ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

กลอน : นิยาม ของ กามารมณ์

                           


กลอน : นิยาม ของ กามารมณ์

      กามารมณ์ ธรรมชาติ สัตว์สัญลักษณ์              แจ้งประจักษ์ กักขฬะ ราคะจริต
สัญชาติญาณ กำซ่านทรวง หน่วงความคิด             ยึดชีวิต ยั้งติดยื้อ คือสัตว์คน

      กามารมณ์ ของขวัญฝาก จากมารร้าย              ฝังเมล็ดหลาย ในชีวี คอยผลิผล
ไม่เท่าทัน พร่องปัญญา พาร่านรน                        เสียผู้คน สืบมลทิน จวบสิ้นใจ

      กามารมณ์ คือคมมีด กรีดเชือดเฉือน      หัวใจเหมือน จะเคลื่อนขาด อนาถไข
กามลามร้าว เศร้าโศกตรม ระทมฤทัย                อยู่ก็ใคร่ ตายทั้งเป็น เข็ญคืนวัน

      กามารมณ์ ปมสาไถย ไร้สาระ                     ปราศคุณค่า หาประโยชน์ โทษมหันต์
เด็กเสียสาว เยาวชนเสียตัว มั่วเมามัน                  แพร่บาปพันธ์ มารหัวขน ทุรนทุราย

      กามารมณ์ ผสมผเส เฉทึกทัก                      ว่าเป็นรัก หลงปักหัว ปล่อยตัวหาย
หมอกแห่งกาม คลุมคามเขต ครอบเพศคาย           ขึงความใคร่ กระหายโหย มิโรยรา

      กามารมณ์ อุทกป่า พายุใหญ่                       ซัดทำลาย ใจวิจิตร จัณฑ์..ริษยา
กายสร้างกรรม กามสร้างบาป สาปวิญญาณ์            เป็นสัตว์ป่า คนบ้ากาม ทรามเกลือกกาย

      กามารมณ์ ข่มขืนใจ โฉดร้ายลาก                   ฉุดกระชาก อยากกระแส แส่กระสาย
สัตว์ไสเสือก กระเสือกกระสน ทุรนทุราย              ไม่กลัวข่าย ไม่ยั้งคิด พินิจพิจารณ์

      กามารมณ์ คือคมหอก ถอกแทงทิ่ม               จนใจปริ่ม ปานจะตาย วายสังขาร
กามคับข้อง ต้องทดท้อ ทรมาน                         ดั่งหอกหาญ แทงฐานจิต มิดหัวใจ

      กามารมณ์ คือหล่มหลุม สุมชีวัน                  ไฟโลกันต์ ร่านร้อนเร่า เผาหลงใหล
ไฟแห่งกาม ลามลุกโหม โถมยามใด                   ยากที่ใคร ใจแข็งขืน หื่นโลกีย์

      กามารมณ์ วังวนน้ำ ด่ำ-ดึง-ดูด                     ความบริสุทธิ์ ขูดสลาย ไร้ศักดิ์ศรี
แรงกามเร้า ร้อนด่าวดิ้น เร่าอินทรีย์                      ร่านราคี กามิส์..ใคร่ ระสายระส่ำ

      กามารมณ์ คือความมืด ยืดสยาย                  สติหาย สายตาบอด ทอดถลำ
ชั่วไม่เห็น ผิดเป็นถูก ผูกจิตจำ                          ก่อบาปกรรม ทรามชั่วช้า อนาจาร

      กามารมณ์ ขนมหวาน ขนานพิษ                  ลิ้มรสนิด ติดตรึงใจ ให้หอมหวาน
ครู่รสสิ้น คลั่งดิ้นรน ท้นทรมาน                         พิษซาบซ่าน พล่านฤทัย ตายทั้งเป็น

      กามารมณ์ มายาภาพ ประทับจิต                 มนตร์กามกฤตย์ นิตยไสย ชม้ายเห็น
ดุจน้ำทิพย์ อำมฤตรส ปรากฏเป็น                      มิสร่างเซ่น บำเพ็ญกาม หลงอำไพ

      กามารมณ์ เล่ห์ลมลวง ว่าสรวงสวรรค์           ม่านเฉิดฉันท์ สำราญพราง สร้างหลงใหล
แท้เบื้องหลัง สะพรั่งผล ล้นโรคภัย                    ติดจนตาย ใครรู้เห็น เหม็นหน้าเมิน

      กามารมณ์ มัจจุราช ขาดเมตตา                  กระชากพา ทะยานกล้า ระหกระเหิน
แสวงหา หิวกระหาย ใคร่กามเกิน                      พร้อมเผชิญ มัจจุราช ไม่หวาดวาย

      กามารมณ์ สิ่งเสพติด ฤทธิ์สุดกล้า              กามติดใจ ไปจนกว่า ตัณหาหาย
หากโอนอ่อน ผ่อนปรนกาม ตามสบาย                ยิ่งระหาย ยิ่งใคร่อยาก ยิ่งยากเย็น

      กามารมณ์ ต้องข่มใจ อย่าให้รุก                   จะเป็นสุข ปลุกขันติ ขี่-คาน-เข็น
สำรวมกาย วาจาใจ ให้เยือกเย็น                        อย่าเที่ยวเล่น เว้นมิจฉา อโคจร

      กามารมณ์ ชนะแล้ว ใจแผ้วผ่อง                   พักตร์ลำยอง ไร้หมองคล้ำ งามอัปสร
ชีวิตโชติ สะอาดสดใส คล้ายอมร                       ไม่ทุกข์ร้อน ซุกซ่อนผิด วิจิตรเอยฯ

                                                                  ๒๒ กันยายน ๒๕๕๓ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น