๏ แต่ละวัน การติดต่อ ก่อสัมพันธ์................................ภายในสัง คมนั้น ลานหลากหลาย
โลกแห่งความ เป็นจริง เหมือนอิงนิยาย*.................ยังขวนขวาย โลกเสมือน เลอะเลือนลาง
๏ ผลประโยชน์ ตอบแทนทาง ธุรกิจ............................เป็นแรงผลัก หลักคิด นิรมิตสร้าง
โลกสมมุติ จุดหมาย ปลายหนทาง.........................เป็นแสงสว่าง หรือมืดมิด พิศต่อไป
๏ คนโลภแล (ความ)โลภเห็น เป็น(เรื่อง)ปกติ...............ความเผื่อแผ่ แค่คิด (ยัง)ผิดวิสัย
การเป็นคน เห็นแก่ตัว มัวเมาใจ.............................คือกระมล คนส่วนใหญ่ ในโลกา
๏ เอารัดเอา เปรียบชน คนอื่นเขา................................มีรากเหง้า เผ่าพันธุ์ เพราะ(กิเลส)ตัณหา
คนคดจิต คิดสาไถย ใคร่มารยา.............................มักสร้างเลศ เจตนา เสาะหาทรัพย์ฯลฯ(จากคนอื่น)
๏ เมื่อเนื้อใน ใจมนุษย์ ไม่สุจริต..................................ย่อมประสิทธิ์ สันดาน พาลสับปลับ
คอยใคร่ครวญ รัญจวนใฝ่ ในผลลัพธ์......................ประโยชน์ดื่น คืนกลับ จับจิตใจ
๏ (เป็น)ที่มาผอง ของ(ความ)สัมพันธ์ อันสกปรก...........แม้(ใน)ครอบครัว ยังมัวหมก มุ่นยกใหญ่
(ความจริง)สายสัมพันธ์ อันรกร้าง และห่างไกล........(ถึงตัวจะไป)มาหาสู่ อยู่ใกล้ (แต่)ไม่หวังดี
๏ ความคะนึง อยากพึ่งพา(ผู้อื่น) เพื่อหาผล..................คือสัจจา สากล บนโลกนี้
(อยาก)ผูกสัมพันธ์ สานเยื่อใย มอบไมตรี................(ก็)ต่อเมื่อมี ผลประโยชน์(ตอบแทน) ปราโมทย์มา
๏ ศัตรูของ ความสัมพันธ์ อันใกล้ชิด............................จึงเป็นจิต ทุจริตล้น ท้น(กิเลส)ตัณหา(ไม่ใช่มือที่สาม)
ศีลธรรมเร้น เห็นแก่ตัว ชั่วมารยา............................(อัน)ชนชินชา ประพฤติ ยึดครรลอง(ในสังคม)
๏ เมื่อต่างคน ต่างสาไถย (แต่)ไม่ถือโทษ....................ต่างยอมรับ กับ(ความ)ทรามโฉด โหดร้ายผอง(ในกันและกัน)
กระทำก่อ ต่อกัน วันคืนกอง(สะสม)........................เผยภาพผอง ความสัมพันธ์ อันสกปรกเอยฯ
๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕
*โลกแห่งความเป็นจริงเหมือนอิงนิยาย เห็นได้จากการที่คนชอบสร้างภาพให้ตัวเองดูดี(ทั้งๆที่ตัวตนจริงเลว)
ต่างใส่หน้ากาก(เสแสร้ง-หลอกลวง)เข้าหากัน.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น