ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

พลังใจจากพ่อแม่ : กาพย์ยานี๑๑



พลังใจจากพ่อแม่ : กาพย์ยานี๑๑


    เห็นข่าว เด็กเขลาคิด...............ปลิดชีวิต เพราะผิดหวัง
ไม่ได้ ตามใจดัง..........................หวนความหลัง (คิดถึง)ครั้ง(เรา)เยาว์วัย

    เห็นเด็ก คนอื่นมี(อะไร).............ก็อยากมี อยากจะได้
(แต่)ฐานะ เรายากไร้....................น้อยนักได้ ดังประสงค์

    ยังดี มีพ่อแม่...........................ผู้ดวงแด แผ่(ความ)มั่นคง
ไม่เคย พะวักพะวง.......................โศกเศร้าตรง ความขาดแคลน

    มุ่งมั่น สร้างฐานะ......................เพื่อที่จะ มั่งมีแหน
ทุ่มเท พลังใจ;แทน-.....................ที่จะมา โศกาเบน

    แม่พ่อ อย่าท้อแท้.....................เศร้าดวงแด ให้ลูกเห็น
สิสร้าง นิสัยเป็น...........................คนขื่นเข็ญ ลำเค็ญทรวง

    สอนลูก ให้รู้คิด.........................สู้ชีวิต พิชิตล่วง
สิ่งยาก ลำบากปวง.......................ทะลวงได้ ด้วยใจเรา

    ปลุกใจ ให้เข้มแข็ง.....................ปัญญาแกร่ง ไม่ขลาดเขลา
สุขี มิซึมเซา................................ร่าเริงเร่า เศร้าทำไม?

    สร้างสรรค์ ความหรรษา...............ด้วยบรรดา ของหาได้
ตั้งตา หาต่อไป.............................ย่อมได้สม ภิรมย์ปอง

    พลังใจ จากพ่อแม่......................สำคัญแท้ เหนือสิ่งผอง
ความคิด วิจิตรจอง.........................จึงสำเร็จ สมเจตนาฯ

๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙

*"สลดนักเรียนสาว ม.5 น้อยใจแม่ไม่มีเงินให้ติวสอบเข้าแพทย์ผูกคอดับ" กลายเป็นพาดหัวข่าวชวนสลดใจไปทั้งประเทศเมื่อเด็กคนหนึ่งตั้งใจแน่วแน่อยากจะเข้าเรียนคณะแพทย์ แต่ด้วยค่าติวที่แพงมหาโหดกว่าครึ่งแสน ลำพังผู้เป็นแม่ที่เป็นแค่พนักงานกินเงินเดินจึงมีไม่เงินให้ลูกสาวไปติวแพทย์ นำไปสู่ข้อความโพสต์เฟซบุ๊กเชิงน้อยใจ "ทำไมแม่ไม่เคยเข้าใจ" ก่อนตัดสินใจคิดสั้นผูกคอตายในเวลาต่อมา...

จาก <http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9590000115274


“ขณะนี้สังคมไทยเกิดความเข้าใจผิดว่า จะต้องทำให้เด็กอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว จะช่วยทำให้เด็กเก่งและฉลาด จึงไปเน้นให้เด็กวัย 0 - 6 ขวบ ในเรื่องของการอ่านออกเขียนได้ ซึ่งสุดท้ายจะไปกดทับทักษะด้านอื่นๆ ที่จำเป็น ทั้งความคิดสร้างสรรค์ การคิดวิเคราะห์ วุฒิภาวะทางอารมณ์ และการแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต เพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ โดยมีการวิจัยทางด้านจิตวิทยาที่ชัดเจนแล้วว่า การพัฒนาทักษะสมองด้าน EF เป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิต จะทำให้เด็กเป็นคนเก่ง ฉลาด และดีอีกด้วย ดังนั้น ในช่วง 0 - 6 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงในการสร้างและพัฒนาสมองของเด็กได้ดีที่สุด จึงควรเน้นการดูแลเด็กด้วยการให้เด็กได้เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ เพื่อให้เด็กมีโอกาสฝึกคิด วางแผน แก้ไขปัญหา สำหรับผู้ปกครอง ครู หรือพี่เลี้ยงเด็กก็ต้องมีการปรับตัวในการดูแลเด็ก ต้องปล่อยให้เด็กได้ออกไปเรียนรู้ตามธรรมชาติของเขา อยากเล่นอะไรอยากทำอะไร แล้วทำหน้าที่คอยดูพัฒนาการของเด็กว่าด้านไหนบกพร่องแล้วคอยช่วยเหลือกระตุ้นพัฒนาการ และต้องสอนให้เด็กรู้จักคิดเป็น รอคอยเป็น แก้ปัญหาเป็น จึงจะช่วยกระตุ้นทักษะสมองด้านดังกล่าวได้”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น