หลังฝน : กลอนแปด
๏ ณ สุดปลาย ขอบฟ้า
นภาฟั่น..............แสงตะวัน พลันดับ เลือนลับหาย
ผองพหล พลกล้า
เมฆากราย.................แผ่ขยาย ผายขยับ เข้าจับจอง
๏ เสียงคำราม ครามโครม โรมระนาด......สายฟ้าฟาด
สาดแสง สำแดงส่อง
ลมทยอย ทอยพัด
ระบาดพอง................อวดอำนาจ กราดก้อง ต้องพงไพร
๏ ทึ้งกิ่งก้าน ทานทน
เสียงสนสับ...........โยกขยับ รับแยบ แทบไม่ไหว
ลมกระโชก โบกปลิว
ลิ่วหลุดใบ..............กลาดเกลื่อนไป ในป่า พนาพี
๏ หยาดพิรุณ พูนหล่น
พร่างบนพื้น.........หยดความชื้น เฉกไล้ ระบายสี
ชั่วประเดี๋ยว
เกรี้ยวกราด สาดทวี..............เช่นชลธี ปรี่ล้อ ปกธรณิน
๏ ชั่วประด๋าว พราวพร่า
นภาขจ่าง...........เมฆลอยห่าง ร้างหาย ไร้สรรพสิ้น
แสงประภาส สาดภา
สุรทิน.....................ไพรพงผิน สู่ผัน สันติพร
๏ หยาดน้ำฝน บนหญ้า คราต้องแสง........พชระแพลง
แปลงพิศ อิฏฐาสร
หยดน้ำใส ย้ายสู่
อุระซอน.......................ส่องสะท้อน สุธา ทิพาวรรณ
๏ หลังประเชิญ ปัญหา
ที่ทรหด...............ได้พักผ่อน รอนขด
ลดคับขัน
กลับมาสู่ วิถี
ของชีวัน.............................ที่สุขสันติ์ หรรษา ภาระคลาย
๏ รอพักฟื้น คืนแกร่ง
เรี่ยวแรงกลับ...........ค่อยขยับ รับมือ ยื้อยุทธ์ใหม่
ตราบชีวี นี้ยัง
(มี)หวังมากมาย..................จำต้องสู้ จนตาย เตรียมใจเทอญฯ
๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น