ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน

สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

กลอนนิทานสุภาษิต : ชาวนากับงูเห่า

                              
                                                



กลอนนิทานสุภาษิต : ชาวนากับงูเห่า 



      ขอบอกเล่า กล่าวนิทาน "กาลครั้งหนึ่ง     ณ ชนบทซึ่ง ห่างไกล ถึงชายป่า
มีบุรุษ สูงวัย ชายชรา                               เป็นชาวนา อารี  มีน้ำใจ

      สู้ขยัน ขันแข็ง ด้วยแรงเฒ่า                 อากาศหนาว เช้าตื่น ชื่นสดใส
มุ่งหน้าล่อง ท้องนา ด้วยอาลัย                   ทำงานให้ บรรลุ สู่เจตนา

      ถึงท้องนา ปะเหมาะ คราวเคราะห์เข็ญ    ชำเลืองเห็น งูเห่า จึงเข้าหา
งูหนาวขด หดลิ้น สิ้นสัญญา                       เฒ่าชรา อารี ปรี่เข้าไป

      เอื้อมประคอง รองงู มาสู่อก                 สองแขนปก กกกอด ทอดใจใหญ่
อุปถัมภ์ ค้ำจุน ด้วยอุ่นไอ                        จนล่วงไป หลายเพ..ลา ไม่อาทร

      ฝ่ายงูเห่า เจ้าตัว ใจชั่วช้า                  แรงคืนมา กล้าแข็ง แกร่งเหมือนก่อน
มองชาวนา หาเห็น เป็นภราดร                     แยกเขี้ยวงอน ย้อนกัด วิบัติแทน

      น่าสงสาร ชาวนา ชราเฒ่า                 เขี้ยวงูเข้า หนาวเนื้อ เจ็บเหลือแสน
พิษพิฆาต ปราดทั่ว ตัวเกร็งแกร็น               วิญญาณแล่น หลุดร่าง สังเวยวัย

      สุภาษิต สอนว่า อย่าประมาท              ก่อนมุ่งมาด ขาดเหลือ เกื้อกูลไผ(ใคร)
ดูให้ถ่อง มองให้ถึง ซึ้งจิตใจ                       ทั้งนิสัย สันดาน พาล ? คนดี ?

      ธรรมชาติ พาลชน มิยลเห็น                  แม้เคี่ยวเข็ญ คุณธรรม ไม่งามศรี
ไร้สันธาร กตัญญู กตเวที                           ในฤดี มีแต่ " กู " อยู่ร่ำไป

      จะคบมิตร คิดใคร่ ครวญให้หนัก             อย่างลุ่มรัก งวยงง จนหลงใหล
มหาสมุทร สุดตรึก ลึกเพียงใด                     ไม่เท่าใจ ทรชน ฉ้อฉลเอย ฯ

                                                           ๒ กันยายน ๒๕๕๓

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น