การไม่ อุตส่าห์
แล้วมา บอกว่า........................เป็นชะ ตากรรม
ที่ต้อง ขัดสน..........................ยากจน ต้อยต่ำ
นั้นผิด คลองธรรม....................และความ เป็นจริง

๏    .........................................อย่ามัว แต่รอ
มือเท้า เง่างอ..........................ขอปา ฏิหาริย์สิ่ง
ปลุกจิต คิดสร้าง......................หาทาง อ้างอิง
ไม่เฉื่อย เนือยนิ่ง.....................ประวิง เวลา

๏    ..........................................แต่ถ้า พยายาม
สุด(ความสามารถ)แล้ว ก็ตาม......ยังทราม ต่ำช้า
ก็ต้อง ยอมรับ...........................กับโชค ชะตา
อย่าได้ วุ่นว้า...........................โศกา อาลัย

๏    ..........................................การมี ชีวิต
อย่าคอย แต่คิด........................โชคชะตา อาศัย
ต้องมี ใจสู้..............................เพียรอยู่ ร่ำไป
ผลเป็น เช่นไร.........................(ค่อย)ปล่อยไป ตามชะตาฯ

๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๐

*งามหน้า! ไทยเบอร์ 1 โลก
เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจักรยายานยนต์ ตายเฉลี่ยวันละ 15 ศพ

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ธรรมะมีไว้ใช้ : กาพย์ยานี๑๑



ธรรมะมีไว้ใช้ : กาพย์ยานี๑๑

๏    ธรรมะ มีไว้ใช้........................มิใช่ไว้ ให้ท่องจำ
พูดจา ภาษิตคำ.........................(แสร้ง)ทำเป็น(คน)ดี มีศาสนา

๏    เพื่อขัด เกลาจิตใจ..................หามิใช่ ให้เอามา
แสวงลาภ-ยศ-สักการ์..................ก่อตัณหา เกลศหลาย(เกลศ=กิเลส)

๏    ปากพร้อง ปกป้องพุทธ.............ใจทุจริต คิดคุดพราย
พบเห็น เป็นมากมาย....................ในสังคม คนบาปหนา

๏    ธรรมะ ประพฤติชอบ..................ต้องประกอบ ด้วยสัจจา
จริงจัง ไม่ร้างรา...........................มีสัมมา ทิฐิ(เป็นพื้น)ฐาน

๏    เริ่มจาก การศึกษา.....................หลักศาสนา และอาจาร
อริยสัจ(๔)ชัชวาล.........................ด้วยมาตรการ แห่งเหตุผล

๏    เอาธรรม เป็นที่ตั้ง......................มิใช่คลั่ง ตามกระมล
ชีวิน ร้อนดิ้นรน.............................วนวิถี ราคีกระแส

๏    ธรรมะ ต้องปฏิบัติ(ตาม)..............จึงพิพัฒน์ จำรัสแล
คุ้มครอง ป้องดวงแด......................แผ่วิจิตร ติดตามเห็น

๏    ประพฤติ ยึดธรรมะ.....................ใช้ชีวะ ละลำเค็ญ
สุขสม อยู่ร่มเย็น............................เป็นสัจจา อานิสงส์เอยฯ

๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐

ปฏิบัติธรรม..พูดง่ายกว่าทำ : กลอนคติสอนใจ




ปฏิบัติธรรม..พูดง่ายกว่าทำ : กลอนคติสอนใจ

๏    การคิด ง่ายกว่าพูด.............................การพูด ง่ายกว่ากระทำ
โลกีย์ พิธีกรรม.....................................เทศนาธรรม ตามประสา

๏    คนสอน ไม่เคยทำ..............................อ้างสอนธรรม ของศาสดา
คนฟัง นั่งภาวนา...................................(ถึง)ปัญหาชีวิต คิดเวียนวน

๏    จบเทศนา กล่าวสาธุ............................ปานบรรลุ ถึงศุภผล
แยกย้ายไป ใช้ชีพชนม์...........................ตามหนทาง ร้างธรรมมี

๏    เปรียบเหมือนคน เก็บใบไม้...................เอาไปได้ แสนสุขี
อนิจจัง ทั้งๆที่.......................................ใบไม้นี้ มิใช่ผล

๏    กิเลส และตัณหา................................หากคิดว่า (เป็นสิ่ง)ธรรมดาของคน
ไม่ยอมตื่น ฝืนใจตน...............................คลุกระคน ทุกวี่วัน

๏    ถึงวันพระ นุ่งผ้าขาว............................สวดมนต์ปาวๆ ก็เท่านั้น
ถึงเทศนา มหากัณฑ์..............................อย่าหมายมั่น นิพพานใด

๏    ราคะ โทสะ โมหะ...............................เกิดในมนะ หาใช่ที่ไหน
การกำกับ บังคับใจ................................ลด-ละให้ หายไปพลัน

๏    ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.........................สัมผัสสิ่งใด ให้กวดขัน
อย่ามัวแต่ แส่สอนกัน.............................ทำให้มั่น ด้วยตนเทอญฯ

 ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อายฝรั่ง : กาพย์ยานี๑๑

nursing home


อายฝรั่ง : กาพย์ยานี๑๑

๏    (ในอดีต)คนไทย เคยดูถูก.....................ว่าลูกๆ ฝรั่งมังค่า
เติบใหญ่ ก็ไคลคลา.................................ทิ้งมารดา แลบิดร

๏    คริสมาสต์ เทศกาล...............................จึงคิดอ่าน เยือนบ้านย้อน
(บ้างว่าเขา)ขับไส ไม่อาทร........................ส่ง(พ่อแม่)ไปบ้าน คนชรา

๏    ลูกไทย สมัยนี้......................................ดูให้ดี มิต่างหนา
ทอดทิ้ง บิดรมารดา...................................ตามมรรคา ทางหากิน

๏    สงกรานต์ วันปีใหม่................................จึงหวนไป หาถวิล
ไม่น้อย คล้อยโบยบิน.................................ผินลับตา ลาลับไกล

๏    ทิ้งแม่ พ่อแก่เฒ่า...................................โศกซึมเศร้า เหงาหวั่นไหว
เลี้ยงลูก เพื่ออะไร?....................................ลูกเติบใหญ่ ผลใดคืน?

๏    พ่อแม่ ไม่สอนสั่ง?..................................หรือลูกดั่ง เนรคุณดื่น?
จิตใจ กลายเป็นอื่น.....................................ไม่ชื่นชม กตัญญุตา

๏    ลูกหลาน บ้านเมืองเรา.............................ติดกาม-เหล้า เมายาบ้าฯลฯ
ดูละม้าย ร้ายแรงกว่า...................................ฝรั่งมังค่า ด้วยซ้ำไป

๏    บ้าน(พักคน)ชรา ของฝรั่ง.........................แก่เฒ่ายัง หวังพึ่งได้
อนิจจา ประเทศไทย...................................ถูกทิ้งให้ แก่ตายเองฯ

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๐