ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

สิริมงคล๓๘(มงคลสูตร๓๘) : กาพย์ยานี๑๑


สิริมงคล๓๘(มงคลสูตร๓๘) : กาพย์ยานี๑๑


    ความมี สิริมงคล.....................................ต่างดั้นด้น เที่ยวค้นหา

อยากได้ (เพื่อ)ให้ชีวา..........................ประสบสุข สิ้นทุกข์ตรม


    มักไป หาในวัด.......................................พระถนัด ไสยศาสตร์สม

วิชา คาถาอาคม(วัตถุมงคล,พิธีกรรม).....ด้วยอุดม ความงมงาย

 

    พึ่งพิง สิ่งศักดิ์สิทธิ์.................................เชื่ออิทธิฤทธิ์ อุกฤษฏ์หลาย

รูปปั้น(ศักดิ์สิทธิ์) อันมากมาย.................ของขลังขาย (ซื้อไว้)ได้ครอบครอง


    เชื่อ(ว่า)มี สิริมงคล.................................ตามที่ตน ค้นหาต้อง?

เภทภัย ในโลกผอง...............................ถูกปกป้อง ตามต้องการ?

 

    (ส่วน)สัมมา พระพุทธเจ้า........................สอนให้เข้า ใจแก่นสาร(ความถูกต้อง-เป็นจริง)

(ใช้)ปัญญา วิจารณญาณ.......................หากต้องการ สิริมงคล

 

    เริ่ม(ต้น)จาก ไม่คบ(คน)พาล...................สมัครสมาน บัณฑิตสน(คบคนดีมีความรู้)

บูชา สาธุชน.........................................สิริมงคล ล้นได้มา


    อยู่(ใน)ที่ ที่ควรอยู่.................................อย่าไปสู่ อุบาทว์สถาน์

เคยสร้าง สมบุญญา...............................คือสัมมา สิริมงคล


    ตั้งตน บน(ความ)ถูกต้อง.........................อย่าเกี่ยวข้อง ครรลองฉล

ใฝ่หา ความรู้ค้น(คว้าให้รอบรู้)................ฝึกฝน ศิลปวิทยา(วิชาชีพ)


    มีระเบียบ และวินัย..................................พูดจาให้ ไม่มุสาฯลฯ(วจีทุจริต๔)

เลี้ยงดู บิดรมารดา.................................บุตร-ภรรยา เพียรอุปถัมภ์


    ไม่คั่ง ค้างงานการ..................................บริจาคทาน หมั่นประจำ

จริยา ศีลธรรม.......................................ถือหลักนำ ชีพดำรง


    สงเคราะห์ เหล่าญาติมิตร........................สุจริต กิจประสงค์

เว้นบาป ชั่วหยาบปลง............................มิหลงเสพ สิ่งมึนเมา

 

    อย่าประมาท ชีวาตม์ใช้...........................มิหลงใหล อัตตาเฝ้า

ถ่อมตน พ้นบรรเทา................................ให้(ความ)เคารพ นบนอบรู้(รู้จักเคารพนบนอบ)


    พอใจ (เท่าที่)หาได้-มี.............................ดวงฤดี (มีความ)กตัญญู

ฟังธรรม หาความรู้..................................(เป็นผู้)สู้อดทน อุตสาหะ

 

    ว่าง่าย สอนไม่ยาก..................................รับทัศนะจาก เหล่าสมณะ*

แลกเปลี่ยน (ความคิดเห็น)เรื่องธรรมะ.......บำเพ็ญตบะ ประพฤติพรหมจรรย์

 

    เห็นแจ้ง อริยสัจ(๔).................................เพียรปฏิบัติ นิพพานสรร

(เรื่อง)โลกา อย่าไหวหวั่น.........................บ่โศกศัลย์ บั่นกิเลส


    ทำใจ ให้เปี่ยมสุข(เบิกบาน)......................อย่าให้ทุกข์ รุกรานเจต

สิริมงคล (หา)ใช่มนต์เวท..........................มีสาเหตุ(จากการกระทำ) และผลเอย


๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๔

*สมณะ=ผู้สงบกิเลสแล้ว, ผู้ระงับบาป


**ขอให้พิจารณาดูว่า

ตามที่มีพระ-วัด ชักชวนให้ร่วมทำกิจกรรมต่างๆนานา เพื่อเสริมสิริมงคลนั้น

ตรงกับของพระพุทธเจ้าหรือเปล่า?

หากไม่ตรงกัน

ก็ไม่ใช่คำสอนของพระพุทธศาสนา แต่เป็นของพระคิดขึ้นมาเอง

แล้วพระเหล่านั้นเป็นใคร? บรรลุธรรมขั้นไหน? มึความรู้ดีกว่าพระพุทธเจ้าหรือ?

ขอให้สังเกตว่า

กิจกรรมที่พระ-วัดชักชวนทำ มักจบลงที่ การทำบุญ(บริจาคเงิน) เพื่อบำรุงพระ-วัด แต่ชอบใช้คำว่า "บำรุงพระพุทธศาสนา"

เป็นวิธีการหาเงิน หรือพุทธพาณิชย์ นั่นเอง.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น