เพียงดังว่า ราตรีนี้ เข้านิทรา หมู่ดารา เคยระยับ มาลับหาย
เมฆสีหม่น ท้นท่วมฟ้า ประดาดาย ไม่เคลื่อนคลาย คล้ายผลอยหลับ ไปกับดาว
อากาศนิ่ง ประวิงลม ชโลมไล้ ปะทะกาย ไอเย็นชื้น คลื่นกลางหาว
ฟ้าว่างเว้น ไม่เห็นแม้ แค่ค้างคาว ดูซึมราว เซาหัวใจ คนดายเดียว
พ้นยามสอง ท้องนภา เมฆาคลุ้ม ฟ้าแลบ รุม ขุมเคลื่อนใกล้ ในประเดี๋ยว
เสียงคำราม ตามแสงวาบ ขนาบเทียว รอบเรือนเปลี่ยว เหลียวว่างเปล่า ราวฉากไว
เสียงคำราม ตามแสงวาบ ขนาบเทียว รอบเรือนเปลี่ยว เหลียวว่างเปล่า ราวฉากไว
ยามหนุ่มสาว เอาการเถิด อย่าเทิดเที่ยว ใช้เงินเชี่ยว เดี๋ยวหยิบยืม ลืมชดใช้
สิ่งทั้งหลาย ไม่เที่ยงแท้ แม้แต่วัย เกิดเภทภัย ไข้พิการ ผลาญเงินทอง
สิ่งทั้งหลาย ไม่เที่ยงแท้ แม้แต่วัย เกิดเภทภัย ไข้พิการ ผลาญเงินทอง
ทุรพล จนทรัพย์สิน กิน..อดอยาก ยากลำบาก ตรากตรำการ งานขัดข้อง
ถูกทอดทิ้ง นิ่งก้มหน้า น้ำตานอง เพื่อนเที่ยวผอง ล่องหน..หาย ไม่มีพลัน
ชีวิตเลือน เหมือนไม่เหลือ เบื่อ...ชีวิต ให้ขบจิต สะกิดใจ ไพล่คิดสั้น
อนาคต หมดความหมาย ไม่สำคัญ แม้ทดรัน ทนทานก่อน อย่าทอนใจ
ในบางที ชีวิตเรา ใช่เราร่าง วิบากสร้าง วางชะตา เวลาไว้
ดั่งเรือน้อย ลอยตามลม ตะบมไป ถึงที่หมาย ได้จังหวะ จะจมเอง
ดั่งเรือน้อย ลอยตามลม ตะบมไป ถึงที่หมาย ได้จังหวะ จะจมเอง
สัจธรรม ล้ำลึกเกิน เพลินขบคิด เหนือชีวิต จิตวิญญาณ..ฯลฯ..? เกินการเพ่ง
สัมผัส..หก เหนือปกติ บางทีเปล่ง ให้ยำเกรง เร่งการบุญ กูลการธรรม
สัมผัส..หก เหนือปกติ บางทีเปล่ง ให้ยำเกรง เร่งการบุญ กูลการธรรม
เลิกความเครียด เบียดเบียนตน ไม่พ้นบาป เชิดหน้ารับ ตราบชะตา ยถาย่ำ
รักษาใจ ให้ใสผ่อง อย่าหมองคล้ำ กุศลธรรม นำชีวิต วิศิษฏ์เอย ฯ
รักษาใจ ให้ใสผ่อง อย่าหมองคล้ำ กุศลธรรม นำชีวิต วิศิษฏ์เอย ฯ
๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น