ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

คิดถึงบ้าน : กาพย์ ห่อ โคลง

                    
                                               

คิดถึงบ้าน : กาพย์ ห่อ โคลง


      นั่งริม หน้าต่างจ้อง               มองฝนฟ่อง นองฟ้าล้น
หยาดแล้ว หยาดเล่าหล่น            ยลไร้ล้า รินโปรยไป

๑. นั่งริมหน้าต่างจ้อง                      มองฝน
ไหลหลั่งรินระรน                         จากฟ้า
หยาดแล้วหยาดเล่ายล                 หยาดผุด
ไป่หยุดแรงอ่อนล้า                      พร่ำพร้อยโปรยปราย ฯ

      ดั่งข้า น้ำตานอง                   อกหม่นหมอง ร้องร่ำไห้
จากบ้าน ซานแสนไกล               ไร้ที่พึ่ง พิงพักพา

๒. ดั่งข้ามีแต่น้ำ                             ตานอง
จิตใจหม่นมัวหมอง                       ร่ำไห้
ห่างบ้านซานซมจอง                     ไกลจาก
ที่พึ่งพิงพรากไร้                           ห่อนได้พักพา ฯ

      ดิ้นรน ตัวคนเดียว                   ช่างเปล่าเปลี่ยว แสนเหว่ว้า
เพื่อนตรำ คือน้ำตา                        คละความเหงา เคล้าเดียวดาย

๓. ตัวตนเดียวรนดิ้น                          เอกา
แสนเปลี่ยวใจกายา                        เหว่เศร้า(เหว่=เปล่าเปลี่ยว)
(ความ)เหงา-เดียวดายมักมา            เยือนจิต
เพื่อนสนิทคอยเคียงเคล้า                คือน้ำตาไหล ฯ
      ครวญจิต คิดถึงบ้าน                 จากมานาน แทบพานสลาย
โศกี ไม่คลี่คลาย                            ไร้รักมอบ ปลอบประโลม

๔. ครวญจิตคิดถึงบ้าน                      นานมา
แทบสลายในมนา                           สั่นคร้าม
มีแค่ความโศกา                             คอยปลอบ
ไม่มีรักหักห้าม                               ปลุกเร้าประโลม ฯ

      เศร้าจิต คิดถึงบ้าน                     ยามกลางวัน งานหาญโหม
ยามค่ำ ขื่นประโคม                           น้ำตาชโลม ผล็อยหลับไป ฯ

๕. เศร้าจิตคิดถึงบ้าน                         เซื่องโทรม
กลางวันงานหาญโหม                      กลบไว้
กลางคืนขมขื่นชโลม                       ระส่ำ
ชลเนตรนองร่ำไห้                          อ่อนล้าหลับผล็อย ฯ

๑๗ กันยายน ๒๕๕๔

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น