กลอนแปด : ฝน ... หนาว คง...หลงฤดู
ชั่วชีวิน ชินชาติชนม์ จนปูนนี้ ไม่เคยที่ สิ้นมีนาฯ อากาศหนาว
พระพายพัด ฝนซัดสาด อนาถราว หรือโลกผ่าว เมามลพิษ ฤทธิ์นรา
รุ่งอรุณ กรุ่นกรอก ม่านหมอกฝน ขาวถกล ท้นทั่ว มัวทิศา
เมฆปกคลุม รุมพร่าง พรางสุริยา พิรุณรา โปรยละออง ฟ่องชื้นเชย
เพลาสาย อายหนาว เคลื่อนคราวครั้น สั่นสะท้าน งันงก โอ้อกเอ๋ย
ฤดูร้อน กร่อนกรม ผ้าห่มเกย ลมรำเพย เลยพัด ฝนสาดซา
ไร้แดดส่อง หมองหม่น กมลหมาง แสนอ้างว้าง ร้างใจ ให้ผวา
นอนโดดเดี่ยว เปลี่ยวดาย ในวิญญาณ์ เหมือนชีวา ผจญพิษ ฝนผิดฤดู
คนเดียวดาย ชายหญิง ดูยิ่งมาก ต่างใคร่อยาก ครองเรือน เพื่อนคู่หู
เหตุไฉน กายเปลี่ยว แลเหลียวดู เกรงเนื้อคู่ ชู้ชั่ว ? / กลัวอะไร ?
เสียงกระดิ่ง สายลม ระดมก้อง " อีแพรด " ร้อง คล่องขาน กังวานใส
เสียงใบไม้ ไล้ลม ภิรมย์ใจ ฝนรินไหล จากชายคา พาบันเทิง
สามวันที่ ไม่มี สุรีย์รังค์ เสมือนดั่ง ร้างจิต ทิศเถลิง
อากาศหนาว ร้าวใน ใจกระเจิง ลอยเปิดเปิง เริงเล่น เป็นป่วนปรน
ถ้าพรุ่งนี้ ไม่มี สุรีย์ฉาย แค่หนาวกาย ไหวหวั่น สักพันหน
แต่วันนี้ ไม่มี นิรมล ใจพี่จน เจียนตาย รู้ไหมเอย ฯ
๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น