ผลงานของชายคนหนึ่งซึ่งนอกจากตามหลักสูตรของโรงเรียนแล้ว ต้องเรียนรู้ศึกษาหาความรู้เอง ทั้งหลักธรรมและการประพันธ์ ชอบคิด-วิเคราะห์-สรุปบทเรียนใหม่เป็นประจำ แล้วบันทึกไว้เป็นบทกวีเพราะมิเช่นนั้นจะลืมบทเรียนเก่า คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง จึงโพสต์สู่สื่อสาธารณะ
ยินดีต้อนรับ อาคันตุกะ ทุกท่าน
สมัคร Blogger.com ตั้งแต่ยังเป็นเว็ปอิสระ ต้องสร้างรหัสผ่าน แต่ตอนนั้นเพิ่งหัดใช้คอมพิวเตอร์จึงทำผิดพลาดตอนสร้างรหัส ทำให้บล็อก avijjabhikkhu เข้าไม่ได้ ต้องสร้างบล็อกใหม่ใช้ชื่อใหม่ จากคำว่า bhikkhu เป็น pikkhu แทน
ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา-ข้อมูล-สติปัญญา-ความรู้ความสามารถ-ความรีบเร่ง ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ผู้เขียนขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำเพื่อการแก้ไขความผิดพลาด ผู้เขียนไม่สงวนลิขสิทธิ์สำหรับการคัดลอก การนำไปเผยแพร่ที่ไม่ใช่เพื่อการค้า ขอเพียงแต่อย่าแอบอ้างว่าเป็นผลงานของผู้อื่น แต่ผู้เขียนขอสงวนลิขสิทธิ์ในผลงานนี้ สำหรับการนำไปเผยแพร่เพื่อการค้าหากำไร
*นักเรียน อย่าลอกเป็นการบ้านไปส่งครูนะครับ เพราะไม่สุจริต ไม่เป็นประโยชน์แก่การพัฒนาความรู้ความสามารถ ดูไว้เป็นตัวอย่างก็พอ
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้
มีอะไรสงสัย ไม่เข้าใจ ต้องการคำอธิบาย ก็ถามมาได้
วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553
กลอนธรรมะ : สังสารวัฏฏ์
กลอนธรรมะ : สังสารวัฏฏ์
หลังร้อนแล้ง แห้งกันดาร นานเนิ่นปี วสันต์นี้ พิรุณสาด ไม่ขาดสาย
อย่างกับว่า คอยท่ารอ ขอระบาย จึงโปรยปราย ไม่หยาดหยุด สุดปักษ์วาร
สายฝนพรำ นำอึ่งอ่าง ย่างเข้าห้อง กระโดดย่อง เยี่ยมมองหา กระยาหาร
ยามฝนดก คางคกดอก ออกสำราญ กบก็กร้าน เขียดคร้านฝน บ้านคนบัง
หอยทากเคลื่อน เขยื้อนย้าย ไปช้าๆ แบกเปลือกหนา ยืดตายาว เนาผนัง
กิ้งกือป่า ขาสลับ ขยับยัง ไส้เดือนขัง ตั้งใจขน ดินพ้นรู
ตรงโคนไม้ ตามไพรสนฑ์ ใต้ตันหญ้า เห็ดแปลกตา ตระการสี มิอดสู
แดง,เหลือง,ขาว, เทา,น้ำตาลฯลฯ บานเบ่งพรู ดินฉ่ำดู มุทิตา ร่าเริงไตร
ต้นยางใหญ่ ไหม้ดำพร้อย รอยฟ้าผ่า แต่ยางนา หาสะท้าน ยั่นหวั่นไหว
ยังสูงขึ้น ยื่นก้านกิ่ง ยิ่งยาวไกล ดำนานไพร อำไพพงษ์ ดำรงพันธุ์
ชลนที ปรี่กระแส แปรกระสินธุ์ เหมือนชีวิน ไม่สิ่้นสุด หยุดสังสรรค์
เกิด-แก่-ตาย กรายเกิด-แก่ฯลฯ กระแสกัล- ปาวสาน เป็นฝันสุทธิ์ หยุดวัฏฏ์วาย
อดีตกาล บรรพชน ดั้นด้นคิด สัจจ์ชีวิต ทิศธรรมชาติ ไม่ขาดสาย
ปราชญ์สำนัก ตระหนักสำนึก ตรึกสัมปราย พุทธพิสัย ทายเห็นแจ้ง แสดงธรรม
สัตว์ทั้งหลาย ต้องว่ายเวียน จำเนียรวัฏฏ์ ตามภพชาติ สัมพัทธ์ชิด จิตถลำ
กาม,รูป,อรูป. สรุปจบ สามภพจำ กามสามคำ: อบาย,มนุษย์, สุทธ์สวรรค์
การกระทำ กฏกำหนด โจทย์จุติ กรรมชั่ว/ดี มีวิบาก หลากคงขันธ์
เร็ว/ช้าบ้าง สังเวยผล ผจญพันธ์ ไม่พลิกผัน สรรค์วิถี ยุติธรรม
ทุกข์ระกำ ลำบากมี ชีวีนัก ปราชญ์ประจักษ์ ตระหนักใจ หน่ายเหลือล้ำ
นิยามตั้ง สังสารวัฏฏ์ อุปัทว์ธรรม แสวงกรรม นำสิ้นสุด หยุดเกิด-ตาย
พุทธองค์ ทรงตรัสรู้ สู่สุทธิ์ศานติ์ พบนิพพาน วารจุดจบ ภพทั้งหลาย
อริยะ สัจจะสี่ อธิบาย มรรคแปดปราย ทำลายวัฏฏ์ ถอนชาติชน
ความเห็นชอบ กรอบคิดเห็น เป็นต้นทาง ดำริชอบ ปรารถนาสร้าง หวังกุศล
เจรจาชอบ พูดคำดี นิรมล กระทำชอบ เบียดเบียนพ้น กุศลพร้ำ
เลี้ยงชีพชอบ ประกอบการ งานสะอาด ความเพียรชอบ เพียรพิพัฒน์ ไม่คลาดขำ
ระลึกชอบ มีสติ ตริตรองธรรม ตั้งใจชอบ สมาธิจำ กระทำเจน
ดั่งแม่ไก่ มีไข่ดก นั่งกกฟัก ไม่ต้องอยาก จักต้องถูก ลูกไก่เห็น
หมายนิพพาน ต้องหมั่นเพียร จำเนียนเพ็ญ ไม่วายเว้น อรหันต์ วิธานเอย ฯ
๘ กันยายน ๒๕๕๓
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น