โลกศิวิไลส์ : กลอนเจ็ด
๏ ฟ้าแลบ แปลบปราย
ในความมืด..................ลมเช่น เย็นชืด ยึดเวหา
พัดป่วน ผวนปั่น
ดันเมฆา...............................หอบฝน หล่นมา ให้หล้าเริง
๏ สำเนียง เสียงซ้อง
ของกบเขียด..................แทรกเสียด แข่งขัน กันยุ่งเหยิง
เสียงฝน ฟ้าก้อง
ฟ้องบันเทิง...........................สะคราญ สัณห์เบิ่ง เถกิงไกร
๏ ป่าที่ เปียกชื้น
ฟื้นชีวิต...............................มองความ มืดมิด วิจิตรศรัย
(ความ)อุดม สมบูรณ์
สุนทรไท.........................ทำให้ สมมาด ไม่ขาดแคลน
๏ หาก(แต่)ความ คิดแต่
เห็นแก่ตัว..................กลับกลั้ว เกลือกให้ ได้ยากแค้น
จิตคด จดจ่อ
ก่อทุกข์แทน...............................สุขแสน เสื่อมสิ้น แผ่นดินทราม
๏ เอาแต่ ตัว(เอง)รอด
เป็นยอดดี.....................คนเชื่อ เช่นนี้ มีมากหลาม
(ส่วน)คนเสีย สละ
พยายาม.............................ใจงาม ความดี (มี)สักกี่คน ?
๏ หากยัง ยกย่อง
เงินทองยศ..........................ศักดา ปรากฏ แม้โฉดฉล
ละ(เลย)ธรรม ความดี
นิรมล.............................(จะ)ส่งผล สังคม อุดมพาล
๏ แต่ถ้า ยกย่อง
ครรลองธรรม..........................ไม่พร่ำ นำพา ยศถาฐาน
เงินทอง มองข้าม
เหมือนรำคาญ........................ชั่วช้า สามานย์ คนจัญไร
๏ สังคม (จะ)สมปอง
ส้องน่าอยู่........................ทุกผู้ ทุกนาม ทำเลื่อมใส
ความแร้น แคลนขาด
คงปราศไป........................สู่ยุค สมัย ศิวิไลส์เอย ฯ
๑๕ มิถุนายน ๒๕๕๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น