ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

รังแกผู้อ่อนแอ ก็แค่คนหยาบช้า : กลอนคติสอนใจ



รังแกผู้อ่อนแอ ก็แค่คนหยาบช้า : กลอนคติสอนใจ

    แมวลูกอ่อน ซ่อนลูก ซุกเร้นอยู่...............................................แต่จู่ๆ (แม่แมว)ไม่รู้ ไปอยู่ไหน?
(ลูกแมวอายุ)ยังไม่ถึง หนึงเดือน สะเทือนใจ............................ร้องร่ำไห้ ไร้แม่ แล้ป้อนนม

    ค้นหาลูก แมวน้อย คล้อยความคิด...........................................เมื่อชะตา ลิขิต (เป็น)ภารกิจสม
ก็จะรับ เลี้ยงดู สู้วิกรม..........................................................ศึกษา(ในเน็ตเขาแนะนำ)ชม นมแพะ แก้(ปัญหา)ง่ายดาย

    ไม่มีลูก(ตัวเอง) ถูก(สถานการณ์)บังคับ รับเลี้ยงลูก(แมว) ............(คิดว่าเวร)กรรมพันผูก แน่นอน (รู้สึก)เดือดร้อนหาย
มองอีกด้าน พรหมวิหารฝึก รู้สึกสบาย.....................................(อด)ทนขวนขวาย ให้(ลูก)แมวรอด ปลอดโรคภัย

    (เมื่อ)จิตร่ำรวย ช่วยเหลือ(ผู้อื่น)ได้ ไม่ตระหนี่............................แม้ไม่มี ผลตอบแทน แห่แหนให้
เมื่อ(ใจ)กว้างขวาง มอบ(ของที่มี)บางส่วน(ให้คนอื่น) มิรวนใจ......ดุจ(น้ำ)ฝนใส ไหลริน แผ่นดินดอน

    คือความจริง ยิ่งใหญ่ ในโลกหล้า.............................................คนเมตตา ปราณี มีใจอ่อน(โยน)
สัมผัสได้ ในอัชฌา เอื้ออาทร.................................................อบอุ่นให้ ไร้เย็น(ชา)-ร้อน ดั่งพรพรหม

    เมื่อ(ใจ)เข้มแข็ง แบ่งความสุข(ให้คนอื่น) มิทุกข์ร้อน...................ไม่ต้องสอน (หลัก)มนุษยธรรม คำพูดขรม
เป็นที่พึ่ง(ให้คนอื่น) ซึ่งผุดผ่อง (ใจ)ต้องวิกรม...........................ใช่(ดีแต่)พูดจา ปรารมภ์ ชมอัตตา(วิกรม=กล้าหาญ)

    คน(จิตใจ)คับแคบ แค่(สิ่งของ)น้อยนิด ก็คิดมาก.........................การุณย์ไร้ ไม่อยาก แบ่งใครหนา
 (คน)ชอบกลั่นแกล้ง คนอ่อนแอ แล(มี)มนา..............................แสนหยาบ-ทราม ต่ำช้า น่าชิงชัง

    รังแกผู้ อ่อนแอกว่า อย่า(คิด)ว่าเก่ง..........................................พวกนักเลง มักไม่พ้น โดนคุมขัง(ติดคุก)
อันธพาล มักโง่เขลา เว้า(พูด)ไม่ฟัง.........................................ชีวิตพัง พินาศ เป็น(คำ)สัจจริงฯ

๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

สงบฤดีอานิสงส์ : กาพย์ยานี๑๑



สงบฤดีอานิสงส์ : กาพย์ยานี๑๑

    ลมนิ่ง กิ่ง-ใบสยบ.................................................พฤกษาสบ สงบศานติ์
(อาจมี)นกกา มาระราน....................................พอรำคาญ มิผันแปร

    ถึงครา พายุอุบัติ..................................................ลมแรงพัด สาดซัดกระแส
ตัดโค่น ต้นไม้แล............................................แม้แต่ราก ยังพรากภินท์

    เปรียบว่า อุระสถิต................................................สงบนิมิต เป็นนิจสิน
อกุศล เหล่ามลทิน..........................................ทั้งสิ้นทราม มิกล้ำกราย

    อารมณ์ ความรู้สึก................................................คะนองคึก ระลึกสลาย
(ความ)สับสน กระวนกระวาย.............................เร่าร้อนหาย ไร้แผ้วพาน

    งดงาม ความสงบ.................................................จิตบรรจบ พบสุขศานติ์
กุศลา สมาทาน..............................................สะคราญจิต สฤษฎ์จอง

    (ความ)เป็นไป ในกระแส(จิต).................................พินิจแล แก้ไขข้อง
สำราญ ธรรมครรลอง.......................................ที่ถ่องทิศ พิชยา

    ตรงข้าม กับความสงบ...........................................เมื่อกระทบ กับผัสสา
จิตสะท้าน ถึงสัญญา.......................................พัฒนา สร้างอารมณ์(สัญญา=ความจำ)

    กิเลส และตัณหา.................................................ฟูฟ่องถา เป็นปฐม
อกุศล ดลโง่งม..............................................ทับถมมิด ความคิดเอยฯ

๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ความจริงของสิ่งตรงข้าม : กาพย์ยานี๑๑



ความจริงของสิ่งตรงข้าม : กาพย์ยานี๑๑

    ยกของ (พร้อมกัน)สองมือได้...........................แต่บอกใคร ให้ขยัน
พร้อมกับ ขี้เกียจนั้น....................................คงขบขัน หยันวาจา

    ความมืด ความสว่าง.......................................อยู่แตกต่าง อย่ากังขา
มิอาจ ร่วมอาณา........................................ทั้งทิวา และราตรี

    (ความ)สกปรก กับสะอาด................................ก็ไม่อาจ ลาดฉวี
ความชั่ว และความดี..................................บ่พีเพิ่ม เริ่มเคียงคลาย

    กุศล กับอกุศล..............................................เหินห่างยล หนแยกย้าย
(เมื่อสิ่ง)หนึ่งโต อีก(สิ่ง)หนึ่งตาย..................มิมาดหมาย ได้พร้อมกัน

    เมื่อก่อ อกุศล(กรรม)......................................ดวงกมล ดลถวัล(ถวัล=หยาบ)
(สิ่ง)ชั่วช้า สารพัน.....................................พรักพร้อมดัน ด้อยปัญญา

    กุศล กมลสร้าง.............................................พลันหักล้าง ถางหยาบช้า
ออกไป ไคลอุรา........................................๑ กรรมา (ได้) ๒ ผลมี

    สัจจะ ถ้าสังเกต............................................ย่อมเห็นเหตุ-ผลหนชี้
ประสิทธิ์ ชีวิตดี.........................................มีสติ และปัญญา

    รักดี สุขีได้..................................................กำจัดภัย ไร้ปัญหา
รักชั่ว มั่วอาชญา.......................................ท้นทุกขา โถมถาเอยฯ

๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ของขลัง-ของดี : กลอนคติสอนใจ



ของขลัง-ของดี : กลอนคติสอนใจ

    คนมัวเมา เบาปัญญา...............................................เข้าวัดวา หา"ของขลัง"
จากเกจิ อาจารย์ดัง.................................................หวังได้เดช เลศฤทธี

    สารพัด วัตถุมงคล...................................................เลขยันต์-มนต์ฯลฯ ล้นเสกศรี
หลงนับถือ คือ"ของดี"............................................มากมีค่า น่าครอบครอง

    (หลงเชื่อว่า)ใครได้แล้ว ช่วยแคล้วคลาด......................เรืองอำนาจ ฉกาจผยอง
ฮึกเหิมหาญ มานลำพอง...........................................ตามครรลอง ของนักเลง

    เหล่านี้ไซร้ ล้วนไสยศาสตร์.......................................ชวนประมาท อัตตาเบ่ง
พาลนิยม เที่ยวข่มเหง..............................................ทำอวดเก่ง เพ่งอาชญา

    ทวย"ของขลัง" ทั้ง"ของดี".....................................ทำชีวี มีปัญหา
ชนชาติใด ใคร่ศรัทธา...............................................(ล้วน)ด้อยพัฒนา ล้าหลังเป็น

    "ของขลัง"ใน พุทธศาสนา.......................................คือธรรมา สัจจาเห็น(ขลังเพราะคือสัจจริง)
ทุกชีวา ไม่ละเว้น.....................................................(อยู่)ใต้กฎเกณฑ์ กติกา

    "ของดี"ใด ในโลกนี้..............................................."(พระ)รัตนตรัย"มี พิเศษค่า
ผู้เคารพ และศรัทธา.................................................จะพัฒนา สถาพร

    พร้อมชีวัน สันติสุข..................................................หมดลนลุก ไร้ทุกข์ร้อน
สงสารวัฏ สิ้นตัดรอน.................................................หากดับ-ถอน ตัณหาฯลฯเตียนฯ

๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันศุกร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ศีลธรรมอยู่ที่ใจ : กาพย์ยานี๑๑




ศีลธรรมอยู่ที่ใจ : กาพย์ยานี๑๑

    ธรรมะ อยู่ที่ใจ.................................................หามิใช่ ในหนังสือ
ถ้อยคำ พูดพล่ามลือ.......................................ว่านับถือ รัตนตรัย

    ศีลอยู่ คู่อุรา....................................................ก่อกรรมา อย่าเหลวไหล
รักษ์ศีล ด้วยลิ้นไซร้........................................มิใช่ศาสน์ พุทธปรัชญา

    ศีล-ธรรม แทรกสำนึก........................................หมั่นตรองตรึก (ทบ)ทวนศึกษา
พินิจ พิจารณา...............................................เห็นคุณค่า เพียงยอดมณี

    เสียสละ อัตลักษณ์............................................สวามิภักดิ์ รักษ์ศีลศรี
น้อม(หลัก)ธรรม นำชีวี....................................ด้วยสติ สัมปชัญญะ

    ศรัทธา ในศีลธรรม.............................................ย่อมจะนำ ความสุขะ
สุทธิ อาชีวะ..................................................อนาคต งามสดใส

    ก่อกรรม บ่ทำเข็ญ.............................................ชั่วบาปเว้น เช่นวินัย
ทำดี เท่าที่ไม่................................................มีอันตราย ไร้เดือดร้อน*

    รักษ์ศีล ด้วยจินต์สัจจ์.........................................ธรรมาทัศน์ (ย่อม)ประภัสสร
ศรัทธา ธรรมาทร............................................(ย่อม)สถาพร ศีลย้อนไกร(ธรรมาทร=ธรรม+อาทร)

    คนดี มีศีลธรรม.................................................จิตประจำ (ย่อม)งามนิสัย
ตกน้ำ มิตามไป..............................................ตกกองไฟ หาไหม้เอย**ฯ

๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

*การทำดี ต้องดูกาล-เทศะ-บุคคล ด้วย 
อย่าหลับหูหลับตาทำดั เพราะนอกจากจะไม่ได้ดี ยังอาจได้ชั่ว

**สำนวน "คนดี ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ "
หมายความว่า ความดี ย่อมคุ้มครองคนดี มิให้ได้รับอันตราย
สอดคล้องกับ พุทธพจน์ "ธรรม ย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม"

ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรมอันบุคคลประพฤติดีแล้วย่อมนำสุขมาให้
นี้เป็นอานิสงส์ในธรรมอันบุคคลประพฤติดีแล้ว ผู้ประพฤติธรรมย่อมไม่ไปสู่ทุคติ
สภาพทั้งสองคือ ธรรมและอธรรมย่อมมีวิบากไม่เสมอกัน
อธรรมย่อมนำไปสู่นรก ธรรมย่อมนำให้ถึงสุคติ
เพราะฉะนั้นแล บุคคลเมื่อบรรเทิงอยู่ด้วยการให้โอวาทที่พระตถาคตผู้คงที่ตรัสไว้แล้วอย่างนี้
ควรทำความพอใจในธรรมทั้งหลาย
เพราะสาวกทั้งหลายของพระตถาคตผู้ประเสริฐ เป็นนักปราชญ์ ตั้งอยู่แล้วในธรรม
นับถือธรรมว่าเป็นที่พึ่งอันประเสริฐสุด ย่อมนำตนให้พ้นจากทุกข์ได้
ผู้ใดกำจัดรากเหง้าแห่งหัวฝี ถอนข่าย คือ ตัณหาได้แล้ว ผู้นั้นเป็นผู้สิ้นสงสาร
ไม่มีกิเลสเครื่องกังวลอีกเหมือนพระจันทร์ในวันเพ็ญปราศจากโทษ ฉะนั้น.

จาก <http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=26&A=6290&Z=6302>

วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

สาเหตุที่มีแต่คนขี้โกง? : กลอนสะท้อนปัญหาสังคม






สาเหตุที่มีแต่คนขี้โกง? : กลอนสะท้อนปัญหาสังคม

    หมดข้อ สงสัย.................................................ทำไม เมืองนี้ มากขี้โกง
สืบสาว ยาวโยง.............................................ชี้โพรง เพราะวิธี พิพากษา
โกง(ชาติ)มาก โกงน้อย..................................(สารภาพ)แล้วค่อย รอลง อาญา
เสกสร้าง อ้างว่า............................................เคยทำ คุณา(ให้ชาติ) มาก่อน

    (กระบวน)การยุติ (ครรลอง)คลองธรรม..................ชี้นำ ความคุด ทุจริต
เลวทราม ความคิด.........................................วิปริต ผิดศีล (ละ)ธรรมสอน
(เมื่อ)ทำชั่ว ได้ดี............................................มัวทำ ดีใย ไม่อาทร?
(ยิ่งมี)เส้นสาย ไร้เดือดร้อน..............................สะท้อน ปัญหา สังคม

    โกงกิน เข้าไป.................................................(โดน)จับได้ ก็ไม่ ติดคุก
แนวทาง ช่างสนุก...........................................ลุกลาม (ความ)ชั่วช้า สะสม
เงินของ แผ่นดิน.............................................โกงกิน ง่ายดาย ไม่ปรารมภ์
มโน โสมม....................................................อุดม แวดวง ราชการ(และการเมือง)

    (เปรียบเทียบ)ขโมยเพียง เลี้ยงลูก.......................ยังถูก จองจำ(ติดคุก) ตามผิด
ความชั่ว น้อยนิด.............................................แต่ติด คุกคา(หลายปี) น่าสงสาร
พรากพ่อ-แม่-ลูก.............................................ปลูกฝัง ทางชั่วช้า สามานย์
โกง(ชาติ)ร้อย พันล้านฯลฯ...............................รวยร่ำ สำราญ ประจานเอยฯ(ไม่ตามจับมาลงโทษ)

๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ศีลธรรมล้ำเลอค่า : กาพย์ยานี๑๑



ศีลธรรมล้ำเลอค่า : กาพย์ยานี๑๑

    ศีลธรรม คือความรู้.........................................(หลัก)ดำรงอยู่ คู่ชีวิต
ขจัด กรรมพลาดผิด....................................นิรมิต สุขสมปอง

    รู้ผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี............................................ชาญวิถี ชีวีถ่อง
กระทำ ตามครรลอง....................................ที่ถูกต้อง ปิดป้องภัย

    ขัดเกลา เค้าความคิด.....................................จัดจริต แจงนิสัย
คุ้มครอง กรองจิตใจ....................................ใสสัตย์ซื่อ ถือเที่ยงตรง

    บำบัด สัญชาตญาณ.......................................ดัดสันดาน พาลลุ่มหลง
เศวษ เจตจำนง..........................................เสริมส่งสู่ คุณากร

    เมืองที่ มีศีลธรรม...........................................ย่อมจำรัส ประภัสสร
สงบ-ไร้ ภัยเดือดร้อน...................................ประชากร สังวรกมล

    เรือนที่ มีศีลธรรม...........................................สุขสำราญ กานต์กุศล
ถ่ายถอน ทุกข์ร้อนรน...................................ทุกคนรัก(ใคร่) สามัคคี

    ผู้ที่ มีศีลธรรม...............................................ย่อมดำรง ทรงสุขศรี
ประณีต ชีวิตดี............................................มีสติ พร้อมพิทยา

    ศีลธรรม แสนล้ำเลิศ.......................................ประเสริฐล้น(ที่สุดเท่าที่คนสามารถ) สิค้นหา
เหนือกว่า ทรัพย์นานา..................................ของมีค่า(ทั้งหมด) ทั้งหล้าเอยฯ

๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ชีวิตคือการแข่งขัน : กาพย์ฉบัง๑๖




ชีวิตคือการแข่งขัน : กาพย์ฉบัง๑๖

    (กระบวนการ)วิวัฒนาการเผยความจริง.....................พืช-สัตว์(ต่าง)ทอดทิ้ง
(บาง)สิ่งที่เคยเห็นเป็น-มี

    ดึกดำบรรพ์ต่าง(จาก)วันนี้.....................อากาศ-ปัฏพีฯลฯ
อนาคต(ก็จะ)มีการเปลี่ยนแปลง

    ธรรมชาติชีวัน(ต้อง)ขันแข่ง*.....................อยู่ทุกหนแห่ง(ทุกยุคสมัย)
การแบ่งแยก(สิ่งที่ต่างกันออกจากกัน)แฝงโลกหล้า

    เพื่ออยู่รอดปลอดภยา......................(เป็นเรื่อง)ปกติธรรมดา
ของชีวาบนโลกนี้

    ส่ำสัตว์น้อยใหญ่ในปัฏพี......................ก็รู้วิถี
ไม่มีใครไม่อุตสาห์

    สัตว์เลี้ยงเยี่ยงไก่-นก-ปลา ฯลฯ......................(ต่าง)สอดส่ายสายตา
(พยายามแข่งขันให้)ให้ชีวาดีกว่าเดิม

    เปลี่ยนแปลงชีวีริเริ่ม.....................เพียรพยายามเพิ่ม
ดำรงส่งเสริมเติมฝัน

    การปฏิบัติตามหลักธรรม์......................"ความสันโดษ"**นั้น
มิได้ต่อต้านการพัฒนา

    ดีขึ้น-ดีขึ้น...แสวงหา......................เจริญก้าวหน้า
อุตสาหะอย่าหยุดนิ่ง

    คือสมการอันเป็นจริง......................หาได้ใช่สิ่ง
กล่าวกลอกกลิ้งไปวันๆ

    อย่ากลัวที่จะแข่งขัน(ชิงชัย)......................(เพราะ)ทรัพย์บนโลกนั้น
รู้กันถึงความ(มีจำนวน)จำกัด

    ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโลกทัศน์......................ให้สอดคล้องสัจ
จึงจะยืนหยัดสวัสดีฯ

๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

*เมื่อมีการแข่งขัน
ก็ต้องมีความพากเพียรพยายาม และมีผู้แพ้-ผู้ชนะ เป็นเรื่องธรรมดา
อย่าไปวิตกกังวลกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ความชั่วร้ายอะไร

**ความสันโดษ หมายความว่า
พอใจ เท่าที่มี-เป็น-ทำได้(พยายามจนถึงสุดความสามารถแล้ว)
ไม่ใช่ มี-เป็นอะไร ก็พอใจแค่นั้น ไม่พัฒนาให้ดีขึ้น
การงอมืองอเท้าไม่ทำอะไร คือ ความเกียจคร้าน

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

คบหา : กาพย์ยานี๑๑



คบหา : กาพย์ยานี๑๑

    ฝนสาย ปรายวิสุทธิ์.........................................กำเนิดจุติ จากเวหา
พร่างพรม พสุธา....................................วนาลัย ไกลกันดาร

    (น้ำฝน)รักษา ความบริสุทธิ์..............................จนโลกรุด มนุษย์ผ่าน
บริโภค บริพาร......................................ความสะอ้าน พลันเสื่อมไป

    เปลี่ยนเป็น น้ำโสโครก....................................เนืองนองโลก วิปโยคใส(วิปโยค=ความพลัดพราก)
คน-สัตว์ ผลัดกิน-ใช้..............................น้ำกลับกลาย ไร้คุณา

    เปรียบเสมือน ปวงคนดี....................................เมื่อคลุกคลี มีคบหา
กับคน กระมลคลา-................................คล่ำต่ำช้า สารเลว

    ก็เหมือน มีสมบัติ...........................................แต่กำจัด โดยทิ้งเหว
โยนใส่ กองไฟเปลว..............................ทุบย่อยแยก เหลวแหลกลาญ

    คนมี ศีลแตกต่าง...........................................ย่อมเหินห่าง เยื้องย่างหาญ
ก่อกรรม กระทำการ...............................ประสานกิจ ยากคิดตรอง

    สมาธิ=(ความ)สำรวมใจ..................................แน่วแน่ให้ หทัยสนอง
เหมาะแก่ กรรม์ครรลอง..........................(ในคน)มิสอดคล้อง ต้องเลิกรา

    ทักษะ ความสามารถ......................................ความเปรื่องปราด แก้ปัญหา
(คนที่แตก)ต่างมี สติปัญญา....................คบหา(กัน)ได้ ไม่ง่ายเลย

    คนดี(กับคน) บัดสีคบ(หากัน)...........................ย่อมประสบ พินาศเผย
ข่าวเข็ญ เห็นลงเอย..............................เฉลยสัจ จะปรัชญาฯ

๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

สัพเพเหระ กับ ทอม เครือโสภณ : Suthichai live 16/02/2563

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Suthichai Live ไทยควรตั้งรับ Covid-19 จากนี้ไปอย่างไร?

โลกเปลี่ยนสี: ไวรัสอู่ฮั่น เอาอยู่เมื่อไหร่?

รู้แจ้งเห็นจริง : กลอนคติสอนใจ




รู้แจ้งเห็นจริง : กลอนคติสอนใจ

    กุมภาฯ หน้าหนาว ใยเร่าร้อน.........................................สะท้อน ปัญหา เวลานี้
สภาวะ โลกร้อน ย้อนย่ำยี....................................เพราะฝี มือมนุษย์ สุดมารยา

    ลมพัด อาจสลาย ทุกข์คลายผ่อน...................................ความร้อน คลอนกาย ที่ไขว่หา
แต่เรื่อง รุ่มร้อน ซอนอุรา.....................................แม้พา ยุพัด มิคลาดคลาย

    เมื่อเวท (ทะ)นา มาบรรจบ............................................อยากจะ สงบ ประสบหมาย
ต้องไม่ ใจจล ทุรนทุราย......................................(เพราะ)ยิ่งจะ ทำลาย(ความสงบ) (ทุกข์)ขยายมี

    ขันติ=ความอด ทนอดกลั้น...........................................มุ่งมั่น ฟันฝ่า หาวิถี
เมื่อโชค ชะตา ชุกราวี.........................................(การ)โศกเศร้า โศกี มิแบ่งเบา

    สิ่งใด(พอ) ทำได้ ให้ทำก่อน.........................................ผันผ่อน ร้อนรน กระมลเขลา
อย่าก่อ อกุศล มลมัวเมา.......................................(เพราะ)ยิ่งโหม กรรมเก่า (ให้)เร่าร้อนรน

    (ลอง)เข้าวัด เข้าวา (นั่ง)สมาธิ.......................................ฝึกสติ ปัฏฐาน* โอฬารหน
ศรัทธา สมาทาน การสวดมนต์................................อดทน อดกลั้น พลันง่ายดาย

    พิจารณา อนิจจัง (ปล่อย)วางใจจรด................................สิ่งทั้งหมด ไม่เที่ยง(แท้) เมียงสุดท้าย
ต้องเปลี่ยน แปรสภาพ แปลงกลับกลาย....................ชีวิน เวียนว่าย ตายเกิดเป็น

    มีกฎ แห่งกรรม อำนวยกิจ.............................................ประสิทธิ์ สุขมาก หรือยากเข็ญ
คือศาสตร์ สัจธรรม พึงบำเพ็ญ................................รู้เห็น เจนแจ้ง แสวงจริงฯ

๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

*
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่ง
ทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง
หนทางนี้คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ
๔ ประการเป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑.

From <http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=12&A=1754&Z=2150>

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

โลกภพ : กาพย์ยานี๑๑






ปริมาณระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้น ปีพ.ศ. 2536 – ปัจจุบัน, แหล่งภาพ: องค์การนาซ่า (NASA), ดัดแปลงโดย: ERM-Siam Co., Ltd.


โลกภพ : กาพย์ยานี๑๑

    เหล้า-ยา(เสพย์ติด) อบายมุข............................(เป็น)แหล่งความสุข ของคนเขลา
(ผู้)มีสติ ปัญญาเบา....................................หลงมัวเมา เร้าภิรมย์

    กามคุณ บริบูรณ์พิศ.........................................วิถีชีวิต โลกีย์สม
สัตว์ผอง ปองนิยม......................................ชื่นชมค่า น่ายินดี

    ลาภ-ยศ-สรรเสริญ-สุข.....................................ทุกคนต่าง หวังส่งศรี
(เป็น)ปกติ ชีวาที่........................................ชอบวิถี ปุถุชน

    โลกภพ ยากหลบเลี่ยง.....................................ทางเอนเอียง อกุศล
ธรรมดา ทั้งสากล........................................วนชีวาตม์ (คล้อย)สัญชาตญาณ

    ก่อกรรม กระทำเวร..........................................โดยมิเห็น เป็นแก่นสาร
สิส่งผล ดลบันดาล.......................................ตามพื้นฐาน กฎแห่งกรรม

    กามสุข ผูกพันใจ.............................................ใครต่อใคร ระสายระส่ำ
ยากมี ขันติธรรม..........................................กำกับจิต พิจารณา

    (เรื่อง)วัฏจักร แห่งสงสาร..................................ถูกต้านทาน (โดย)การศึกษา(สมัยใหม่)
ชั่ว-ดี กฎกติกา............................................ยากจะพิสูจน์ มนุษย์เพียร

    โลกภพ(นี้) คงจบสิ้น........................................พร้อมชีวิน ไม่แปรเปลี่ยน
โลกอื่น หมื่นแสนเลียน..................................กามคุณเวียน ว่ายวัฏฏาฯ

๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

เมืองคนบ้า : กาพย์ยานี๑๑











เมืองคนบ้า : กาพย์ยานี๑๑

    บ้านเมือง เนืองคนบ้า....................................ปืนง่ายหา ยิ่งกว่าขนม
คนคลั่ง คึกสังคม........................................ลูกอมเสมือน เกลื่อนเหล้า-ยา(เสพย์ติด)

    กฎหมาย ให้ท้ายมัน.....................................เมืองสวรรค์ ของคนบ้า
กระทำ ตามอุรา..........................................แล้วอ้างว่า (คน)บ้า(ทำอะไรก็)ไม่ผิด(กฎหมาย)

    ปล้น-ฆ่า(ข่มขืน) ตามสบาย............................ด้วย(กระบวนการ)กฎหมาย ไว้ชีวิต(โทษประหารแค่มีไว้ขู่)
บ้านเมือง วิปริต..........................................เพราะ(พวก)นักสิท ธิมนุษยชน

    (ทำผิด)ฆ่าใคร ยามวัยเยาว์............................โทษแสนเบา เท่าไร้ผล
เมืองเขลา มัวเมาคน....................................เยาวชน พ้น(โทษทาง)อาชญา

    คุกล้น คนเลวหลาก......................................ก็ไม่อยาก สร้าง(คุก)เพิ่มหนา
ลดโทษ ลดเวลา.........................................ให้ออกมา ; ประชาสัมพันธ์

    ช่วยรับ คน(เพิ่งออกจาก)คุกไว้.......................ทำงานใช้ ไร้เดียดฉันท์
ช่วยให้ โอกาสกัน........................................เขาเหล่านั้น ล้วนคนดี(กลับตัวกลับใจแล้ว)

    พูดง่าย (แต่ตัวเองยัง)ไม่กล้ารับ......................คนสับปลับ ก็แบบนี้
แสดงตน เป็นคนดี........................................ด้วยพาที มิใช่กระทำ

    พระสงฆ์(ไม่น้อย) หลงงมงาย.........................ของขลังขาย ไสยศาสตร์ค้ำ
ไม่มี แม้ศีลธรรม...........................................(คนมากมาย)จึงต่ำช้า บ้าบอเอยฯ

๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ศีลธรรม คือแสงสว่างของชีวิต : กลอนคติชีวิต




ศีลธรรม คือแสงสว่างของชีวิต : กลอนคติชีวิต

    ในคืน มืดมน อนธการ..............................................แสงจันทร์ บันดาล สถานเห็น
ผู้เดิน ทางไกล ไร้ลำเค็ญ.........................................เยือกเย็น เป็นอยู่ รู้หนทาง

    อุปสรรค ขวากหนาม ความทุระ..................................ภยันตราย ใดๆ ให้เหินห่าง(ทุระ=ลำบาก)
ด้วยแสง จันทร แม้อ่อน-ลาง.....................................ใสกระจ่าง กลางห้วง รัชนี(รัชนี=กลางคืน,เวลามืด)

    เปรียบเสมือน ศีลธรรม นำชีวิต...................................ช่วยลดพิษ ริดรอนภัย ในโลกนี้
เมื่อรู้จัก หลักผิด-ชอบ-ชั่ว-ดี.....................................การดำเนิน ชีวี นิรามัย(นิรามัย=เป็นสุข)

    ศีล(ที่เป็น)ข้อห้าม (คือ)ความรู้จาก ประสบการณ์............ผู้ผ่าน ชีวิต ลิขิตไว้
งดเว้น พฤติกรรม นำพาภัย........................................เหตุให้ ปัญหา ลดละมี

    ศีลที่เน้น เป็นวัตร ช่วยพัฒนา.....................................กรอบเกณฑ์ กติกา พาสุขี
ขัดเกลา ความโสมม รมณีย์.......................................ให้เป็น คนดี มิเถื่อนพาล

    หลักธรรม คือความจริง สิ่งสัจจะ.................................หาใช่ ให้คารวะ ปาฏิหาริย์
อธิบาย เหตุ-ผล บนจักรวาล......................................เพื่อการ รู้แจ้ง แล้งโง่งม

    ชีวิต ของคน บนโลกนี้..............................................ร้อยวัน พันปี มิต่างสม
มักเพลิน เดินหน้า ตามค่านิยม...................................กระแส สังคม โหมพัดพา

    ถูกใจ มักไม่ใช่ ความถูกต้อง......................................โลกจึง มิเคยพร่อง ก้องปัญหา
ผู้ไร้ ศีลธรรม คุมกรรมา............................................ชีวี มิโสภา ต่ำช้าเอยฯ

๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ชีวิต...บทเรียนและแบบฝึกหัด : กลอนคติชีวิต


ชีวิต...บทเรียนและแบบฝึกหัด : กลอนคติชีวิต

    ราบรื่น คืนวัน ผันเปลี่ยน......................................ปรากฏ บทเรียน(และ) แบบฝึกหัด
ตรองตรึก ศึกษา โลกทัศน์.................................ปรับปรุง ปฏิบัติ อัชฌา

    สังเกต ดีๆ มีบท(เรียน)ใหม่..................................ภายใต้ เหตุการณ์ ปัญหา
ให้ชวน ขบคิด พิจารณา.....................................เป็นวิชา เก็บไว้ ไตร่ตรอง

    คนฉลาด มิผัดเพี้ยน เรียนรู้...................................พัฒนา ตนอยู่ สู้สอดส่อง
ไม่มัว เมาเล่น เฟ้นคะนอง...................................คัดกรอง ความโง่ โฉเก(ทิ้งไป)

    เมื่อมี ชีวี=มีเวลา...............................................จงอย่า กระมล ฉลเฉ
รักสนุก สุขส้อง เสเพล.......................................โลเล ปราศคุณ หนุนนำ

    อย่ารีบ อยากเร่ง เคร่งเครียด................................รังเกียจ ชีวา คราตกต่ำ
หากรู้จัก เลือกใช้ ให้ถูกธรรม...............................ย่อมก่อเกิด กุศลกรรม อำไพ

    แม้ยาม เวลา ยากเย็น.........................................ยังเห็น ช่องทาง สว่างใส
เพื่อน้อม ทำดี มีวินัย..........................................อย่าปล่อย ผ่านไป (โดย)ไม่นำพา

    ขณะที่ ชีวาตม์ ขัดข้อง........................................เนื่องนอง ประจัญ ปัญหา
(ควร)คิดเห็น เป็นห้วง เวลา.................................ฝึกหัด พัฒนา ตัวตน(เช่น แม้ชีวิตลำบากก็จะไม่ทุจริต)

    มีสุข มีทุกข์ ฉุกคิด.............................................(ความพยายาม)สู้ชีวิต ฝ่าฟัน บันดาลผล
ได้เรียน รู้หลัก ทักษะดล.....................................เป็นคน เก่งกาจ สามารถเอยฯ

๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓