โคลงสี่สุภาพ : " โง่ ไม๊ ? "
๑.สายหมอกซอนซอกเข้า หนาวนา
สัมผัสกายให้หา ห่มผ้า
คืนค่ำดำเนินมา เกือบรุ่ง
สงบสงัดอ้า อิ่งอ้อยนิทราฯ
๒.เสียงอีการ่ำร้อง กรองไกร
เบิ่งตาอาภาใส ส่องส้าย(ส้าย=สู้)
ความมืดดำครามไข ป่ายปราศ
รุ่งอรุณคืบค่อยคล้าย ห่วงห้วงเพลา ฯ
๓.สุรีย์ล่วงสั่งหล้า สู่วัน
สืบกิจนิจอนันต์ คุ่ฟ้า
ตรง-สัตย์ ปราศแสร้งสรรค์ ลวงเล่ห์
ประสิทธิ์ประโยชน์กล้า กึกก้องเกริกไกลฯ
๔.สุจริตจากจิตด้วย ศรัทธา
ซื่อสัตย์ปราศมารยา เล่ห์ร้อย
เอื้อประโยชน์แก่สาธา- รณะล่วง
ยืนหยัดมิคลาดคล้อย ด่างพร้อยประพฤติ ฯ
๕.คือคนมีค่าด้วย ความดี
กำเนิดประเสริฐธีร์ โลกท้า
แม้ตายไม่เสียที ชาติเกิด
สังขารสิ้นดินฟ้า ชื่อยั้งยืนยง ฯ
๖."สัตย์ซื่อ " คือโง่เค้า พาลเห็น
" เจ้าเล่ห์เพทุบาย " เป็น เลิศแล้
คนดี..ดีบำเพ็ญ เจิดจิต
ความชั่วมัวหมองแม้ ชีพม้วยไป่ถวิล ฯ
๗." เล่ห์ " นักใครจักไว้ วางใจ
" พาล " นักใครจักไป คบค้า
" ร้าย " นักใครจักใจ ใฝ่มิตร
" โง่ " นักมักชั่วช้า ไป่แจ้งจักรกง ฯ
๘." คนซื่อ " ใครคบด้วย ยินดี
" คนสัตย์ " ยังปัถพี สูงล้ำ
" คนตรง " อานิสงค์มี จิตแจ่ม
" คนสุจริต " กิจค้ำ ก้าวหน้าสถาผล ฯ
๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น