ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพุธที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2553

หลักศีลธรรม มีหลายระดับ

                                    
                                             

ชีวิตต้องดำเนินไป
การดำรงชีวิต ต้องประกอบกิจกรรม เพื่อความอยู่รอดปลอดภัย
ทุกคนล้วนมีหลักในการดำเนินชีวิต แม้แต่เด็กทารก ก็ถือตนเป็นศูนย์กลาง เอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก
สามารถแยกหลักดำเนินชีวิตออกเป็นหลักใหญ่ๆ ที่นิยมกัน คือ ๓ หลัก อันได้แก่
หลักตามใจตัวเอง หลักสังคม และหลักศีลธรรม

ในที่นี้ จะขอกล่าวแต่เฉพาะประเด็นที่มีปัญหาสำหรับผู้มีศีลธรรมเป็นหลักดำเนินชีวิต คือ
ระดับของหลักศีลธรรม
หลักศีลธรรมมีหลากหลาย แยกย่อยออกได้ตามระดับความสำคัญ ความใหญ่ ความเลิศ ฯลฯ
ดังเช่นที่ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่า
ในบรรดาธรรมทั้งหลาย วิราคะ เป็นธรรมอันเลิศ และ ความไม่ประมาท เป็นธรรมใหญ่กว่าธรรมทั้งปวง
เป็นต้น

พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า ธรรมทานชนะทานทั้งปวง 
แต่พระองค์ก็ทรงสอนห้ามภิกษุแสดงธรรมแก่ผู้ที่ไม่ฟังธรรมด้วยความเคารพ 
ไม่ให้แสดงธรรมแก่ผู้ที่ฟังไม่เข้าใจ/ไม่สนใจ

หลักศีลธรรมที่หลากหลาย แยกย่อยแตกต่างกันนี้ ผู้ประพฤติปฏิบัติตาม
จะต้องศึกษาหาความรู้ให้กว้างขวาง แตกฉาน และจะต้องฝึกฝน นำไปประพฤติปฏิบัติให้ชำนาญ
มี มโนสุจริต จริงใจ ขจัดอัตตา กิเลส ออกไป และไร้อคติ
จึงจะรู้ซึ้งและเข้าอกเข้าใจในหลักศีลธรรมอย่างแท้จริง

เมื่อเกิดการขัดกันในหลักศีลธรรม
ปัจจัยสำคัญที่จะต้องคำนึงถึง คือ เวลา สถานที่ บุคคล และสถานการณ์
ผู้ประพฤติปฏิบัติ ต้องรู้จักเลือกหลักศีลธรรมที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่า
เลือกที่จะงดเว้น ไม่ปฏิบัติตามหลักศีลธรรมที่เล็กกว่า สำคัญน้อยกว่า
ตัวอย่างเช่น
หลักความสุจริต ความยุติธรรม และหลักการไม่พูดปด
หลักความสุจริต ความยุติธรรม ย่อมใหญ่กว่า สำคัญกว่า

หากคิดพิจารณาอย่างผิวเผินแล้ว อาจเข้าใจว่า
หลักศีลธรรมทั้ง ๓ นี้จะเป็นไปในทางเดียวกัน สอดประสานไม่ขัดแย้งกัน
แต่ผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติควบคู่กันไป จะพบสัจจธรรมที่ว่า
ในโลกที่สับสนอลม่านใบนี้ ในสังคมที่มากไปด้วยคนฉ้อฉล ทุจริต ลำเอียง เล่นพรรคเล่นพวก
ระเบียบ-กฎหมาย กระบวนการยุติธรรมที่หละหลวม ฯลฯ
การคงไว้ซึ่งความสุจริต ความยุติธรรม ในบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้วิธีพูดปด (โดยไร้ทุจริต)

คนที่มีอำนาจ มีอิทธิพล มีการศึกษา มีกำลังฯลฯ แต่ขาดศีลธรรม
มักเอาความได้เปรียบที่ตนมีอยู่ มาเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบ เบียดเบียนผู้อื่น
 เป็นปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้ทั่วไปในโลกใบนี้
การพูดปด เพื่อรักษาสุขภาวะของคนสุจริต
เพื่อช่วยเหลือคนสุจริต ให้ได้รับความเป็นธรรม
ปลอดภัยจากการเบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบจากคนทุจริต
เป็นสิ่งที่สุจริตและยุติธรรมอย่างยิ่ง

การปฏิบัติตามหน้าที่ เป็นหลักศีลธรรม
การปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ที่ถูกต้อง
แต่หากผู้บังคับบัญชาสั่งให้ทำผิดศีลธรรม
การละเว้น ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง จะเป็นการกระทำที่ถูกต้อง
ไม่ใช่การปฏิบัติตามคำสั่ง

มีผู้คนจำนวนมากที่ยังลังเล ไม่เข้าใจในแนวคิดเรื่อง ระดับความสำคัญ ความใหญ่  ของหลักศีลธรรม
จึงขอชวนเชิญให้ทำการศึกษา ระดับของหลักศีลธรรม
แล้วท่านจะได้รับอานิสงส์จากการพัฒนา
ประพฤติปฏิบัติตามหลักศีลธรรมได้มากขึ้น สะดวกขึ้น และสบายใจยิ่งขึ้น ฯ

๑ กันยายน ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น