ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2563

เมื่อไหร่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเดิม? : โควิด19


เมื่อไหร่จะได้กลับไปใช้ชีวิตปกติแบบเดิม?* : โควิด19


        วันที่ 26 เม.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.พ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะโฆษก ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ตอบคำถาม.......


        เมื่อถามว่าในเรื่องชีวิตวิถีใหม่ (new nomal) ขณะนี้มีบางฝ่ายเห็นว่าเมื่อสถานการณ์คลี่คลายไปในทางที่ดีก็น่าจะกลับไปใช้วิถีชีวิตแบบเดิม เพราะการใช้ชีวิตวิถีใหม่ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบการทำมาหากินยากลำบาก นพ.ทวีศีลป์ กล่าวว่า เข้าใจว่าทุกคนอยากกลับไปใช้วิถีปกติ มีการค้าขาย มีการเดินทางอย่างปกติ
        แต่ที่ยังไม่สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ เพราะต้องเข้าใจ สภาวการณ์การเกิดโรคนี้ซึ่งไวรัสโควิด-19 เพิ่งเกิดมาในช่วง 3-4 เดือน และเป็นโรคติดต่อทางเดินหายใจ แพร่กระจายผ่านตัวไวรัสที่ผ่านทางน้ำมูก น้ำลาย คนส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ คือคนในช่วงวัยทำงานและไม่มีอาการ เราจึงไม่รู้ว่าใครติดเชื้อบ้าง และยังเดินอยู่ในสังคมตรงไหน
        ถ้ากลับไปใช้ชีวิตปกติก็จะมีโอกาสติดเชื้อจากคนเหล่านี้ได้มาก เมื่อติดขึ้นมาก็จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดได้อีก แม้ปัจจุบันประเทศไทยจะเจอแค่หลักสิบ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะคุมได้ หรือจะกลายเป็นศูนย์ (0) และถ้าเมื่อเป็น 0 ก็ต้องดูว่าจะนานเท่าไหร่ และไม่ใช่แค่จะเป็นตัวเลขแค่ 0 บ้านเราอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องให้ตัวเลขเป็น 0 ทั้งโลก ถึงจะเกิดความมั่นใจได้
        “ดังนั้น แม้วันนี้บ้านเราจะคุมตัวเลขได้ดี แต่รอบๆ บ้านเราและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ตัวเลขยังพุ่งสูงขึ้น แสดงว่าเชื้อในอากาศยังมีอยู่เต็มไปหมด ถ้าเรายังใช้ชีวิตวิถีเดิม เดินทางไปท่องเที่ยว ไปซื้อของเหมือนเดิม ก็มีโอกาสจะกลับมาระบาดได้ใหม่ สิ่งที่เราลงทุนไปเมื่อหลายเดือนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยกลายเป็นศูนย์ จึงต้องชี้แจงว่าการจะกลับไปสู่ภาวะปกติต้องใช้ระยะเวลาอีกยาวพอสมควร
สิ่งที่จะกลับไปปกติได้ คือ
1.จะต้องมียารักษา เมื่อมียารักษาก็จะคุมเชื้อโรคได้ โดยต้องเป็นการรักษาให้หาย ไม่ใช่แค่การระงับยับยั้งไม่ให้โรคเจริญเติบโต หรือต้านไว้เฉยๆ นั้น ไม่พอ ยาต้านไวรัสไม่ใช่การรักษาไวรัส เป็นการไม่ให้โรคกำเริบเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการรักษาให้หายทั้งหมด
2.เราจะต้องมีวัคซีน ซึ่งเมื่อไหร่ที่มีวัคซีนก็จะตอบได้ว่าการแพร่ระบาดของโรคก็จะจบได้ตอนนั้น แต่กว่าจะได้ตรงนี้ ข้อมูลล่าสุดก็คืออาจจะเป็นต้นปีหน้า หมายความว่าเราต้องใช้เวลาระหว่างนี้ไปถึงต้นปีหน้าในการควบคุมโรคโดยการควบคุมตัวเราเองให้ได้ ปรับชุดพฤติกรรมของเราในตอนนี้ให้ได้ เพื่อที่จะไม่เอาเชื้อโรคมาอยู่ที่ตัวเรา หรือเอาเชื้อโรคจากตัวเราไปอยู่ที่คนอื่น จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้
        ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกยังไม่ยินยอมในช่วงตอนแรกที่จะปรับตัวเข้าจะเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นและหลักแสนขึ้นมาทันที แต่ปัจจุบันหลายประเทศจึงต้องปรับตัวมาและออกมาตรการ คล้ายๆ กับสิ่งที่ไทยได้ทำ ซึ่งเป็นการออกมาตรการมาตั้งแต่แรก ทำให้ตัวเลขของเราไม่สูง แต่ถ้าออกช้าก็คงไม่แตกต่างไปจากคนอื่น เช่นเดียวกันถึงแม้เราจะออกมาตรการได้เร็วและยกเลิกเร็ว ก็จะกลับไปเป็นตัวเลขเหมือนประเทศอื่นๆ ที่เกิดขึ้น คือการ์ดตกเมื่อไหร่ สิ่งที่ลงทุนมาทั้งหมดจะกลายเป็นศูนย์ทันที
จาก <https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_4020711>

*
เป็นคำถามที่ผู้เขียนฝากสื่อไปถามโฆษก ศบค.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น