ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

วัฒนธรรมฉาบฉวย : กลอนคติชีวิต

                             


วัฒนธรรมฉาบฉวย : กลอนคติชีวิต

      บ่ายวานนี้ พิรุณพรั่ง อย่างสนาน              ทั้งลมราน สมานสนุก ทั่วทุกหน
พนมไพร ร่วมส่ายโยก โชกอลวน                   จนสิ้นฝน สนธยา จึงลาโรย

      ยามฟ้าสาง ทุกอย่างนิ่ง ไม่ติงไหว            เรี่ยวแรงไร้ คล้ายอ่อนอู้ ดูโหยโหย
ละอองหมอก ฟอกป่าขาว ดั่งสาวโปรย             สำแดงโชย โดยวัสสา คุณาการ

      น้ำค้างกอด โอบยอดหญ้า สนิทสนม          เช่นชู้ชม ภิรมย์รัก สมัครสมาน
ยามสายแสง เริ่มแรงร้อน สะท้อนสะคราญ         น้ำค้างพล่าน ครั่นผันเปรย ระเหยไป

      ขอบอกกล่าว ป่าวประกาศ วัฒนธรรม          อันครอบงำ คนร่วมยุค คลุกสมัย
ศตวรรษที่ ยี่สิบเอ็ด สังเวชใจ                          คนคลั่งไคล้ "ความฉาบฉวย" อำนวยกรรม

      ภัตราหาร สรรหาล้วน กระบวนรส               ฟาสต์ฟู้ดโปรด จรดสุรา บ้าถลำ
ยาเสพติด คิดสูตรใหม่ ใจระยำ                        ขนม-น้ำ ด่ำดื่มรส ใช่โภชนา

      แต่งกายเก่า แข่งเท่าทัน กาลสมัย              ซื้อของใช้ จ่ายฟุ่มเฟือย จนเมื่อยล้า
เทคโนโลยี ไอทีคลั่ง ดั่งบิดา                           แม้ว่าจะ ต้องเป็นหนี้ ยินดีใจ

      นักศึกษา ไป่หาเรียน เพียรหารัก                 ครูก็มัก สอนพิเศษ เลศรายได้
หลักสูตรเรียน เปลี่ยนจนป่วน รวนเรไป                สร้างคนให้ เห็นแก่ตัว จนกลัวตน

      ความดีงาม ธรรมาศีล ถูกหมิ่นหยาม             เสพบาปกรรม ทรามเกเร เฉฉ้อฉล
ทุจริต ผิดศีลธรรม ตามใจตน                            แข่งรถยนต์ ฆ่าคนเล่น เป็นอาจิณ

      เห็นแก่ตัว ล้นหัวใจ จนร้ายเหลือ                  หลอกคนเพื่อ สุขของตน กลเล่ห์ลิ้น
ลวงว่ารัก อยากเมถุน พูนแผ่นดิน                       ใจปล้อนปลิ้น สิ้นสำนึก ตรึกสัมมา

      มีครอบครัว แบบชั่วคราว เอาสนุก                 ไม่พันผูก แค่สุขกาม ตามตัณหา
แฟน,กิ๊ก,ชู้ คู่,เพื่อนฯลฯสรรค์ พรรณนา                 ล้วนเอ่ยอ้า ว่าฉาบฉวย อำนวยกาม

       ใช้ชีวิต คิดแคบสร้าง หวังชาตินี้                   ไม่เชื่อมี คติใหม่ หลังตายหาม
ไม่คิดเห็น เป็นบาปบุญ สุนทานทราม                    ไม่เชื่อคำ กรรมมีกฎ ตามโทษทัณฑ์

      จึงขอเรียก "วัฒนธรรม ความฉาบฉวย"        บันทึกช่วย ด้วยอนุชน คนหลังฉัน
ได้เรียนรู้ ปู่ทวดตน ชนชาติบรรพ                         ชีวิตนั้น ยึดมั่นอะไร? ใช้อ้างอิงฯ

                                                                   ๒๓ กันยายน ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น